ตอนที่ 10 : 第五章 : ความวุ่นวาย
“นายท่าน...นางร้องโวยวายใหญ่เลยขอรับ”
“อืม”
ซย่าเฉียวอี้พยักหน้ารับ หากแต่ในมือยังคงถือแผนที่อย่างสุขุม มิแม้แต่จะชายตามอง ส่วนบุคคลที่เข้ามารายงานผลก็ได้แต่ก้มหน้าลงและถอยออกไปอย่างรู้งาน
“นายท่าน...นางทำลายข้าวของภายในที่พักท่านฝูหมดเลยขอรับ”
“นางจะทำอะไรก็ทำไป”
............
“นายท่าน...นางต้องการออกไปปลดทุกข์ขอรับ”
“เอากระโถนเข้าไปให้นาง”
...........
“นายท่าน...นางบอกว่าหิวขอรับ”
“เอาเข้าไปให้นาง”
............
“นายท่าน...นางเงียบไปแล้วขอรับ”
“ดี”
............
“นายท่าน...นางจุดไฟเผากระโจมแล้วขอรับ!”
“.....!!”
*************
“แค่กๆๆ กว่าจะหาทางออกมาได้ ข้าเกือบแย่”
“แค่กๆๆ ข้าคิดว่าองค์หญิงจะปลิดชีพเสียแล้ว”
เสวี่ยซุนเป่าหันไปยิ้มกว้างกับนางกำนัลคู่กาย นับตั้งแต่เจ้าโจรชั่วร้ายนั่นมีคำสั่งกักขังนางให้อยู่แต่ภายในกระโจมทำให้นางเสี่ยงตายอยู่หลายครั้ง ขนาดแค่ชะเง้อหน้าออกมาภายนอกก็ถูกกระบี่พาดคอ จะไปปลดทุกข์ก็มีคนหอบหิ้วกระโถนเข้ามาให้ มิหนำซ้ำยังมีอาหารที่อร่อยเกินหน้าตามาให้ถึงท้องอีกด้วย แต่สบายเพียงใดใครจะไปยอมอยู่อย่างสงบสุขภายในเล่า
“ถึงจะไม่ยอมปล่อยข้ากลับ อย่างน้อยๆ ก็ควรให้ข้าเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“แล้วองค์หญิงจะทำอย่างไรต่อเพคะ”
คนถูกถามถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รับผ้าชุบน้ำที่อู๋เสวียนส่งมาให้เช็ดหน้าเช็ดตาจนคราบเขม่าควันสกปรกเลือนหายไปจากผิวเกลี้ยงใส เมื่อครู่นางมิได้ ‘ตั้งใจ’ เผากระโจมเสียหน่อย ก็แค่ค้นหาอาวุธจนกระทั่งเจอกระบอกไม้ที่มีรูตรงกลางและไม้ขนาดพอดีรูเสียบอยู่ ถึงได้ลองขยับเข้าออก แต่ทดลองได้เพียงไม่กี่ครั้งก็มีประกายไฟลุกพรึบ อารามตกใจก็ทำให้นางทิ้งมันลงพื้นอย่างรวดเร็ว แต่คงเป็นคราวเคราะห์กระมังถึงได้โดนชายผ้าจนไฟลุกท่วม
คนทั้งคู่ต่างใช้มือท้าวคางด้วยความเบื่อหน่าย กระแสน้ำตรงหน้าไหลไปตามทางหากมิได้เชี่ยวแต่อย่างใด หลังจากเกิดเรื่องก็มีคนจำนวนหนึ่งนำทางนางมายังลำธารสายนี้เพื่อล้างเนื้อล้างตัวและปล่อยให้พวกนางอยู่กันตามลำพังโดยมีคนเฝ้ามองอยู่ไม่ไกลนักเพียงสามคน
ไม่นาน...อู๋เสวียนแววตาเป็นประกายเมื่อคิดอะไรได้
“องค์หญิงเพคะ จริงๆ แล้วคนผู้นั้นมาช่วยเราในป่า เรื่องนี้องค์หญิงคงยังมิทราบ”
“ช่วย? หากเขาช่วยเราแล้วใครกันที่ปองร้ายข้า” แม้วาจาจะว่าเช่นนั้น แต่ในใจกลับเหม่อลอยไปถึงเรื่องเมื่อวาน นิ้วเรียวเผลอลูบไล้บาดแผลบริเวณต้นคอเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มติดกันแน่นอย่างตรึกตรอง
ตอนนั้นนางตกใจจนแทบเสียสติด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่จะสนใจว่าบริเวณรอบข้างเกิดอะไรขึ้น นางคิดแต่เพียงว่านางต้องจบชีวิตอยู่กลางไพรนั้นแน่นอน หากแต่น้ำเสียงที่ตะโกนเข้ามาในโสตประสาทหลังจากนั้น ความเด็ดขาดของดาบที่ตวัดลงบนคอของชายผู้นั้นช่างหนักแน่นและรวดเร็ว ถึงจะพยายามปฏิเสธอย่างไรแต่นางก็อดคิดมิได้ว่าเป็น ‘นายท่าน’ ผู้นั้นคือผู้ที่มาช่วยเหลือนางจริงๆ
แต่เขาเป็นกบฏนี่...
หรือจะเป็นเพียงโจรป่า...ส่วนพวกที่ลอบทำร้ายนางคือกบฏที่เขาพูดถึงกัน
แล้วจวิ้นอ๋องฉายาพยัคฆ์เมฆานั่นเล่า ไปหดหัวอยู่แห่งใดกัน แท้จริงคงเป็นเพียงบุรุษอ่อนแอผู้หนึ่งกระมัง!
“แม่นาง” เสียงเรียกขึ้นข้างหลังทำให้เสวี่ยซุนเป่าหันไปมองอย่างแปลกใจ ชายสี่คนหอบหิ้วตะกร้าสานใส่เสื้อผ้าสกปรกมอมแมมมาหลายตัว ก่อนจะวางเรียงกันตรงหน้านาง
“พวกท่านจะซักผ้าหรือ”
“เปล่าขอรับ” บุรุษผู้หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อมอยู่หลายส่วน แถมยังหรี่ตาลงอย่างประหม่าด้วยรู้ฐานะที่แท้จริงของคนตรงหน้า แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของผู้มหาอำนาจแล้วเขาจะมีปากเสียงได้อย่างไร “นายท่านบอกว่าหากแม้นางอยู่เฉยๆ แล้วเบื่อจนต้องเผากระโจมเล่น เช่นนั้นจึงมีคำสั่งให้แม่นางซักเสื้อผ้าของพวกเรา
“ฮะ?”
“พวกเจ้าเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ข้าเป็นถึงองค์หญิงสิบสองแห่งหยวนโหย่วเชียวนะ!” เสวี่ยซุนเป่ายืดตัวขึ้นอย่างไม่พอใจ ดวงหน้ารั้นเชิดขึ้นอย่างต้องการจะต่อต้าน
“นายท่านยังบอกอีกว่าหากแม่นางมิทำตาม นายท่านจะถลกหนังท่านมาหุ้มเบาะหนุนนั่งขอรับ”
เสียงใสที่เตรียมจะเถียงต่อชะงักลงพร้อมๆ กับอู๋เสวียนที่เขย่าขาของนางไปมา เสวี่ยซุนเป่าถึงได้ยอมพยักหน้ายอมรับในขณะที่สายตาเต็มไปด้วยโทสะแรงกล้า ถึงแม้จะอยากอาละวาดเพียงใดแต่นางก็ยังไม่อยากให้เนื้อหนังของนางเป็นเบาะรองให้ใคร
เฮอะ! คอยดูเถิดว่านางหนีออกไปได้เมื่อใดนางจะให้ทหารเกราะเหล็กของนางขยี้เขาให้แหลกไปเสียเลย!
แม้จะคิดเช่นนั้นด้วยแววตาเป็นประกาย...ทว่าสิ่งที่นางเอ่ยได้ในตอนนี้คงจะเป็น...
“นี่...ข้าอยากจะช่วยเจ้า แต่ข้าทำมิเป็น เจ้าทำให้ดูหน่อยสิ” วาจาแฝงไปด้วยความรู้สึกผิด ทว่าภายในใจกระกระหยิ่มยิ้มย่องก็ตามที
“เพคะ”
อู๋เสวียนเอ่ยพลางวิ่งไปลากตะกร้าหนักๆ มาริมธารา หยิบผ้าออกมาจากตะกร้าแล้วนำมาชุบน้ำให้เปียกก่อนจะเริ่มลงมืออย่างคล่องแคล่ว ไม่นานผ้าชิ้นนั้นก็ถูกยกขึ้นแล้วบิดไล่น้ำออกแรงๆ
“เสร็จแล้วเพคะ”
เสวี่ยซุนเป่ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะโบกมือเบาๆ
“เมื่อครู่ข้ายังมิทันมอง เอาใหม่”
“เพคะ”
อู๋เสวียนยังคงตั้งหน้าตั้งตาหยิบผ้าออกมาจากตะกร้าทีละชิ้นและพร่ำสอนไปเรื่อยโดยมิได้สังเกตเลยว่าองค์หญิงสิบสองได้ใช้มือท้าวคางมองอย่างเกียจคร้าน
“ข้ายังมิเข้าใจ” โคลงศีรษะให้เมื่อนางกำนัลตัวน้อยพยักพเยิดให้นางลองทำตาม
“คอยดูใหม่นะเพคะ”
อู๋เสวียนยังคงทำหน้าที่ของตนเองมิขาดตกบกพร่อง ส่วนเสวี่ยซุนเป่าก็ทำหน้าที่ ‘หลอกใช้แรงงาน’ อย่างสบายอกสบายใจ แถมยังฮัมเพลงเบาๆ อีกด้วย!
“เอ๊ะ! เมื่อครู่ข้าก็ดูมิทันเช่นกัน!”
“.....”
คนฟังยกมือปาดเหงื่อ วางผ้าในมือลง หันมามององค์หญิงเต็มๆ ตา หากแต่ก็ต้องเบิกตาโตเมื่อเห็นบุรุษสองคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังองค์หญิงด้วยที่พวกนางมิรู้ตัวเลยสักนิด
“ท่าน!!”
ตูมมม!!!
สวัสดีวันหยุดค่ะ ขอบคุณคุณผู้อ่านทุกๆ ท่านมากๆ ที่ยังคิดถึงไรท์ (หรือคิดถึงอ๋องสี่ 555)
ขอให้มีความสุขในวันพักผ่อนนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

71 ความคิดเห็น
-
#33 pu0506 (จากตอนที่ 10)วันที่ 9 พฤษภาคม 2562 / 16:27เอ๋ๆๆๆๆๆ ใครมาอ่ะ#330
-
#32 Lyn_Madam (จากตอนที่ 10)วันที่ 9 พฤษภาคม 2562 / 14:28ใครอ่ะ มาไม่ให้สุ่มให้เสียง#321
-
#32-1 บุณฑรีย์-ฑริกา-ไป๋เหลียน(จากตอนที่ 10)31 พฤษภาคม 2562 / 20:36รอติดตามค่ะ ><#32-1
-
-
#31 Lyn_Madam (จากตอนที่ 10)วันที่ 9 พฤษภาคม 2562 / 14:28ใครอ่ะ มาไม่ให้สุ่มให้เสียง#310