ตอนที่ 1 : 第零章 : พยัคฆ์เมฆา
เสียงอาชาควบม้าตะบึงเข้ามาในตลาดเจินเจินแห่งแคว้นถังเฟิ่งเร็วราวกับพายุโหมกระหน่ำ ร่างสูงตระหง่านในอาภรณ์สีดำขลับตวัดลงหลังม้าอย่างปราดเปลี่ยว ดวงตาดุจหงส์แฝงไปด้วยไอแห่งความดุร้ายราวพญามัจจุราชเดินตรงเข้ามาก่อนที่บุคคลรอบกายคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม
“ใครเป็นคนสั่งเจ้าให้มาทำเช่นนี้”
เสียงทุ้มต่ำเค้นลอดไรฟัน มองชายหนุ่มในชุดดำแนบกายเพื่ออำพรางตัวด้วยโทสะคุกรุ่น แผงภายในตลาดถูกทำลายจนผักปลากระจัดกระจายไปทั่ว มิหนำซ้ำข้าวของรวมไปถึงของสดของแห้งถูกปล้นไปมากมาย บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างหลบเข้าไปอยู่ในบ้านเพื่อเอาชีวิตรอด บ้างก็ได้รับบาดเจ็บจากของมีคม
ชายผู้นั้นเพียงเงยใบหน้ามองพลางหัวเราะเสียงดัง มิได้สนใจเลยว่ารอบกายมีซากศพพวกเดียวกันเรียงรายตามทางยาว
“ข้าเป็นเพียงโจรกระจอกที่ไร้เสบียงเลี้ยงชีพเท่านั้น”
ซย่าเฉียวอี้มองคนตรงหน้าด้วยความนิ่งเฉย เหลือบมองอาวุธที่ถูกทหารกองรวมไว้ไม่ไกลนัก กระบี่เล่มสั้นถูกยกขึ้นมาพิจารณาด้วยคิ้วขมวด ปลายด้ามสลักตัวอักษรเล็กๆ ไว้ ย่อมเป็นสำนักที่คนผู้นี้ร่ำเรียนมาอย่างแน่นอน
“เจ้ามีวิชาถึงเพียงนี้ เหตุใดต้องปล้นชาวบ้านด้วย”
หรือจะให้พูดตามความจริงนั้นคือเขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าคนมีวิชาเช่นนี้จะเป็นเพียงโจรกระจอกเท่านั้น คนที่ผ่านการจับดาบออกศึกมานับไม่ถ้วนเช่นเขามีหรือจะมองไม่ออกมาคนผู้นี้มีฝีมือยอดเยี่ยม แววตาแสนโอหังนั่นบ่งบอกให้รู้ว่ามิได้หวั่นเกรงต่อการกระทำของตัวเองเพียงสักนิด
“หึ” ชายผู้นั้นสะบัดหน้าไปอีกทาง องครักษ์ที่อยู่ใกล้จึงอดโมโหไม่ได้ ดึงเชือกเนื้อหยาบที่ผูกรัดร่างกายสูงใหญ่จนมันแน่นเลือดซึม
เสียงดึงดาบออกจากฝักข้างตัวทำให้ชายที่ทำท่าหยิ่งยโสเมื่อครู่หันมามอง เผลอแสดงสีหน้าตกใจเมื่อดาบปลายแหลมเปล่งประกายระยิบระยับด้วยแสงอาทิตย์ ร่างสูงใหญ่ที่ยืนบดบังทิวากรนั่นยิ่งดูโหดร้ายนัก
“ดึงลิ้นของมันออกมา” ในเมื่อไม่อยากพูดก็อย่าได้พูดอีกต่อไป!
“พ่ะย่ะค่ะ”
องครักษ์ผู้หนึ่งรีบเข้ามาตรึงใบหน้าชายผู้นั้นอย่างกระตือรือร้น แววตาของคนถูกกระทำเลิ่กลั่กไร้ซึ่งความมั่นอกมั่นใจเมื่อครู่
“ท่านเป็นถึงจวิ้นอ๋อง รังแกคนมิมีทางสู้เช่นนี้คงถูกครหาเป็นแน่!”
ซย่าลู่หงกระตุกริมฝีปากเล็กน้อยคล้ายยิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่ง
“ดึงลิ้นออกมา”
องครักษ์คนเดิมรับคำสั่งก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในปากเจ้าโจรชุดดำที่เริ่มดิ้นไปมา หางตามองท่านอ๋องสี่ผู้ปกครองแคว้นถังเฟิ่งด้วยความลนลาน ได้ยินชื่อเสียงมาเนิ่นนานว่าคนผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก...แต่โหดเหี้ยมที่ว่า จะสักแค่ไหนกันเชียว?
นิ้วเค็มๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและเลือดคว้าสิ่งนิ่มๆ ได้ในโพรงปาก ชายผู้นั้นตัวสั่นงกๆ โคลงศีรษะไปมา
จวิ้นอ๋องผู้นี้ทำจริง!
“แม่ทัพเสิ่น...แม่ทัพเสิ่นพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงกระสับกระส่ายรีบโพล่งชื่อออกมาอย่างรวดเร็ว แม้น้ำเสียงจะดังยากไปบ้างเพราะลิ้นที่ถูกกระชากออกมาจากปาก แต่คนฟังได้ยินชัดเจนดี อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฉับ!
“อ๊ากกกก”
ลิ้นยาวๆ มีเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดจนเปรอะเสื้อผ้าสีดำเป็นวง ชายผู้นั้นขยับตัวไปมาด้วยความเจ็บปวดพลางร้องโหยหวนอย่างน่าสงสาร ซย่าเฉียวอี้ปรายมองดาบที่เลอะเลือดจนไร้ประกายไป
“ปล่อยมันกลับไป”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ดวงตาดุทวีโทสะเสียหลายส่วน แม่ทัพเสิ่นผู้นั้นได้รับมอบหมายให้ดูแลชายแดนทางทิศเหนือของไห่หมิงร่วมสิบปี นับตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังมีชีวิต หากแม่ทัพผู้นั้นคิดการกบฏคงมีกำลังฝ่ายทหารที่พร้อมรับใช้ไม่น้อย แต่นั่นมิได้ทำให้เขาเกรงกลัวสักนิด เลือดในกายกลับพลุ่งพล่านด้วยความกระหายเสียด้วยซ้ำ สามปีแล้วที่แผ่นดินไห่หมิงอยู่ในความสงบสุข เขาจึงได้แต่ประลองวิทยายุทธอยู่แต่ในจวนที่แสนน่าเบื่อ
ที่แท้...สวรรค์เมตตาเขาแล้วใช่หรือไม่?
แต่เหตุใดแม่ทัพเสิ่นถึงได้ก่อการกบฏเล่า...
เมื่อได้รับอิสระ ชายผู้นั้นใช้ปิดปากตัวเองโดยเร็ว ความเจ็บปวดกระจายไปทั่วร่าง ความแค้นในใจยิ่งเพิ่มขึ้นสูง หากเขากลับไปหาเสิ่นกั๋วกงยามนี้ มิแคล้วต้องถูกตัดคอเป็นแน่ มิหนำซ้ำความหวาดกลัวเมื่อครู่ทำให้เขาพลั้งปากออกชื่อแม่ทัพเสิ่นเสียงดัง
ชายผู้นั้นล้วงเข้าไปในเสื้อหวังหยิบยาพิษฝุ่นผงบรรจุอยู่ในขวด พิษชนิดนี้รุนแรงนัก เพียงแค่สูดเข้าไปลมหายใจเดียวหลอดลมก็จะถูกปิดกั้นแล้วตายไปในทันที ปรายตามองคนที่ทำให้เขา ‘พิการ’ แล้วดวงตาก็เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ แต่นึกไม่ถึงว่าเพียงหยิบขวดยาออกมาแค่นั้น อีกมือยังรั้งอยู่ที่ฝาขวด ดาบแหลมคมตวัดฉับกลับมาราวกับสายลม ศีรษะกระเด็นขาดไปข้างเท้าองครักษ์ทันที
ให้กลับไม่กลับ เช่นนั้นก็อยู่เสียที่นี่
ซย่าเฉียวอี้มองดาบในมือที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ครั้งนี้ของเหลวสีแดงสดอาบเต็มดาบจนไหลลงพื้น แถมเลือดยังกระเด็นมาถูกมือคร้ามแดดเล็กน้อย ได้ยินเขาทำเสียง ‘เฮอะ’ ในลำคอเบาๆ แล้วโยนดาบไปยังองครักษ์ที่คว้าไว้แม่นยำอย่างรู้หน้าที่
“จัดการให้เรียบร้อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จวิ้นอ๋องไม่เพียงแต่ไม่ตอบรับคำขานขององครักษ์ แม้ใบหน้ายังไม่เหลือบมามองด้วยซ้ำ เห็นทีคงไม่ได้ยินเสียงตอบรับเขาด้วยกระมัง เห็นร่างของท่านอ๋องสี่กระโดดขึ้นม้าพลางควบออกไปเร็วไว เขาทำได้เพียงเก็บดาบนั้นอย่างระมัดระวังก่อนจะสั่งการเหล่าทหารที่เหลือให้จัดการ ‘เก็บกวาด’ ให้เรียบร้อย ส่วนเขาก็รีบคว้าอาชาที่ถูกผูกกับต้นไม้ใหญ่ควบตามท่านอ๋องไปอย่ารวดเร็วเพื่อทำหน้าที่สำคัญ
ทำความสะอาดดาบแล้วส่งคืนจวนอ๋องภายในหนึ่งเค่อ...
เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ภายในตลาดก็เหลือเพียงร่องรอยความเสียหายของแผงขายของ ไร้ซึ่งซากศพของเหล่าจอมโจรราวกับว่ามิเคยมีผู้บุกรุกมาก่อน
แว๊บมาเจิมเรื่องใหม่ค่าาา
สไตล์โหด มัน ฮาา >< สนใจแอดเฟบได้เลยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณมากๆ ค่ะ