ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมข้ามภพ (พีเรียดไทย)

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ ๑ รอยภพ ๗๕% (Re-write)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.84K
      145
      9 ต.ค. 64

    “เอ็งจักทิ้งพี่ไปเยี่ยงนี้มิได้”


    เสียงทุ้มสั่นเครือ มองร่างสตรีในอ้อมอกน้ำตาไหลพราก กลิ่นกายคละคลุ้งไปด้วยเหงื่อ กลิ่นคาวเลือดอบอวลตลบ เสียงประชันดาบกระทบเข้ามาในโสตประสาท ทว่าเรือนใบหน้านวลไร้ซึ่งการแต่งเติมกลับยิ้มเจือจาง รู้สึกเหนื่อยเข้าไปทุกที


    “ข้ารักพี่ พี่รู้ใช่หรือไม่”


    “พี่ก็รักเอ็ง รักยิ่งกว่าชีพ” มือกระด้างกระชับรัดแน่นราวกับต้องการจะตราตรึง ก้มลงจุมพิตหน้าผากมนที่ถูกแต่งแต้มด้วยหยาดเหงื่อผุด


    “แค่นี้ข้าก็ดีใจแล้ว” คนพูดพยายามเปล่งเสียง ริมฝีปากซีดพยายามผ่อนคำพูดแต่ก็ไร้ความหมาย


    “พี่บอกให้เอ็งระวังภัยอยู่ที่เรือน เหตุใดไม่ฟังกันบ้าง” บอกราวกับจักต่อว่าต่อโพยที่นวลนางมิเชื่อฟัง โลหิตสีแดงฉาดไหลซึมผ่านมือจนเหนียวหนึบ รอยดาบที่ปักลงใต้ชายโครงเป็นสิ่งย้ำเตือนได้ดีว่าอิสตรีตรงหน้าดื้อเพ่งจนได้รับอันตรายจากความดื้อดึงถึงเพียงใด


    “ข้าฝากพ่อกับแม่ด้วย...ข้ารักพี่”


    “พี่ไม่ให้เอ็งไป เรากำลังจักออกเรือนกัน เจ้าทิ้งพี่ให้หม้ายขันหมากมิได้...อยู่กับพี่เถิด”


    ร่างกำยำสั่นเทา เขย่าร่างตรงหน้าอย่างควบคุมตัวเองมิได้ เห็นคนในอ้อมกอดค่อยๆ พริ้มตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนเข้าไปทุกที มือนิ่มค่อยๆ ปลดออกจากใบหน้าคร้ามราวกับจะบ่งบอกว่าชีวีนี้หาไม่เสียแล้ว


    ดวงตาคมเต็มไปด้วยน้ำตา สำรวจหญิงรักให้ตรึงตรา ใบหน้านวลผุดผ่องเปรอะไปด้วยฝุ่นไคล เลือดเกรอะกรังไปทั่วอย่างน่าเวทนา แลเห็นเจ้านุ่งจงกระเบนห่มตะเบ็งมานแล้วก็ทุกข์ใจ ย้ำน้องหลายคราว่าข้าศึกกำลังประชิดกรุง หากแต่น้องกลับมิได้ระแวดระวังภัยอยู่เรือนไม่ กลับแฝงตัวออกมาสู้รบเยี่ยงชายจนม้วยมรณา


    เสียงโห่ร้องฮึกเหิมยังดังมิหยุด คนตัวใหญ่อุ้มร่างอรชรไปไว้ใต้ไม้ใหญ่ก่อนจะตัดใจจากลาอย่างกล้ำกลืน มือคว้าดาบถือมั่นอย่างเคียดแค้นนัก จักจำมิลืมว่าศึกใหญ่ครานี้ได้พรากหญิงเดียวในดวงใจไปตลอดกาล


    “มิว่าผ่านไปกี่ชาติภพ พี่จักรอเพลาจนกว่าเราได้อยู่เคียงกัน...แก้วของพี่”

     


    “แม่แก้ว...”


    เสียงทุ้มเบางึมงำเบา ร่างสูงใหญ่กระสับกระส่ายไปมาอย่างทรมาน เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มดวงหน้าจนทำให้คนเพิ่งเข้ามาใหม่ชะงักดูด้วยความแปลกใจ


    “ท่านขุน เอ้ย! คุณหลวงขอรับ”


    “แก้วตาของพี่ พี่คิดถึงเหลือเกิน”


    “คุณหลวงคิดถึงใครฤาขอรับ”


    ทองค่อยย่องเข้าไปใกล้ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหา หวังจะฟังหลวงไกรเดชาละเมออย่างถนัดถนี่มากขึ้น หากแต่เสี้ยวนาทีที่ละสายตาจากบุรุษที่ยังนอนห่มผ้าแพรผืนบาง มือใหญ่ๆ ก็ตีเข้าให้ที่ศีรษะทุย


    “โอ้ย! คุณหลวง กระผมเจ็บหนาขอรับ” ว่าแล้วก็ยกมือลูบตาปรอย แลร่างกำยำสมชายชาติทหารยันตัวขึ้นนั่งพลางถอยห่างออกไป


    “แล้วเอ็งจักทำอันใด”


    “กระผมไม่ได้ทำกระไรคุณหลวงขอรับ แค่จักฟังว่าคุณหลวงละเมอกระไรเท่านั้น”


    “ฉันนี่ฤาละเมอ”


    หลวงไกรเดชาย้อนเสียงสูงอย่างไม่เชื่อใจ เกรงว่าทองจะหยอกล้อให้ตกใจเล่นเสียมากกว่า หากแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับหงึกหงัก ก็อดถามเสียไม่ได้


    “ถ้าเช่นนั้นฉันละเมอว่ากระไร”


    ถามแล้วก็หันไปพับผ้าแพรพรรณข้างหายอย่างไม่ต้องการต่อความยาว สาวความยืด ใบหน้าคร้ามแดดยังคงไม่แสดงอาการใดๆ จนทองถอนหายใจ


    “คุณหลวงช่วยทำท่าอยากรู้หน่อยไม่ได้ฤาขอรับ กระผมเห็นคุณหลวงทำหน้านิ่งทั้งวันแล้วก็เหนื่อยแทน” พูดจบแล้วก็ปิดปากแน่นครั้นนายหนุ่มเพ่งดุทำนองข่มขู่ มือหนึ่งจึงต้องยกตบปากตัวเองจนเสียงดังเพี๊ยะ “ขออภัยขอรับ กระผมปากมากเกินไป”


    “นี่เอ็งว่างขนาดเหนื่อยแทนฉันแล้วฤา กระนั้นฉันจักเรียนให้คุณแม่ท่านทราบ...”


    “จะว่าไปงานของกระผมก็เหนื่อยแล้วขอรับ”


    ทองยิ้มแห้งๆ อย่างประจบ ก็รู้อยู่หรอกว่าคนบ้านนี้ปากร้ายแต่ใจดีเหลือหลาย กวนนายท่านวันละนิดละนิดให้พอชื่นใจ


    “ตกลงว่าฉันละเมอกระไร” พูดแล้วก็ขยับกายห้อยขาลงบนพื้น หรี่ตาลงอย่างจับผิด


    “คุณหลวงบ่นว่าคิดถึง เอ...คิดถึงใครก็ไม่ทราบขอรับ กระผมฟังมิถนัด”


    ทองเอามือกอดอกพลางทำท่าลังเล หากแต่คำตอบนั่นทำเอาหลวงไกรเดชาชะงัก


    “ตกลงว่าคุณหลวงคิดถึงใครฤาขอรับ”


    เสียงเรียกของบ่าวทำเอาคุณหลวงแห่งกรมทหารเรือสะดุ้งเล็กน้อย เร่งตอบปฏิเสธออกมาทันควัน


    “เปล่า”


    “เหตุใดคุณหลวงต้องหน้าแดงด้วยขอรับ ฤาคุณหลวงไปแตะตาต้องใจสาวเรือนไหน” ทองทำตาหวานฉ่ำ ลอบมองนายหนุ่มที่เลือดฝาดขึ้นหน้า แบบนี้ต้องมีลับคมคมในแน่นอน! สตรีเรือนใดกันถึงได้ทำหลวงไกรเดชาขวยเขินได้ ชักอยากรู้เสียแล้วนี่!


    “ถ้าปากเอ็งว่างนัก ข้าจักทำให้มิว่างเสียเลยนี่!


    “อุ๊บ!


    มือทั้งคู่ยกปิดปากตัวเองโดยพลัน โคลงศีรษะไปมา ทอดมองอีกฝ่ายตาละห้อย ทว่าภายในอุ้งมือใหญ่นั่นทองกลับยิ้มยิงฟัน


    “ว่าแต่เอ็งเถิด เข้ามาในห้องฉันแต่ไก่โห่ มีเหตุอันใดฤา”


    “กระผมลืมไปเลยขอรับ!


    ทองอ้าปากหวอทำท่าตกใจ สายตาเหลือบไปที่ประตูด้วยความหวาด


    “คุณหญิงให้มาตามขอรับ บอกว่าจะไปเรือนคุณหญิงจันทร์วาดขอรับ”


    หลวงไกรเดชาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพยักหน้าไปยังประตู ทองหันซ้ายขวาก่อนจะเอ่ยถาม


    “กระไรฤาขอรับ”


    “ออกไปได้แล้ว ฉันจักผลัดผ้า”


    “อ๋อ...ขอรับ”


    อุทานเสียงเบาก่อนกล่าวคำลาเล็กน้อย ปล่อยให้คุณหลวงมองตามจนลับสายตา


    ดวงตาคมเหลือบมองนู้นนี่อย่างครุ่นคิด หรือว่าเขาจะละเมอออกมาจากฝันเสียแล้ว หญิงผู้นั้นคือใครกัน ฝันเห็นติดต่อกันหลายย่ำค่ำคืนตั้งแต่เรียนจบจากเมืองฝรั่ง นี่ก็นับระยะเวลามาเกือบสิบปีแล้วเห็นได้ หากมันคือภพอดีตที่ผุดขึ้นมาในความฝัน แล้วป่านนี้หญิงผู้นั้นจะมาเกิดแล้วหรือไม่ เขากับหล่อนได้พบเจอกันแล้วหรือยังหนอ


    แต่กระนั้นแล้วก็ยังมีเรื่องที่น่าแปลก...ถึงตัวเขาจำนิมิตได้ติดตา แต่เหตุใดจึงจำชื่อหล่อนไม่ได้เลย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×