คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ ๔ ฝันฤาจริง ๑๐๐%
เหลียวข้างมาเห็นกระจกบานใหญ่ ดูโบราณราวกับของตกแต่งในเรือนไทยที่หล่อนเล่นละคร
บรรยากาศเงียบเชียบจนได้ยินเสียงจักจั่นลั่นร้องแล้วก็ยิ่งขนลุก
ที่นี่ไม่มีพัดลมหรือแอร์ใดๆ
แต่ทำไมมันช่างหนาวเหน็บและรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“หรือนี่จะเป็นความฝัน”
ว่ากับตัวเองทั้งที่คิ้วยังผูกติดกันเป็นปม
หันมองไปรอบกายแล้วชะเง้อดูใหญ่ เห็นเตียงตั่งไม้ในเงามืดๆ แล้วขนลุกซู่จนตัวสั่น
แต่ก็ไม่วายทำใจดีสู้เสือสาวเท้าเข้าไปใกล้เกือบสิบก้าวเห็นจะได้ เหลือบเห็นตะเกียงส่องไฟไหวลิบๆ
แล้วก็ยกขึ้นมาถือดู
คนใช่ไหม?
คำถามผุดขึ้นในใจเมื่อสายตาเห็นแผ่นหลังกว้างของชายผู้หนึ่งนอนหันหลังให้อย่างสบายใจเฉิบ
ห่มผ้าแพรสีฟ้าอ่อนเพียงครึ่งท่อน
เอ...เหมือนเคยเห็นที่ไหน
“แม่แก้ว...”
เสียงทุ้มละเมอพึมพำ
เรียกเอาความอยากรู้ของแก้วกัลยาจนเข้าไปใกล้อีกหน่อย พยายามเงี้ยหูฟังจนใกล้
ใกล้เสียจนใบหน้าจะแนบชิดผมสั้นสะอาดตานั้นเสียแล้ว
“พี่คิดถึงเอ็งเหลือเกิน”
พูดพลางเหงื่อก็ผุดออกมาจนสะท้อนกับแสงไฟ
คนฟังย่นหน้าใส่อย่างไม่สบอารมณ์ คนอะไรพูดไม่รู้เรื่อง!
“อุ้ย!”
ตุ๊บ!
ทันทีที่คนที่อยู่ในภวังค์หลับใหลพลิกตัวกลับ
จมูกโด่งรั้นแตะเข้าให้ที่แก้มสากในขณะที่บุรุษแปลกหน้าลืมตาโพลงขึ้นด้วยความตกใจ
หญิงสาวยิ้มแห้งก่อนจะถอนตัวออกห่างเล็กน้อย
ตะเกียงในมือหล่นลงกับพื้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แค่วินาทีที่เห็นคนตรงหน้าชัดๆ
ก็จำใบหน้าหล่อๆ นี่ได้ขึ้นใจ
“คุณหลวงไกรนี่เอง! แหม...รอบนี้มาแปลกจนแก้วตกใจเลยเจ้าค่ะ”
แก้วกัลยาถอนหายใจฟู่
คิดไว้แล้วเชียวว่ามันต้องเป็นความฝัน
ร่างบางส่งยิ้มสดใส
เห็นชายหนุ่มเด้งตัวขึ้นจากเตียงด้วยความตกใจแล้วถอยหลังกรูดไปจนชิดหัวเตียง
ดวงตาคมหรี่มองสตรีตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“หล่อนเป็นใคร”
“คุณหลวงมองเห็นแก้วด้วยหรือเจ้าคะ
แก้วตื่นเต้นที่สุด”
หญิงสาวทำท่าบิดไปบิดมาด้วยความขวยเขิน
แกล้งวิ่งเข้าไปใกล้แล้วใช้สองมือเอื้อมไปจับแก้มทั้งสองข้างของหลวงไกรเดชาแล้วบิดไปมาด้วยความหมั่นไส้
เคยฝันเห็นก็บ่อย แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่หล่อนรู้สึกสมจริงได้มากมายถึงเพียงนี้
“ปล่อยฉัน”
มือหนาๆ
ปัดการเกาะเกี่ยวของเธอออกก่อนจะพลิกตัวลงไปยืนข้างเตียงอีกฝั่ง
ปล่อยให้หญิงแปลกหน้านั่งลงบนเตียงแล้วก็ยิ่งมึนงง
ยิ่งเจ้าหล่อนยิ้มยื่นหน้ามายิ้มทะเล้นให้แล้วก็ยิ่งคุ้นตาเหลือเกิน!
“แก้วก็แค่แกล้งเจ้าค่ะ
ไม่เห็นจะต้องกลัวแก้วขนาดนั้นเลย” คนพูดหน้ามุ่ย หันซ้ายหันขวาแล้วอ้าปากหาว
“แก้ว?”
“แก้วเจ้าค่ะ ฉันชื่อแก้ว” เสียงหวานว่าแล้วยังกระพริบตาปริบๆ
ใส่ เห็นอีกฝ่ายทำตาโตแล้วถอยหลังกรูดไปไกลจนชิดผนังห้องแล้วก็ยิ่งไม่เข้าใจ
อดไม่ได้ที่จะทำเสียงล้อเลียน “โธ่คุณหลวง มันก็แค่ฝันไม่กี่นาที
เลิกทำท่ากลัวแก้วเสียทีเจ้าค่า”
“หล่อน...หล่อนตายไปแล้ว!”
เสียงทุ้มว่าแล้วชี้มายังร่างเล็กยิ่งทำให้คนฟังหน้าเหวอ “ฉันจำหล่อนได้
หล่อนอยากได้อะไรบอกสิ ฉันจะทำบุญไปให้วันพรุ่ง”
แก้วกัลยาหรี่ตามองอย่างชั่งใจ
เห็นคนตัวใหญ่ในเสื้อแขนสั้นและกางเกงขายาวพริ้วๆ ทำหน้ากลัวสุดขีดแล้วก็หลุดขำ
กระโดดตัวเข้าไปใกล้อย่างยียวน แต่การกระทำนั้นยิ่งส่งผลให้คนตัวใหญ่ทวีความหวาด
“แก้วยังไม่ตายเจ้าค่ะ
ไม่เชื่อคุณหลวงก็ลองจับดูสิ”
หล่อนยื่นมือออกไปหาในขณะที่หลวงไกรเดชาไม่สามารถขยับหนีไปได้อีกต่อไปแล้ว
หญิงสาวเลยอาศัยจังหวะเขาเผลอเอื้อมไปกอบกุมมือหนาที่เย็นเฉียบแทน
“เขาว่ากัน ถ้าคนตายไปแล้ว มือจะเย็นไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
เพียงได้สัมผัสมือนุ่มนั่นทำให้เขาเริ่มสงบลง
กลืนน้ำลายลงคอดังเอือกแล้วกระพริบตาถี่ๆ พินิจโครงหน้านวลอย่างละเมียด
บางทีหล่อนอาจจะไม่ใช่ผีอย่างที่เป็นกังวล เพราะหากนั่นคืออดีตภพ
เช่นนั้นก็หมายความว่าหล่อนอาจจะมาเกิดอีกชาติเหมือนเขาแล้วก็ได้
“ถ้าคุณหลวงยืนยันว่าแก้วตายไปแล้ว
งั้นก็ช่วยบอกให้แก้วหายโง่หน่อยสิเจ้าคะว่านี่มันปีอะไร
แล้วแก้วตายไปตั้งแต่ตอนไหน” ถามทั้งๆ ที่มือยังไม่ปล่อยออก
แต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วเช่นกัน
“ตอนนี้ ร.ศ.112 แล้วหล่อนตายไปตั้งแต่...”
หลวงไกรเดชาขมวดคิ้ว
ไม่รู้หรอกว่าภาพในฝันนั่นมันเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่การแต่งกายเหมือนกับ...
“สมัยอยุธยา”
“ร.ศ.112”
เสียงหวานทวนซ้ำ
ก็บอกไปแล้วนี่ว่าหล่อนไม่ชอบประวัติศาสตร์!
“แล้วมัน พ.ศ. อะไรล่ะเจ้าคะ”
“2436”
ฟังอีกฝ่ายตอบอย่างไม่ต้องคิดแล้วก็ปล่อยมืออีกฝ่ายออกแรงๆ
พยายามเบิกตากว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ แสร้งขยับตัวหนีแสดงสีหน้าหวาด สรุปว่าคุณหลวงในฝันของหล่อนเกิดเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้วหรือเนี่ย!
“โห... แก้วว่าคนที่เป็นผีน่าจะเป็นคุณหลวงนั่นแหละเจ้าค่ะ”
“ฉันมิใช่ผี! หล่อนวิปลาสฤา
เป็นบุตรีบ้านใดกันถึงได้แอบย่องมาเรือนผู้อื่น!”
ตอบเสียงเข้มทันทีที่อีกฝ่ายกล้าว่าเขาเป็นผี
แต่แล้วหญิงสาวกลับตีหน้าเฉยก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมากว้าง
ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น
หญิงผู้นี้ช่างไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย!
“หล่อนขำกระไร”
“เดี๋ยวแก้วตื่นแล้วแก้วก็จะหายวาร์ปไปทันทีเจ้าค่ะคุณหลวง”
วาร์ป...หล่อนต้องการจะสื่ออะไรหนอ
“หายไปอย่างรวดเร็วน่ะเจ้าค่ะ”
หลวงไกรเดชาคิดในใจอย่างรู้สึกประหลาด
คำพูดแปลกๆ นั่นเขาก็ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นสตรีผิดแผกเช่นนี้มาก่อน
แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อตัวหนุ่มก็รู้สึกร้อนๆ
พร้อมกับบริเวณห้องที่รู้สึกถึงความสว่างมากขึ้น
ทันใดนั้นแสงไฟก็ปรากฏเข้ามาในดวงตา ไฟแดงลุกท่วมพื้นพรหมเป็นหย่อม
ตะเกียงดวงเล็กล้มกลิ้งหลุนๆ อยู่ข้างๆ
แสดงให้เห็นถึงสาเหตุที่มาของต้นเพลิงชัดเจน
ร่างสูงสมชายชาตรีก้าวยาวๆ
ไปหยิบผ้าแพรบนเตียงพลางดับไฟอย่างรวดเร็ว เห็นพรหมนิ่มเป็นรอยด่างดำเพียงฝ่ามือแล้วก็ถอนหายใจโล่ง
หันไปมองต้นเหตุแล้วก็ยิ่งไม่ชอบใจนัก
แก้วกัลยาเริ่มใจคอไม่ดี
ทำไมหนอเพลิงที่ลุกไหม้เมื่อครู่ทำให้หล่อนรู้สึกร้อนราวกับอยู่ในเหตุการณ์นี้จริงๆ
ควันขาวๆ ยังลอยพวยพุ่งในอากาศ
กลิ่นเหม็นไหม้แตะเข้าที่จมูกจนต้องฟุดฟิดด้วยความไม่มั่นใจ ถ้ามันเป็นฝันหล่อนจะต้องไม่รู้สึกอะไรเลยไม่ใช่หรือไง!
หมับ!
“โอ๊ะ”
อุทานอย่างตกใจเมื่อมือข้างหนึ่งคว้าต้นแขนตัวเองก่อนจะบิดอย่างรุนแรง
แต่แล้วความเจ็บปวดก็แล่นพล่านไปทั่วบริเวณ
ช้อนสายตาขึ้นมองแววตาคมดุในเงามืดแล้วก็เริ่มหวาดหวั่น ดวงตากลมโตที่เคยฉายแววขี้เล่นเมื่อครู่สะท้อนให้เห็นถึงความลังเลอย่างเห็นได้ชัด
เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีเสียแล้วสิ
ยกมือตบแก้มขวาเบาๆ เสียหลายที
หลับตาโคลงศีรษะไปมา
“ยัยแก้ว ตื่นสิตื่น!”
พูดย้ำกับตัวเองหลายครั้งก่อนจะค่อยๆ
เปิดเปลือกตาขึ้นมอง แค่นั้นแหละปากสวยๆ ก็แบะออกทำท่าจะร้องไห้
สมุดบันทึกเล่มนั้นคงไม่ได้พาหล่อนข้ามภพมาจริงๆ
หรอกใช่ไหม!
๏ กำลังอ่านเรื่องราวในยุคเก่า เหตุใดเล่าถึงได้ข้ามภพมา
นี่น่ะหรือคุณหลวงไกรเดชา ไม่จริงน่า...เข้ามาในฝันอย่างไร
๏ รีบตื่นเถิดแม่แก้วอย่าอยู่นาน ขอไหว้วานให้หลุดจากที่นี่ไป
ลืมตาขึ้นให้เห็นแบบรำไร เหตุไฉนถึงยังยืนอยู่ที่เดิม!
ความคิดเห็น