คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 第二章 ไฉหนวี่
พลั่ก!
อาภรณ์ชุดหนึ่งที่ถูกพับอย่างเป็นระเบียบถูกโยนลงมากองกับพื้น
สตรีผู้นั้นยกมือกอดอกแล้วเค้นเสียงออกมาอย่างเย็นชา
“นี่เป็นชุดของท่าน
หยิบแล้วถือตามข้ามา”
ซูเพ่ยที่กำลังงุนงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปตรงหน้ามองอย่างไม่เชื่อสายตา
เหตุใดนางถึงได้เปลี่ยนกิริยาที่แสดงออกมาได้อย่างง่ายดายนัก?
“ท่านจะพาข้าไปที่ใด”
“สนมขั้นที่สามลงมา
ภายในตำหนักจะมิมีห้องอาบน้ำเป็นของตัวเอง
ท่านจะต้องเดินทางไปที่ห้องอาบน้ำส่วนกลางของตำหนักใน”
ถึงแม้จะเป็นประโยคอธิบาย
แต่ซูเพ่ยก็รับรู้ได้ว่าไม่ได้มาอย่างเป็นมิตรนัก นางไม่ได้พูดอะไรนอกจากก้มลงหยิบของที่อยู่บนพื้นขึ้นมากอดไว้แล้วเดินตามนางกำนัลทั้งสองออกไป
ระหว่างทางเต็มไปด้วยความเงียบเชียบ
ไม่ได้มีสตรีสะคราญเดินอวดโฉมละลานตาอย่างที่คิด
“ถึงแม้ฝ่าบาทจะปกครองมานานหลายปี
แต่ก็มีสนมนางในเพียงห้าสิบคนเท่านั้น” นางกำนัลกล่าวต่อไปก่อนจะกระตุกมุมปากขึ้นคล้ายเหยียดหยันอยู่บ้าง
“จาวหรงหนึ่งคน เหม่ยเหรินสี่ ไฉเหรินห้า เป่าหลินเก้า อวี้หนวี่สามสิบและไฉหนวี่หนึ่ง”
ถึงแม้ประโยคนั่นจะเป็นคำอธิบาย
แต่ความนัยแฝงนั่นก็คือเป็นการย้ำตำแหน่งที่ต่ำที่สุดของซูเพ่ยต่างหาก
ทางด้านซูเพ่ยนั่นก็มิได้จะนำทุกคำพูดมาใส่ใจ
นางเพียงเดินตามนางกพนัลสองคนนั้นไปเงียบๆ ก่อนจะถึงศาลากว้างขวาง
มีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น โดยรอบมีผ้าบางๆ กั้นอยู่ ถัดไปข้างๆ
มีห้องไม้อีกหลายห้องสำหรับผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
เข้ามาเป็นสนมฮ่องเต้ทั้งที
ก็ยังมีการแบ่งฐานะชนชั้น...
หญิงสาวเบ้ปากเล็กน้อย
ถึงแม้ในขณะที่อยู่ในแคว้นเว่ยจะไม่ได้ออกไปไหน
แต่ความต้องการของสตรีที่ต้องการเข้าวังหลวงก็หลุดรอดมาให้ได้ยินเป็นระยะ
ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดสตรีมากมายถึงได้อยากเข้าวังหลวงนัก
ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปด้วยซ้ำ
ร่างงดงามของสตรีสองคนก็เดินคุยกันออกมาด้วยท่าทางเบิกบานพร้อมกับนางกำนัลติดตามหลายคน
ทว่าในทันทีที่สายตาเหลือบมาเห็นซูเพ่ย
ดวงหน้าหวานล้ำที่เต็มไปด้วยความสดใสของทั้งสองก็ค่อยๆ
เปลี่ยนเป็นความเย้อหยิ่งราวกับนางพญา
นางกำนัลสองคนที่เดินนำมาปิดปากเงียบก่อนจะย่อเข่าลง
“พระสนม”
ซูเพ่ยเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากย่อเข่าตามสองคนนั้น
สายตามองดูคนตรงหน้าที่จ้องมองมาอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
“นางเป็นใคร! กล้าดีอย่างไรถึงกล้ามองหน้าข้า!”
เสียงตวาดดังลั่นนั่นทำให้นางกำนัลทั้งสองสะดุ้ง
รีบหันไปส่งสายตาให้
ซูเพ่ยก้มหน้าลงด้วยความเลิ่กลั่ก
“กราบทูลพระสนมฟาง
นี่ก็คือพระสนมซูจากแคว้นเว่ยเพคะ”
ฟางหรง
หนึ่งในเหม่ยเหรินมองดูซูเพ่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบัง
“อ้อ! ที่แท้ก็ไฉหนวี่คนใหม่นี่เอง”
ถึงแม้จะถือว่าเป็นสตรีของฮ่องเต้
แต่ในความเป็นจริงแล้วตำแหน่งไฉหนวี่ขั้นแปด ก็มิได้แตกต่างจากนางกำนัลพวกนี้เท่าใดนัก
“พยายามเข้าล่ะ
หากฝ่าบาททรงเมตตา อาจจะได้เลื่อนเป็นอวี้หนวี่ก็ได้” นั่นเป็นเสียงของหนิงเซียน
ร่างงามทั้งสองร่างหัวเราะคิกคักก่อนจะพากันเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
ทิ้งไว้เพียงกลิ่นบุปผารุนแรงเอาไว้เท่านั้น
สองนางกำนัลถอนหายใจอย่างโล่งอก
ลอบมองใบหน้าเสี้ยวข้างของซูเพ่ยเล็กน้อย
“ทางเดียวที่ท่านจะได้เลื่อนตำแหน่ง
ก่อนอื่นก็ต้องมีโอกาสปรนนิบัติฝ่าบาทเสียก่อน”
เสียงหนึ่งกล่าวขึ้นเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหาวิธีเลื่อนตำแหน่งให้ตัวเอง
นางกำนัลทั้งสองสบตากันด้วยความสำราญใจ
สตรีมากมายที่ถูกคัดเลือกเป็นสนมนางในส่วนมากก็ได้รับรับเกียรติให้ปรนนิบัติฮ่องเต้เพียงสามวันหลังจากเข้าวังเท่านั้น
ได้เลื่อนตำแหน่งไม่กี่ขั้นฮ่องเต้ก็มิได้ไปหาพวกนางอีก นอกจากบางคนที่ได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษไม่กี่คนเท่านั้น
หนึ่งในนั้นก็คือพระสนมซุ่ยเหอที่เรียบร้อยงดงาม
กิริยาอ่อนช้อยและอุปนิสัยที่ไม่ถือตัวต่างเป็นที่รักใคร่ต่อผู้คน
รวมไปถึงฮ่องเต้ที่ให้ความโปรดปรานนางมากกว่าใคร
ถึงได้เป็นสนมขั้นสามได้ภายในเวลาสี่ปี
ส่วนสตรีแคว้นเว่ยผู้นี้ดูอย่างไรก็ห่างไกลจากสตรีดีๆ
ที่ฮ่องเต้พึงใจมากนัก หากโชคดีก็อาจจะได้ปรนนิบัติสามคืนเช่นผู้อื่นแล้วถูกทอดทิ้งอยู่ในตำหนักเหมือนกัน!
ซูเพ่ยขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
หากทรราชผู้นั้นเรื่องมากจริง อีกทั้งนางก็เป็นเพียงบรรณาการนอกสายตา
แล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นหน้าเขากัน?
“ข้าสามารถไปหาฝ่าบาทเองได้หรือไม่”
นางกำนัลได้แต่เค้นหัวเราะในลำคอราวกับเรื่องที่อีกฝ่ายถามเป็นเพียงเรื่องที่น่าขบขัน!
“พระสนมล้อเล่นแล้ว
เรื่องนี้พวกเราจะเข้าไปสอดมือได้อย่างไร เรื่องนี้ต้องเป็นฝ่าบาทที่จะตัดสินใจ” และพวกนางก็มั่นใจว่าฮ่องเต้คงไม่มาเยือนตำหนักเซี่ยเฉ่าในเร็ววันนี้แน่
ยิ่งฟังซูเพ่ยก็รู้สึกไม่เป็นธรรมเอาเสียเลย
สตรีที่น่าสงสารพวกนั้นก็ต้องรอคอยฮ่องเต้ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีวันได้เจอหน้าอีกหรือไม่ไปตลอดชีวิต
ในขณะที่ทรราชผู้นั้นสามารถเข้าออกหาผู้ใดก็ได้ตามอำเภอใจ!
“ตลอดชีวิตของสนม
ยังสามารถออกไปใช้ชีวิตเช่นคนธรรมดาได้หรือไม่”
ซูเพ่ยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่านางกำนัลทั้งสองจะกล่าววาจากระแทกกระทั้นนางอย่างไร
“อย่าคิดอันใดที่เป็นไปมิได้เลย
ท่านรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถิด!”
พวกนางต่างโบกมือไหวให้ซูเพ่ยเข้าไปข้างในผู้เดียวพลางใช้มือพัดใบหน้าของตนเองท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว
หญิงสาวเพียงแต่พ่นลมหายใจออกเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปข้างหน้าด้วยความเครียดขึ้ง
ตลอดชีวิตหรือ?
แล้วถ้าหากฮ่องเต้ผู้นั้นตายจากโลกนี้ไปแล้วเล่า?
“พระสนมซูเดินทางมาถึงอย่างปลอดภัยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงของฉีกงกงเรียกให้คนที่กำลังอ่านฎีกาอยู่พยักหน้าเล็กน้อย
แต่ก็มิได้เอ่ยอะไรออกมา
ผ่านไประยะเวลาหนึ่งยังไม่เห็นว่าคนตรงหน้าจะเดินออกไปเสียที
ในที่สุดหลวนอู๋เฉินก็ปิดฎีกาลง จ้องมองฉีกงกงแล้วเลิกคิ้วให้ครั้งหนึ่ง
“ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือไม่”
“คืนนี้ฝ่าบาทจะเสด็จไปหานางหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ
กระหม่อมจะได้นำความไปแจ้งแก่ฝ่ายใน”
หลวนอู๋เฉินนิ่งไปเล็กน้อยด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ปกติแล้วหากมีการรับสนมนางในใหม่หนึ่งคน
เขาจะไปเยือนตำแหน่งแห่งนั้นสามคืนติดต่อกัน หากผู้ใดที่เขามิได้รู้สึกดีเป็นพิเศษ
ก็จะมิไปเยี่ยมเยียนอีกเลย จะตั้งครรภ์หรือไม่นั้นล้วนขึ้นอยู่กับชะตาของพวกนางเองแล้ว
หรือถ้าหากเขาโปรดปรานสตรีใดเป็นพิเศษหรือเป็นคานไว้ชั่งอำนาจแล้ว
ถึงแม้จะมิโปรดปรานหรือรู้สึกถูกชะตามากนัก ก็อาจจะไปหามากกว่าสามครั้ง
มอบตำแหน่งที่สูงขึ้นให้พวกนาง มอบความสะดวกสบายและเครื่องประดับมากมายให้ตามโอกาส
ยกเว้นสตรีผู้หนึ่งที่เขารู้สึกปลอดภัย...
คิดถึงตรงนี้แล้วใบหน้าที่เต็มไปด้วยอึมครึมเมื่อครู่ก็คลายลง
นัยน์ตาดุดันผ่อนลงไปเกือบครึ่ง
“ฝ่าบาท?”
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้นิ่งไปจึงเอ่ยเรียกจึ้นมาอีกครั้ง
“วันนี้เราจะไปตำหนักเจียวจิง”
ความคิดเห็น