คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 第二章 ส่งตัวพระสนม
ร่างบอบบางภายใต้อาภรณ์สีฟ้าครามกำลังนั่งนิ่งอยู่ในเกี้ยวขนาดสิบแปดคนหามเยื้องย่างเข้ามาในแคว้นตงฉินโดยมีธงสีแดงสลับขาวนำหน้ารถม้าอันแสดงสัญลักษณ์ของแคว้นเว่ยเพื่อแสดงการสวามิภักดิ์
เสียงผู้คนโห่ร้องที่เกิดขึ้นทำให้ทั่วทั้งร่างแข็งขืนขึ้นมาเล็กน้อย
การเดินทางที่ยาวนานกำลังจะสิ้นสุดลง นางเข้ามาสู่แคว้นตงฉินอย่างเป็นทางการแล้ว
และดูเหมือนว่าผู้คนที่ยืนชมบรรณาการอยู่ตลอดทางจะมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
นางรู้สึกถึงฝีเท้าอาชาที่เชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ความขรุขระบนพื้นดินจากก้อนหินลดลง
อีกทั้งเกี้ยวที่โคลงเคลงมาตลอดจนน่าปวดหัวก็ดีขึ้นมาก
“หลบทางเร็วเข้า! ขบวนพระสนมกำลังจะผ่านมาทางนี้!”
เสียงทุ้มใหญ่เสียงหนึ่งดังก้องเพื่อให้คนที่กำลังแห่มุงดูอย่างตื่นตาตื่นใจต้องหลบทางกันอย่างว่องไว
แน่นอนว่าถึงแม้จะพยายามเข้ามากระชั้นชิดขนาดไหนก็เห็นเพียงรถม้าที่ค่อยๆ
เคลื่อนตัวไปวังหลวง ไม่เห็นสตรีที่อยู่ภายในนั้นแม้แต่ปลายเส้นผมด้วยซ้ำ
นั่นทำให้ทุกคนต่างผิดหวัง
เริ่มทยอยแยกย้ายกันไป
ซูเพ่ยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าภายนอกกำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
ในสมองตอนนี้มีแต่คำสอนของนางกำนัลทั้งห้าเต็มไปหมด นางไม่รู้ว่าจะสามารถจัดการได้หรือไม่
“ท่านพี่”
เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาทำให้ความคิดทั้งหมดหยุดลง
หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความตั้งใจ
“ท่านพี่...ข้าอยู่ที่นี่!”
เสียงของซูเจินแน่นอน!
ซูเพ่ยคิดอย่างยินดี
ตัดสินใจเปิดหน้าต่างออก พยายามมองหาน้องสาวแต่ก็ดูเป็นเรื่องที่น่าลำบากยิ่ง
ตอนนี้ผู้คนมากมายกำลังยืนอัดแน่นอยู่เต็มสองข้างทาง อีกทั้งรถม้าก็ยังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา
ออกห่างจากจุดที่ได้ยินเสียงของน้องสาวมาหลายลี้
ในที่สุดก็ต้องตัดใจปิดหน้าต่างลง
มือทั้งสองกำชายกระโปรงไว้แน่นราวกับต้องการระบายความอัดอั้นตันใจที่เกิดขึ้น
หากมิใช่เพราะฮ่องเต้ทรราชผู้นั้น
พวกนางสามพี่น้องคงมิต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้!
ดวงตาของซูเพ่ยแดงก่ำ
แต่ถึงกระนั้นก็หาได้มีน้ำตาไหลหยดออกมา มีเพียงริมฝีปากแดงที่ถูกขบเม้มแรงๆ
จนกระทั่งห้อเลือดแนบเนียนไปกับสีชาดเท่านั้น
“เจินเจิน...จิ้งเอ๋อร์”
เสียงหวานรำพันชื่อน้องๆ
ออกมาแผ่วเบา แต่ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่นอยู่หลายส่วน
ในฐานะที่น้องเป็นพี่ใหญ่
ไม่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
นางจะหาวิธีทำให้พวกนางทั้งสามคนพี่น้องกลับไปอยู่ด้วยกันที่แคว้นเว่ยให้ได้!
“บรรณาการจากแคว้นเว่ยหรือ”
เสียงทุ้มเข้มเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านนอก
เพิ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้รถม้าได้หยุดลงแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็มิได้โผล่หน้าออกไปดูแต่อย่างใด
นางเพียงแต่ฟังคำสนทนาที่เกิดขึ้นเท่านั้น
“พวกเราเพิ่งจะมาถึง
ท่านจะให้เรานำนางไปที่ใด”
“ฝ่าบาทมีคำสั่งให้เตรียมที่สำหรับนางเอาไว้แล้ว
ตามข้ามาเถิด”
พวกเขาพูดคุยกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่รถม้าจะค่อยๆ
เคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า เสียงพูดคุยอึกทึกครึกโครมเมื่อครู่เบาบางลงแล้ว
เป็นไปได้ว่านางกำลังเข้าสู่กำแพงวังหลวง
ใช้เวลาราวหนึ่งเค่อรถม้าก็หยุดลงอีกรอบ
คราวนี้ประตูรถม้าถูกเปิดออกอย่างไม่มีเสียงนำมาก่อน
แน่นอนว่าทำให้ซูเพ่ยเบิกตากว้างอย่างตกใจ
ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือร่างของขันทีผู้หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่นางอย่างพิจารณา
“แม่นางลงมาเถิด
ถึงที่พักของท่านแล้ว”
ภายใต้น้ำเสียงนั่นนางคาดเดาไม่ออกว่ามีความรู้สึกใดแฝงอยู่บ้าง
ที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือความเรียบเฉยราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นการหระทำอันแสนปกติที่ทำมานับพันนับหมื่นครั้ง
เฮอะ! คงรอรับสตรีของทรราชผู้นั้นมานับไม่ถ้วนเป็นแน่!
ซูเพ่ยค่อยๆ
ขยับตัวลงมาจากรถม้า ดวงตามองไปรอบๆ เพื่อต้องการสำรวจตามสัญชาตญาณ ตรงหน้านางมีตำหนักขนาดไม่ใหญ่นัก
ยังมีป้ายด้านบนที่เขียนเอาไว้ว่า เซี่ยเฉ่า3 แค่ชื่อตำหนักนางก็รู้แล้วว่าทรราชผู้นั้นคิดจะกดนางให้จมดินมากเพียงใด!
ซูเพ่ยเบ้ปาก
กรอกตาไปมาอย่างระคายใจ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นรถม้าที่นำนางมาจากแคว้นเว่ยก็ปลดธงออกแล้วรีบทะยานตัวกลับออกไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว
ทิ้งกันเช่นนี้เลยรึ!
หญิงสาวได้แต่มองตามไปพลางกะพริบตาปริบๆ
พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ อย่างน้อยก็ควรอยู่เป็นเพื่อนนางในฐานะตัวแทนฮ่องเต้แคว้นเว่ยหน่อยมิใช่หรือ?
ขันทีผู้นั้นกระแอมออกมาเบาๆ
เพื่อเรียกร้องความสนใจ
“ถึงแม้ท่านจะยังมิได้ปรนนิบัติฝ่าบาทสักคืนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็มีเมตตามอบตำแหน่งไฉหนวี่ให้ท่าน เช่นนั้นก็สามารถพักในเขตวังหลังเช่นพระสนมคนอื่นๆ ได้”
ไม่ว่าเปล่ายังเดินนำเข้าไปข้างใน
สองข้างทางมีต้นไป๋หลัน4 อยู่เต็มสองข้างทาง ออกดอกสีครีมนวลส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ
เข้าไปข้างในคือตำหนักขนาดเล็ก บริเวณใช้สอยไม่กว้างมากนัก ถึงแม้จะดูคับแคบไปบ้าง
แต่ก็ดูไม่แย่นัก ดูเป็นส่วนตัวดีอีกต่างหาก
“ทุกวันจะมีนางกำนัลนำข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นและอาหารมาให้ท่าน
หากอยากออกไปที่ใดก็แจ้งพวกนาง พวกนางจะพาท่านออกไปและกลับมาส่งที่นี้”
พูดพลางก็เปิดประตูเข้าไปในขระที่ซูเพ่ยพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
เมื่อเห็นความยุ่งยากในการใช้ชีวิตแล้ว
แม้แต่ออกไปข้างนอกก็ต้องมีคนคอยจับผิดหรือ?
ทันทีที่เข้ามาภายใน
หญิงสาวก็มองไปรอบๆ มองดูเตียงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง
มุ้งสีขาวสะอาดคลุมไว้บางๆ มีฉากไม้ลวดลายบุปผากั้นอีกชั้นหนึ่ง
ส่วนด้านข้างมีเก้าอี้และโต๊ะตัวเล็กสำหรับคนหนึ่งคนนั่งเท่านั้น
ภายในนี้มีข้าวของเครื่องใช้ไม่มากนัก
แต่ก็สมกับเป็นตำหนักของสนมที่มิได้รับการโปรดปราน
“กงกง
พวกเรามาแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าประตูทำให้ทั้งซูเพ่ยและคนที่กำลังแนะนำอยู่นั้นหันไปมอง
ในสายตาปรากฏให้เห็นร่างของนางกำนัลสองคนยืนด้วยท่าทีอ่อนช้อยและรอยยิ้มอันแสนสุภาพ
“ดี! ฝากเจ้าดูแลนางด้วย” พูดจบก็หันไปทางซูเพ่ยแล้วโน้มใบหน้าลงเล็กน้อย
“ข้าน้อยต้องขอตัวกลับไปรายงานฝ่าบาทก่อน”
ซูเพ่ยโน้มศีรษะลงเล็กน้อย
มองดูกงกงที่เดินห่างออกไปจากนั้นนางกำนัลสองนั้นถึงได้ถือของเข้ามาภายในด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป
ความสุภาพเกรงอกเกรงใจไม่ครู่หายไปหมดสิ้น
ดวงตาของพวกนางยังแฝงความเย้ยหยันอยู่หลายส่วน
------------------------------
เซี่ยเฉ่า3 แปลว่า หญ้า
ความคิดเห็น