ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชันทรราช

    ลำดับตอนที่ #5 : 第二章 ส่งตัวพระสนม

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 64


    ร่างบอบบางภายใต้อาภรณ์สีฟ้าครามกำลังนั่งนิ่งอยู่ในเกี้ยวขนาดสิบแปดคนหามเยื้องย่างเข้ามาในแคว้นตงฉินโดยมีธงสีแดงสลับขาวนำหน้ารถม้าอันแสดงสัญลักษณ์ของแคว้นเว่ยเพื่อแสดงการสวามิภักดิ์


    เสียงผู้คนโห่ร้องที่เกิดขึ้นทำให้ทั่วทั้งร่างแข็งขืนขึ้นมาเล็กน้อย การเดินทางที่ยาวนานกำลังจะสิ้นสุดลง นางเข้ามาสู่แคว้นตงฉินอย่างเป็นทางการแล้ว


    และดูเหมือนว่าผู้คนที่ยืนชมบรรณาการอยู่ตลอดทางจะมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว นางรู้สึกถึงฝีเท้าอาชาที่เชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ความขรุขระบนพื้นดินจากก้อนหินลดลง อีกทั้งเกี้ยวที่โคลงเคลงมาตลอดจนน่าปวดหัวก็ดีขึ้นมาก


    “หลบทางเร็วเข้า! ขบวนพระสนมกำลังจะผ่านมาทางนี้!


    เสียงทุ้มใหญ่เสียงหนึ่งดังก้องเพื่อให้คนที่กำลังแห่มุงดูอย่างตื่นตาตื่นใจต้องหลบทางกันอย่างว่องไว แน่นอนว่าถึงแม้จะพยายามเข้ามากระชั้นชิดขนาดไหนก็เห็นเพียงรถม้าที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปวังหลวง ไม่เห็นสตรีที่อยู่ภายในนั้นแม้แต่ปลายเส้นผมด้วยซ้ำ


    นั่นทำให้ทุกคนต่างผิดหวัง เริ่มทยอยแยกย้ายกันไป


    ซูเพ่ยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าภายนอกกำลังเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ในสมองตอนนี้มีแต่คำสอนของนางกำนัลทั้งห้าเต็มไปหมด นางไม่รู้ว่าจะสามารถจัดการได้หรือไม่


    “ท่านพี่”


    เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยแทรกเข้ามาทำให้ความคิดทั้งหมดหยุดลง หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความตั้งใจ


    “ท่านพี่...ข้าอยู่ที่นี่!


    เสียงของซูเจินแน่นอน!


    ซูเพ่ยคิดอย่างยินดี ตัดสินใจเปิดหน้าต่างออก พยายามมองหาน้องสาวแต่ก็ดูเป็นเรื่องที่น่าลำบากยิ่ง ตอนนี้ผู้คนมากมายกำลังยืนอัดแน่นอยู่เต็มสองข้างทาง อีกทั้งรถม้าก็ยังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา


    ออกห่างจากจุดที่ได้ยินเสียงของน้องสาวมาหลายลี้ ในที่สุดก็ต้องตัดใจปิดหน้าต่างลง มือทั้งสองกำชายกระโปรงไว้แน่นราวกับต้องการระบายความอัดอั้นตันใจที่เกิดขึ้น


    หากมิใช่เพราะฮ่องเต้ทรราชผู้นั้น พวกนางสามพี่น้องคงมิต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้!


    ดวงตาของซูเพ่ยแดงก่ำ แต่ถึงกระนั้นก็หาได้มีน้ำตาไหลหยดออกมา มีเพียงริมฝีปากแดงที่ถูกขบเม้มแรงๆ จนกระทั่งห้อเลือดแนบเนียนไปกับสีชาดเท่านั้น


    “เจินเจิน...จิ้งเอ๋อร์”


    เสียงหวานรำพันชื่อน้องๆ ออกมาแผ่วเบา แต่ก็เต็มไปด้วยความหนักแน่นอยู่หลายส่วน


    ในฐานะที่น้องเป็นพี่ใหญ่ ไม่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร นางจะหาวิธีทำให้พวกนางทั้งสามคนพี่น้องกลับไปอยู่ด้วยกันที่แคว้นเว่ยให้ได้!


    “บรรณาการจากแคว้นเว่ยหรือ”


    เสียงทุ้มเข้มเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านนอก เพิ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้รถม้าได้หยุดลงแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็มิได้โผล่หน้าออกไปดูแต่อย่างใด นางเพียงแต่ฟังคำสนทนาที่เกิดขึ้นเท่านั้น


    “พวกเราเพิ่งจะมาถึง ท่านจะให้เรานำนางไปที่ใด”


    “ฝ่าบาทมีคำสั่งให้เตรียมที่สำหรับนางเอาไว้แล้ว ตามข้ามาเถิด”


    พวกเขาพูดคุยกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก่อนที่รถม้าจะค่อยๆ เคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า เสียงพูดคุยอึกทึกครึกโครมเมื่อครู่เบาบางลงแล้ว เป็นไปได้ว่านางกำลังเข้าสู่กำแพงวังหลวง


    ใช้เวลาราวหนึ่งเค่อรถม้าก็หยุดลงอีกรอบ คราวนี้ประตูรถม้าถูกเปิดออกอย่างไม่มีเสียงนำมาก่อน แน่นอนว่าทำให้ซูเพ่ยเบิกตากว้างอย่างตกใจ ภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือร่างของขันทีผู้หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่นางอย่างพิจารณา


    “แม่นางลงมาเถิด ถึงที่พักของท่านแล้ว”


    ภายใต้น้ำเสียงนั่นนางคาดเดาไม่ออกว่ามีความรู้สึกใดแฝงอยู่บ้าง ที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือความเรียบเฉยราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นการหระทำอันแสนปกติที่ทำมานับพันนับหมื่นครั้ง


    เฮอะ! คงรอรับสตรีของทรราชผู้นั้นมานับไม่ถ้วนเป็นแน่!


    ซูเพ่ยค่อยๆ ขยับตัวลงมาจากรถม้า ดวงตามองไปรอบๆ เพื่อต้องการสำรวจตามสัญชาตญาณ ตรงหน้านางมีตำหนักขนาดไม่ใหญ่นัก ยังมีป้ายด้านบนที่เขียนเอาไว้ว่า เซี่ยเฉ่า3 แค่ชื่อตำหนักนางก็รู้แล้วว่าทรราชผู้นั้นคิดจะกดนางให้จมดินมากเพียงใด!


    ซูเพ่ยเบ้ปาก กรอกตาไปมาอย่างระคายใจ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้นรถม้าที่นำนางมาจากแคว้นเว่ยก็ปลดธงออกแล้วรีบทะยานตัวกลับออกไปทางเดิมอย่างรวดเร็ว


    ทิ้งกันเช่นนี้เลยรึ!


    หญิงสาวได้แต่มองตามไปพลางกะพริบตาปริบๆ พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ อย่างน้อยก็ควรอยู่เป็นเพื่อนนางในฐานะตัวแทนฮ่องเต้แคว้นเว่ยหน่อยมิใช่หรือ?


    ขันทีผู้นั้นกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ


    “ถึงแม้ท่านจะยังมิได้ปรนนิบัติฝ่าบาทสักคืนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นพระองค์ก็มีเมตตามอบตำแหน่งไฉหนวี่ให้ท่าน เช่นนั้นก็สามารถพักในเขตวังหลังเช่นพระสนมคนอื่นๆ ได้


    ไม่ว่าเปล่ายังเดินนำเข้าไปข้างใน สองข้างทางมีต้นไป๋หลัน4 อยู่เต็มสองข้างทาง ออกดอกสีครีมนวลส่งกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณ เข้าไปข้างในคือตำหนักขนาดเล็ก บริเวณใช้สอยไม่กว้างมากนัก ถึงแม้จะดูคับแคบไปบ้าง แต่ก็ดูไม่แย่นัก ดูเป็นส่วนตัวดีอีกต่างหาก


    “ทุกวันจะมีนางกำนัลนำข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นและอาหารมาให้ท่าน หากอยากออกไปที่ใดก็แจ้งพวกนาง พวกนางจะพาท่านออกไปและกลับมาส่งที่นี้”


    พูดพลางก็เปิดประตูเข้าไปในขระที่ซูเพ่ยพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่อเห็นความยุ่งยากในการใช้ชีวิตแล้ว


    แม้แต่ออกไปข้างนอกก็ต้องมีคนคอยจับผิดหรือ?


    ทันทีที่เข้ามาภายใน หญิงสาวก็มองไปรอบๆ มองดูเตียงขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง มุ้งสีขาวสะอาดคลุมไว้บางๆ มีฉากไม้ลวดลายบุปผากั้นอีกชั้นหนึ่ง ส่วนด้านข้างมีเก้าอี้และโต๊ะตัวเล็กสำหรับคนหนึ่งคนนั่งเท่านั้น


    ภายในนี้มีข้าวของเครื่องใช้ไม่มากนัก แต่ก็สมกับเป็นตำหนักของสนมที่มิได้รับการโปรดปราน


    “กงกง พวกเรามาแล้วเจ้าค่ะ”


    เสียงหนึ่งดังขึ้นหน้าประตูทำให้ทั้งซูเพ่ยและคนที่กำลังแนะนำอยู่นั้นหันไปมอง ในสายตาปรากฏให้เห็นร่างของนางกำนัลสองคนยืนด้วยท่าทีอ่อนช้อยและรอยยิ้มอันแสนสุภาพ


    “ดี! ฝากเจ้าดูแลนางด้วย” พูดจบก็หันไปทางซูเพ่ยแล้วโน้มใบหน้าลงเล็กน้อย “ข้าน้อยต้องขอตัวกลับไปรายงานฝ่าบาทก่อน”


    ซูเพ่ยโน้มศีรษะลงเล็กน้อย มองดูกงกงที่เดินห่างออกไปจากนั้นนางกำนัลสองนั้นถึงได้ถือของเข้ามาภายในด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไป ความสุภาพเกรงอกเกรงใจไม่ครู่หายไปหมดสิ้น ดวงตาของพวกนางยังแฝงความเย้ยหยันอยู่หลายส่วน

    ------------------------------

    เซี่ยเฉ่า3  แปลว่า หญ้า


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×