คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 第一章 จุดเริ่มต้นของพระสนมซู
ในที่สุดก็เช้าแล้ว...
ซูเพ่ยเปิดม่านหน้าต่างออก มองดูแสงสว่างจากพระอาทิตย์ที่เริ่มเป็นสีเหลืองทอง
หญิงสาวมองไปรอบๆ
ถึงแม้ห้องนี้จะมีเตียงอันแสนสบาย มีเก้าอี้และโต๊ะสำหรับนั่งจิบน้ำชา ทว่าประตูกลับถูกล็อกจากภายนอก
หน้าต่างยังมีลูกกรงป้องกันการหลบหนี
ถึงจะมิใช่คุก
แต่ก็มิต่างกันนัก!
ขณะที่กำลังคิดอย่างเบื่อหน่ายเสียงประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับปรากฏร่างชายฉกรรจ์สามคนช่วยกันหอบหิ้วถังน้ำใบใหญ่เข้ามาแล้วจากไป
ก่อนจะมีร่างของสตรีห้าคนในชุดชาววังถืออุปกรณ์บางอย่างมาวางไว้บนโต๊ะ
“เชิญแม่นางซูเจ้าค่ะ”
“พวกเจ้าจะทำอันใด!”
ซูเพ่ยเอ่ยออกมาอย่างแตกตื่น
ถึงแม้คำพูดของพวกนางจะราบเรียบ แต่กิริยาที่เกิดขึ้นกลับเป็นการก้าวก่ายอย่างเห็นได้ชัด
สตรีสองคนช่วยกันจับร่างนางไว้แล้วถอดอาภรณ์ของนางออกด้วยคามคล่องแคล่ว
“ปล่อย! ปล่อยข้า!!”
หญิงสาวพยายามใช้แรงทั้งหมดดิ้นด้วยความตื่นตระหนก
ทว่ากลับรู้สึกไร้ความหมายสิ้นดีเมื่อคนสองคนต่างยึดท่อนแขนของนางเอาไว้
ส่วนอีกหนึ่งเตรียมของอยู่ที่บริเวณอ่างน้ำ
ถึงแม้จะไม่ยินยอม
หากแต่ในที่สุดร่างทั้งร่างก็เปลือยเปล่าอย่างไร้ทางเลือก...
ซูเพ่ยกัดฟันกรอดด้วยความโกรธระคนอับอาย
ที่โรงเตี๊ยมของนางถึงแม้จะมีสาวใช้มากมายแต่ก็มิเคยต้องเปลือยกายต่อหน้าผู้ใดยกเว้นซูเจินและซูจิ้ง
เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีทางเลือกในที่สุดร่างงดงามก็ยอมลงไปนั่งแช่ในถังน้ำแต่โดยง่าย
ดวงตาจ้องมองคนผู้หนึ่งกำลังเทน้ำมันลงบนฝ่ามือ
สตรีทั้งห้าได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองไป
ถึงแม้จะรู้สึกเวทนายามที่เห็นนัยน์ตากลมโตคลอไปด้วยหยดน้ำประกายราวกับเพชร
ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้นมา
“แม่นางซูอย่าโกรธเคืองพวกเราไปเลย
พวกเราก็เพียงแต่ทำตามหน้าที่เท่านั้น”
“ฝ่าบาทกำชับมาว่าท่านจะต้องถูกส่งตัวให้ฮ่องเต้แคว้นเว่ย
พวกเราจะต้องส่งเสริมร่างกายของท่านให้ดี” พูดง่ายๆ
นั่นก็คือต้องขัดสีฉวีวรรณผิวของอีกฝ่ายอย่างเร่งด่วนเพื่อให้สมกับที่เป็นบรรณาการในวังหลวง!
คราวนี้ซูเพ่ยหยุดนิ่ง
ยินยอมให้พวกนางขีดถูเนื้อตัวได้ตามอำเภอใจด้วยรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะขัดขืน
“พวกข้ารู้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับท่าน
คนที่เคยอยู่อย่างอิสระนอกวังจะยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ยึดถือกฎเกณฑ์มากมายในวังหลวงได้อย่างไร แม้แต่พวกเรายังต้องใช้เวลานับปี”
“แต่นั่นก็เป็นความต้องการของพวกเจ้ามิใช่หรือ”
ซูเพ่ยเอ่ยขึ้นมาราวกับต้องการเหน็บแนม
เรื่องเข้าวังนี่นางไม่ได้เลือกเสียหน่อย!
“พวกเราเลือกเข้าวังคัดตัวเป็นนางกำนัลก็จริง
แต่นั่นก็เป็นเพราะต้องการหาเลี้ยงครอบครัว
สตรีเช่นพวกเรามีทางเลือกได้มากน้อยเพียงใดกัน” เกิดเป็นบุรุษจะได้รับการเล่าเรียนทั้งด้านบู๊และบุ๋นตั้งแต่เด็ก
ส่วนสตรีนั้นก็จะได้รับการเรียนเย็บปักถักร้อยตามมีตามเกิดเท่านั้น เรื่องการเขียน
อ่าน ร่ายรำ บรรเลงพิณก็เป็นของสตรีชั้นสูง
มีเพียงแต่คุณหนูตระกูลใหญ่เท่านั้นที่จะได้รับสิ่งพวกนี้
นอกจากสตรีหอโคมแดง2
ที่อาจจะได้รับการฝึกฝนเรื่องพวกนี้เพื่อสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าทำเอาเสียเลย
ได้ยินเช่นนั้นแล้วซูเพ่ยถอนหายใจออกมา
ก็จริงอย่างที่พวกนางกล่าวมา
ในโลกนี้สตรีจะสามารถมีสิทธิ์ออกเสียงได้มากน้อยเพียงใดกัน
หญิงสาวสูดกลิ่นน้ำมันหอมเข้าเต็มปอดหวังช่วยผ่อนคลายความรู้สึกตึงเครียดที่เกิดขึ้น
และแล้วก็เบิกตากว้างขึ้นมาเมื่อคิดอะไรออกมาได้
“น้องๆ
ของข้าเล่า?”
เมื่อวานนี้พวกนางสามคนพี่น้องถูกส่งตัวเข้าวังหลวงอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ
พวกเขาแยกนางและน้องๆ ออกจากกัน ไม่ได้เจอกันอีกจนกระทั่งตอนนี้
“ท่านหมายถึงคนที่มาพร้อมท่านอีกสองคนน่ะหรือ”
ซูเพ่ยพยักหน้าตอบ
คิดว่าพวกนางคงจะถูกจับขัดหน้านวดตัวอยู่เช่นกัน
“คนหนึ่งถูกส่งเข้าเมืองหลวงตั้งแต่ย่ำรุ่ง
ส่วนอีกคนมีรถม้าจากหุบเขาเมฆคล้อยมารับไปแล้วเจ้าค่ะ”
“เหตุใดถึงได้เร็วนัก!”
ดวงตาของซูเพ่ยเต็มไปด้วยความกังวล
ตอนแรกคิดว่าพวกนางทั้งสามจะถูกส่งตัวไปพร้อมกันเสียอีก
ซูเจินถูกแต่งเป็นอนุภรรยาแม่ทัพผู้หนึ่ง...
ซูจิ้งถูกแต่งให้ปีศาจที่หุบเขาเมฆคล้อย...
ส่วนนางถูกส่งเข้าวังหลวงเป็นสนมให้ฮ่องเต้ผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวชั่วร้ายพวกนี้!
“อย่ามัวแต่เป็นห่วงผู้อื่นเลยเจ้าค่ะ
ประเดี๋ยวเมื่ออาบน้ำเสร็จ ท่านจะต้องไปเรียนรู้กฎเกณฑ์มารยาทในวังให้สมบูรณ์อีกภายในสามวัน”
“สามวัน?
ผู้ใดจะไปทำได้”
ซูเพ่ยโคลงศีรษะออกมาแรงๆ
เคยได้ยินมาบ้างว่าการใช้ชีวิตในวังหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย
อีกอย่างนางไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ด้วย!
นางกำนัลคนหนึ่งผ่อนลมหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“เรื่องที่พวกเราต้องการสอนท่านนับว่าเล็กน้อยมากหากเทียบกับสิ่งที่ท่านต้องเจอในภายภาคหน้า”
“นอกจากกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตแล้ว
ท่านยังต้องเรียนรู้การดูสีหน้าผู้คน การป้องกันตัวเองจากสนมคนอื่นๆ
ที่อาจปองร้ายต่อท่านได้”
“โดยเฉพาะการรับมือกับฮ่องเต้แคว้นตงฉินผู้นั้น
เล่าลือกันว่าเป็นฮ่องเต้ที่โหดเหี้ยมนัก
แม้แผ่นดินจะนองไปด้วยโลหิตก็หาได้มีความเมตตา”
นางกำนัลทั้งห้าสลับกันพูดขึ้นมาอย่างเห็นใจ
พวกนางเป็นเพียงนางกำนัลเล็กๆ ก็จริง หากแต่ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
สิ่งที่พวกนางเห็นความมืดมิดในวังหลวงก็มาก
“พวกเราจะช่วยท่านเท่าที่สามารถทำได้ก็แล้วกัน
อะไรที่ท่านควรรู้ก็จะบอกไว้ ถึงแม้หลีกเลี่ยงมิได้
อย่างน้อยท่านจะได้มีเวลาเตรียมใจไว้ก่อน”
ความคิดเห็น