ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมข้ามภพ (พีเรียดไทย)

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ ๕ ทวิกาล ๑๐๐%

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.พ. 65


    แก้วกัลยาพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง มือข้างหนึ่งกุมศีรษะไว้ด้วยความมึนงง แสงสว่างส่องเข้ามากระทบกาย หญิงสาวเอี่ยวตัวไปด้านข้าง มือเล็กไขว่คว้าตามเบาะนอนไปมาหมายหยิบโทรศัพท์มือถือดูเวลาเหมือนเช่นทุกที หากแต่สิ่งที่ได้กลับพบแค่เพียงอากาศ


    โทรศัพท์ไปไหน...


    ไม่สิ...หล่อนอยู่ที่ไหนกันแน่


    ไวเท่าความคิด ร่างบอบบางเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความรวดเร็ว หันไปรอบๆ แล้วได้แต่กุมขมับ ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างล้วนเหมือนภาพในฝันทั้งสิ้น มันคือห้องของหลวงไกรเดชาวรางค์กูรนั่นเอง


    “คุณท่านจักไปแห่งใดฤาเจ้าคะ”


    เสียงประตูไม้ถูกเปิดออกได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าด เห็นสตรีผิวคล้ำห่มผ้าแถบสีน้ำตาลแดงนุ่งโจงกระเบนสีเข้มประคองขันทองเหลืองเข้ามาอย่างสุภาพ หญิงสาวมองผู้มาใหม่จัดแจงตั้งสิ่งของในมือลงบนโต๊ะ คุกเข่าคลานเข้ามาหาด้วยความนอบน้อม


    “นี่ ไม่ต้องคลานหรอก เดินเข้ามาดีๆ ก็ได้”


    นางเอกสาวแห่งยุค 4.0 โบกมือไปมาอย่างกระอักกระอ่วน ลอบสังเกตคนตรงหน้าแล้วคงไม่แคล้วอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นแน่


    “มิได้เจ้าค่ะ คุณหญิงสั่งมาว่าให้บ่าวดูแลคุณท่านให้ดี” พูดจบแล้วก็เขยิบใกล้ โดยที่แก้วกัลยายังคงทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเมื่อคืนนี้จู่ๆ ถึงได้วูบไปเช่นนั้น “ปลดผ้าเถิดเจ้าค่ะ”


    หญิงสาวยกมือปัดป้อง เบิกตากว้างมองอย่างตระหนก


    “จะให้ฉันถอดทำไม”


    “บ่าวจักเช็ดตัวให้คุณท่านอย่างไรเล่าเจ้าคะ”


    หวี มองคนบนเตียงอย่างงุนงง แม้ตนเองนึกสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดสตรีผู้งดงามผู้นี้ถึงได้แต่งตัวคล้ายฝรั่ง ทว่าเค้าหน้ายังคงเผยให้เห็นถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน แต่บ่าวอย่างเธอก็ไม่ควรยุ่งเรื่องของนายมากเช่นกัน


    “นังหวีมันพูดถูก หล่อนยังตัวรุมๆ ไม่สร่างไข้ ให้มันเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสียหน่อย หล่อนจักได้สบายตัว”


    คุณหญิงบัวก้าวเข้ามาพลางส่งยิ้มละมุน มองเลยผ่านไปเห็นหลวงไกรเดชาเดินตามมาด้วยท่าทางที่คาดเดาอารมณ์ยาก แก้วกัลยาจึงละสายตามองสตรีสูงศักดิ์เบื้องหน้าแทน


    “สวัสดีค่ะ” ประนมยกมือไหว้อย่างประหม่า “ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือคะ”


    “วาจาแปลก...”


    “คะ?”


    “ตอนแรกก็คิดว่าหล่อนสะดุดล้มจนหัวฟาด ที่ไหนได้หล่อนคงสลบไปเพราะพิษไข้” ว่าแล้วก็นั่งลงบนเตียง เอื้อมมือจับคางเรียวพลางหันซ้ายขวา เมื่อคืนยังไม่ได้สำรวจละเอียดถี่ถ้วนเพราะความมืด เวลานี้จึงต้องมองแววเสียหน่อย “หล่อนเพิ่งกลับมาจากเมืองฝรั่งฤา”


    “คะ”


    “คะนี่คือใช่ฤาไม่”


    “เอ่อ...” 


    แก้วกัลยาเหลือบมองหลวงไกรเดชาที่ทอดมองมาโดยไม่พูดอะไร แม้จะส่งสายตาขอความช่วยเหลือแต่ก็ยังนิ่งเฉย


    ฮึ่มมม...หล่อนขอยึดคำชมที่เคยชมตอนฝันเห็นก็แล้วกัน ผู้ชายอะไรหยิ่งชะมัด!


    “เปล่าค่ะ”


    หญิงสาวโคลงศีรษะ มองบุคคลร่วมห้องอีกสามชีวิตทำหน้าฉงนแล้วก็กรอกตาไปมา


    เอาวะ! เห็นทีอาชีพนักแสดงก็มีประโยชน์วันนี้นี่แหละ!


    “ไม่ใช่เจ้าค่ะ”


    “เหตุใดจึงแต่งตัวเช่นนี้เล่า” คุณหญิงบัวมองเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับเกงเกงขาบานตัวยาว แลหญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบายใจจึงว่าต่อ “เอาเถิด...หล่อนมิต้องตอบก็ย่อมได้ เอาเป็นว่ามีใครเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังได้บ้างว่ามันเกิดกระไร”


    คุณหญิงบัวหันไปทางร่างสูงใหญ่


    “กระผมมิทราบขอรับ ตื่นมาดึกๆ ดื่นๆ ก็เห็นหล่อน...”


    เสียงทุ้มพูดแล้วก็ชะงักกึก ภาพแวบแรกที่เห็นเจ้าหล่อนแวบเข้ามาในหัว จะให้บอกได้อย่างไรว่าจมูกหล่อนชนแก้มเขาถึงได้ตื่นเสียเต็มประดา


    “แก้วเล่าไปทุกคนก็คงไม่เชื่อหรอก...เจ้าค่ะ”


    หญิงสาวงุดหน้าลงด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรดี


    “หล่อนชื่อกระไร...แก้วใช่ไหม” ได้ยินแทนสรรพนาม จึงถามออกไปเพื่อเรียกถูกต้อง


    “เจ้าค่ะ”


    “เล่ามาก่อนเถิดแม่แก้ว แล้วจักตัดสินใจว่าเชื่อหรือไม่”


    หญิงสาวสูดลมหายใจลึก เอาวะ! อย่างมากก็แค่หาว่าหล่อนบ้า!


    “แก้วมาจากสมุดบันทึกของคุณหลวงไกรเจ้าค่ะ แก้วมาจากอนาคต” ไม่ว่าเปล่ายังชี้นิ้วไปยังสมุดบันทึกวางเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ คุณหญิงบัวขมวดคิ้วฉงนหนักเข้า ยิ่งทำให้คนเล่าใจคอไม่ดี “บอกแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ”


    “หล่อนจักให้เชื่อได้อย่างไร คนแห่งใดกันจักมาทางกระดาษ ถ้ามาจากอนาคตจริง หล่อนก็ต้องตอบได้ว่าต่อไปสยามจักเป็นเมืองขึ้นของอ้ายพวกฝรั่งหรือไม่”


    คราวนี้เป็นชายชาตรีเพียงคนเดียวภายในห้องเอ่ยขึ้นมาบ้าง จนถึงป่านนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีกว่าเป็นบุตรีเรือนใด


    “คุณหลวงหาว่าแก้วโกหกรึเจ้าคะ”


    “ฤาไม่”


    “มิใช่เสียหน่อย!


    “พอทั้งคู่” เสียงปรามเอ่ยขึ้นพลางยกมือห้ามศึก “หากหล่อนมาจากสมุดนั่นจริงๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าหล่อนไม่มีเรือนพัก”


    “เจ้าค่ะ” ตอบเสียงอ่อนลง ลอบเห็นคุณหลวงเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วก็อยากจะเอามือตะปบแรงๆ ให้หายเคือง


    “พักด้วยกันเสียที่นี่”


    “คุณแม่”


    เสียงทุ้มเรียกดัง แต่ก็ถูกสายตาดุหันไปปราม


    “จะให้น้องอยู่ด้วยดีๆ หรือจักให้แม่บังคับพ่อไกรออกเรือนเหตุด้วย...”


    “ขอรับคุณแม่ กระผมมิอาจขัด”


    หากไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ เห็นทีคุณแม่ต้องเอาเรื่องเมื่อคืนมาขู่ให้เขาออกเรือนจริงๆ แต่เช่นนั้นก็ตามที คุณแม่จะไว้ใจสตรีผู้นี้มากเกินไปแล้ว ไม่แม้แต่จะรู้จักหัวนอนปลายเท้าแต่ยินยอมให้พักในเรือนง่ายดายนัก...ถึงหล่อนจะหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับ แม่แก้วในนิมิตทุกชั่วคืนก็ตามที


    อย่าบอกนะว่าคุณแม่เชื่อเรื่องที่ปรุงบอกว่าจะได้ลาภมาแบบแปลกๆ


    แต่แบบนี้ดูแปลกเกินไปเสียหน่อย คิดว่าหล่อนเป็นนางฟ้านางไม้หรืออย่างไร!


    “นังหวี ประเดี๋ยวเอ็งไปบอกพวกบ่าวให้เตรียมห้องหับทางทิศตะวันออกไว้เสีย หากผู้ใดถามบอกไปว่าเอ็งมิรู้มิเห็น ใครอยากรู้อันใดก็ให้มาถามข้า” คุณหญิงบัวสั่งยาวๆ โดยที่หวีก็ก้มรับแต่โดยดี แต่เพียงเห็นบ่าวค่อยคลานศอกออกไปก็ไม่ลืมกำชับ “เรื่องที่แม่แก้วพูด หากข้าได้ยินเอ็งปากมาก จะโบยให้หลังลายเชียว”


    “บ่าวมิกล้าดอกเจ้าค่ะ”


    คุณหญิงบัวมองตามบ่าวที่ออกไปอย่างเร่งรีบ เห็นหลวงไกรเดชาทำท่าจะหมุนตัวตามไปแล้วจึงกระแอมเบาๆ เสียสองสามที


    “พ่อไกรจักไปไหน”


    “กระผมต้องเข้าเวรในกรมขอรับ”


    ปลายตามองร่างบอบบางบนเตียงที่เชิดหน้าขึ้นราวกับจะท้าทายจึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดุ


    “กรมทหารเรือหรือเจ้าคะ” ตอบตามใจคิด จำได้ว่าในฝันเป็นเช่นนั้น


    “หล่อนรู้อย่างไร”


    แก้วกัลยากลืนน้ำลายด้วยรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียแล้ว


    “เดาเอาเจ้าค่ะ”


    ดูเหมือนว่านายทหารกำลังอ้าปากคิดจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วกลับไม่พูดอะไรเดินออกไปเงียบๆ ปล่อยให้คุณหญิงบัวลอบสังเกตปฏิกิริยาของคนทั้งสอง ดูเหมือนว่าลาภเป็นสัตว์สองเท้าที่นังปรุงเอ่ยถึงจะใช่แม่แก้วผู้นี้เป็นแม่นมั่น! มาด้วยความพิลึกไปเสียทุกอย่าง ทั้งการพบเจอ การแต่งกายหรือแม้แต่กิริยาท่าทาง! ตอนนี้เป็นลูกสาวเรือนไหนหรือมาจากหนใดก็ไม่ใคร่สนใจ สิ่งสำคัญคือขอให้หล่อนเป็นคนดีอย่างที่หวังและเป็นเนื้อคู่ของบุตรชายตนเองเป็นพอ!


    เอ...แต่ทำอย่างไรให้ทั้งคู่พอใจกันดีหนอ จะบังคับให้ออกเรือนพ่อไกรก็คงค้านหัวชนฝา


    ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นหน้าหลานในเร็ววัน

     


    ๏ ฟ้ามืดลงดาวลอยบุหลันเด่น              

    คืนนี้เป็นจันทร์เพ็ญมิต้องหา

    พี่เข้านอนท่ามกลางลมพัดพา                        

    เพียงหลับตาครู่หนึ่งก็แปลกใจ

    ๏ หญิงใดยืนอยู่ ณ ที่นั้น                     

    ฤาเป็นฝันครานี้คงมิใช่

    เร่งบอกมาที่แท้หล่อนเป็นใคร                        

    ยังมิได้คำตอบใดคุณแม่มา!

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×