คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ ๓ ทำนายทายทัก ๑๐๐%
บ้านไม้ยกสูงตามแบบฉบับบ้านทรงไทยประยุกต์ปรากฏขึ้นตรงหน้า
แก้วกัลยาลงจากรถพลางบิดตัวอย่างขี้เกียจ
ยืนรอเพื่อนสาวจอดรถเสร็จก่อนจะเดินเข้าไปหา
“ฉันไม่ได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนี่”
หญิงสาวกวาดมองต้นไม้และดอกหญ้าสีเขียวชอุ่ม
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หวังจะนำพาออกซิเจนเข้าไปให้เต็มปอด
ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่ได้แวะมาเที่ยวบ้านต่างจังหวัดของวิชชุดาเลยสักครั้ง
ใช้ชีวิตอยู่บนความวุ่นวายในเมืองกรุง ทำอะไรก็ดูเร่งรีบไปหมด
“ฉันชวนเธอมาตั้งหลายครั้ง
ไม่มาเองนี่หว่า” อดบ่นไม่ได้ ชวนมากี่รอบก็ปฏิเสธ
“เธอดูสิ
พี่นีน่ารับงานฉันไว้คิวแน่นเอี๊ยด! นี่ถ้าวันก่อนฉันไม่เป็นลมกลางกองถ่ายนะ
คงไม่ยอมแคนเซิลงานให้ฉันมาพักร้อนหรอก”
แก้วกัลยาว่าอุบอิบ ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ
หล่อนรู้ดีว่านีน่าหวังดี
อยากจะตักตวงโอกาสช่วงที่หล่อนกำลังรุ่งขึ้นแท่นเป็นนางเอกเบอร์หนึ่งของเมืองไทยให้หล่อนได้แสดงฝีไม้ลายมือมากที่สุด
แต่ก็อย่างว่า...สมัยนี้ดาราหน้าใหม่เข้ามาเต็มวงการเสียหมด
อีกไม่นานทางช่องก็คงต้องผลักดันนางเอกหน้าใหม่ขึ้นเรื่อยๆ
“เปรี้ยวเอ้ย มาถึงแล้วทำไมไม่รีบขึ้นบ้าน” เสียงดังร้องเรียกทำให้สองสาวหันไปมองตามพลางส่งยิ้มหวาน
วิชชุดาและแก้วกัลยาเดินขึ้นบนบ้านทรงไทยตามกันมายังเก้าอี้รับแขก
เพียงไม่กี่นาทีน้ำเย็นๆ ก็ตั้งอยู่ตรงหน้า
นางเอกสาวคว้าขึ้นดื่มพลางทำท่าทางกระดี๋กระด๋า
“แก้วคิดถึงน้ำเย็นๆ
ของคุณน้าม๊ากมาก”
เสียงใสว่าประจบ
มองสตรีผิวขาวร่างอวบในชุดลำลองสบายๆ เฉกเช่นคนตามบ้าน
ผ้าถุงสีน้ำตาลอ่อนและเสื้อคอกระเช้าสีส้มพลางยิ้มตาหยี
“ไม่ต้องมาประจบน้าเลย
ตั้งแต่เรียนจบเปรี้ยวบอกว่าชวนหนูแก้วมาเที่ยวตั้งหลายหน แต่ก็ไม่ยอมมา”
วาสนาพยักพะเยิดไปทางบุตรสาวที่แอบหัวเราะ
นางรู้สึกรักใคร่เอ็นดูแก้วกัลยาไม่ต่างจากลูกหลานแท้ๆ
อาจเป็นเพราะนางรู้ว่าชีวิตครอบครัวของเด็กสาวมีประวัติไม่ค่อยดีนักแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความสดใสร่าเริงสมวัย
“โธ่ ก็แก้วไม่ว่างนี่คะ”
บ่นอุบอิบแต่ก็ไม่วายยิ้มหวาน
“แล้วทำไมวันนี้ถึงมาได้ล่ะ ฮึ”
ถามแล้วก็เอื้อมมือไปแตะมือนุ่มนิ่ม อีกมือก็ลูบเส้นผมดำขลับเบาๆ
“คุณแม่ขา
ยัยแก้วมาแล้วลืมลูกเลยนะคะ ลูกแม่นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วไม่ยักจะบ่นคิดถึง
ไม่ถามสักคำว่ามีคนมาจีบบ้างไหม”
วิชชุดาว่าหน้ามุ่ยอย่างแสนงอนจนคนมองทั้งคู่หัวเราะร่า
รู้ดีว่าคนพูดไม่ได้จริงจังนัก
“มาใกล้ๆ แม่มา”
วาสนากวักมือเรียกโดยที่บุตรสาวก็เข้ามาสวมกอดอย่างว่าง่าย
หากแต่เสี้ยววินาทีที่กำลังจะปล่อยมือแก้วกัลยาออกหวังจะหอมแก้มลูกสาวขี้ประจบ
สายตาละมุนหยุดเข้าที่ลายเส้นบนฝ่ามือนิ่ม ก่อนจะพลิกไปมา รอยยิ้มกว้างเมื่อครู่ก็จางลง
“คุณแม่รู้สึกอะไรหรือเปล่าคะ”
วิชชุดากระซิบถามในขณะที่วาสนาหน้าซีดลง
แต่แล้วเมื่อเห็นดวงตาฉงนของนางเอกสาวก็ปรับเปลี่ยนกิริยา
แอบซ่อนความรู้สึกสงสัยไว้ในใจ
“เดี๋ยวหนูแก้วรอน้าตรงนี้นะลูก
นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ทำกล้วยบวชชีเอาไว้ เดี๋ยวน้าไปเอามาให้”
วาสนาว่าเป็นเชิงตัดความสงสัย
ลุกขึ้นยืนก่อนจะคว้ามือวิชชุดาเดินตามกันออกไป
ปล่อยให้แก้วกัลยามองตามด้วยความงุนงง
ยกมือไม้ตัวเองขึ้นดูด้วยกลัวว่าจะมีอะไรผิดปกติ แต่ก็ไม่ยักจะมีอะไรนี่นา
“เป็นอะไรของเขา”
บ่นอุบอิบแต่ก็ขยับตัวนั่งในท่าสบาย
หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มอย่างไม่คิดข้องใจ
ทางด้านสองแม่ลูกที่เดินห่างออกมาด้วยท่าทีเร่งรีบก็หยุดลงทันทีที่พ้นสายตา
วาสนาคิ้วขมวดลอบมองแก้วกัลยาเป็นระลอก
“คุณแม่เห็นอะไรคะ”
วิชชุดาถามอย่างระมัดระวัง
หล่อนทราบดีว่ามารดามีสัมผัสที่หก แค่เพียงเห็นเส้นลายมือคนที่กำลังดวงชะตาตกก็จะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
แต่เรื่องนี้ทางครอบครัวก็เก็บไว้เป็นความลับไม่บอกใครด้วยกลัวว่าหากพูดไปคนอื่นจะหาว่าสติไม่ดีเสียเปล่าๆ
“พูดอย่างนี้แสดงว่าจงใจพาแก้วมาให้แม่สัมผัสใช่มั้ย”
“หนูเป็นห่วงยัยแก้วนี่คะ
พักนี้ยัยแก้วก็เจอแต่เรื่องแปลกๆ ตั้งแต่ฝันเห็นผู้ชายที่ไม่รู้จักซ้ำๆ
กันหลายคืนติดต่อกัน”
“ลูกคนนี้มันน่าตีนัก!”
วาสนาเค้นเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก
โดยที่อีกฝ่ายได้แต่ส่งยิ้มแห้ง
“คุณแม่อย่าเสียงดังไปสิคะ! ยัยแก้วเกลียดการดูหมอ
ถ้าพูดไปตรงๆ ก็คงไม่ยอมฟัง”
“แล้วเรื่องเป็นมายังไง
ไหนเล่าให้แม่ฟังซิ”
“รายละเอียดเอาไว้จะเล่าให้ฟังทีหลังค่ะ
แต่ตอนนี้บอกหนูได้หรือยังคะว่าคุณแม่เห็นอะไร” เสียงหวานว่าราวกับจะกระซิบ
หากแต่วาสนากลับโบกมือไหว
“ไปตักกล้วยบวชชีหลังบ้านมาหน่อย”
“คุณแม่
“แม่บอกให้ไปก็ไปเถอะน่า”
“แต่ว่า...”
วิชชุดาว่าเสียงเว้าวอน
อยากรู้ใจจะขาดว่ามารดาสัมผัสอะไรได้
กลัวจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรตามมาเอาชีวิตยัยแก้วนี่สิ!
“ไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรอย่างที่คิดหรอก
ไม่ได้อันตรายอะไร...ทีนี้จะไปตักใส่ถ้วยมาให้แม่ได้หรือยัง”
เหมือนจะรู้ทันความคิดบุตรสาว
ก็เจ้าหล่อนเล่นแสดงออกมาทั้งสีหน้าและแววตาว่าคิดไปในทางเลวร้ายขนาดนั้น!
แต่ก่อนที่จะสรุปอะไรๆ นางก็ควรจะทำอะไรให้แน่ชัดอีกสักหน่อย
“ก็ได้ค่ะ”
ตอบหน้ามุ่นพลางเดินฟึดฟัดเข้าหลังบ้านไป
วาสนากระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทีของบุตรสาว
แต่แล้วทันทีที่ร่างอรชรลับสายตาไป
หล่อนจึงเดินเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้งก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างแก้วกัลยา
“อ้าว! แล้วเปรี้ยวละคะคุณน้า”
คนถามว่าตาปริบๆ ชะเง้อดูอย่างสงสัย
“น้าให้ไปตักขนม เดี๋ยวก็คงจะตามมา”
วาสนาเอื้อมมือไปกอบกุมมือนุ่มนิ่มนั่นอีกครั้งอย่างเนียนๆ
ไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าหล่อนจงใจจะมองลายมือนั่นอีกรอบให้ชัดเจน
“ว่าแต่หนูเถอะ เรียนจบแล้วเป็นสาวสวยขนาดนี้
มีใครมาแจกขนมจีบบ้างหรือเปล่า”
“แก้วยังสนุกกับงานอยู่เลยค่ะ
ยังไม่ได้สนใจใคร”
นางเอกสาวยิ้มตาหยี นึกถึงหนุ่มๆ
ที่แวะเวียนมาแจกขนบจีบกันอยู่เนืองๆ แล้วก็แอบขำ หลายต่อหลายคนเข้ามาพูดดี
เอาอกเอาใจ พร่ำบอกว่าจะรอจนกว่าหล่อนรับรัก แต่เพียงเวลาห่างไม่ถึงเดือน
แค่หล่อนไม่มีท่าจะเล่นด้วยหรือรับไมตรี
ชายปากหวานเหล่านั้นก็อันตธานหายไปทีละคนสองคน
“แล้วได้เก็บของแทนใจใครไว้หรือเปล่า”
ถามอย่างพยายามไม่ให้มีพิรุธ
“เปล่านี่คะ เอ...จะมีก็แค่ดอกไม้
ตุ๊กตาแฟนคลับน่ะค่ะ”
แก้วกัลยาทำท่านึกคิดโดยไม่ทันสังเกตว่าคู่สนทนามีท่าทีเปลี่ยนไปเช่นไร
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งนางเอกสาวจึงได้สัมผัสท่าทีที่แปลกไป
เห็นวาสนาตีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วก็สงสัย ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ
ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
วาสนาปรายตามองเด็กสาวที่จ้องมองมาอย่างใคร่รู้
นางได้แต่ถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะด้วยไม่รู้จะพูดออกไปดีหรือไม่
บอกไปแล้วเดี๋ยวก็หาว่าหล่อนงมงายอีก
“แม่ฉันมีสัมผัสที่หก
ฉันอยากให้แม่ดูชะตาชีวิตเธอ”
เสียงวิชชุดาว่ามาไกลๆ
มือทั้งสองถือถ้วยขนมหวานออกมาสองถ้วยเล็ก วางลงบนโต๊ะในขณะที่วาสนาปล่อยมือแก้วกัลยาออก
“หมายความว่ายังไง”
“ก็ฉันเป็นห่วงเธอ
เรื่องคุณหลวงอะไรนั่น”
วิชชุดายอมรับแต่โดยดีเพราะว่าตอนนี้ไหนๆ
ก็พามาถึงที่และดูเหมือนมารดาจะเห็นอะไรดีๆ แล้ว
ปกปิดต่อไปก็เห็นท่าทางจะคุยกันไม่รู้เรื่องเสียที
แก้วกัลยาหน้าเหวอ
แอบเห็นวาสนาหน้าเสียไปก็ใจไม่ดี
ถึงแม้จะไม่ชอบการดูดวงหรือการทำนายทายทักอะไรพวกนี้
แต่เห็นคุณน้าที่เคารพเป็นแบบนี้แล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้
ถึงจะไม่เชื่อก็ตาม...แต่ยอมให้ทำนายอะไรหน่อยก็คงไม่เสียหาย
“ถ้าอย่างนั้น...คุณน้าทำนายให้แก้วหน่อยสิคะ
แก้วอยากรู้”
คราวนี้ถึงเป็นคราวที่วาสนาทำสีหน้าจริงจัง
แม้จะเห็นถึงความขบขันและไร้ซึ่งความใคร่รู้จากสายตาคู่นั้น
แต่มาถึงขนาดนี้แล้วก็ควรจะพูดให้เจ้าของชะตาได้ทราบ
แม้อีกฝ่ายจะไม่มีความศรัทธาเลยก็ตาม
“น้ารู้ว่าพูดไปหนูก็คงจะไม่เชื่อ
แต่น้าสัมผัสได้จริงๆ ว่ามีดวงจิตแสนไกลเรียกหาหนูแล้วมันก็เข้ามาใกล้ทุกที
น้าไม่รู้ว่าตอนนี้หนูสื่อสารหรือพบเจอเจ้าของจิตดวงนั้นหรือยัง
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เจ้าของจิตนี่ยังมีชีวิตอีกหรือเปล่า
น้ารู้แค่ตอนนี้หนูมีของแทนความผูกพันอยู่กับตัว แต่น้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร”
๏ อยุธยาเมืองเก่าของสยาม
วัดอารามโทรมทรุดไม่ทันสมัย
น้องเห็นใครเดินผ่านหายจากไป
เพราะเหตุใดถึงได้ปรากฏมา
๏ บันทึกลับ ร.ศ.หนึ่งร้อยหก
น้องเก็บพกกลับด้วยอยากค้นหา
คำทำนายทายทักแม่วาสนา
หรือคิดว่าน้องนี้จะนึกกลัว
-----------------------------------
จบบทด้วยกลอนเพราะๆ ค่ะ (คิดว่างั้น ฮ่าา)
หลังจากคุณแม่ให้คีโม มีอาการข้างเคียงค่อนข้างเยอะ ไรท์จึงหายตัวไปอีกแล้ว ฮือออ
จนผ่านมาถึงวันนี้ คุณแม่อาการดีขึ้น หายปวดท้อง แสบร้อนในปากลดลง สามารถรับประทานอาหารได้ แต่ไรท์ยังคงต้องทำอาหารอ่อนให้ทานจนกว่าจะจบคอร์สค่ะ
ตอนหน้าแม่แก้วจะได้เจอคุณหลวงแล้วน้าาา จะเจอยังไงมาติดตามกันค่าาา
ความคิดเห็น