ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมข้ามภพ (พีเรียดไทย)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๓ ทำนายทายทัก ๕๐%

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 65


       “ฉันบอกคุณย่าไว้ว่าจะถึงบ้านไม่เกินบ่ายสอง แต่นี่เธอแวะๆๆ ทุกที่ที่เราขับรถผ่านเลยนะแก้ว”


    วิชชุดาคร่ำครวญ มองดาราดาวรุ่งที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งอยู่ข้างหน้า


    กล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ถูกหมุนบันทึกภาพโดยรอบ ปลายเท้าย้ำเหยียบบนเศษใบไม้ร่วงโรยตามการเวลา มือหนึ่งกระชับกระเป๋าสะพายไว้ด้วยเกรงจะหลุดมือ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินสวนกันให้ขวักไขว่ หากดวงตาหวานกลับเพิกเฉยความวุ่นวายรอบกาย


    “สวย...แต่ดูเก่าไปหน่อย”


    แก้วกัลยาหันไปบอกวิชชุดาพลางเก็บเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กหย่อนลงในกระเป๋า ดวงหน้ามนหันไปมองโดยรอบ เห็นเศียรพระพุทธรูปถูกตัดหายไปยิ่งรู้สึกวาบในอก


    “วัดไชยวัฒนาราม สมัยพระเจ้าปราสาททอง”


    เพื่อนสนิทอธิบายสั้นๆ


    นางเอกสาวพยักหน้าหงึกหงักราวกับจะบอกให้ทราบว่าเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ทว่าเจ้าตัวกับกัดปากพลางหันมายิ้มหวาน ถามอย่างขวยเขิน


    “ว่าแต่ พระเจ้าปราสาททองนี่สมัยสุโขทัยหรืออยุธยาหรอ”


    แก้วกัลยามองตาปริบๆ อย่างน่าหมั่นไส้ วิชชุดาถลึงตาใส่เข้าให้พลางยกมะเหงกขึ้นในขณะที่อีกฝ่ายกระโดดโหยง หัวเราะด้วยความเจื่อนๆ ถึงหล่อนจะรับละครย้อนอดีตย้อนยุคมากเรื่องก็ตามที แต่กับเรื่องราวประวัติศาสตร์นี่หล่อนไม่เคยสนใจสักนิด แล้วก็ไม่คิดจะศึกษาด้วย!


    “เธอนี่นะ!


    “แหมเปรี้ยว...ก็อดีตมันแก้ไขอะไรไม่ได้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะรู้ไปทำไม เธอก็แบ่งๆ ความรู้ของเธอมาให้ฉันสักหน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า ขี้งกไปได้”


    คนพูดย่นจมูกใส่


    “สมัยอยุธยา”


    “โห...นี่มันผ่านมากี่ร้อยปีแล้วเนี่ย” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นนับ


    “นับถูกหรอ”


    “หึ”


    หญิงสาวส่ายหน้าเป็นพัลวัน ขนาดพระเจ้าอะไรปกครองสมัยไหน นับประสาอะไรจะให้หล่อนนับปีพุทธศักราช ถ้าให้เปลี่ยนจากพุทธศักราชเป็นคริสศักราชก็ว่าไปอย่าง


    แก้วกัลยามองหน้าเพื่อนกวนๆ พลางหันหน้ากลับ หากแต่เพียงเสี้ยววินาทีเหมือนหล่อนจะเห็นร่างบุรุษนุ่งโจงกระเบนเปลือยท่อนบนยืนหันหลังอยู่ไกลๆ ร่างอรชรพยายามชะเง้อดูหากแต่ไม่ชัดนัก เพียงนักท่องเที่ยวเดินผ่านหน้าไปชายฉกรรจ์ผู้นั้นก็หายวับไปราวโดนมนต์คาถา


    “เปรี้ยว ที่นี่มีการแสดงให้ดูด้วยหรอ”


    “เอ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”


    วิชชุดาขมวดคิ้ว เห็นเพื่อนแสดงท่าทีแปลกๆ แล้วก็อดเอะใจไม่ได้


    “ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”


    “เดี๋ยวฉันไปทางนั้นก่อนนะ”


    ชี้ไปทางร่วมไม้ใหญ่ไกลลิบๆ หากแต่ไม่ทันจะได้เอื้อนเอ่ย คนพูดก็วิ่งถลาออกไปราวกับเด็กๆ ปล่อยให้วิชชุดาทำหน้าเหวอ


    “ยัยแก้ว! ฉันให้เวลาสิบนาที!


    “รู้แล้ว เธอรอตรงนี้นี่แหละ” ไม่เพียงแต่จะไม่หยุดพูด ร่างบางยิ่งเพิ่มความเร็วไปอีก


    จนกระทั่งอยู่หน้าร่มไม้ใหญ่ แก้วกัลยาหอบแฮ่กพลางกวาดสายตาไปรอบ บริเวณนี้ไม่มีประติมากรรมสวยงามเฉกเช่นฝั่งทางนู้น จึงไม่มีนักท่องเที่ยวมาเก็บรูปนัก จึงกลายเป็นว่าตอนนี้หล่อนยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางความเงียบเชียบลมหนาวพัดวูบทำให้ขนลุกชัน


    เสียงเหยียบเศษใบไม้แห้งดังขึ้นด้านหลัง หญิงสาวหันกลับมาพลางนิ่วหน้าฉงน


    “มีใครอยู่หรือเปล่าคะ”


    ถามเสียงดังแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ มุ่งไปหน้าหวังจะกลับไปหาเพื่อนสาว แต่แล้วเงาตะคุ่มบริเวณซอกกำแพงทำเอาใจหายวูบ มือเล็กแตะหน้าอกเบาๆ พลางถอนหายใจฟู่


    “เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้วยัยแก้ว แดดออกจ้าขนาดนี้ ผีเผอมีที่ไหนกัน”


    ดวงตาสองข้างเหลือบมองซ้ายขวาอย่างครุ่นคิด ทว่าความอยากรู้ที่มีอยู่มากกว่าทำให้มือทั้งสองกระชับไว้มั่น อย่างไรเสียก็จะต้องรู้ให้ได้ว่าชายคนนั้นเป็นใครกัน!


    แก้วกัลยาย่องไปช้าๆ ราวกับจะจับแมวขโมย หากแต่เมื่อไปถึงซอกกำแพงทรุดโทรมกลับต้องขมวดคิ้วอีกรอบเมื่อไม่พบคนที่ตามหา ตรงหน้ามีหินก้อนขนาดท่อนแขนวางชิดขอบกำแพง หญิงสาวนั่งยองลงกับพื้นดินพลางยกหินก้อนใหญ่ออก ลมพัดผ่านทำเอาฝุ่นคลุ้งจนต้องถอยหนี


    สมุดบันทึกสีน้ำเงินปรากฏตรงหน้า หญิงสาวเข้าไปเอื้อมหยิบพลิกดูอย่างสงสัย กระดาษบางส่วนก็แหว่งหายไป ส่วนเนื้อเหลืองหม่นไปตามการเวลา รอยน้ำหมึกสีดำเริ่มเลือน พลิกเปิดหน้าแรกอย่างชั่งใจ เห็นเนื้อในข้อความแล้วก็คล้อยอ่านตาม


    “เดือนยี่ ร.ศ.หนึ่งร้อยห้า ฉันจักได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน กินอยู่เมืองยุโรปมาหลายปี ไม่ทราบว่าคุณแม่แลบ่าวในเรือนจักเป็นอย่างไรบ้าง กลับครานี้ฉันจักดูแลสยามเหมือนเช่นเจ้าคุณพ่อ ทำคุณประโยชน์ใต้ร่มบารมี หาได้นั่งๆ นอนๆ อยู่บนแผ่นดินเกิดไม่...”


    หญิงสาวกระตุกยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าของบันทึกมีความสุขเหลือเกินที่จะได้กลับบ้านนิ้วเรียวพลิกไปผ่านๆ ก่อนจะหยุดอ่านอีกรอบ


    “เดือนห้า ร.ศ.หนึ่งร้อยหก ฉันได้เป็นขุนตามที่ปรารถนา รับราชการกรมทหารเรือที่ชอบ หากแต่บ้านเมืองมิได้สงบอย่างที่คิด อ้ายพวกฝรั่งดั้งขอเร่งล่าอาณานิคมนัก...”


    “ยัยแก้ว!


    เสียงเรียกของวิชชุดาทำเอาสะดุ้ง รีบเก็บสมุดเล่มเก่าลงในกระเป๋าอย่างว่องไว หันไปยิ้มรับเพื่อนสนิทที่ตีหน้าขรึมอยู่ไม่ไกล ผู้คนผ่านไปมาส่งเสียงอื้ออึง


    “คนเยอะแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”


    “เธอพูดเรื่องอะไร คนก็เยอะแบบนี้ตั้งแต่เธอวิ่งหายเข้ามาแล้ว”


    คนพูดทำหน้างง ยิ่งเห็นแก้วกัลยาหน้าเปลี่ยนสีไปก็ส่ายหน้าเบาๆ เห็นแก้วกัลยาเดินปะปนเข้ามาในฝูงชนจนแทบหาไม่เจอ


    “ไม่ต้องมาทำหน้าสำนึกผิดเลย ฉันให้เวลาเธอสิบนาที แต่เล่นหายไปแบบนี้ แล้วนี่...เธอมายืนซ่อนแอบกับใครตรงนี้น่ะฮะ”


    วิชชุดาร่ายยาวมาเป็นชุด เห็นเพื่อนนิ่งเงียบไปก็ชักจะเป็นห่วง


    “เป็นอะไร หน้ามืดจะเป็นลมหรือเปล่า” ว่าแล้วก็สาวเท้าเข้ามาใกล้ ยื่นมาแตะหน้าผากมน


    “ฉันไม่เป็นอะไร”


    แก้วกัลยาปฏิเสธพลางยิ้มเจื่อนๆ มือเล็กจับหนังสือผ่านกระเป๋าผ้านิ่มๆ ว่าสิ่งที่เจอเป็นหลักฐานชั้นดีว่าเมื่อครู่หล่อนไม่ได้หลับกลางอากาศหรือฝันไป หญิงสาวเหลือบมองข้างกาย นักท่องเที่ยวเดินผ่านไปมากันให้วุ่นเห็นแล้วก็ชักใจเสีย แล้วทำไมเมื่อครู่หล่อนถึงไม่เห็นใครเลย!


    “รีบๆ ไปเถอะ อากาศร้อนแบบนี้ฉันกลัวว่าเธอจะเป็นลมเป็นแล้งไปอีก บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันอุ้มไม่ไหวเหมือนพระเอกละครของเธอหรอก” วิชชุดาโบกมือไหว มือหนึ่งเอื้อมไปจับอีกฝ่ายพลางกระตุกออกแรงให้เดินตาม โดยที่อีกฝ่ายก็ผ่อนแรงก้าวขาออกไปอย่างว่าง่าย

     

    กราบสวัสดีและขอโทษที่หายไปนานร่วมสองเดือนค่ะ

    หลังจากที่ไรท์แจ้งว่าคุณแม่ไม่สบาย ก็ตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อที่ปลายท่อน้ำดี คุณหมอเลยสั่งแอดมิดเพื่อทำการผ่าตัดทันที ซึ่งการผ่าตัดครั้งนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ (Whipple's operation) ร่วมกับคุณแม่มีความดันโลหิตสูงแบบไม่ได้รักษามาก่อน ทำให้มีภาวะหัวใจโตและความดันในปอดสูงร่วมด้วย คุณแม่จึงอยู่ใน icu สิบคืนและนอน รพ. ร่วมสองเดือนค่ะ เพิ่งจะได้กลับบ้านมาช่วงปีใหม่นี้เอง

    เวลาทั้งหมดนั้นคุณแม่รักษาตัวใน รพ. จังหวัด มีการติดเชื้อดื้อยาระดับ Super bug จากอุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่งต่อไปรักษาใน รพ. ศูนย์ใหญ่ของภาคโดยมีไรท์เป็นผู้เฝ้าไข้เพียงคนเดียว ทำให้ไม่ได้ใช้โน๊ตบุ๊คเลย นี่เป็นสาเหตุที่ไรท์หายไปค่ะ 

    อย่างไรระหว่างนี้ไรท์จะกลับมาอัพงานอีกครั้ง แต่อาจจะไม่ได้ถี่นัก (สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง) เนื่องจากคุณแม่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไรท์ยังต้องดูแลด้วยตัวเองตลอด 24 ชม. รวมไปถึงคุณหมอทางด้านมะเร็งจะนัดให้ยาคีโมต่อ ไรท์จึงยังต้องเข้าๆ ออกๆ รพ. เช่นเดิม

    เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ : )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×