คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ ๕ ทวิกาล ๑๐๐%
แก้วกัลยาพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง
มือข้างหนึ่งกุมศีรษะไว้ด้วยความมึนงง แสงสว่างส่องเข้ามากระทบกาย
หญิงสาวเอี่ยวตัวไปด้านข้าง
มือเล็กไขว่คว้าตามเบาะนอนไปมาหมายหยิบโทรศัพท์มือถือดูเวลาเหมือนเช่นทุกที
หากแต่สิ่งที่ได้กลับพบแค่เพียงอากาศ
โทรศัพท์ไปไหน...
ไม่สิ...หล่อนอยู่ที่ไหนกันแน่
ไวเท่าความคิด
ร่างบอบบางเด้งตัวขึ้นนั่งด้วยความรวดเร็ว หันไปรอบๆ แล้วได้แต่กุมขมับ
ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างล้วนเหมือนภาพในฝันทั้งสิ้น
มันคือห้องของหลวงไกรเดชาวรางค์กูรนั่นเอง
“คุณท่านจักไปแห่งใดฤาเจ้าคะ”
เสียงประตูไม้ถูกเปิดออกได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าด
เห็นสตรีผิวคล้ำห่มผ้าแถบสีน้ำตาลแดงนุ่งโจงกระเบนสีเข้มประคองขันทองเหลืองเข้ามาอย่างสุภาพ
หญิงสาวมองผู้มาใหม่จัดแจงตั้งสิ่งของในมือลงบนโต๊ะ
คุกเข่าคลานเข้ามาหาด้วยความนอบน้อม
“นี่ ไม่ต้องคลานหรอก เดินเข้ามาดีๆ
ก็ได้”
นางเอกสาวแห่งยุค 4.0 โบกมือไปมาอย่างกระอักกระอ่วน
ลอบสังเกตคนตรงหน้าแล้วคงไม่แคล้วอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นแน่
“มิได้เจ้าค่ะ คุณหญิงสั่งมาว่าให้บ่าวดูแลคุณท่านให้ดี” พูดจบแล้วก็เขยิบใกล้ โดยที่แก้วกัลยายังคงทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเมื่อคืนนี้จู่ๆ ถึงได้วูบไปเช่นนั้น “ปลดผ้าเถิดเจ้าค่ะ”
หญิงสาวยกมือปัดป้อง
เบิกตากว้างมองอย่างตระหนก
“จะให้ฉันถอดทำไม”
“บ่าวจักเช็ดตัวให้คุณท่านอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
หวี มองคนบนเตียงอย่างงุนงง
แม้ตนเองนึกสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดสตรีผู้งดงามผู้นี้ถึงได้แต่งตัวคล้ายฝรั่ง
ทว่าเค้าหน้ายังคงเผยให้เห็นถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน
แต่บ่าวอย่างเธอก็ไม่ควรยุ่งเรื่องของนายมากเช่นกัน
“นังหวีมันพูดถูก หล่อนยังตัวรุมๆ
ไม่สร่างไข้ ให้มันเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสียหน่อย หล่อนจักได้สบายตัว”
คุณหญิงบัวก้าวเข้ามาพลางส่งยิ้มละมุน
มองเลยผ่านไปเห็นหลวงไกรเดชาเดินตามมาด้วยท่าทางที่คาดเดาอารมณ์ยาก
แก้วกัลยาจึงละสายตามองสตรีสูงศักดิ์เบื้องหน้าแทน
“สวัสดีค่ะ”
ประนมยกมือไหว้อย่างประหม่า “ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
“วาจาแปลก...”
“คะ?”
“ตอนแรกก็คิดว่าหล่อนสะดุดล้มจนหัวฟาด
ที่ไหนได้หล่อนคงสลบไปเพราะพิษไข้” ว่าแล้วก็นั่งลงบนเตียง เอื้อมมือจับคางเรียวพลางหันซ้ายขวา
เมื่อคืนยังไม่ได้สำรวจละเอียดถี่ถ้วนเพราะความมืด เวลานี้จึงต้องมองแววเสียหน่อย
“หล่อนเพิ่งกลับมาจากเมืองฝรั่งฤา”
“คะ”
“คะนี่คือใช่ฤาไม่”
“เอ่อ...”
แก้วกัลยาเหลือบมองหลวงไกรเดชาที่ทอดมองมาโดยไม่พูดอะไร
แม้จะส่งสายตาขอความช่วยเหลือแต่ก็ยังนิ่งเฉย
ฮึ่มมม...หล่อนขอยึดคำชมที่เคยชมตอนฝันเห็นก็แล้วกัน
ผู้ชายอะไรหยิ่งชะมัด!
“เปล่าค่ะ”
หญิงสาวโคลงศีรษะ
มองบุคคลร่วมห้องอีกสามชีวิตทำหน้าฉงนแล้วก็กรอกตาไปมา
เอาวะ! เห็นทีอาชีพนักแสดงก็มีประโยชน์วันนี้นี่แหละ!
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”
“เหตุใดจึงแต่งตัวเช่นนี้เล่า”
คุณหญิงบัวมองเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับเกงเกงขาบานตัวยาว
แลหญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบายใจจึงว่าต่อ
“เอาเถิด...หล่อนมิต้องตอบก็ย่อมได้
เอาเป็นว่ามีใครเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังได้บ้างว่ามันเกิดกระไร”
คุณหญิงบัวหันไปทางร่างสูงใหญ่
“กระผมมิทราบขอรับ ตื่นมาดึกๆ ดื่นๆ
ก็เห็นหล่อน...”
เสียงทุ้มพูดแล้วก็ชะงักกึก
ภาพแวบแรกที่เห็นเจ้าหล่อนแวบเข้ามาในหัว
จะให้บอกได้อย่างไรว่าจมูกหล่อนชนแก้มเขาถึงได้ตื่นเสียเต็มประดา
“แก้วเล่าไปทุกคนก็คงไม่เชื่อหรอก...เจ้าค่ะ”
หญิงสาวงุดหน้าลงด้วยไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“หล่อนชื่อกระไร...แก้วใช่ไหม”
ได้ยินแทนสรรพนาม จึงถามออกไปเพื่อเรียกถูกต้อง
“เจ้าค่ะ”
“เล่ามาก่อนเถิดแม่แก้ว
แล้วจักตัดสินใจว่าเชื่อหรือไม่”
หญิงสาวสูดลมหายใจลึก เอาวะ! อย่างมากก็แค่หาว่าหล่อนบ้า!
“แก้วมาจากสมุดบันทึกของคุณหลวงไกรเจ้าค่ะ
แก้วมาจากอนาคต” ไม่ว่าเปล่ายังชี้นิ้วไปยังสมุดบันทึกวางเรียบร้อยอยู่บนโต๊ะ
คุณหญิงบัวขมวดคิ้วฉงนหนักเข้า ยิ่งทำให้คนเล่าใจคอไม่ดี
“บอกแล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ”
“หล่อนจักให้เชื่อได้อย่างไร
คนแห่งใดกันจักมาทางกระดาษ ถ้ามาจากอนาคตจริง หล่อนก็ต้องตอบได้ว่าต่อไปสยามจักเป็นเมืองขึ้นของอ้ายพวกฝรั่งหรือไม่”
คราวนี้เป็นชายชาตรีเพียงคนเดียวภายในห้องเอ่ยขึ้นมาบ้าง จนถึงป่านนี้แล้วยังไม่ยอมรับอีกว่าเป็นบุตรีเรือนใด
“คุณหลวงหาว่าแก้วโกหกรึเจ้าคะ”
“ฤาไม่”
“มิใช่เสียหน่อย!”
“พอทั้งคู่”
เสียงปรามเอ่ยขึ้นพลางยกมือห้ามศึก “หากหล่อนมาจากสมุดนั่นจริงๆ
เช่นนั้นก็แสดงว่าหล่อนไม่มีเรือนพัก”
“เจ้าค่ะ” ตอบเสียงอ่อนลง
ลอบเห็นคุณหลวงเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วก็อยากจะเอามือตะปบแรงๆ ให้หายเคือง
“พักด้วยกันเสียที่นี่”
“คุณแม่”
เสียงทุ้มเรียกดัง
แต่ก็ถูกสายตาดุหันไปปราม
“จะให้น้องอยู่ด้วยดีๆ
หรือจักให้แม่บังคับพ่อไกรออกเรือนเหตุด้วย...”
“ขอรับคุณแม่ กระผมมิอาจขัด”
หากไม่ยอมรับข้อเสนอนี้
เห็นทีคุณแม่ต้องเอาเรื่องเมื่อคืนมาขู่ให้เขาออกเรือนจริงๆ แต่เช่นนั้นก็ตามที
คุณแม่จะไว้ใจสตรีผู้นี้มากเกินไปแล้ว ไม่แม้แต่จะรู้จักหัวนอนปลายเท้าแต่ยินยอมให้พักในเรือนง่ายดายนัก...ถึงหล่อนจะหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับ
‘แม่แก้ว’ ในนิมิตทุกชั่วคืนก็ตามที
อย่าบอกนะว่าคุณแม่เชื่อเรื่องที่ปรุงบอกว่าจะได้ลาภมาแบบแปลกๆ
แต่แบบนี้ดูแปลกเกินไปเสียหน่อย คิดว่าหล่อนเป็นนางฟ้านางไม้หรืออย่างไร!
“นังหวี ประเดี๋ยวเอ็งไปบอกพวกบ่าวให้เตรียมห้องหับทางทิศตะวันออกไว้เสีย
หากผู้ใดถามบอกไปว่าเอ็งมิรู้มิเห็น ใครอยากรู้อันใดก็ให้มาถามข้า”
คุณหญิงบัวสั่งยาวๆ โดยที่หวีก็ก้มรับแต่โดยดี
แต่เพียงเห็นบ่าวค่อยคลานศอกออกไปก็ไม่ลืมกำชับ “เรื่องที่แม่แก้วพูด
หากข้าได้ยินเอ็งปากมาก จะโบยให้หลังลายเชียว”
“บ่าวมิกล้าดอกเจ้าค่ะ”
คุณหญิงบัวมองตามบ่าวที่ออกไปอย่างเร่งรีบ
เห็นหลวงไกรเดชาทำท่าจะหมุนตัวตามไปแล้วจึงกระแอมเบาๆ เสียสองสามที
“พ่อไกรจักไปไหน”
“กระผมต้องเข้าเวรในกรมขอรับ”
ปลายตามองร่างบอบบางบนเตียงที่เชิดหน้าขึ้นราวกับจะท้าทายจึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดุ
“กรมทหารเรือหรือเจ้าคะ” ตอบตามใจคิด
จำได้ว่าในฝันเป็นเช่นนั้น
“หล่อนรู้อย่างไร”
แก้วกัลยากลืนน้ำลายด้วยรู้ตัวว่าพลาดท่าเสียแล้ว
“เดาเอาเจ้าค่ะ”
ดูเหมือนว่านายทหารกำลังอ้าปากคิดจะพูดอะไรสักอย่าง
แต่แล้วกลับไม่พูดอะไรเดินออกไปเงียบๆ ปล่อยให้คุณหญิงบัวลอบสังเกตปฏิกิริยาของคนทั้งสอง
ดูเหมือนว่าลาภเป็นสัตว์สองเท้าที่นังปรุงเอ่ยถึงจะใช่แม่แก้วผู้นี้เป็นแม่นมั่น! มาด้วยความพิลึกไปเสียทุกอย่าง
ทั้งการพบเจอ การแต่งกายหรือแม้แต่กิริยาท่าทาง!
ตอนนี้เป็นลูกสาวเรือนไหนหรือมาจากหนใดก็ไม่ใคร่สนใจ สิ่งสำคัญคือขอให้หล่อนเป็นคนดีอย่างที่หวังและเป็นเนื้อคู่ของบุตรชายตนเองเป็นพอ!
เอ...แต่ทำอย่างไรให้ทั้งคู่พอใจกันดีหนอ
จะบังคับให้ออกเรือนพ่อไกรก็คงค้านหัวชนฝา
ทำอย่างไรจึงจะได้เห็นหน้าหลานในเร็ววัน
๏ ฟ้ามืดลงดาวลอยบุหลันเด่น
คืนนี้เป็นจันทร์เพ็ญมิต้องหา
พี่เข้านอนท่ามกลางลมพัดพา
เพียงหลับตาครู่หนึ่งก็แปลกใจ
๏ หญิงใดยืนอยู่ ณ ที่นั้น
ฤาเป็นฝันครานี้คงมิใช่
เร่งบอกมาที่แท้หล่อนเป็นใคร
ยังมิได้คำตอบใดคุณแม่มา!
ความคิดเห็น