คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ ๕ ทวิกาล ๕๐%
“รีบกลับเรือนหล่อนไปก่อนที่ใครจักมาเห็น”
แม้จะยังคิดสงสัยในตัวหล่อนว่าอีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับนางในนิมิตนั้นหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาไตร่ตรองเวลานี้
ตอนนี้ควรให้หล่อนออกไปจากห้องของเขาให้เร็วที่สุดก่อนที่คุณแม่ท่านจะมาเห็นเข้า
มิเช่นนั้นแล้วคงจะไม่พ้นเร่งออกเรือนเสียเป็นแน่แท้
ว่าแต่หล่อนเข้ามาได้อย่างไร!
“แก้ว...”
แก้วกัลยาอึกอัก
ปราดวิ่งไปยังหน้าต่างอย่างว่องไว หญิงสาวก้มๆ เงยๆ
เป็นการใหญ่ก่อนจะหยิบเอาสมุดเล่มสีน้ำเงินที่ตกอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาถือไว้แล้วหันไปชูให้หลวงไกรเดชาดู
“แก้วกำลังจะกลับเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแล้วก็เลิกลั่ก
ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉงน
ไม่เข้าใจว่าหล่อนกำลังจะทำอะไรกับสมุดบันทึกของเขา เห็นเธอพลิกไปมาเสียหลายหน
มิหนำซ้ำยังเขย่าสมุดไปมาอีก
“หล่อนจักทำกระไรสมุดบันทึกฉัน”
“เอ๋...ของคุณหลวงหรือคะ”
หญิงสาวหน้าเหวอ ขยับสายตาเข้าไปใกล้
แม้จะต้องอาศัยความพยายามจากแสงตะเกียงที่แขวนอยู่นอกชานเรือน
มันดูใหม่กว่าเล่มที่หล่อนเก็บได้จริงๆ กระดาษก็ดูสีไม่เหลืองเหมือน
ว่าแต่...
“แล้วกระดาษที่เขียนกลอนมันหายไปไหนคะ”
“กลอนกระไร”
ยิ่งถามยิ่งคิ้วขมวด
ตั้งแต่ใช้สมุดบันทึกเล่มนั้นมาเขาก็ไม่เคยเขียนกลอนอะไรลงในสมุดนั่น
จะมีก็แต่เรื่องราวสำคัญที่เกิดในชีวิตที่เขาไม่อยากให้เลือนไปตามกาลเวลา
“ก็...กลอนรัก คือ...มัน เฮ้อ!”
ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายแล้วก็ได้แต่กุมขมับ
กลอนรัก?
หลวงไกรเดชาเหลือบมองสตรีตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีกลอนรักอยู่ในนั้น! อย่าว่าแต่กลอนรักเลย หญิงรักก็ไม่เคยคิดหา
“ถ้ามิมีกลอนที่หล่อนต้องการ
จักเกิดกระไร”
“ไม่รู้สิคะ ก็ตอนมา
มาเพราะกลอนนั่น...ตอนกลับ ก็คงต้องใช้กลอนนั่นเหมือนกัน”
โคลงศีรษะพลางทรุดตัวลงบนเก้าอี้
เหลือบมองแสงจันทร์เต็มดวงที่ค่อยๆ ถูกเมฆกลืนทีละน้อย
จนป่านนี้ยังไม่มั่นใจเลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง
ข้ามกาลเวลามานับร้อยกว่าปีเนี่ยนะ!
“พ่อไกร”
เสียงเรียกละมุนพร้อมๆ
กับแรงเคาะที่หน้าประตูไม้ทำให้หญิงสาวในห้องหน้าเหวอ หลวงไกรเดชาเอื้อมมือไปจับท่อนแขนบางด้วยความตกใจ
รีบผลักเจ้าหล่อนไปหลบอยู่ข้างตู้ไม้ใบใหญ่
“จะทำอะไรคะ” แม้ปากจะถาม
แต่ก็ยอมซุกตัวลงเงียบๆ
“คุณแม่ท่านมา”
ว่าพลางเหลือบมองประตูด้วยความไม่สบายใจ “หล่อนหลบอยู่ตรงนี้ก่อน
ถ้าคุณแม่ท่านรู้ว่าหล่อนอยู่ในห้องฉัน เรื่องใหญ่เป็นแน่”
“พ่อไกร เปิดประตูหน่อยพ่อ”
เคาะเรียกสองสามทีพลางเงี้ยหูฟัง
เมื่อเห็นบุตรชายไม่ตอบจึงหันไปหาคนร่างใหญ่ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ “ไอ้ทอง
เอ็งมั่นใจนะว่าได้กลิ่นไหม้มาจากห้องพ่อไกร”
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีกขอรับคุณหญิง
บ่าวนอนเฝ้าอยู่หน้าเรือนตลอดเวลา ได้กลิ่นได้ยินกระไรผิดแผกไปก็ตื่นแล้วขอรับ”
ทองยิ้มแห้งเมื่อแลคุณหญิงบัวส่งสายตาดุ
“มิใช่เอ็งฝันดอกฤา”
“โธ่ เชื่อใจไอ้ทองเถิดขอรับ”
ว่าแล้วใช้มือแตะอกตัวเองอย่างมั่นใจ
เพียงชั่วครู่เห็นประตูไม้บานใหญ่ตะกุกตะกักก่อนจะปรากฏร่างชายชาตรี
เดินออกมาอย่างใจเย็นแล้วก็ยิ้มยิงฟันเห็นรอยหมากพลู “นั่นไงขอรับ
คุณหลวงท่านมาเปิดแล้ว”
“มีกระไรดึกๆ ดื่นๆ ฤาขอรับคุณแม่”
“บาดเจ็บตรงไหนฤาเปล่าพ่อ”
เอื้อมมือไปจับร่างแข็งแรง
“คุณแม่หมายความว่ากระไรฤาขอรับ”
“ไอ้ทองบอกแม่
ว่าได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากห้องนอนพ่อ” พยักเพยิดไปทางคนที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ
แต่แล้วหลวงไกรเดชากลับเพ่งหน้าดุ
“เข้าใจผิดเสียแล้วกระมังไอ้ทอง”
“ไอ้ทองผู้นี้ได้ยินจริงๆ
หนาขอรับคุณหลวง”
ว่าไปพลางก็ทำจมูกฟุดฟิดเข้าใส่
พยายามชะเง้อมองลอดเข้าไปในห้องอย่างใคร่รู้แต่ก็ถูกติเตียนเบาๆ
“ฉันบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างไรเล่า”
ไม่พูดเปล่ายังก้าวเข้ามาปิดสายตาคนช่างรู้
“เถียงกันแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะจบ
ในเมื่อลูกข้าบอกมิมีก็ย่อมเป็นเรื่องเข้าใจผิด เอ้า! กลับไปนอนกันได้แล้ว
เอ็งทำข้าเสียเพลาจริงๆ”
คุณหญิงบัวส่งเสียงพลางยกมะเหงกเคาะเข้าให้ที่หน้าผากกว้างในขณะที่คนถูกกระทำยกมือลูบปรอยๆ
ทำหน้าสงสาร
“แต่ว่า...”
“นี่ข้าไม่เฆี่ยนเอ็งก็ดีเท่าไรแล้วไอ้ทอง
เอาอะไรไปบอกก็ตรวจตราความจริงเสียก่อน”
คุณหญิงบัวยกแขนขึ้นเท้าสะเอวพลางยกมือป้องปากหาว
แต่ก่อนที่จะหมุนตัวกลับ เสียงบางอย่างกลับเรียกทั้งสามให้หยุดชะงัก
ตั๊บแก่!
“กรี๊ดดด ออกไปนะ!”
คุณหญิงบัวหันกลับมาแทบจะทันที
มองหลวงไกรเดชาชำเลืองมองไปในห้องแล้วก็ก้าวถกชายกระเบนสีหม่นก้าวยาวๆ
หวังจะเข้าไปภายในห้องนอน
ทว่าไม่ทันย่างก้าวเข้าไปก็แลเห็นร่างหญิงสาวท่าทางกระโดกกระดากหลับหูหลับตาวิ่งจนพื้นไม้สะเทือนตึงตัง
“คุณหลวง ตุ๊กแก...ตุ๊กแกตัวใหญ่
ว้าย”
“หล่อนระวัง”
โครม!
“อกอีแป้นจะแตก”
คุณหญิงบัวยกมือทาบอก
ถอยหลังหนีด้วยความตกใจ
แก้วกัลยาหน้าคะมำลงกับพื้นเสียงดังโครมด้วยความไม่ทันระวัง
คิดแต่จะหนีเจ้าสัตว์เลื้อยคลานน่ากลัวจนกระทั่งเกือบพ้นออกมาจากประตู
ไม่รู้ว่าเพราะความมืดหรือความซุ่มซ่ามที่ทำให้สาวเจ้าสะดุดธรณีประตูขนาดเลยพื้นมาเสียสองคืบ
“หล่อน!”
หลวงไกรเดชาร้องเรียกด้วยความตกใจ
รีบขยับกายเข้าหาแตะร่างแน่งน้อยเบาๆ
“มัวแต่มองกระไร
รีบเข้าไปช่วยเร็วเข้า”
คุณหญิงบัวหันไปสั่งทองที่พยักหน้ารับเสียสองสามครา
กระเถิบตัวเข้าใกล้อีกหน่อย
“มิต้อง”
หลวงไกรเดชาว่าแล้วพลิกสตรีพิลึกที่นอนแน่นิ่งไป
ยิ่งแลเห็นหญิงสาวตัวอ่อนปวกเปียกพร้อมใบหน้าที่หลับพริ้มไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้วก็ไม่รู้จะทำเช่นไร
จึงตัดสินใจช้อนร่างเบาบางไว้ในอ้อมอก ก้าวดุ่มๆ เข้าไปด้านในอย่างว่องไว
แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ตาม
เกิดอะไรขึ้น...
คุณหญิงบัวและบ่าวผู้ก่อเรื่องชะแง้มองตามด้วยความงุนงง
ทองเกาหัวแกรกๆ ในขณะที่คุณหญิงเริ่มมีหน้าตากรุ้มกริ่มเมื่อคิดอะไรขึ้นได้
“เหตุใดกระผมมิคุ้นหน้าหญิงผู้นั้นเลยขอรับ
แต่งตัวแปลก กิริยาท่าทางก็มิน่าดูเสียเลย คุณหญิงเคยเห็นหล่อนหรือไม่ขอรับ”
หันไปถาม แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นมะเหงกแรงๆ เสียทีหนึ่ง
“ลามปามแล้วหนาเอ็ง”
กล่าวจบก็ตามหลวงไกรเดชาเข้าไป
รอยยิ้มเผยเห็นรอยหมากพลูเต็มปาก
ปล่อยให้บ่าวผู้ซึ่งยังไม่เข้าใจอะไรทำหน้าฉงนคิดจนหัวจะระเบิด
ท่าทางคำทำนายนังปรุงจะเป็นจริงเสียแล้ว!
ความคิดเห็น