ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมข้ามภพ (พีเรียดไทย)

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ ๕ ทวิกาล ๕๐%

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 65


    “รีบกลับเรือนหล่อนไปก่อนที่ใครจักมาเห็น”


    แม้จะยังคิดสงสัยในตัวหล่อนว่าอีกฝ่ายเกี่ยวข้องกับนางในนิมิตนั้นหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาไตร่ตรองเวลานี้ ตอนนี้ควรให้หล่อนออกไปจากห้องของเขาให้เร็วที่สุดก่อนที่คุณแม่ท่านจะมาเห็นเข้า มิเช่นนั้นแล้วคงจะไม่พ้นเร่งออกเรือนเสียเป็นแน่แท้


    ว่าแต่หล่อนเข้ามาได้อย่างไร!


    “แก้ว...”


    แก้วกัลยาอึกอัก ปราดวิ่งไปยังหน้าต่างอย่างว่องไว หญิงสาวก้มๆ เงยๆ เป็นการใหญ่ก่อนจะหยิบเอาสมุดเล่มสีน้ำเงินที่ตกอยู่ใต้โต๊ะขึ้นมาถือไว้แล้วหันไปชูให้หลวงไกรเดชาดู


    “แก้วกำลังจะกลับเดี๋ยวนี้ค่ะ” ถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแล้วก็เลิกลั่ก


    ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉงน ไม่เข้าใจว่าหล่อนกำลังจะทำอะไรกับสมุดบันทึกของเขา เห็นเธอพลิกไปมาเสียหลายหน มิหนำซ้ำยังเขย่าสมุดไปมาอีก


    “หล่อนจักทำกระไรสมุดบันทึกฉัน”


    “เอ๋...ของคุณหลวงหรือคะ”


    หญิงสาวหน้าเหวอ ขยับสายตาเข้าไปใกล้ แม้จะต้องอาศัยความพยายามจากแสงตะเกียงที่แขวนอยู่นอกชานเรือน มันดูใหม่กว่าเล่มที่หล่อนเก็บได้จริงๆ กระดาษก็ดูสีไม่เหลืองเหมือน


    ว่าแต่...


    “แล้วกระดาษที่เขียนกลอนมันหายไปไหนคะ”


    “กลอนกระไร”


    ยิ่งถามยิ่งคิ้วขมวด ตั้งแต่ใช้สมุดบันทึกเล่มนั้นมาเขาก็ไม่เคยเขียนกลอนอะไรลงในสมุดนั่น จะมีก็แต่เรื่องราวสำคัญที่เกิดในชีวิตที่เขาไม่อยากให้เลือนไปตามกาลเวลา


    “ก็...กลอนรัก คือ...มัน เฮ้อ!


    ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาอธิบายแล้วก็ได้แต่กุมขมับ


    กลอนรัก?


    หลวงไกรเดชาเหลือบมองสตรีตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีกลอนรักอยู่ในนั้น! อย่าว่าแต่กลอนรักเลย หญิงรักก็ไม่เคยคิดหา


    “ถ้ามิมีกลอนที่หล่อนต้องการ จักเกิดกระไร”


    “ไม่รู้สิคะ ก็ตอนมา มาเพราะกลอนนั่น...ตอนกลับ ก็คงต้องใช้กลอนนั่นเหมือนกัน”


    โคลงศีรษะพลางทรุดตัวลงบนเก้าอี้ เหลือบมองแสงจันทร์เต็มดวงที่ค่อยๆ ถูกเมฆกลืนทีละน้อย จนป่านนี้ยังไม่มั่นใจเลยว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือความจริง ข้ามกาลเวลามานับร้อยกว่าปีเนี่ยนะ!


    “พ่อไกร”


    เสียงเรียกละมุนพร้อมๆ กับแรงเคาะที่หน้าประตูไม้ทำให้หญิงสาวในห้องหน้าเหวอ หลวงไกรเดชาเอื้อมมือไปจับท่อนแขนบางด้วยความตกใจ รีบผลักเจ้าหล่อนไปหลบอยู่ข้างตู้ไม้ใบใหญ่


    “จะทำอะไรคะ” แม้ปากจะถาม แต่ก็ยอมซุกตัวลงเงียบๆ


    “คุณแม่ท่านมา” ว่าพลางเหลือบมองประตูด้วยความไม่สบายใจ “หล่อนหลบอยู่ตรงนี้ก่อน ถ้าคุณแม่ท่านรู้ว่าหล่อนอยู่ในห้องฉัน เรื่องใหญ่เป็นแน่”


    “พ่อไกร เปิดประตูหน่อยพ่อ” เคาะเรียกสองสามทีพลางเงี้ยหูฟัง เมื่อเห็นบุตรชายไม่ตอบจึงหันไปหาคนร่างใหญ่ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ “ไอ้ทอง เอ็งมั่นใจนะว่าได้กลิ่นไหม้มาจากห้องพ่อไกร”


    “แน่เสียยิ่งกว่าแน่อีกขอรับคุณหญิง บ่าวนอนเฝ้าอยู่หน้าเรือนตลอดเวลา ได้กลิ่นได้ยินกระไรผิดแผกไปก็ตื่นแล้วขอรับ” ทองยิ้มแห้งเมื่อแลคุณหญิงบัวส่งสายตาดุ


    “มิใช่เอ็งฝันดอกฤา”


    “โธ่ เชื่อใจไอ้ทองเถิดขอรับ” ว่าแล้วใช้มือแตะอกตัวเองอย่างมั่นใจ เพียงชั่วครู่เห็นประตูไม้บานใหญ่ตะกุกตะกักก่อนจะปรากฏร่างชายชาตรี เดินออกมาอย่างใจเย็นแล้วก็ยิ้มยิงฟันเห็นรอยหมากพลู “นั่นไงขอรับ คุณหลวงท่านมาเปิดแล้ว”


    “มีกระไรดึกๆ ดื่นๆ ฤาขอรับคุณแม่”


    “บาดเจ็บตรงไหนฤาเปล่าพ่อ” เอื้อมมือไปจับร่างแข็งแรง


    “คุณแม่หมายความว่ากระไรฤาขอรับ”


    “ไอ้ทองบอกแม่ ว่าได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากห้องนอนพ่อ” พยักเพยิดไปทางคนที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ แต่แล้วหลวงไกรเดชากลับเพ่งหน้าดุ


    “เข้าใจผิดเสียแล้วกระมังไอ้ทอง”


    “ไอ้ทองผู้นี้ได้ยินจริงๆ หนาขอรับคุณหลวง”


    ว่าไปพลางก็ทำจมูกฟุดฟิดเข้าใส่ พยายามชะเง้อมองลอดเข้าไปในห้องอย่างใคร่รู้แต่ก็ถูกติเตียนเบาๆ


    “ฉันบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างไรเล่า” ไม่พูดเปล่ายังก้าวเข้ามาปิดสายตาคนช่างรู้


    “เถียงกันแบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะจบ ในเมื่อลูกข้าบอกมิมีก็ย่อมเป็นเรื่องเข้าใจผิด เอ้า! กลับไปนอนกันได้แล้ว เอ็งทำข้าเสียเพลาจริงๆ”


    คุณหญิงบัวส่งเสียงพลางยกมะเหงกเคาะเข้าให้ที่หน้าผากกว้างในขณะที่คนถูกกระทำยกมือลูบปรอยๆ ทำหน้าสงสาร


    “แต่ว่า...”


    “นี่ข้าไม่เฆี่ยนเอ็งก็ดีเท่าไรแล้วไอ้ทอง เอาอะไรไปบอกก็ตรวจตราความจริงเสียก่อน”


    คุณหญิงบัวยกแขนขึ้นเท้าสะเอวพลางยกมือป้องปากหาว แต่ก่อนที่จะหมุนตัวกลับ เสียงบางอย่างกลับเรียกทั้งสามให้หยุดชะงัก


    ตั๊บแก่!


    “กรี๊ดดด ออกไปนะ!


    คุณหญิงบัวหันกลับมาแทบจะทันที มองหลวงไกรเดชาชำเลืองมองไปในห้องแล้วก็ก้าวถกชายกระเบนสีหม่นก้าวยาวๆ หวังจะเข้าไปภายในห้องนอน ทว่าไม่ทันย่างก้าวเข้าไปก็แลเห็นร่างหญิงสาวท่าทางกระโดกกระดากหลับหูหลับตาวิ่งจนพื้นไม้สะเทือนตึงตัง


    “คุณหลวง ตุ๊กแก...ตุ๊กแกตัวใหญ่ ว้าย”


    “หล่อนระวัง”


    โครม!


    “อกอีแป้นจะแตก”


    คุณหญิงบัวยกมือทาบอก ถอยหลังหนีด้วยความตกใจ


    แก้วกัลยาหน้าคะมำลงกับพื้นเสียงดังโครมด้วยความไม่ทันระวัง คิดแต่จะหนีเจ้าสัตว์เลื้อยคลานน่ากลัวจนกระทั่งเกือบพ้นออกมาจากประตู ไม่รู้ว่าเพราะความมืดหรือความซุ่มซ่ามที่ทำให้สาวเจ้าสะดุดธรณีประตูขนาดเลยพื้นมาเสียสองคืบ


    “หล่อน!


    หลวงไกรเดชาร้องเรียกด้วยความตกใจ รีบขยับกายเข้าหาแตะร่างแน่งน้อยเบาๆ


    “มัวแต่มองกระไร รีบเข้าไปช่วยเร็วเข้า”


    คุณหญิงบัวหันไปสั่งทองที่พยักหน้ารับเสียสองสามครา กระเถิบตัวเข้าใกล้อีกหน่อย


    “มิต้อง”


    หลวงไกรเดชาว่าแล้วพลิกสตรีพิลึกที่นอนแน่นิ่งไป ยิ่งแลเห็นหญิงสาวตัวอ่อนปวกเปียกพร้อมใบหน้าที่หลับพริ้มไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้วก็ไม่รู้จะทำเช่นไร จึงตัดสินใจช้อนร่างเบาบางไว้ในอ้อมอก ก้าวดุ่มๆ เข้าไปด้านในอย่างว่องไว แม้จะรู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควรก็ตาม


    เกิดอะไรขึ้น...


    คุณหญิงบัวและบ่าวผู้ก่อเรื่องชะแง้มองตามด้วยความงุนงง ทองเกาหัวแกรกๆ ในขณะที่คุณหญิงเริ่มมีหน้าตากรุ้มกริ่มเมื่อคิดอะไรขึ้นได้


    “เหตุใดกระผมมิคุ้นหน้าหญิงผู้นั้นเลยขอรับ แต่งตัวแปลก กิริยาท่าทางก็มิน่าดูเสียเลย คุณหญิงเคยเห็นหล่อนหรือไม่ขอรับ” หันไปถาม แต่ก็ได้รับคำตอบเป็นมะเหงกแรงๆ เสียทีหนึ่ง


    “ลามปามแล้วหนาเอ็ง”


    กล่าวจบก็ตามหลวงไกรเดชาเข้าไป รอยยิ้มเผยเห็นรอยหมากพลูเต็มปาก ปล่อยให้บ่าวผู้ซึ่งยังไม่เข้าใจอะไรทำหน้าฉงนคิดจนหัวจะระเบิด


    ท่าทางคำทำนายนังปรุงจะเป็นจริงเสียแล้ว!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×