คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ลำนำบทที่๑ ละจากนิทรา
บทที่๑
บ่อยครั้งที่ข้าฝัน ฝันถึงบางสิ่งบางอย่าง ฝันถึงอะไรที่คุ้นตา แต่ข้ากลับจำไม่ได้เลยว่าข้าเคยมาเยือนสถานที่แห่งนั้น หรือแม้แต่สัมผัสแห่งสายลมนั่นข้าก็ไม่คุ้นเลย โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่กลางทุ่งดอกไม้ แม้ข้าจะฝันเห็นเธอมาในหลายห้วงนิทรา ทว่าจวบจนบัดนี้...ข้าก็ยังมิสามารถจำใบหน้าของเธอได้อยู่ดี
นิทรานี้ข้ามิหวังสิ่งใด...
เพียงปรารถนาโอบสัมผัสแห่งความอาดูร
เพียงปรารถนาอ้อมแขนแห่งอนธกาล
เพียงปรารถนา...จักจมดิ่งสู่ดวงจิตแห่งข้านิรันดร
พลันความมืดก็แปรเปลี่ยนไป...
‘อา....ที่นี่มันที่ไหนกัน’ สัมผัสแห่งแสงสว่างเข้าไล้ล้อมทัศนียภาพของผู้เป็นเจ้าของเนตรคมสีม่วงอ่อนที่ปรากฏขึ้นยามเปลือกตาเปิดออก แสงสว่าง...ทว่าไม่แสบตา มันเป็นสัมผัสอันคุ้นเคย และกลิ่นอายของความอบอุ่นที่ทำให้นึกถึงใครบางคน
หลังม่านแห่งแสงสว่างยามถูกเปิดออกก็คือทุ่งดอกไม้หลากสีสันหลากเผ่าพันธุ์กว้างไกลสุดขอบนภาสีฟ้าสด ปุยเมฆบางสีขาวที่ปรากฏยามนี้ช่างงดงามราวเทพธิดาตัวน้อยบรรจงจัดเรียงอย่างประณีตบรรจง สายลมอ่อนโชยพัดยอดหญ้าและกลีบดอกไม้ให้ล่องลอยไปราวกับหยอกล้อกัน หมู่มวลบุษบาสีสดไหวเอื่อยๆอย่างพร้อมเพรียงแลดูสมัครสมานรักใคร่ ดวงตาคู่นั้นเหม่อมองด้วยความเศร้าสร้อย....คงมีซักวันที่ชาวอมราลัยจักกลับมาเป็นพี่น้องกันใช่ไหม --- ข้า...ได้แต่หวังสินะ
พลันเนตรคู่คมกลับมีประกายวาวขึ้นมาด้วยสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง ราวกับเขาเฝ้ารอคอยการมาเยือนครั้งนี้ แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ตอนนี้ เวลานี้...เธอมาแล้ว!!!
เด็กสาวร่างบางในอาภรณ์เรียบๆสีขาวสะอาดเข้ากับผิวสีน้ำนม ทว่าตัดกับผมสีดำสนิทราวท้องนภายามค่ำคืนที่สยายตามสายลมของเธอ เสียงหัวเราะกังวานใสสลับกับเสียงร้องเพลงหวานๆทำให้เขายันตัวลุกขึ้น คนที่เขาเฝ้ารออย่างไร้เหตุผล บัดนี้กำลังเริงระบำอยู่กลางหมู่มวลดอกไม้ด้วยท่วงท่าแห่งความปีติ สดใสและเบิกบานราวกับเธอมิเคยมีความทุกข์ใดมาแผ้วพาน --- หันมาแล้ว ในที่สุดเธอก็หันมา...จะพูดว่าเหมือนทุกครั้งได้รึเปล่านะ ข้าเองก็จำไม่ได้ --- ดวงหน้าสวยที่มีเส้นผมยาวสีดำไล้ล้อมรอบช่างจับตา จับใจ คิ้วเข้มของเธอเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ดวงตาหวานสีน้ำทะเลใสแวววาวราวอัญมณีจ้องมองเขาอย่างประหลาดใจ จมูกโด่งพองามเชิดปลายส่อแววรั้นรับกับเรียวปากบางสีอ่อน แต่แล้วจู่ๆเธอก็คลี่ยิ้มกว้างจนตาเป็นขีด ลักยิ้มที่ปรากฏบนพวงแก้มอมชมพูสองข้างทำให้เจ้าหล่อนดูราวกับเด็ก
“ว้า...เจ้าอีกแล้วเหรอ”เธอแสร้งพูดอย่างเบื่อหน่าย เนตรคู่โตมองเขาอย่างนึกขัน แต่เขาก็ยังไม่ตอบอะไรเธออยู่ดี ที่เขาทำก็เพียงแค่เดินเข้าไปหาเธอแล้วหยุดมองดูอยู่เฉยๆ เธอหัวเราะเบาๆแล้วก้มลงเด็ดดอกไม้สีขาวขึ้นมา
“ข้าให้เจ้า...” เขามองดอกไม้ดอกนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรับมันมาอย่างแผ่วเบา มัน...ช่างดูบอบบางอะไรเช่นนี้ --- เขาตวัดเนตรคมขึ้นมองเธอ เด็กสาวทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อแต่แล้วกลับหยุดไป
เธอหันหน้าไปทางทิศเหนือลม สายลมเอื่อยๆบัดนี้เริ่มพัดแรงหอบเอากลีบดอกไม้มา แลดูราวกับพายุมวลบุษบา มันพัดม้วนรอบตัวเขาและเธอ นัยน์ตาสวยหวานคู่นั้นเลื่อนกลับมาจ้องตอบเขา เธอยิ้มอีกแล้ว....แต่บัดนี้กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อย มันทำให้เขารู้สึกปวดแปลบในส่วนลึกของหัวใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร --- นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาสัมผัสได้ถึงความทุกข์จากตัวเธอ ความทุกข์อันมากมายที่เธอแบกรับไว้
“ข้าต้องไปแล้ว...สักวันเราจะได้พบกันอีก ซักวันหนึ่ง”
พายุดอกไม้เริ่มพัดโหมแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามปัดมันออกเพื่อที่จะคว้าร่างบางเอาไว้ แต่แล้วความมืดก็เริ่มกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเขาก็จมลงสู่อ้อมแขนแห่งรัตติกาลอีกครั้ง นี่คือสิ่งที่เขาปรารถนาจริงหรือ...
“ข้าจะรอ....”เสียงแผ่วเบาที่บอยมานั้นดูเดียวดายอย่างแปลกประหลาดในความรู้สึกของเขา เธอเป็นใครกัน!!
“ก๊อก-ก๊อก-ก๊อกก๊อก-ก๊อกก๊อกๆ-ก๊อก” เสียงอะไรกันฟะ...ความคิดแวบแรกที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อได้สติกลับคืนหลังก้าวออกจากเขตแดนของห้วงนิทรา
“โอ้ว่าน้องยาสุดที่รัก...ตัวพี่จักพังประตูแล้วนะว้อยยยยย”เสียงเคาะประตูรัวเป็นจังหวะตามมาพร้อมเสียงโวยวายอย่างไม่สบอารมณ์
เจ้าของห้องเพียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนิ่ง....เพื่อหลับต่อ
อีกฟากของประตู ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของดวงเนตรสีมรกตแพรวพราวที่บัดนี้จ้องประตูราวจะมองทะลุผ่านไปฆ่าคนในห้อง ขอบตาที่เขียนด้วยสีดำแลดูคม ขับให้นัยน์ตายิ่งเด่นและรับกับเครื่องหน้าเข้ม เรียวคิ้วโก่งดั่งคันศรพาดผ่านหน้าผากที่มีปรอยผมสีทองไล้ผ่าน เส้นผมยาวสีสว่างถูกถักเป็นเปียหลวมๆประดับด้วยอัญมณีสีเหมือนดวงตาของชายหนุ่ม จมูกโด่งเป็นสันกับริมฝีปากได้รูป ร่างสูงหันหลังพิงบานประตูที่ไร้เสียงตอบรับมาจากอีกฟากก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเซ็งจิต เจ้าตัวตวัดตาขึ้นมองบริเวณเฉลียงทางเดินโดยรอบ เมื่อพบเหล่านางกำนัลที่ย่างกายผ่านไปมากำลังจ้องมองตนด้วยสายตาชื่นชมก็จัดการแย้มยิ้มโชว์เขี้ยวหว่านเสน่ห์ให้พวกเธอทันที
“เจ้าบ้าภาคิน...นับหนึ่งถึงสามถ้าเจ้าไม่โผล่ออกมาข้าจะไม่รอแล้วนะ”ชายหนุ่มผู้นั้นหันกลับไปตะโกนเบาๆใส่ประตูอย่างรักษาภาพพจน์ (ตะโกนเบาๆ...เอ๊ะยังไง)
“....”เมื่อผู้ถูกตามยังไม่แสดงทีท่าเป็นเดือดเป็นร้อน ตัวผู้ตามก็หันซ้ายหันขวามองรอบตัว ปราศจากผู้คน...แหกปากได้ไม่อายใคร
“ไอ้เวรเอ๊ยยยยย...แกจะนอนไปถึงเมื่อไหร่ห๊ะ มันจะถึงเวลาเข้าเฝ้าฯแล้วนะเฟ้ย ท่านลุงอำมาตย์เร่งข้ายิกๆแล้ว”
เสียงโวยวายที่ตามมาอีกเป็นชุดทำให้คนนอนอยู่เริ่มได้สติ ‘เข้าเฝ้า?....จะไปเฝ้าาอะไรฟะ’
“งืออออ...เข้าเฝ้าน่านนะเรอะ”ตอบกลับไปส่งๆแล้วก็เงียบหายไป ร่างใต้ผ้าห่มเริ่มขยับตัวอีกครั้ง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นอย่างใจเย็น แล้วก็เดินออกไปที่ลานหินเล็กๆซึ่งมีกำแพงไผ่บางๆเป็นฉากบดบังสายตาของคนภายนอกส่วนที่พักเอาไว้ เด็กหนุ่มเลื่อนม่านกั้นระหว่างลานนั้นกับตัวห้องนอน เขาบิดตัวไปมาก่อนจะวักน้ำในอ่างดินเผาขึ้นมาล้างหน้า แล้วเริ่มลงมือปฏิบัติภารกิจตอนเช้าอย่างเร่งรีบ
“ถ้าเจ้าไม่ออกมาภายใน3วินาทีนี้ อย่าหาว่าข้าไม่....อ๊ากกกกก”บานประตูไม้สักที่เมื่อครู่ที่แล้วยังใส่สลักแน่นหนา บัดนี้เปิดผลัวะออกด้วยแรงผลักอันมหาศาลจากผู้อยู่ด้านใน เล่นเอาคนอยู่ด้านนอกเอี้ยวตัวหลบแทบไม่ทัน
“ไอ้หอกเอ๊ย...จะออกมาก็ไม่บอกไม่กล่าว”คนเฉียดตายบ่นงึมงำ
“เจ้าจะเพ้อเจ้ออีกนานมั๊ยเจ้าพี่บ้า...ไปได้แล้วพชร(พะ-ชะ-ระ) จะสายแล้วไม่ใช่เรอะ”ผู้ถูกเรียกว่า ภาคิน เดินลากเท้านำออกไปอย่างไม่ยี่หระกับสิ่งรอบตัว นัยน์ตาคมปลาบสีม่วงอ่อนทอดมองออกไปตามทางเดินอย่างไร้จุดหมาย คิ้วเข้มของเจ้าตัวก็ขมวดมุ่นอย่างคนขัดใจที่ถูกปลุก
“แกอาบน้ำมั๊ยเนี่ย ทำไมมันไวอย่างนี้วะ”พชรมองอย่างหนักใจ ผู้เป็นน้องไม่ตอบอะไรเพียงแค่เบือนหน้ามาแลบลิ้นอย่างล้อเลียนให้แวบหนึ่ง
ผู้เป็นพี่ยักไหล่ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก ‘แกมันโตแต่ตัวจริงๆนั่นแหละ’
พลันเนตรแพรวพราวของพชรก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่เฉลียงทางเดินอีกฟาก
ร่างบางของเด็กสาวผู้หนึ่งสูงเด่นท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่รายล้อม มีเหล่าทหารอีกสองสามนายตามอารักขาอยู่เบื้องหลัง ผมสีดำสนิทซอยไล่ระดับถึงกลางหลังตัดกับผิวขาวจัดราวหิมะที่มิเคยต้องแสงตะวัน(ขาวซีดเหมือนศพอ่ะ นึกภาพออกมั๊ย) จมูกโด่งพองามเชิดปลายขึ้นส่อแววรั้น ใต้เรียวคิ้วเข้มคือดวงเนตรคมโตสีน้ำทะเลที่ถูกขับให้เด่นขึ้นด้วยแพขนตางอนและขอบตาเข้มที่ดูราวกับเขียนมา แต่เปล่าเลย...บนดวงหน้าสวยของเจ้าหล่อนปราศจากเครื่องประทินโฉมอย่างสิ้นเชิง กระนั้นเรียวปากบางสีซีดของเธอก็ยังดูน่าลิ้มรส เธอเดินเชิดหน้าตลอดเวลา แม้ยามเอี้ยวหน้ากลับมาสั่งเหล่านางกำนัลท่วงท่าของเธอก็ดูหยิ่งทระนง
เจ้าหญิงเภตราแห่งสุคันธานคร...คงเป็นเจ้าสินะ พชรคิดพลางคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นทีข้าก็คงต้องรีบไปเข้าเฝ้าองค์สดายุแล้วนะเนี่ย
“ข้าตามเจ้าทันแล้วนะภาคิน”
“อุ๊ยตาย...ไวยังกะไส้เดือนเลยเนอะ”น้ำเสียงหงุดหงิดตามแบบฉบับของเจ้าตัวที่ตอบกลับมา ทำให้พชรหัวเราะออกมาเบาๆ
ความคิดเห็น