ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Prince Of Dark เจ้าชายปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 : ความฝันและผู้บุกรุก

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 51




    - 3 -

    ความฝันและผู้บุกรุก

     

                เสียงอะไรน่ะ... น่ารำคาญชะมัด ใครมาร้องเพลงตอนดึกดื่นแบบนี้กัน แถมยังร้องได้แย่สุดๆอีก คาซัสกำลังเดินกลับบ้านด้วยสภาพที่เหนื่อยล้า ทันทีเขาทำงานพิเศษเสร็จ เขาก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านเพื่อพักผ่อนทันที แต่สิ่งที่คอยกวนใจเขามาตลอดทางนี่สิ

     

                ใครน่ะ...

                ชายหนุ่มเอ่ยถามออกไปอย่างอดรำคาญไม่ได้ แต่บนถนนสายนี้ก็มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ หรือใครคิดจะเล่นตลกกับเขากันนะ

     

                ออกมาได้แล้ว

                เขาทำทีเป็นขู่เสียงเข้มและหยุดเดิน สายตาที่เฉียบคมกวาดตามองไปรอบๆตัวอย่างเงียบเชียบ แต่เขาก็ไม่พบใครที่คาดว่าน่าจะมีเลย แล้วเสียงเพลงนั่นมาจากไหนกันล่ะ มันเป็นเสียงเพลงที่ไม่น่าฟังที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมาเลย เมื่อฟังแล้วมันทำให้เขารู้สึกง่วงนอนและปวดแก้วหูในเวลาเดียวกัน

     

                พี่ชาย...

                เสียงใสๆที่รู้สึกคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา ชายหนุ่มรีบหันขวับไปหาต้นเสียงทันทีด้วยความตกใจ

     

                เธอ... มาทำอะไรที่นี่

                เด็กผู้หญิงที่อยู่ในห้องที่แสนจะทรมานนั่น คนที่เขามอบดอกไม้ประหลาดนั่นให้ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียวในตอนนี้ได้ล่ะ

     

                หนูมาลาค่ะ

                มาลาเหรอ...

                ค่ะ... หนูอาจจะไม่ตื่นอีกแล้ว...

                เด็กน้อยส่งยิ้มที่แสนจะเศร้าสร้อยมาให้เขา มือทั้งสองข้างของเธอกุมอะไรบางอย่างเอาไว้อย่างแนบแน่น และสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่เขารู้จักมันดี

     

                พี่ชายรู้ใช่มั๊ยคะ

                อืม...เธอจะไปแล้วใช่มั้ย

                เด็กน้อยพยักหน้า เธอยื่นสิ่งที่อยู่ในมือของเธอให้กับเขา

     

                ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยปลดปล่อยหนูออกมาจากที่นั่นและสิ่งชั่วร้ายที่พวกเขาทำกับหนู

                ฉันไม่คิดว่าเธอจะไปเร็วขนาดนี้

                หนูก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน... แต่ยังไงซะหนูก็ต้องไปอยู่ดี

                น้ำตาใสๆเอ่อล้นที่ดวงตาของเด็กน้อยก่อนที่มันจะค่อยๆไหลลงมาตามใบหน้าเนียนใส เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาโดยที่ไม่ยอมกระพริบตาแม้แต่น้อย ราวกลับกลัวว่าเขาจะหายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่เธอคาดไม่ถึง คาซัสยื่นมือไปรับดอกไม้ประหลาดนั่นมาจากเธอ ดอกไม้ที่เขาเคยให้เธอด้วยมือของตัวเอง

     

                ฉันไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี

                หนูดีใจค่ะ ดีใจที่ได้พบกับพี่ชาย ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วเวลาหนึ่งก็ตาม

                ฉันก็เหมือนกัน

                ถ้าอย่างนั้น... หนูคงต้องไปแล้ว

                เด็กน้อยส่งยิ้มให้เขาอีกครั้ง เช่นเดียวกันกับเขาที่ส่งยิ้มตอบกลับไป

     

                ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกอย่างค่ะ หนูขอให้พี่ชายโชคดีนะคะ

                เธอก็เหมือนกัน

                สิ้นคำพูดของเขา แสงสีขาวสว่างๆจ้าก็ปรากฏขึ้น มันสว่างขึ้นรอบๆตัวของเขาและเด็กผู้หญิงคนนั้น คาซัสหลับตาทั้งสองข้างลงเพราะแสงที่เกิดขึ้นนั้นมันสว่างจนเกินที่ดวงตาของเขาจะรับไหว แต่เขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงแสงสว่างรางๆที่เล็ดรอดผ่านเปลือกตาของเขาเข้ามา

     

                ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชะตากำหนดเถอะนะคะ

                เสียงของเด็กน้อยค่อยๆแผ่วเบาลงจนจางหายไปพร้อมๆกับแสงสว่าง คาซัสรู้ได้ทันทีว่าเมื่อเขาลืมตาขึ้น เด็กน้อยคนนั้นก็คงจะไม่ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว

     

                จริงด้วยสินะ

                และก็เป็นไปอย่างที่เขาคิด แสงสว่างจ้าเมื่อสักครู่ได้พาเด็กหญิงที่น่ารักคนหนึ่งไปพร้อมกับมันด้วยแล้วอย่างไม่มีวันกลับมา แต่บางสิ่งบางอย่างยังคงเหมือนเดิม เสียงเพลงนั่น...

     

                เด็กคนนั้นไม่ได้เป็นคนร้องหรอกเหรอ

                ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเสียงเพลงที่แสนกวนใจนั่นยังไม่หายไปสักที เขากวาดตามองไปตามถนนและซอกซอยต่างๆอีกครั้ง นอกจากบรรยากาศที่เงียบสงัดและวังเวงเขาก็ไม่พบอะไรอีก

     

                ช่างเถอะคาซัสคิดในใจก่อนจะถอนหายใจออกมา บางทีเมื่อเขาเดินจนถึงบ้านแล้วเสียงเพลงนี่อาจจะหายไปเองก็ได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะนอนไม่หลับเป็นแน่

     

                เอาแต่เดินหนีอยู่นั่นแหละ

                เสียงเล็กๆดังขึ้นจนคาซัสต้องหยุดเดินกะทันหัน

     

                คนขี้ขลาด ทำไมไม่หาข้าให้เจอล่ะ

                เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง มันฟังได้อย่างชัดเจนเหมือนกับว่าเจ้าของเสียงกำลังกระซิบผ่านใบหูของเขา

     

                เธอเป็นใคร

                คาซัสกระซิบผ่านความมืดกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดาแต่แฝงไปด้วยความรำคาญใจเล็กน้อย เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าของเสียงที่พูดเมื่อสักครู่นี้ ต้องเป็นคนคนเดียวกับที่ร้องเพลงประหลาดๆนั่น

     

                เจ้าต้องหาข้าให้เจอก่อนสิ แล้วถึงจะมีสิทธิ์ตั้งคำถาม

                เสียงเดิมตอบกลับมาอย่างตำหนิเล็กน้อย ทำให้ชายหนุ่มที่ยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดส่ายหัวไปมาอย่างหงุดหงิด เขากำลังอยู่ในอาการง่วงนอนเป็นอย่างมาก สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือการนอนหลับ ไม่ใช่การเล่นซ่อนหานี่

     

                ฉันไม่อยากรู้หรอกว่าเธอเป็นใคร แต่ช่วยเลิกร้องเพลงบ้าๆนี่ทีเถอะ

                สิ้นสุดคำพูด คาซัสก็ก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาไม่ได้ต้องการจะรู้สักหน่อยว่าใครเป็นคนร้องเพลงนั่น แต่ปากมันดันเอ่ยถามไปตามสัญชาตญาณเท่านั้นเอง

     

                ก็ได้!”

                เสียงของคนก่อกวนดังขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างสูงที่คนตรงหน้านั้นไม่มีท่าทีที่จะสนใจอะไรเลยสักอย่าง

     

                เจ้านี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

                แสงสว่างปรากฏขึ้นวูบหนึ่งตรงหน้าของชายหนุ่ม ฉับพลันก็ปรากฏเป็นร่างเล็กๆของเด็กหญิงคนหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดเสื้อคลุมสีแดงเลือดนกที่ยาวจนเรี่ยไปกับพื้นถนน ฮู้ดสีเดียวกันกับเสื้อคลุมถูกเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าใสสว่างที่กำลังบิดเบี้ยวเพราะอารมณ์หงุดหงิด ผมสีฟางที่ส่องสว่างรับกับแสงจันทร์หยักศกเล็กน้อยและสยายยาวจนเกือบจรดพื้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาเท้าที่เอวเล็กอย่างมีอารมณ์ นัยน์ตาสีเขียวสดใสจ้องมาที่ชายหนุ่มเบื้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

     

                มาหาว่าเพลงของข้าไม่ได้เรื่องแล้วยังไม่ยอมหาข้าให้เจออีก

                เมื่อร่างเล็กเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะตกใจ หรือ รู้สึกอะไรเลยสักนิดเธอจึงจำเป็นต้องเป็นคนเปิดบทสนทนาซะเอง

     

                ทำไมฉันจะต้องหาเธอด้วยล่ะ ในเมื่อเธอก็ออกมาหาฉันแล้ว

                คาซัสก้มหน้าลงถามเด็กหญิงที่สูงเพียงแค่เอวของเขาเท่านั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยตามฉบับ ส่งผลให้อารมณ์ของเด็กหญิงร้อนขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

     

                เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ข้าบอกให้หาก็ต้องหาสิไม่ใช่ต้องรอให้ข้าออกมาหาเจ้าก่อนแบบนี้

                หาว่าฉันเด็ก แล้วตัวเธอล่ะ

                หึหึ เห็นข้าอย่างนี้แต่ข้าอายุมากกว่าเจ้าหลายเท่านัก บางทีอาจจะมากกว่าโคตรตระกูลของเจ้าทั้งหมดเลยก็ว่าได้

                เด็กหญิงยืดอกขึ้นเล็กน้อยเพื่ออวดถึงความสำคัญของตนเอง แต่ชายหนุ่มตรงหน้ากลับเผยรอยยิ้มเยาะออกมาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำสียงราบเรียบตามเดิม

     

                เอาเถอะ ว่าแต่เธอมีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันฮะ

                ฉลาดเหมือนกันนี่

                คาซัสเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อมือเล็กๆของเด็กหญิงล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมสีแดงเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง

     

                เอ๊ะ... หายไปไหน

                เมื่อผ่านไปได้สักพัก ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นได้ถึงใบหน้าของเด็กหญิงที่เริ่มมีเหงื่อเม็ดเล็กเม็ดน้อยผุดขึ้นมา ริมฝีปากเล็กเม้มขึ้นอย่างขัดใจ

     

                เป็นไปไม่ได้ ก็ราซเป็นคนยัดใส่เสื้อคลุมให้กับมือนี่นา

                หายไปแล้วเหรอ

                เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นสบตากับคาซัส ชายหนุ่มที่ยืนมองกลับมาอย่างรู้ทัน

     

                ปะ...เปล่า

                แล้วเธอล้วงอะไรในเสื้อคลุมนั่นตั้งนานสองนาน

                เจ้านี่! ข้าจะล้วงอะไรมันก็เป็นเรื่องของข้าไม่ต้องมาตั้งคำถาม

                ช่างเถอะ...ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะหาอะไร แต่ถ้าเธอมาดักหน้าฉันไว้เพราะต้องการจะล้วงเสื้อคลุมนั่นโชว์ล่ะก็ เห็นทีฉันคงต้องขอตัว

                ไม่ได้นะ!”

                เด็กหญิงตวาดขึ้นจนคาซัสต้องหันมาจ้องหน้าเธอเขม็ง เด็กอะไรเสียงดังเป็นบ้า ตัวก็เล็กแค่นี้เอง

     

                ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย

                คาซัสยักไหล่ทั้งสองข้างของตัวเองเล็กน้อยเพื่อบอกให้คนตรงหน้าพูดในสิ่งสิ่งอยากจะพูด ประมาณว่า จะพูดอะไรก็รีบพูดเพราะฉันจะรีบไปนอน

     

                เอ่อ...คือข้า...

                มีอะไรก็รีบว่ามา ฉันไม่มีเวลาทั้งคืนมานั่งดูเด็กอย่างเธอเรียกร้องความสนใจหรอกนะ

                ข้าไม่ใช่เด็ก!!!”

                เด็กหญิงนั่นตวาดขึ้นมาอีกครั้ง จนคาซัสต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหูตัวเองเอาไว้ สายตาดุจ้องไปที่เด็กหญิงเบื้องหน้าอย่างตำหนิ

     

                ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ถ้าเธอตวาดใส่ฉันอีกล่ะก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน

                น้ำเสียงเยือกเย็นเปล่งออกมาจากปากของชายหนุ่ม ที่ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะกลัวจนหัวหดไปแล้ว แต่เด็กคนนี้กลับไม่ใช่ เธอเงยหน้าสบตากับชายหนุ่มด้วยสายตาที่ดุดันไม่แพ้กัน

     

                เชอะ... ข้าล่ะเกลียดคนอย่างเจ้าที่สุดเลย เบลล่าบอกข้าแล้วแท้ๆว่าเจ้าน่ะมันทั้งหยิ่งยโส อวดดี แล้วก็บ้าอำนาจ แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นมากกว่านั้นซะอีก

                เด็กหญิงเบือนหน้าหนีจากชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะหันหลังให้เขาแล้วสาวเท้าเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจคนที่ยืนงงปนรำคาญอยู่ด้านหลังเลยสักนิด

     

                คาซัส...

                เสียงกระซิบแผ่วเบาที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นทำลายความเงียบเมื่อเด็กหญิงคนนั้นเดินหายเข้าไปในความมืดโดยที่ไม่หันกลับมามองที่ชายหนุ่มอีก

     

                เกิดเรื่องแล้ว... ไอ้บ้าเอ๊ย

                คาซัสหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาต้นเสียงที่แสนคุ้นเคยนั้น แต่เขาก็ไม่พบใคร แต่แล้วจู่ๆ ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกอะไรบางอย่างดูดเข้าที่ท้องน้อยก็เกิดขึ้นที่ตัวเขา ร่างกายเหมือนถูกกระชากไปข้างหลังอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

     

                ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันนึกว่าแกตายแล้วซะอีก

                ร่างกายของคาซัสกระตุกเล็กน้อยเมื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของเขาเหลือบไปเห็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่งนั่งอยู่ทางซ้ายมือ นัยน์ตาสีเขียวมรกตกำลังมองมาที่เขาด้วยความเป็นห่วง

     

                เกิดอะไรขึ้น

                เสียงแหบแห้งตามประสาของคนที่เพิ่งตื่นนอนดังออกมาจากริมฝีปากได้รูปสีโอรสของคาซัส วิลสัน เส้นผมสีดำอมน้ำเงินยาวระต้นคอของเขายุ่งเหยิงอย่างไม่เป็นทรงแต่ก็ยังคงสภาพของความดูดีเอาไว้ได้ นัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองไปที่เพื่อนรักอย่างหาคำตอบ ตามมาด้วยคิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันตามสัญชาตญาณ

     

                จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ก็พวกทหารเลวนั่น...

                พวกมันมากันแล้วเหรอ

                คาซัสเอ่ยขัดขึ้นก่อนจะผลักเบิร์นออกไปให้พ้นทาง ร่างสูงกระโดดลงจากเตียงใหญ่อย่างรวดเร็วก่อนจะมุ่งตรงไปยังตู้เสื้อผ้าใบ ชายหนุ่มควานหาเสื้อผ้าอย่างลวกๆและหยิบมันขึ้นมาเปลี่ยนอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ทันดูซะด้วยซ้ำว่าชุดอะไรเป็นชุดอะไร ประตูตู้เสื้อผ้าถูกปิดอย่างรวดเร็วและรุนแรงตามมาด้วยประตูห้องนอนที่ถูกเปิดขึ้น ร่างสูงทั้งสองร่างออกวิ่งพรวดพราดไปยังระเบียงทางเดินอย่างไม่รอช้า

     

                เสียงเอะอะดังขึ้นเมื่อพวกเขากำลังวิ่งอยู่บนระเบียงทางเดินชั้นสามของบ้านเด็กกำพร้า ร่างสูงทั้งสองออกแรงวิ่งไปข้างหน้าเร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงขว้างปาข้าวของ และเสียงร้องไห้ดังมาจากห้องโถงใหญ่ชั้นล่าง

     

                อย่าเอาของฉันไปนะ...

                ตุ๊กตาของหนู ฮือๆๆ

                ทำอะไรน้องผมน่ะ

                เมื่อคาซัสและเบิร์นก้าวข้ามบันไดสามขั้นสุดท้ายลงมาอย่างเร่งรีบ พวกเขาก็รีบผลักบานประตูบานใหญ่ให้เปิดออกทันที เป็นผลทำให้นายทหารสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่อีกด้านหนึ่งของประตูหันปลายกระบอกปืนยาวมาทางพวกเขาโดยอัตโนมัติ

     

                พวกเราเป็นคนของที่นี่

                เบิร์นเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ที่มาจากความกลัวผสมผสานเข้ากับความโกรธ

     

                คาซัสกวาดสายตามองไปรอบๆห้องโถงด้วยความโกรธเช่นกัน ข้าวของในห้องนี้ถูกพวกทหารหลายสิบคนทำลายเสียจนหมดไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ของเล่นเด็กๆก็ยังถูกขว้างปาจนแตกละเอียด ยับเยินไปหมด ฝาผนังยังถูกกรีดจนเป็นรอยคมมีด แม้กระทั่งเด็กบางคนก็ถูกคนพวกนี้ทำร้ายจนบาดเจ็บ

     

                คนของที่นี่อย่างนั้นเหรอ งั้นพวกแกก็คงจะเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วสินะ

                ทหารนายหนึ่งในจำนวนคนที่จ่อปากกระบอกปืนมาทางพวกเขาเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า คาซัสหันขวับไปทางผู้ชายคนนั้นทันที

     

                ทำไม แกมีปัญหาอะไรกับฉันฮะ ไอ้เด็กกำพร้า

                นายทหารคนนั้นลดปืนลงก่อนจะเดินตรงมายังคาซัสและเบิร์นด้วยท่าทางหึกเหิม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยและเหยียดหยาม เบิร์นมองไปที่เพื่อนของเขาสลับกับนายทหารคนนั้น ต่อให้มองยังไงปืนในมือของทหารคนนั้นก็น่ากลัวกว่าเพื่อนของเขาเป็นไหนๆ

     

                ปล่อยนะ เอามีลคืนมา

                เสียงเด็กผู้หญิงกรีดร้องดังขึ้นเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคนให้หันไปมอง รวมถึงคาซัสและนายทหารคนนั้นด้วย

     

                ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย... ปล่อยสิวะ

                ทุกคนมองภาพเบื้องหน้าอย่างหวาดเสียวเมื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งพยายามสุดฤทธิ์ยื้อแย่งตุ๊กตาตัวเก่าๆกับนายทหารคนหนึ่ง ที่มือข้างขวากำตุ๊กตาเอาไว้และพยายามจะฉีกมันทิ้ง ส่วนมือข้างซ้ายของเขาถือปืนยาวเอาไว้แน่น

     

                โธ่โว้ยยยย

                ในชั่วพริบตาเดียวทหารคนนั้นก็เหวี่ยงตุ๊กตาในมือทิ้งอย่างไม่ใยดี พร้อมๆกับที่เขาฟาดด้ามกระบอกปืนไปที่ศีรษะของเด็กผู้หญิงเต็มแรง เด็กนั่นทรุดตัวลงกับพื้นและนอนสลบแน่นิ่งอยู่ข้างๆตุ๊กตาของตนเองทันที เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลซึมออกมาท่ามกลางความตกใจของทุกคน

     

                เอลิส!!!”

                เบิร์นตะโกนดังลั่นก่อนที่ร่างของเขาจะถลาไปหาเด็กคนนั้น เขาค่อยๆช้อนร่างของเด็กน้อยนามว่าเอลิสขึ้นมาและเอนตัวเธอเข้าสู่อ้อมแขน นายทหารคนที่ก่อเรื่องนั้นหัวเราะออกมาอย่างสะใจก่อนที่เขาจะกระหน่ำฝีเท้าใส่เบิร์นที่เข้ามาสอดอย่างไม่ยั้ง เบิร์นดึงเอลิสให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแน่นขึ้นเพื่อปกป้องเธอไม่ให้โดนลูกหลง

     

                ไอ้บ้าเอ๊ย อย่าทำเขานะ

                เด็กชายคนหนึ่งซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเอลิสตะโกนลั่น ก่อนที่มือเล็กๆทั้งสองข้างของเขาจะกระหน่ำปาข้าวของที่แตกกระจายแล้วใส่ทหารคนที่กำลังทำร้ายเบิร์น ทหารนายหนึ่งที่กำลังทำลายข้าวของอย่างมันมือหันมาตามเสียงของเด็กคนนั้นก่อนจะเดินเข้าไปและจับตัวเขาไว้

     

                คาซัสที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่นานรู้สึกปั่นป่วนอย่างถึงที่สุด มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโมโหก่อนที่เขาจะตัดสินใจกระชากคอเสื้อของนายทหารคนที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุด ซึ่งก็คือคนที่หาเรื่องเขาเมื่อก่อนหน้านี้นั่นเอง นายทหารคนนั้นตกใจจนสบถออกมาดังลั่นและพยายามจะยกปืนในมือขึ้นมายิงชายหนุ่ม แต่ไม่ทันเสียแล้ว คาซัสใช้มือข้างที่เหลือบิดแขนของทหารคนนั้นจนเป็นเกรียวทำให้เขาไม่มีแรงที่จะยึดปืนไว้ในมือได้อีกต่อไป เมื่อปืนตกถึงพื้นคาซัสก็ใช้มือทั้งสองข้างผลักทหารที่ไร้ปืนไปข้างหน้าอย่างแรงจนเขาหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ชายหนุ่มก้มลงหยิบปืนที่หล่นขึ้นมาก่อนจะยิงมันไปที่โคมไฟระย้าซึ่งห้อยอยู่เบื้องบนใจกลางห้องโถงแห่งนี้ ทุกสรรพสิ่งในห้องหยุดการกระทำต่างๆทันทีที่เสียงปืนสงบลง

     

                ใครให้ปืนมันวะ

                นายทหารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อเขาหันมาทางต้นเสียงและพบว่าใครเป็นคนทำ เมื่อเขาพูดจบ นายทหารนับสิบที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็จ้องมาที่คาซัสด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร ปืนนับสิบจ่อมาที่เขาเป็นทางเดียวเพื่อข่มขู่

     

                ทิ้งปืนลงซะไอ้หนู ถ้าแกมีสมองหน่อยคงไม่คิดว่าปืนกระบอกเดียวจะสู้ปืนเป็นสิบกระบอกได้หรอกนะ

                นายทหารคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาด้านหน้า ในมือของเขาไม่มีปืนเหมือนกับคนอื่นๆแต่คาซัสเห็นได้ว่าเขามีปืนสั้นเหน็บอยู่ที่เอว เมื่อดูจากเครื่องแต่งกายที่ดูแตกต่างจากทหารคนอื่นๆแล้ว ทำให้คาซัสมั่นใจได้เลยว่าไอ้คนนี้แหละคือ หัวหน้าของพวกมัน

     

                ฉันจะนับหนึ่งถึงสามเพื่อให้โอกาสแกนะไอ้หนู... หนึ่ง!!!”

                พวกทหารทั้งหมดค่อยตีวงล้อมรอบชายหนุ่ม แต่ละคนจ้องมาที่เขาอย่างไม่วางตา แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ไม่สนใจทหารพวกนี้ สายตาของเขาจับจ้องไปที่คนคนเดียวเท่านั้น มือทั้งสองข้างที่ถือปืนอยู่กำแน่นและเตรียมเหนี่ยวไก

     

                ... สอง

                ปืนกระบอกเดียวคงจะยิงพวกแกทั้งหมดไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะฉันก็คงโดนพวกแกยิงตายก่อน

                ฉลาดมากนี่ไอ้หนุ่ม ถ้างั้นแกก็ทิ้งปืนลงซะแล้วเดินไปรวมกลุ่มกับพวกของแกโน่น

                ทำไมฉันจะต้องทิ้งด้วย

                นายทหารที่ดูท่าจะยศสูงพอสมควรจ้องมาที่คาซัสด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ปนสงสัย

     

                ฉันไปบอกแกเมื่อไรว่าจะยิงพวกแกทั้งหมด ต่อให้ฉันต้องตายแต่ฉันก็ขอพาใครสักคนไปนรกเป็นเพื่อนก็พอแล้ว

                พูดจบชายหนุ่มก็ยกปืนขึ้นให้อยู่ในระดับสังหารศัตรู ปลายกระบอกปืนจ่อไปที่คนตรงหน้าอย่างตั้งใจและเด็ดเดี่ยว

     

                แกจะให้ฉันไปนรกเป็นเพื่อนแกอย่างนั้นเหรอ

                นายทหารยศสูงเอ่ยขึ้นพลางหัวเราะ

     

                แกกล้าพอที่จะยอมเสียสละตัวเองเพื่อคนพวกนี้เชียวเหรอฮะ

                เขาจ้องไปที่คาซัสด้วยแววตาขบขัน แต่อีกใจหนึ่งก็หนึ่งหวั่นอยู่เหมือนกันว่าคนต้องหน้าจะเอาจริง เพราะลูกกระสุนไม่เคยปรานีใครในสงคราม

     

                ฉันจะช่วยให้จังหวะการตายของแกนะ... หนึ่ง!”

                เมื่อชายหนุ่มเอ่ยนับอย่างกะทันหันทำให้คนตรงหน้าถึงกลับสะดุ้ง

     

                สอง...

                เสียงครั้งนี้ที่เอ่ยออกมานั้นแผ่วเบาและเหมือนจะนุ่มนวล แต่มันกลับบีบหัวใจของคนบางคนยิ่งนัก

     

                ถ้าแกยิ่งฉัน ลูกน้องของฉันทั้งหมดจะกระหน่ำยิงมาที่แกอย่างแน่นอน

                เพื่อตอบสนองคำพูดของหัวหน้าให้ดูขลังยิ่งขึ้น พวกลูกน้องทั้งหมดต่างขยับตัวเล็กน้อยเพื่อประกาศให้ทุกคนรับรู้กันโดยทั่วว่าพวกเขาพร้อมที่จะเหนี่ยวไกปืนได้ทุกเมื่อ ทุกคนในบ้านเด็กกำพร้าต่างมองมาที่คาซัสด้วยสายตาหวาดหวั่นโดยเฉพาะเบิร์นที่ยืนอุ้มเอลิสไว้ในอ้อมแขน

     

                สาม...

                หยุดนะ!!!”

                มือข้างหนึ่งของคาซัสกำลังจะเหนี่ยวไกปืน แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อใครคนหนึ่งส่งเสียงห้าม พร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาขวางหน้าเขาเอาไว้ 

    เริ่มเขียนเมื่อ 22/04/2551

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×