คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : บทนำ
- 1 -
บทนำ
แสงสีเหลืองนวลสาดส่องลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน กระทบเข้ากับร่างของชายสองคนที่ยืนนิ่งอยู่บนระเบียงที่กว้างใหญ่ ชายคนหนึ่งยืนอย่างมาดมั่นเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้ายามราตรีที่ไร้ดาว ส่วนชายอีกคนหนึ่งกำลังคุกเข่าเงยหน้าขึ้นมองชายคนแรกด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้ถึงความเศร้าโศก รอบๆตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครม ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในคืนอันเงียบสงบเช่นนี้ ชายคนแรกเบือนหน้าหนีจากท้องฟ้าเบื้องบนเพื่อก้มหน้าลงมาพูดกับชายอีกคนหนึ่งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“หมดเวลาแล้วราเชล...”
“...พะยะค่ะ... กระหม่อม...”
น้ำเสียงของคนที่ตอบกลับมาแผ่วเบามากเหมือนไม่ต้องการให้ใครได้รับรู้ แต่คนที่ถามก็รับรู้ได้ถึงคำตอบที่ไม่เต็มใจตอบนั้น
“ราเชล...”
ร่างที่ยืนอยู่เอื้อมมือมาแตะที่บ่าของคนเบื้องหน้าอย่างปลอบใจ รับรู้ได้ถึงร่างกายของเขาที่เริ่มสั่น
“อย่าร้องไห้ไปเลยเพื่อนข้า ข้ายังอยู่ตรงนี้กับเจ้าเสมอเมื่อเจ้าต้องการ”
ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเพื่อนรัก มือที่ว่างจากการวางบนไหล่เพื่อนกำแน่นและยื่นไปแตะที่หน้าอกด้านซ้ายของเขาอย่างให้กำลังใจ
“ข้าขอฝากทุกอย่างไว้กับเจ้าจนกว่าจะถึงเวลานะเพื่อนรัก ขอเพียงแค่เจ้าอดทน”
“กระหม่อม... ไม่แน่ใจว่า...”
“เจ้าต้องทำได้”
เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจแต่ก็ยังแฝงไปด้วยความอ่อนโยนกล่าวออกมา ก่อนที่ร่างสูงจะยืดตัวขึ้นอีกครั้ง เป็นการบ่งบอกว่าเรื่องที่กำลังพูดอยู่ได้ยุติลงแล้ว ชายอีกคนค่อยๆลุกขึ้นยืนเช่นกัน มือทั้งสองข้างกำแน่นเพื่อกักเก็บความรู้สึกที่เศร้าโศกเอาไว้ไม่ให้มันระเบิดออกมา
“เจ้าชายของพระองค์...”
“ฝากเจ้าดูแลด้วยล่ะ ลูกคนนี้ท่าทางจะดื้อจัด แค่เกิดมาวันแรกก็สร้างความโกลาหนให้คนทั้งเมืองได้แล้ว”
“ไม่รู้ว่าเหมือนใครนะพะยะค่ะ”
ผู้ถูกพาดพิงถึงหันมามองหน้าคนที่กล่าวหาตนที่ดูเหมือนว่าจะอาการดีขึ้นแล้ว เมื่อสังเกตได้จากฝีปากที่กลับมาร้ายกาจเยี่ยงเดิม
“ฮ่าๆๆ อย่างนั้นเหรอ”
ยังไม่ทันที่เสียงหัวเราะจะสิ้นสุดลง เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาในที่ที่ทั้งสองคนยืนอยู่อย่างถือวิสาสะ
“ยะ... แย่แล้วกระหม่อม องค์... องค์ราชินี...”
นางกำนัลสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนและติดขัด นั่นเป็นเพราะนางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดของตนออกแรงวิ่สุดชีวิตเพื่อมาที่นี่ เพื่อพบผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“ถือวิสาสะเข้ามาในนี้ เจ้าไม่กลัวตายหรืออย่างไร”
“มะ... ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ... ท่านราเชล แต่หม่อมฉันมีเรื่องที่จะต้องกราบทูลองค์ราชา”
หญิงสาวตอบกลับไปอย่างตะกุกตะกัก และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายเบื้องหน้าทั้งสองคนที่หันมาสบตากันเหมือนเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว
“ราเชล... ข้าฝากด้วย”
“พะยะค่ะ... กระหม่อมจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง”
เสียงที่เปล่งออกมานั้นชัดเจนและมั่นคงแต่มันกลับตรงกันข้ามกับจิตใจของราเชลในตอนนี้ จิตใจของเขากำลังร่ำไห้ เขาไม่มีทางทำใจได้กับการจากลาอย่างไม่มีวันได้พบกันอีกตลอดไป ระหว่างเขากับคนที่เป็นทั้งสหายและเจ้าชีวิต แต่สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือการทำใจให้ยอมรับ กัดฟันทำตามสัญญาและสิ่งที่เพื่อนรักปรารถนาแต่ไม่สามารถทำได้
“ลาก่อน...”
รอยยิ้มสุดท้ายผุดขึ้นบนใบหน้าที่งดงามราวกับรูปแกะสลักขององค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ แต่ราชองค์รักษ์ผู้ซื่อสัตย์กลับเบือนหน้าหนีจากเพื่อนรักของเขาเสียอย่างนั้น คำว่า ’ลาก่อน’ มันช่างบาดแทงจิตใจยิ่งนัก แต่หากครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เขาคงจะต้องเสียใจไปตราบชั่วชีวิตเป็นแน่ถ้าไม่ได้พูดมัน
“ลาก่อน... คาลีอัส”
สิ้นเสียงอันสั่นคลอนของราเชล ท้องฟ้าเบื้องบนกลับสว่างขึ้นอย่างประหลาด สว่างขึ้นทั้งๆที่ยังคงเป็นตอนกลางคืน แสงนวลผ่องของดวงจันทร์เปล่งประกายระยิบระยับออกมา ผุดเป็นละอองสีทองเล็กๆนับล้าน ลอยละลิ่วพลิ้วไหวไปกับสายลมลงสู่เบื้องล่างดั่งฝูงหิ่งห้อย หน้าต่างและประตูบ้านทั้งหลังเล็กและใหญ่ในราเซเวียสต่างเปิดอ้าออก เพื่อเผยสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นให้แก่เจ้าของบ้านแต่ละหลังได้ชื่นชม เสียงชาวเมืองตะโกนก้อง หัวเราะ และพูดคุยกันดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนไฟที่เปิดขึ้นของบ้านแต่ละหลังในราเซเวียส
“อะ... องค์ราชา!!!”
เสียงของนางกำนัลสาวเรียกสติของราเชลให้หันกลับไปมองเพื่อนรักที่ยืนอยู่ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง ละอองสีทองที่เหมือนจะก่อกำเนิดขึ้นมาจากดวงจันทร์ บัดนี้กลับกำลังล่องลอยวนไปมาอยู่รอบตัวขององค์ราชาคาลีอัสที่ดูเหมือนกำลังสนุกกับพวกมันอยู่ องค์คาลีอัสเงยหน้าขึ้นมาจากละอองสีทองพวกนั้นเพื่อมองหน้าเพื่อนรักของเขาอีกครั้ง ‘การจากลาไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด หากเพียงในจิตใจของเจ้ายังคงมีเรา เฉกเช่นที่จิตใจของเรายังคงมีพวกเจ้าอยู่ตลอดไป’
ร่างสูงกำลังถูกกลืนกินเข้าไปในฝูงละอองสีทองที่ผุดขึ้นมาเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนในที่สุดพวกมันก็สามารถปิดบังร่างของชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าจนมิด ราเชลมองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด จะเศร้าก็จริง จะกลัวก็ใช่ แต่ความสวยงามเบื้องหน้านั้นกลับสะกดให้เขาละสายตาไปไม่ได้ ฉับพลันเสียงเพลงที่ไพเราะก็ดังก้องกังวานขึ้นจากที่ที่ไกลแสนไกล เป็นบทเพลงที่บรรเลงโดยเหล่าภูตสวรรค์และนางฟ้า
‘ ท่านจะอยู่กับข้าตลอดไป... ข้าสัญญา ‘
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้ายิ้มยากของราเชล ก่อนที่ละอองสีทองนับร้อยเบื้องหน้าจะค่อยๆเลือนรางหายไปพร้อมกับร่างสูงที่หายไปโดยไม่เหลือไว้แม้เพียงเส้นผม เหลือไว้เพียงแต่ความทรงจำที่ไม่อาจลืมขององค์ราชาผู้ยิ่งใหญ่ มหาราชาผู้ปกครองนครราเซนเทีย
.................................
ร่างบางวิ่งไปข้างหน้าอย่างอ่อนแรงก่อนจะใช้แรงทั้งหมดผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออก เหล่านางกำนัลที่อยู่ในนั้นต่างหันมามองผู้มาเยือนด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจมากไปกว่าเดิมหลายเท่านัก เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
“องค์ราชินี พระองค์ยังไม่หายดีนะเพคะ”
นางกำนัลสองคนรีบวิ่งไปยังผู้มาเยือนด้วยความร้อนรน แต่เมื่อไปถึง... กลับถูกคนผู้นั้นผลักออกไปให้ห่างตัวด้วยความรำคาญใจ ร่างบางไม่สนใจสีหน้าที่ตกใจยิ่งของผู้คนในห้องนี้ นางก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยความยากลำบาก สายตาอันแน่วแน่จับจ้องไปยังร่างเล็กที่วางอยู่บนแท่นศิลาหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ ร่างนั้นถูกห่อหุ้มด้วยผ้าชั้นดีผิวมันเรียบ และสัมผัสที่นุ่มนวล แต่งเติมด้วยลวดลายวิจิตรสีทองตะการตา บ่งบอกได้ว่าร่างนั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ร่างขององค์ราชินีเดินไปยังแท่นหินนั้น มือบางยกขึ้นมาลูบไล้ไปทั่วไปหน้าของเจ้าชายน้อยแรกเกิดที่หลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวหลังจากที่ร่ำไห้ไปมากพอสมควรแล้ว หยาดน้ำตาสีขาวบริสุทธิ์ไหลนองลงมาจากดวงพระเนตรที่แสนอ่อนโยนยามมองดูลูกชาย ก่อนที่หยดน้ำตานั้นจะหยดลงบนพวงแก้มสีขาวนวลปนชมพูระเรื่อของเจ้าชายน้อย
“แม่รักลูก...”
สิ้นคำพูด ร่างบางพลันหลับตาลงอย่างช้าๆและก้าวถอยหลังออกห่างจากเจ้าชายน้อยอย่างเจ็บปวด มือบางยกขึ้นมาเพื่อปาดหยาดน้ำตาที่ไหลนองหน้าทิ้งไป สายตาที่อ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นประกายมุ่งมั่นอย่างน่าประหลาด
“องค์ราชินีเพคะ กะ... เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”
นางกำนัลคนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา สังเกตได้ถึงสิ่งผิดปกติที่กำลังเกิดขึ้นภายในห้องนี้ เมื่อจู่ๆ... มวลอากาศภายในห้องทั้งหมดถูกดูดออกไป เหงื่อเม็ดเล็กใหญ่เริ่มผุดขึ้นตามร่างกายและใบหน้าของผู้คนในห้องนี้ยกเว้นองค์ราชินี บางคนถึงกลับล้มลงไปนอนกับพื้นเพราะเริ่มขาดอากาศหายใจ
คำตอบที่ได้กลับมาจากองค์ราชินีกลับเป็นเสียงที่ฟังดูเยือกเย็นและเป็นภาษาที่ผู้ฟังไม่สามารถเข้าใจได้ มือซ้ายของนางชูไปด้านหน้าในทิศทางเดียวกับที่เจ้าชายน้อยกำลังหลับใหลอยู่ เศษผ้าเนื้อบางสีขาวสะอาดที่พันอยู่รอบๆมือข้างนั้นค่อยๆเลื่อนหลุดออกจากมือบาง เผยให้เห็นสัญลักษณ์บางอย่างปรากฏอยู่ที่ฝ่ามือ สัญลักษณ์ที่ผู้ใดได้พบเห็นมันอาจถึงกับลืมหายใจเลยทีเดียว
“ออกไปจากที่นี่ให้หมด”
ไม่ต้องรอให้กล่าวซ้ำสอง บรรดานางกำนัลทั้งหลายภายในห้องต่างพยายามแย่งกรูกันออกไปให้พ้นจากที่นี่ทันที บางคนก็ถึงกลับต้องคลานออกไปเนื่องจากหมดเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นยืน สัญลักษณ์นั่นเต้นตุบๆอย่างบ้าคลั่งราวกลับกระหายบางสิ่งบางอย่าง คล้ายกับว่ามีตัวที่น่าขยะแขยงกำลังดิ้นพล่านอยู่ในมือขององค์ราชินี จุดสีแดงเล็กๆตรงกลางฝ่ามือค่อยๆขยายออก เปิดอ้าออกทีละนิดเผยให้เห็นเพียงแต่ความมืดมิดที่อยู่ภายใน และเหมือนกับว่าความมืดมิดนั่นมีชีวิตก็ไม่ปาน มันเริ่มขยายตัวให้ใหญ่ขึ้นจนเกิดเป็นช่องมิติแห่งความมืดมิดที่เริ่มดูดกลืนอากาศรอบๆตัวเข้าไปอย่างเชื่องช้า ราวกลับไม่ได้ใช้การมานานแล้ว
สรรพสิ่งรอบๆตัวเริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรงรวมถึงร่างของทารกน้อยด้วย ยังคงมีเพียงร่างบางเพียงร่างเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนยัดอยู่บนพื้นได้อย่างมั่นคงราวกับไม่ไม่อะไรเกิดขึ้น รอยแตกร้าวเริ่มก่อตัวขึ้นตามผนังและเสาหินอ่อนที่งดงาม ทำให้ภายในห้องสั่นสะเทือน ช่องว่างที่ฝ่ามือขององค์ราชินีเริ่มดูดกลืนสิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่เพียงอากาศเข้าไปภายในความมืดมิด เสียงหายใจที่ฟังดูเหนื่อยล้ากลับดูกระฉับกระเฉงขึ้นมาจากข้างในนั้น
ในขณะที่ร่างเล็กของเจ้าชายน้อยค่อยๆลอยขึ้นอย่างเชื่องช้าเหนือแท่นศิลาสีขาวบริสุทธิ์...
พริบตาเดียวเท่านั้น... แสงสีทองสว่างจ้าก็สาดส่องลงมาจากเบื้องบนกระทบเข้ากับร่างของทารกน้อยอย่างแผ่วเบาและรวดเร็ว ก่อนที่จะค่อยๆจางหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“นั่นมัน...”
เสียงกระซิบอย่างครุ่นคิดดังออกมาจากปากของผู้เป็นมารดา แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรไปมากกว่านั่น
ลำแสงสีดำก็พุ่งพราดเข้ามากระทบกับร่างของทารกน้อยอีกครั้งจากที่ใดที่หนึ่งด้วยความหนักแน่นและรุนแรง เสียงร้องไห้ดังออกมาจากปากของเจ้าชายน้อยทันทีที่แสงนั่นหายไป
“ลูกแม่ เจ้าต้องแบกรับภาระที่หนักเสียเหลือเกิน”
ร่างของทารกที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นเรืองแสงสีขาวหม่นๆแปลกประหลาดออกมา ก่อนที่ร่างนั้นจะหายวับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับช่องว่างแห่งมิติมืดที่ฝ่ามือบางได้ถูกปิดลง สัญลักษณ์ที่ฝ่ามือเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งเหมือนไม่ต้องการจะจบลงเพียงแค่นี้ แต่แล้วสักพักมันยอมก็หยุดลง สิ่งที่ปรากฏออกมาแทนหลังจากนั้นคืออักขระสีทองที่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นห้องล้อมรอบตัวขององค์ราชินีไว้ พร้อมกับเสียงเพลงที่เชื่องช้าราวกับบทสวดของนักบวชดังขึ้น บทเพลงของเหล่านางฟ้าที่กำลังบรรเลงอยู่เบื้องนอกนั้นหายไป เหลือไว้แต่เพียงเสียงกรีดร้องที่ฟังดูโหยหวนยิ่งนัก ละอองสีทองที่สวยงามกลับกลายเป็นหยาดน้ำฝนสีเลือดที่โหมกระหน่ำเข้าใส่ชาวเมืองราเซเวียสอย่างไม่ปรานี เสียงกรีดร้องของประชาชนทั่วทั้งเมืองจึงตามมาในไม่ช้า
“ผิดคำสาบานที่ให้ไว้แล้วนะ ซาเนีย”
ร่างสูงภายใต้ผ้าคลุมสีดำที่ปิดหน้าตาเอาไว้ปรากฏตัวขึ้นภายในห้อง พร้อมกับเอื้อนเอ่ยคำพูดออกมาเป็นภาษาที่ยากจะเข้าใจ แต่หญิงสาวตรงหน้ากลับเข้าใจเป็นอย่างดีเมื่อนางโต้ตอบกลับไปเป็นภาษาเดียวกัน
“แล้วไงล่ะ... ข้าได้ทำในสิ่งที่ข้าต้องการเสียอย่าง ไม่เหมือนกับเจ้า หึหึ”
เลือดสีแดงกระอักออกมาจากริมฝีปากบางพร้อมกับร่างของนางที่ทรุดตัวลงบนพื้นอย่างห้ามไม่ได้ ชายในเสื้อคลุมเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเบือนสายตาจากหญิงสาวตรงหน้ามองไปยังแท่นศิลาหินอ่อนที่บัดนี้ ไร้ร่างของผู้ที่สมควรจะนอนอยู่ตรงนั้น
“เจ้า...”
ร่างสูงกัดฟันอย่างเข่นแค้นที่เขามาช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น จิตสังหารแรงกล้าพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาโดยที่ร่างบางรู้สึกได้ในทันที อักขระสีเลือดพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นรอบๆตัวของร่างบาง ในขณะที่นางพึมพำอะไรบางอย่างอักขระสีเลือดนั้นก็เข้าไปพันรอบตัวของอักขระสีทองก่อตัวกลายเป็นเกลียวอักขระที่สวยงาม
“ถ่วงเวลาไปก็เท่านั้น หากเจ้าไม่ตายด้วยฝีมือข้า เจ้าก็จะต้องตายเพราะคำสาปอยู่ดี”
“ข้าขอเลือกตายเพราะคำสาป หากเจ้าจะไม่ว่าอะไร”
รอยยิ้มเยาะผุดขึ้นบนใบหน้างามก่อนที่ร่างบางจะค่อยๆลุกขึ้นยืน ดวงตาสีนิลจ้องไปยังบุรุษเบื้องหน้าอย่างแข็งกร้าวก่อนที่มันจะค่อยๆแปรเปลี่ยนไป ดวงตาสีนิลถูกกลืนกินด้วยสีแดงฉานของเลือด นานเข้าบริเวณตาขาวก็ค่อยๆถูกกลืนกินด้วยเช่นกัน ฉับพลันอักขระสีทองก็แตกสลายส่วนอักขระสีเลือดก็พุ่งหายเข้าไปในตัวของร่างบาง สัญลักษณ์ที่ฝ่ามือเริ่มตื่นตัวอีกครั้งเมื่อนางยื่นมือไปข้างหน้า
ชายในเสื้อคลุมเริ่มตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนได้ในไม่ช้าเมื่อร่างสูงค่อยๆเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามแรงดึงดูดของมิติมืด แสงสีเขียวอ่อนกระจายอยู่รอบตัวของชายหนุ่มทันทีที่ท่องคาถาเสร็จสิ้น ร่างสูงค่อยๆจางลงพร้อมกับอะไรบางอย่างที่โผล่ออกมาจากช่องมิติมืดพุ่งตรงมายังเขา...
สิ่งนั้นคือมือบางสีขาวซีดที่กำลังลูบไล้ไปทั่วใบหน้าของเขาอย่างหืดกระหาย เสียงลมหายใจที่ขาดห้วงดังออกมาอย่างแผ่วเบาแต่น่ากลัว ทำให้ร่างที่กำลังจะจางหายไปเริ่มออกอาการวิตก
“เจ้าไม่มีวันได้สมหวังหรอก โวเรส”
สิ้นคำพูดนั้น... มือปริศนาก็เผยกรงเล็บที่แหลมยาวชวนขนลุกออกมาประจักษ์แก่สายตาของชายหนุ่ม ก่อนมือนั้นจะแทงทะลุร่างของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว มีเพียงเลือดเล็กน้อยเท่านั้นที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลสาหัสนั้นจนทำให้ร่างบางอดแปลกใจไม่ได้
ฉับพลันนั้น ข้อสงสัยของนางก็ถูกตอบกลับมาด้วยการที่ร่างสูงนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา พร้อมกับมือปริศนาที่กระชากร่างของเขากลับเข้าไปในความมืดมิดด้วยกัน แต่สิ่งที่มือนั้นได้กลับไปกลายเป็นเพียงแค่ละอองสีเทาจางๆเท่านั้น เสียงคำรามอย่างไม่พอใจจึงดังลั่นออกมาจากความมืดมิด
“พอได้แล้ว... ”
ร่างบางเอ่ยเสียงร้องเพื่อปรามเสียงคำรามนั่น และก็ได้ผลเมื่อเสียงนั้นค่อยๆจางหายไปในที่สุด แต่...
“เอาเถอะ ข้าพร้อมสำหรับการลงทัณฑ์แล้ว พวกท่านจะทำเยี่ยงไรกับข้าก็เชิญ”
เสียงเพลงที่คล้ายกับบทสวดนั่นกลับดังขึ้นมาแทนที่อีกครั้งพร้อมกับวงเวทอักขระสีทองที่เคยล้อมตัวนางไว้ แต่คราวนี้อักขระนั่นกลับขยายใหญ่ขึ้นจนโอบล้อมห้องทั้งห้องไว้ในวงนั่น ร่างบางค่อยๆเลือนรางลงอย่างน่าตกใจ เส้นใยสีขาวบางๆแยกตัวออกมาจากร่างนั้นก่อนที่จะพุ่งหายเข้าไปในวงเวทอักขระสีทอง จนร่างขององค์ราชินีจางหายไปในที่สุด เสียงเพลงค่อยๆเบาลงจนเหลือเพียงแต่ความเงียบงันภายในห้องนี้ อักขระสีทองหายไปพร้อมกับเสียงเพลงที่ชวนให้ผู้ฟังง่วงงันนั่น นับแต่นั้นเป็นต้นมา ราเซนเทียจึงไร้ผู้ปกครอง...
เริ่มเขียนเมื่อ 18/04/2551
ความคิดเห็น