ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : EP 06 : คำสัญญาพี่สู่น้อง
LITTLE #STRONG
EP.06 : คำสัญญาพี่สู่น้อง
"หมีเถื่อน..."
สองคำง่ายๆ ที่พอเห็นปุ๊ปก็แทบไม่ต้องคิดเลยว่าใคร รุ่นพี่ในห้องนี้แม่งจะมีใครเถื่อนกว่า ไอ้คนที่เสยผมลวกๆ หน้าเข้มออกจะดุๆ และเพิ่งด่าพวกกูไปเมื่อกี๊หยกๆ วะ
อิสัดเขียนโค้ดแบบนี้มา มึงไม่เขียนชื่อจริงลงมาเลยล่ะวะ เห็นปุ๊ปแทบไม่ต้องเดาอิผีเอ้ย!!!
พอเห็นโค้ดในกระดาษแล้ว ผมก็ต้องใช้สายตาชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พี่จงฮยอนอย่างพี่ดงโฮ ฮั่นน่อวพี่แกตีหน้านิ่งเต๊ะท่ายืนกอดอก ทำเป็นไม่รู้เรื่องทำเป็นไม่แสดงอาการ แหมถ้าตัวอักษรในกระดาษวิ่งได้ นี่คงเดินสวนสนามไปแปะอยู่บนหน้าพี่แกอ่ะ คำใบ้เชี่ยไรวะตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดไอ้สัด
หลังจากบอกโค้ดเสร็จก็เดินคอตกคอห้อยไปนั่งที่เดิม ไหนบอกถ้าเราได้อะไรเป็นชิ้นสุดท้ายจะโชคดีไง เออก็โชคดีอย่างแม่งว่า โชคดีที่คนอื่นไม่ได้แต่กูได้แทนไงหื้มงามไส้มั้ยล่ะมึง!!!!! กูควรไปบนวัดไหนขอให้ไม่ใช่พี่ดงโฮ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะแรงปัดเป่าพี่แกไปจากชีวิตกูได้บ้าง แบบพัดไปแบบไกลๆเลยอ่ะ...
"ทุกคนจับโค้ดพี่รหัสกันหมดแล้วใช่มั้ย!!!" พี่ดงโฮตะโกนถาม
"ครับ/ค่ะ!!" ทุกคนตะโกนตอบด้วยความดีใจ ส่วนกูนั้นเสียงมันก็จะแผ่วหน่อยๆ...
"ขอให้พวกคุณตามหาพี่รหัสตัวจริงให้เจอ!! คิดว่าพี่คนไหนเป็นพี่รหัสตัวเองให้เดินเข้าไปถามเลย ไม่ว่าพี่เขาจะตอบหรือไม่ตอบ หรืออาจจะตอบความจริงหรือโกหกคุณก็ตาม คุณต้องเข้าหาพี่เขาเข้าใจมั้ย!!!!"
"เข้าใจครับ/ค่ะ!!"
"ส่วนเฉลยสายรหัสนั้น ผมจะนัดพวกคุณอีกทีให้เวลาพวกคุณได้ตามหาพี่รหัสได้อย่างเต็มที่ และถ้าใครหาพี่รหัสไม่เจอคุณเตรียมใจรับบทลงโทษได้เลย!!!"
เอาอีกละบทลงโทษอีกแล้ว นี่กูลงชื่อจองคิวไว้ก่อนเลยได้มะ ลางสังหรณ์มันบอกว่ากูอาจจะโดน ที่โดนเนี่ยไม่ใช่หาไม่เจอนะ เจอแล้ว เจอนานแล้วแต่กูไม่อยากยอมรับความจริง ให้กูโดนลงโทษแล้วได้พี่คนอื่นกูยอม กูเต็มใจเลยอ่ะ...
"ก่อนจะปล่อยพวกคุณกลับบ้าน ผมมีเรื่องอยากจะพูดให้พวกคุณเข้าใจ" พี่ดงโฮพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทุกคนเลยนั่งตัวตรงตั้งใจฟัง สิ่งที่พี่เขาจะพูดต่อไปนี้
"พวกคุณทุกคนจำไว้ให้ดีว่าคณะนิเทศศาสตร์ของเรา ให้ความสำคัญกับระบบสายรหัสมาก ไม่ว่าคุณจะจับโค้ดได้พี่คนไหนมา คุณก็ควรจะดีใจที่ได้เขามาเป็นพี่รหัส"
"........."
"เพราะพี่รหัสของคุณ เขาคือคนที่จะดูแลคุณนับจากนี้ต่อไปอย่างไม่มีเงื่อนไข แม้คุณจะไม่ชอบเขาหรือเขาจะไม่ชอบคุณ แต่สุดท้ายหน้าที่ของพี่รหัสก็คือการดูแลน้องรหัส จนกว่าตัวเองจะจบการศึกษาที่นี่"
"........"
"และผมก็อยากให้พวกคุณเข้าใจด้วย ว่าคำว่า'ดูแล'จากพี่รหัส ไม่ได้หมายถึงบริการทุกอย่างตามที่คุณต้องการ แต่มันหมายถึงเวลาที่คุณเจอปัญหา พี่รหัสจะไม่เมินเฉยจะต้องร่วมกันช่วยแก้ปัญหาไปกับน้อง เขาจะช่วยคุณอย่างเต็มที่เหมือนกับเป็นเรื่องของตัวเอง"
"......."
"พี่รหัสก็คือคนสำคัญของคุณคนหนึ่ง เมื่อคุณจับได้พี่เขามานั่นแปลว่าจะมีคนรักคุณเพิ่ม เข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งคน"
"........."
"ตั้งใจหาพี่รหัสให้เจอล่ะ แล้วพวกคุณจะไม่เสียใจแน่นอน ปีสองทุกคนบอกน้องรหัสของพวกคุณสิ ว่าพวกคุณสัญญาว่าจะดูแลพวกเขาจนกว่าจะจบจากที่นี่ ปฎิบัติ!!!" เมื่อพี่ดงโฮสั่ง รุ่นพี่ปีสองทุกคนรวมทั้งพี่ดงโฮ ก็พร้อมใจกันทำท่าเหมือนๆกันนั่นคือ การเอามือซ้ายไขว้หลัง มือขวากำหมัดแล้ววางลงบนอกข้างซ้าย ราวกับกำลังจะปฎิญาณตนอะไรประมาณนั้น พร้อมกับตะโกนบอกพวกเราที่เป็นน้องรหัส ด้วยเสียงที่หนักแน่นและพร้อมเพรียงกันว่า
"พวกเราดีใจ!ที่ได้น้องมาเป็นสายรหัส!!! พวกเราจะดูแลน้องอย่างไม่มีเงื่อนไข!! เราจะใช้ใจแลกใจ!! ร่วมทุกข์ร่วมสุขในมหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักยิ่ง!! ปีสองคณะนิเทศศาสตร์ สาขาเอกการแสดงขอสัญญา!!"
ดูๆไปแล้วพวกพี่เขาก็เท่ห์อยู่เหมือนกัน เอาวะพี่เขาสัญญามาขนาดนี้ กูจะทำใจหาพี่รหัสแล้วกันถึงแม้จะอ่านโค้ดในมือกี่รอบ แม่งก็ไม่น่าจะพ้นพี่ดงโฮก็เถอะ...
สามสี่วันต่อมา
"เอามาแดกมั่ง" ผมพูดแล้วแย่งห่อขนมเลย์มาจากไอ้บิน ตอนนี้พวกเรากำลังนั่งเอื่อยเปื่อยในโรงอาหาร เพราะวิชาที่ต้องเรียนในตอนบ่าย อาจารย์เขายกคลาสพวกเราเลยว่าง มานั่งคุยเล่นกันเพราะต่างคนต่างไม่มีอะไรทำ นี่ก็เปิดเทอมมาได้หลายวันแล้ว ผมกับเพื่อนก็เริ่มชินกับการใช้ชีวิตมหาลัย วิชาที่เรียนก็มีหนักบ้างเบามากสลับกันไป คุยเล่นกับเพื่อนนอกกลุ่มบ้างครั้งคราว และสิ่งที่ยังไม่ลืมคือการหาพี่รหัส
"ไอ้เตี้ยมึงสงสัยใครบ้างยังพี่รหัสอ่ะ" ไอ้บินเป็นคนถาม มันนั่งข้างๆผม ส่วนไอ้หลินกับไอ้แซมนั่งตรงข้ามพวกเราสองคน
"จะให้กูสงสัยใคร โค้ดแม่งชัดขนาดนี้หมีเถื่อนมึงว่าจะเป็นใครได้อีก ถ้าไม่ใช่เจ้ากรรมนายเวรของกู แบบพี่ดงโฮอ่ะไอ้สัด" ผมพูดแล้วเอามือทุบโต๊ะระบายความอัดอั้นในใจ กูพยายามเผื่อใจไว้ว่าเป็นพี่คนอื่นบ้างนะ แต่พออ่านโค้ดทีไร ตัวอักษรแม่งเหมือนแปรขบวนเป็นชื่อคังดงโฮอ่ะ หน้าพี่แกนี่ฉายเข้ามาในหัวกูแว๊บๆ
"มึงคิดมากไปป่าว หมีเถื่อนอาจจะไม่ใช่พี่ดงโฮก็ได้ นู่นมึงดูพี่อ๋งเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่ดงโฮดิ กูเห็นเขาแขวนกระเป๋าเป้ตุ๊กตาหมีมาทุกวันเลยอ่ะ เขาอาจจะกำลังใบ้มึงก็ได้ แต่สับหลอกว่าเป็นพี่ดงโฮให้มึงตายใจงี้" ไอ้บินพูดแล้วชี้ไปทางผู้ชายหน้าหล่อ ที่มีไฝตรงแก้มสามจุดดูมีเสน่ห์นั่น พี่อ๋งเป็นคนดูดีมากนะแบบหล่อเลยอ่ะ ลุคขี้เล่นแต่กูว่าพี่เขาเล่นมากไปอ่ะ บางทีก็ไม่รู้ว่าขี้เล่นหรือเป็นบ้า ผู้ชายหล่อปกติดีที่ไหนแม่งจะแขวนเป้ตุ๊กตาหมี แล้วเต้นป๊อปปิ้งเข้าตึกวะ
"มึงคิดเยอะไปป้ะไอ้บิน กูว่าพี่อ๋งน่าจะเป็นพี่รหัสไอ้แซมมากกว่าอีก" ผมพูดแล้วหันไปมองไอ้แซม ก็โค้ดที่ไอ้แซมได้อ่ะคือ คนบ้าหน้าหล่อ2017 กูว่ามันต้องเป็นพี่อ๋งอ่ะ ในคณะพี่แกก็บ้าสุดแล้วอ่ะ
"กูก็คิดอยู่ แต่กูไม่รู้จะสื่อสารยังไงกับพี่เขา" ไอ้แซมพูดแล้วกุมขมับ เออเป็นกูกูก็ไม่อยากคุย หล่อแต่บ้ากูไม่รู้ว่าจะให้เข้าใกล้หรือถีบออกไปดี
"แล้วของมึงอ่ะไอ้บินสงสัยว่าเป็นพี่คนไหน" ผมหันไปถามไอ้บิน ของไอ้บินนั้นดูจะเป็นโค้ดที่น่าหาสุดแล้ว เพราะโค้ดของไอ้บินนั้นก็คือ นางฟ้านิเทศศาสตร์ แค่ชื่อก็อยากหาแล้วป้ะ
"กูสงสัยพี่เซอุนไม่ก็พี่จงฮยอนอ่ะ ใจดีทั้งคู่เลย" ผมพยักหน้าตาม เออก็มีความเป็นไปได้สูง และถ้าเกิดไอ้บินได้พี่จงฮยอนเป็นพี่รหัสจริงๆ คนที่จะแฮปปี้ที่สุดของไม่ใช่ไอ้บิน แต่เป็นคนที่นั่งตรงข้ามไอ้บินอย่างไอ้หลินนั่นเอง
"โห่ถ้ามึงได้พี่จงฮยอนเป็นพี่รหัสจริงๆนี่โคตรดีอ่ะ พี่เขาเทคแคร์มึงดีแน่ๆ และกูเชื่อคนที่จะดูแลพี่รหัสมึงอ่ะคงเป็นไอ้หลิน สายมึงจะดองกัน" ผมพูดแซวไอ้หลิน
"พูดมากนะมึง" ไอ้หลินว่าผมกลับ แหมแต่กูก็พูดถูกใช่มั้ยล่ะ
"แล้วของมึงอ่ะหลินสงสัยใคร" ส่วนของไอ้หลินเหมือนจะเดาง่ายแต่ว่ายาก ไม่รู้เลยว่าใครจะเข้าข่ายโค้ดที่มันได้มา และโค้ดนั้นก็คือ วันเพ็ญเดือนสิบสอง งงในงงว่ามันคืออะไร ผมไม่รู้เลยว่าจะตีความไปทางไหน วันเพ็ญเดือนสิบสองมันเนื้อเพลงวันลอยกระทง และวันลอยกระทงพระจันทร์จะเต็มดวง เอ้ะหรือพี่รหัสไอ้หลินจะเป็นคนหน้ากลมเหมือนพระจันทร์ไรงี้วะ หรือหน้าปุเป็นผิวพระจันทร์ โอ้ยชั่งแม่งเอาของตัวเองให้รอดก่อนมั้ย
"เฮ้ยแก๊งค์สูงสามเตี้ยหนึ่ง" เสียงสดใสและมักจะเรียกกลุ่มเราแบบนี้เสมอ จะเป็นใครไม่ได้นอกจากพี่เอกเดียวกันอย่างพี่แดน ผู้ชายผมสีโทนน้ำตาลเทาเป็นผู้ชายยิ้มเก่ง พูดเก่งอัธยาศัยดี หญิงติดตรึมเพราะพี่แกเต้นบีบอยกับเพื่อนเขาตอนเย็นใต้ตึกแทบทุกวัน พอห้าโมงปุ๊ปฝูงซอมบี้ไร้ผัวหรือมีผัวแล้วก็จะแห่กันมาดูพี่แดนเต้นใต้ตึก เสียงกรี๊ดของชะนีในคณะและนอกคณะนี่โหยหวนทุกยามเย็น วันไหนถ้ามากันเยอะก็เบียดกันแน่น บางคนถึงกับเป็นลมสูดยาดมกันเป็นแถว ไม่ยอมไปห้องพยาบาลกันด้วยนะมึง นางจะนั่งพักกายแถวๆนั้นแล้วฟื้นคืนชีพมาดูพี่แดนได้ใหม่ วันไหนพี่แดนแดกน้ำแล้วตั้งขวดทิ้งไว้ พอพี่เขากลับบ้านนะมึง สงครามขนาดใหญ่จะเกิดขึ้น ฝูงซอมบี้จะพากันแย่งขวดน้ำใบเดียว ...
"ว่าไงครับพี่แดน" ไอ้ฮยอนบินถาม เมื่อพี่แดนมาหยุดยืนอยู่ที่โต๊ะเรา
"ว่างกันช้ะ กูถามไรหน่อยในกลุ่มพวกมึงมีใครถ่ายรูปเก่งๆบ้างวะ" พี่แดนถาม
"ไอ้ฮยอนบินเลยพี่ ตอนมัธยมมันเป็นช่างกล้องให้ทุกงานเลย" ผมชี้นิ้วไปที่ไอ้ฮยอนบิน ไอ้ฮยอนบินเป็นคนที่ถ่ายรูปสวยมาก และมันเองก็ชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจเลยล่ะ เวลามันถือกล้องแล้วตั้งใจจดจ่ออยู่กับการถ่ายภาพนะ โห้อิเชี่ยหล่อเว่อร์มีเสน่ห์เว่อร์ ลุคผัวถ่ายภาพเก่งเว่อร์ๆ ถ้าเธอได้มันเป็นผัวเธอจะมีภาพดีๆลงไอจี พร้อมแท็กเลิศๆว่าผัวฉันถ่ายรูปเก่ง จ้างถ่ายได้แต่ห้ามจีบไรงี้อ่ะ
"งั้นกูยืมตัวมึงหน่อย" พี่แดนพูดแล้วรีบดึงแขนไอ้ฮยอนบินไปเลย คือไม่ถามเจ้าตัวเลยหรอว่าอยากไปมั้ย แล้วจะพาเพื่อนผมไปทำไรเนี่ย สิ่งที่ผมและคนอื่นๆทำได้คือการเดินตามพี่แดนและไอ้ฮยอนบิน
จนในที่สุดพี่แดนก็ลากพวกผมมาที่ใต้ตึกคณะเรา ผมมองรอบๆใต้ตึกดูเหมือนว่าวันนี้ คณะผมจะมีงานบางอย่าง เพราะรุ่นพี่หลากหลายสาขาตั้งบูธกันเต็มเลย เหมือนนิทรรศกาลอะไรซักอย่างอ่ะ แถมให้คนนอกเข้ามาเยี่ยมชมได้ด้วย ใต้ตึกเลยคนแน่นอ่ะ
"พี่แดนคณะเรามีงานไรอ่อ" ผมถามคณะที่พี่แดนพาเราเดินฝ่าผู้คนเข้าไป
"เป็นงานของปีสองอ่ะ อาจารย์หัวหน้าวิชาเขาให้แต่ละสาขาเปิดบูธอะไรก็ได้ แต่บูธต้องให้ความรู้และมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับสาขาด้วยนะ คณะเราเป็นคณะที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมทุกอย่างอยู่แล้ว มันก็จะมีแบบนี้มาเรื่อยๆแหละ"
"อ่ออออ" ผมพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ นึกว่าอยู่ปีหนึ่งกิจกรรมเยอะแล้วนะ ปีสองยังมีอีกหรอเนี่ย
"อ่ะถึงแล้วบูธสาขาเรา" ผมและเพื่อนๆมาหยุดอยู่ที่บูธของสาขาเรา บูธสาขาเราถือว่าจัดอลังการอยู่นะ มีป้ายชื่อสาขาอันเบ้อเร่อแขวนติดกับผนัง มีฉากเฉิกพื้นหลังสวยงามอลังการดาวล้านดวง มีลำโพงเปิดเพลงเสียงดัง และมีพวกรุ่นพี่คอยตะโกนโวกเวกโวยวาย ชักชวนเข้าบูธใหญ่เลย
"เฮ้ยไอ้มินกูหาคนถ่ายรูปได้ละ" พี่แดนเดินเข้าไปตบไหล่พี่เอกเราคนนึง ที่กำลังหันหลังตกแต่งบูธอยู่ และเมื่อพี่เขาหันมาหาเรา ทำเอาผมและเพื่อนอีกสามคนเบิกตากว้าง
โห้...บนโลกเรามีคนดูดีขนาดนี้ด้วยหรอวะ รุ่นพี่เอกเดียวกันกับผมตรงหน้านั้น เป็นผู้ชายหน้าตาหล่อละมุนละไม สูงเกือบเท่าไอ้ฮยอนบิน ผิวพรรณดีเหมือนอาบน้ำแร่แช่น้ำนมมาตั้งห้าขวบ บุคคลิกบอกเลยว่าสง่ามาดผู้ดีเหมือนเข้าคอสเรียนบุคคลิกภาพตั้งแต่หนึ่งขวบครึ่ง แล้วมองย้อนดูตัวเองปีหนึ่งแล้วยังเด๋อๆด๋าๆ พร่ำเพ้อมโนหาผู้ชายมาสามปี
"คนไหนจะเป็นคนถ่ายอ่ะ" คนที่ชื่อพี่มินหันไปถามพี่แดน แล้วไล่มองเราทีละคน ยิ่งผมมองพี่คนนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาดูดีอ่ะ มันแบบจะว่าไงดี พี่เขาเป็นคนที่น่ามองมาก มันมีเสน่ห์ดึงดูดบางอย่างในตัวพี่เขา ถ้าจำไม่ผิดวันรับน้องวันแรกตอนไปกินข้าวกับกลุ่มพี่ดงโฮ ผมก็เจอพี่คนนี้นะแต่ตอนนั้นมีพี่ดงโฮอยู่ด้วย เลยได้แต่ก้มหน้าก้มตายัดข้าวลูกเดียว เลยไม่ได้มองหน้าพี่เขาแบบตั้งใจมากนัก
"ไอ้หน้าตี๋คนนี้แหละ ช่างกล้องเราวันนี้" พี่แดนพูดแล้วชี้ไปทางไอ้ฮยอนบิน ส่วนไอ้ตี๋ที่ยืนข้างผมนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นมนุษย์แช่แข็งไปละ ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นสตั้นไปตั้งแต่พี่มินเขาหันมาอ่ะ เนี่ยไม่รู้หัวใจแม่งหยุดเต้นไปยัง
"หรอ น้องชื่อไรอ่ะพี่จะได้เรียกถูก"
"......"
พี่มินถามไอ้ฮยอนบิน แต่ไอ้คนที่ถูกถามนี่สิไม่รู้วิญญาณแม่งลอยไปเกี่ยวเสาไฟบ้านไหน ถึงได้ยืนเงียบไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับ ไม่รู้ว่าแม่งเป็นอะไร
เดี๋ยวนะอาการมันคุ้นๆ อย่าบอกนะกามเทพขยันยิงลูกศรอีกแล้ว มึงจะลั่นลูกศรถี่ไปละ....
ถ้าสิ่งที่ผมคิดมันถูก คือไอ้บินกำลังปิ๊งปั๊งวิ๊งค์วั๊งกรุ๊งกริ๊งกับพี่มิน โอ้ไม่นะแค่อิหลินคนเดียวนี่ยังไม่พอหรอ ยังไม่พอหรอ...กูเนี่ยยังเหนื่อยไม่พอหรอ...
"ไอ้สัดตอบพี่เขาสิ" เป็นไอ้แซมนั่นแหละที่สกิดแขนไอ้บิน
"อ๋อๆ ผะ..ผมชื่อฮยอนบินครับ" ไอ้ฮยอนบินพูดแล้วเกาหลังหูแก้เขิน
"พี่ชื่อมินฮยอนนะ แต่เรียกมินเฉยๆก็ได้" พี่มินฮยอนบอกแล้วยิ้มส่งมาให้เรา หื้มยิ้มดูดีเผื่อแผ่คนทั้งโลก
"พี่มินจะให้ไอ้ฮยอนบินถ่ายรูปให้หรอครับ" ผมถามพี่มินไปเอง
"อืม อยากให้ถ่ายภาพรวมของบูธเราอ่ะ พวกพี่จะได้เอารูปไปทำรายงานส่งอาจารย์แต่ละวิชาอ่ะ ส่วนกล้องเป็นกล้องพี่เองนะ ฝากด้วยล่ะ" พี่มินพูดแล้วยื่นกล้องถ่ายรูปแคนนอนมาตรงหน้าไอ้บิน ไอ้บินยื่นมือไปรับแบบเก้ๆกังๆ ดูเขินหน่อยๆ แค่กล้องนะมึงไม่ใช่เบอร์โทรจะเขินเพื่อ
"ถ่ายเอาให้เห็นภาพรวมกว้างๆหน่อยนะ" พี่มินฮยอนพูด ผมกับไอ้ฮยอนบินก็พยักหน้าหงึกหงัก พี่เขาเลยเดินไปทำอย่างอื่นต่อ
"น้องพี่ขอคนช่วยเก็บของตรงนี้หน่อย" จากนั้นก็มีพี่ในเอกอีกคนตะโกนมาทางเรา ด้วยความที่เป็นคนปฏิเสธใครไม่เป็น ยิ่งคนขอความช่วยเหลือด้วยแล้วยิ่งเมินเฉยไม่ได้ กูเลยดันหลังไอ้แซมให้ไปเป็นตัวแทนความห่วงใยจากกูละกัน ไอ้แซมแทบจะกระโดดถีบผม เมื่อมันไม่ได้เสนอตัวจะไปทำ แต่ถูกผมยัดเยียดให้ เอาน่าถือว่าใจกูช่วยแต่ตัวมึงทำ ปลายทางมันก็เหมือนกันนั่นแหละ
"เตี้ยเดี๋ยวกูมานะไปเข้าห้องแปป" ไอ้หลินบอกกับผม ผมก็พยักหน้ารัวๆ เท่ากับว่าตอนนี้เหลือผมกับไอ้ฮยอนบินสองคนเท่านั้น เราทั้งคู่เขยิบออกมาห่างๆบูธสามสี่ก้าวเพื่อจะได้หามุมสวยๆถ่ายภาพ ตัวผมเองนั้นถ่ายรูปไม่เป็นหรอก จับกล้องยังจับไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ เลยได้แต่ยืนมองไอ้บินสวมสายกล้องคล้องคอ แล้วใช้มือยกตัวกล้องขึ้นมาระดับสายตา มันก็จับๆหมุนๆที่เลนส์กล้อง มันดูตั้งใจมาก....ไม่รู้ตั้งใจถ่ายบูธหรือถ่ายใครกันแน่
"ทำไมกูไม่ค่อยเห็นหน้าพี่มินฮยอนเลยวะ" ไอ้บินถ่ายภาพไปแล้วก็พูดขึ้นมา
"ที่ถามเนี่ยแค่สงสัยหรือสนใจไอ้โย่ง" ผมแซวแล้วหรี่ตาอย่างจับผิด
"ก็แค่อยากรู้เองไอ้เตี้ย"
"อยากรู้หรอ หื้มอยากรู้อะไรล่ะ อยากรู้ไอดีไลน์พี่เขาหรือเบอร์พี่เขาดี" ผมกระแนะกระแหนตอบมันไป
"เป็นเพื่อนไม่ใช่เมีย เสือกแค่บางเรื่องก็พอเนอะ" ไอ้บินพูดแล้วพลั่กหัวผมไปทีนึง ผมนี่มองแรงใส่
"ตกลงยังไง มึงเคยเจอพี่เขาป้ะ" ไอ้บินวกกลับมาสัมภาษณ์เรื่องคนอื่นจากกูต่อ
"เออ!เคยเจอแต่แค่แป๊ปเดียวอ่ะ เจอตอนไปนั่งกินข้าวกับกลุ่มพี่ดงโฮตอนรับน้องนู่น กูก็ไม่ค่อยเห็นพี่เขาเวลาเรารวมแถวนะ"
"มึงลองไปถามพี่แดนดิ ว่าทำไมไม่ค่อยเห็นพี่มินฮยอนเลย"
"ทำไมกูต้องถาม กูไม่ได้อยากรู้"
"แต่กูอยากรู้ไปถามพี่แดนเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูงอน" ผมนี่กลอกตาบนเอะอะอะไรก็ใช้กูตลอด คราวอิหลินกูก็ตกเป็นเหยื่อใช้ให้ถือก้อนน้ำแข็ง นี่กูต้องแปลงกลายเป็นนักข่าวไปสัมภาษณ์เรื่องราวคนที่มึงปิ๊งอีกเนี่ยนะ
ทานโทษนะคือพวกมึงเห็นกูแขวนป้ายพนักงานบริษัทคิวบิดฮัตหรอ ต้องคอยมาช่วยชีวิตรักพวกมึงเนี่ย เงินกูก็ไม่ได้ ผู้ชายกูก็ไม่ได้ กูเสียเปรียบเห็นๆอ่ะ แล้วดูแต่ละคนที่พวกมึงชอบนะ นางฟ้านางสวรรค์ทั้งนั้น รู้จ่ะรู้ว่าพวกมึงหล่อ แต่ช่วยชอบคนที่คิดว่าจีบง่ายๆหน่อยได้มั้ยอ่ะ แบบกูเนี่ยง่ายมากไม่ต้องจีบเดี๋ยวกูจีบเอง มึงหาเงินเปย์กูก็พอแค่นั้นแหละ
ถึงจะบ่นร่ายยาวเป็นบทสวดมนต์ ผมก็จำใจเดินต้อยๆไปหาพี่แดนอยู่ดี ท่องไว้เพื่อนมาก่อน เพื่อนกินหาง่าย แต่เพื่อนหล่อหายาก จงเก็บรักษาไว้ให้ดีบางทีคำว่าผัวอาจอยู่แค่เอื้อม
"มีไรเตี้ย" พี่แดนถามเมื่อผมเดินมายืนข้างๆพี่เขา
"คือ..ผมสงสัยอ่ะพี่ ว่าทำไมตอนรับน้องผมไม่ค่อยเห็นพี่มินฮยอนเลย"
"อ๋อ ไอ้มินฮยอนมันเป็นคนของสังคมอยู่แล้ว มันติดช่วยงานสโมสรนักศึกษาอ่ะแหละ เลยไม่ค่อยได้เข้ามาร่วมแจมช่วงรับน้อง มันคอยประสานงานหลายๆฝ่ายอ่ะ"
"อ่าว พี่เขาเป็นสโมสรนักศึกษาหรอ"
"ป่าว แต่เป็นเดือนคณะเราปีที่แล้ว"
"ห้ะ?เดือนคณะ " โห้ไอ้บินมึงชอบถูกคนมาก อยู่สูงไปอีก
"อืมใช่เป็นเดือน มันเป็นคนเก่งมีความสามารถรอบด้านอ่ะ อาจารย์และพวกกองสโมสรชอบดึงตัวไปช่วยงานบ่อยๆ ก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของสาขาเราด้วย"
เมื่อเก็บข้อมูลมาได้บ้าง ผมเลยแยกกับพี่แดนแล้วเดินตรงดิ่ง มายืนข้างไอ้บินเหมือนเดิม ผมกัดเล็บด้วยความเครียดแทนไอ้บิน เพราะดูท่าแล้วความรักมันเนี่ยถ้าจะยาก
"เป็นไงมึงคุยไรกับพี่แดนบ้าง" ไอ้ฮยอนบินเลิกถ่ายแล้วหันมาถามผม
"ยากอ่ะงานนี้ พี่มินฮยอนเขาเป็นเดือนคณะเราปีที่แล้ว พี่เขาเก่งรอบด้านอาจารย์และกองสโมสรนักศึกษาชอบดึงตัวไปช่วยงาน เป็นคนที่สังคมต้องการตัวอ่ะ"
"อืม ถึงว่าไม่ค่อยได้เห็นหน้าพี่เขาเลย"
"แล้วมึงจะเอาไงต่อ จะจีบตรงๆแบบไอ้หลินหรอ" ผมถามไม่รู้ว่ามันจริงจังกับพี่เขารึป่าว
"ไม่อ่ะ กูว่าจีบพี่เขาตรงๆไม่มีทางสำเร็จหรอก"
"ก็จริงถึงมึงจะหล่อลากไส้แค่ไหน แต่กูเชื่อว่ามีคนหล่อและเพอร์เฟ็คยิ่งกว่ามึงจีบพี่เขาแน่ๆ พี่เขาเหมือนอยู่บนฟ้าแต่เราอยู่บนดินเลยอ่ะ"
"กูไม่กล้าไปจีบพี่เขาหรอก กูได้แค่หล่อแต่ไม่ได้มีอะไรจะทำให้พี่เขามาสนใจได้เลย"
"โห้มึงกับพี่เขาเนี่ยโคตรเจ้านาย"
"เจ้านายอะไรมึงวะเตี้ย"
"ก็เรานั้นมันคนล่ะชั้น จะทำเช่นไรให้มองเห็นกัน ก็เธอนั้นอยู่คนละชั้น ได้แต่แหงนมองขึ้นปายยยยยยย ไงล่ะไอ้ควายยยยเคยฟังมั้ยยย ถ้ายังก็ไปฟังซะนะเพลงดีคนร้องก็ดี"
"หุ้ยจะเจ้านายเจ้าป่าก็ชั่งแม่งเหอะ" หลังจากนั้นพวกเราก็ยืนถ่ายรูปไปคุยกันไปเรื่อยเปื่อย และผมนึกขึ้นได้ว่าไอ้หลินบอกไปเข้าห้องน้ำ ตั้งนานแล้วไม่เห็นกลับมาซักที ผมเลยมองซ้ายมองขวาว่ามันไปอยู่ไหนกัน และคำตอบก็อยู่ไม่ไกล เมื่อคนสองคนเดินคุยกันหนุงหนิง เข้ามาใกล้ผมกับไอ้บินเรื่อยๆ
ไหนบอกไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินมากับพี่จงฮยอนได้ไง แถมหายไปตั้งนานไม่ทราบว่าไปเข้าห้องน้ำบ้านพี่จงหรอห้ะไอ้หลินนนนนนน
"หวัดดีครับพี่จงฮยอน" ผมกับไอ้ฮยอนบินยกมือไหว้พี่จง พี่จงก็ยิ้มกว้างส่งมาให้ รอยยิ้มอบอุ่นนี้ดูกี่ทีก็ใจละลายอ่ะ ไม่แปลกที่ไอ้หลินจะชอบพี่เขา
"เห็นหลินบอกว่าพวกน้องมาช่วยถ่ายรูปบูธสาขาเราด้วย ขอบใจมากนะ"
"ไม่เป็นไรครับ" ผมกับไอ้ฮยอนบินพูดตอบกลับไป พี่จงฮอยนเรียกควานลินว่าหลินแล้ว โห้ความสัมพันธ์พวกมึงไปเร็วยิ่งกว่าฟาสแปดอีก ยังไงวะหลินยังไงนี่แอบไปคุยอะไรกันตอนไหน เรื่องนี้ต้องขยาย!
"เดี๋ยวพี่ไปช่วยงานที่บูธก่อนนะ" พี่จงฮยอนพูดแล้วเดินเข้าไปที่บูธ โดยมีไอ้หลินเดินตามไปติดๆผมนี่รีบดึงแขนมันไว้ก่อน มึงจะไปไหนไม่ทราบนั่นงานพี่เขา ไม่ใช่งานมึง!
"เพื่อนมึงอยู่นี่ มึงจะไปไหนห้ะไอ้ผู้จีน!!" ผมรีบถาม
"กูจะไปช่วยพี่จงจัดบูธอ่ะดิ"
"แล้วไหนมึงบอกไปเข้าห้องน้ำ แล้วหิ้วพี่จงกลับมาด้วยได้ไง"
. "กูบังเอิญเจอพี่เขาตอนออกมาจากห้องน้ำ เลยออกไปซื้อไรกินด้วยกันข้างนอกมา เลิกถามแล้วอยู่กับไอ้บินไปนี่แหละมึงอ่ะ"
มันว่าแบบนั้นแล้วเดินไปหาพี่จงฮยอนทันที หมั่นไส้ในความออกตัวแรงของมันจริงๆ แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามอะไร ความสุขของเพื่อนมาก่อนอยู่แล้วคนดีป่ะล่ะ แต่ทำไมคนดีแบบกูไม่เห็นมีคนมาชอบเลยวะ อยู่แบบสิงโตนำโชคมานานละนะ อยู่อย่างคนเหงาๆ อยู่กับความเดียวดายยยยย แม้ใครจะมองว่าทุกข์ แต่ฉันกลับสุขจ๊ายยยยยยยยยย
เวลาผ่านไปไม่นานไอ้หลินก็วิ่งมาหาผม พร้อมกับยื่นเงินมาให้ร้อยนึง
"เตี้ยกูฝากมึงไปซื้อลูกโป่งสีๆร้านนอกมอหน่อยดิ" ไอ้หลินพูดแบบนั้น แล้วยัดเงินใส่มือผมมา
"อ่าวทำไมต้องกูอ่ะ กูขี้เกียจเดินอ่ะ"
"มึงจะคลานไปก็ได้ รีบไปซื้อมาเร็วพี่จงฮยอนเขาจะรีบเป่าตกแต่งบูธ" ไอ้หลินสั่งแล้วเดินกลับไปเลย คือแบบนี้ก็ได้หรอ ทำไมมึงไม่ไปเองล่ะห่างกับพี่เขามึงจะขาดอากาศหายใจหรอ หุ้ยเซ็ง!
"เตี้ยเดี๋ยวก่อน พี่เขาจะไปซื้อของหน้ามอกับมึงด้วย" ผมที่กำลังเดินไปหน้าตึก ก็ต้องหันกลับมาตามเสียงเรียกไอ้หลิน เพราะว่ามีรุ่นพี่อีกคนจะไปซื้อของกับผมด้วย เออก็ดีนะจะได้มีเพื่อนคุยระหว่างทาง แต่เมื่อหันกลับมาสบตากับคนที่จะไปด้วยกัน ผมถึงได้รู้ว่ากูไปคนเดียวยังจะดีซะกว่า
เป็นคนอื่นไม่ได้หรอ ที่ไม่ใช่พี่ดงโฮเนี่ยไอ้ห่าเอ้ยยยยยยย!!!
".........."
".........."
เงียบ อึดอัด ทำตัวไม่ถูก อยากจะรีบให้เวลาเดินไวๆ เมื่อผมเดินออกมาซื้อของกับพี่ดงโฮหน้ามอ เราสองคนเดินออกมาทั้งๆที่ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เหมือนคนแปลกหน้าที่มาเดินข้างกัน อึดอัดในใจแต่บอกใครไม่ได้ คนในลิฟเต็มยังอึดอัดน้อยกว่ากูกับพี่เขาเลยมั้งอิเหี้ย
"คุณมาซื้ออะไร" ผมสะดุ้งเมื่อเราเดินมาถึงหน้ามอ แล้วพี่ดงโฮหันมาถามผม
"ผะ..ผม มาซื้อลูกโป่งให้พี่จงฮยอนครับ" ผมตอบแล้วยิ้มแห้งๆ ชี้ไปที่ร้านขายอุปกรณ์อีกฝั่งถนน ตรงข้ามเราสองคน
"ผมจะไปซื้อแพ็คน้ำเปล่าร้านนู้น แล้วเดี๋ยวมาเจอกันหน้ามอตรงนี้เข้าใจมั้ย" ผมพยักหน้ารัวๆ เอายังไงก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกันนานๆอ่ะ หลังจากนั้นผมกับพี่เขาก็ข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วแยกกันไปซื้อของ ผมไปซื้อแค่ถุงลูกโป่งอย่างเดียวมันเลยเสร็จไว ผมมองไปหน้ามอก็ยังไม่เห็นพี่เขา ผมหิวน้ำเลยไปต่อคิวซื้อนมสดปั่นกินตรงแถวๆนั้น เพราะเป็นร้านโปรดและป้าแม่ค้าก็คุยสนุก
ผมยืนซื้อนมสดปั่น และเม้ามอยกับป้าเจ้าของร้านเพลินไปหน่อยพราะมาซื้อกินเกือบทุกวัน เลยทำให้ลืมไปว่ามีใครบางคนกำลังรอผมอยู่ ตัวเองเลยรีบรับแก้วนมปั่นมาจากป้าแม่ค้า แล้วรีบวิ่งข้ามถนนกลับมาหาพี่ดงโฮทันที
"เอ่อ..พี่มารอนานยังครับ" ผมถามเพราะพี่ดงโฮวางแพ็คน้ำขวดไว้ที่พื้น แล้วยืนกอดอกคิ้วขมวดกันเป็นปม และตรงนี้แม่งแดดร้อนด้วย ไม่รู้พี่แกยืนรอนานยังแต่ให้ถ้าเดานะคงนาน เพราะกูเม้ากับป้าร้านน้ำ จนอีคนที่มาซื้อต่อไล่กูออกจากร้านได้แล้วอ่ะ
"เหงื่อท่วมหน้าขนาดนี้ คุณว่านานมั้ยล่ะ" พี่ดงโฮประชดแล้วก้มลงไปยกแพ็คน้ำขวดขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปในมออย่างไว ผมขมุบขมิบปากพูดล้อเลียนรีบวิ่งตามพี่เขาเข้าไป
"ผมขอโทษ ก็ตอนแรกผมออกมาแล้วยังไม่เจอพี่อ่ะ" ผมขอโทษไปแล้วแต่พี่ดงโฮก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นี่โมโหหรือยังไงวะ ชั่งแม่งไม่ตอบก็ตามใจผมจึงยกแก้วนมปั่นขึ้นมาดูดแทน
"คุณชอบกินนมปั่นหรอ" ผมหันขวับเมื่อพี่ดงโฮเปิดประเด็นสนทนา พี่เขาถามแต่ไม่ได้มองหน้าผม พี่เขาแค่เดินถือแพ็คน้ำขวดไว้ด้วยมือข้างเดียว
"ครับ" ผมตอบสั้นๆ เพราะไม่รู้จะสาธยายยืดยาวทำไม ผมชอบทุกอย่างที่เป็นรสนมนั่นแหละ
"ทำไม" แล้วพี่เขาก็ถามต่อ แล้วพี่เขาจะอยากรู้ไปทำไมวะ
"ก็แค่ชอบแหละพี่" ผมตอบไปตามความจริง เพราะมันกินแล้วสูงด้วยแหละถึงชอบ
"แต่ผมไม่ชอบ" ผมหันขวับอีกรอบ คือจะบอกทำไมไม่ได้อยากรู้
"ทำไมล่ะพี่ พี่ต้องลองกินเรื่อยๆเดี๋ยวพี่ก็ชอบเองแหละ" ผมบอกกลับไป
"ไม่รู้ดิ กินร้านไหนแม่งก็ไม่อร่อยอ่ะเหม็นแปลกๆ" ผมได้ยินพี่เขาตอบแบบนั้น ก็ก้มลงมองแก้วนมปั่นที่ตัวเองถืออยู่ในมือ เพราะผมชอบนมมากเจอคนอคติกับมันเลยทนไม่ได้
"แล้วพี่ลองร้านนี้ยัง" ผมหันไปถามแล้วชูแก้วนมปั่นไปตรงหน้าพี่เขา พี่ดงโฮหันกลับมามองผม
"อร่อยที่สุดตั้งแต่ผมกินมาแล้ว" ผมพูดแบบนั้นออกไป ซึ่งถ้าผมย้อนกลับไปได้ผมจะไม่พูดมันออกมา เพราะเมื่อสิ้นประโยคของตัวเอง พี่ดงโฮก็ก้มหน้าลงมาใช้ปากดูดหลอดนมปั่นในมือของผม จนตัวเองเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อิเหี้ยกูบอกว่าอร่อยที่สุดตั้งแต่กินมา แต่ยังไม่ได้บอกให้ลองชิมซักหน่อย!!!
"ก็งั้นๆ" พี่ดงโฮพูดแล้วก็เดินต่อไปข้างหน้า เหลือแต่ผมที่ยืนถือแก้วนมปั่นแบบอึ้งๆ มันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมไปไม่เป็น ผมมองแก้วนมปั่นอย่างพิจารณาว่าจะแดกต่อหรือโยนทิ้ง แต่ด้วยความเสียดายเลยจำใจดึงหลอดทิ้ง แล้วแกะฝาใสที่ครอบปากแก้วไว้ออก ใช้การกินแบบกระดกแทน แล้วรีบวิ่งไปเดินข้างๆพี่เขาเหมือนเดิม
"เมื่อกี้ผมยังไม่ได้อนุญาตให้พี่กินเลยนะ" ผมพูดแล้วมองพี่เขาแบบไม่พอใจ
"ผมเป็นรุ่นพี่คุณ ผมไม่ต้องรอคำสั่งจากคุณหรอก" พี่ดงโฮพูดแบบคนเหนือกว่า เกิดก่อนกูนี่จะทำได้ทุกอย่างเลยหรอห้ะ ผมได้แต่กัดฟันโกรธถ้ากูตัวใหญ่กว่านี้หน่อยนะ จะโดดตบกะบาลแม่ง
"พรุ่งนี้คุณต้องซื้อกาแฟปั่นให้ผมกิน เอาร้านเดียวกับที่คุณซื้อนมปั่นนั่นแหละ" ทีนี้กูก็หันขวับจนหัวแทบหลุด เมื่อพี่ดงโฮพูดประโยคนั้นขึ้นมา เดี๋ยวๆทำไมต้องกู แล้วอีกอย่างทำไมกูต้องซื้อให้พี่เขาด้วย
"ตะ..แต่ทำไมต้องเป็นผมล่ะ" ผมถามกลับด้วยใจที่หวั่นๆ
"โค้ดที่คุณได้ คุณไม่ได้สงสัยหรอว่าผมเป็นพี่รหัสคุณ" ผมกระพริบตาปริบๆรู้ได้ไงวะว่าผมคิดแบบนั้น
"พ..พี่รู้ได้ไง ว่าผมสงสัยพี่"
"ก็วันที่จับโค้ด คุณหันมามองหน้าผมทันทีตอนอ่านโค้ดในกระดาษเสร็จ คุณคิดว่าผมโง่หรอถึงไม่รู้ว่าคุณสงสัยผม" กรรมนี่กูแสดงออกขนาดนั้นเลยวะ
"แล้วยังไงพี่เป็นพี่รหัสผมจริงๆหรอ" เออไหนๆก็ไหนๆแล้วถามแม่งเลยแล้วกัน ถ้ามันใช่ก็แค่กลับไปร้องไห้สามวันสามคืนก็เท่านั้น
"ผมจะบอกก็ต่อเมื่อพรุ่งนี้คุณซื้อกาแฟปั่นมาให้ผมที่โรงอาหาร" พี่ดงโฮใช้การยื่นหมูยื่นแมว โอเคได้จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย กูทำก็ได้ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว
"ก็ได้ แต่พี่สัญญาแล้วนะว่าจะบอกผม" พี่ดงโฮไม่ได้พูดอะไรอีก พี่เขาคงพูดคำไหนคำนั้นนะ ไม่งั้นกูจะกระโดดกัดคอจริงๆด้วย หลังจากนั้นผมกับพี่เขาก็เดินมาถึงตึกคณะ แล้วต่างคนต่างเอาของเข้าบูธ การตามหาพี่รหัสของผม ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วถึงจะเริ่มต้นกับคนที่ไม่อยากด้วยก็ตาม..
เช้าวันถัดมา
"อ่ะพี่กาแฟปั่น" ผมยื่นแก้วกาแฟปั่นไปให้พี่ดงโฮ ตอนนี้เราสองคนอยู่ในโรงอาหารของมหาลัย และเป็นช่วงเจ็ดโมงเช้าคนเลยยังไม่แน่นซักเท่าไร
".........." พี่ดงโฮรับแก้วกาแฟปั่นไปจากมือผม แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
ยังไงวะยังไง สมองเสื่อมหรอจำไม่ได้ว่าให้สัญญาอะไรกะกูไว้อ่ะ
"พี่ ตกลงพี่เป็นพี่รหัสของผมจริงๆใช่มั้ย" เริ่มหมดความอดทน เลยถามไปตรงๆ อิคนถูกถามก็หันมาทำตาดุๆใส่ผม จนตัวเองนี่ถอยหลังไปตั้งหลักหนึ่งก้าว
"พรุ่งนี้ซื้อมาอีกแล้วผมจะบอกคุณ" พี่ดงโฮพูดแล้วหันกลับไปดูดกาแฟเย็นต่อ อะไรวะไหนบอกว่าจะบอกกันไง พี่เขาจะเล่นแง่อะไรกับผมวะเนี่ย แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรและเตรียมตัวจะหันหลังเดินออกไป เพราะถ้าอยู่นานๆมีหวังกูจะกัดลิ้นตัวเองตาย แม่งคนอะไรวะพูดจาทำท่าทางน่าถีบฉิบหาย
"คุณจะไปไหน ผมยังไม่ได้บอกให้คุณไปเลย"
ผมเบรคเอี๊ยดทันทีที่พี่ดงโฮพูดแบบนั้น
เอ้า...กูไปไหนมาไหนตามใจตัวเองมาเกือบยี่สิบปี มึงเป็นใครมาสั่งกูเนี่ย กูโตแล้วกูจะไปไหนก็ได้ เข้าใจมั้ยยย ถึงจะบ่นแต่ก็ยอมเดินถอยหลังกลับมา กัดปากล่างแล้วข่มใจไว้ ใจเย็นๆอีแดฮวีใจเย็นๆ โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า นึกถึงหน้าจินยองไว้ หัวใจจะได้เย็นลงเพราะจินยองคือความอบอุ่นของหัวใจ
"ละ..แล้วพี่จะให้ผมทำไรอีก" ผมถามพลางยิ้มแห้งๆ
"นั่งเป็นเพื่อนผมก่อนแล้วค่อยไป"
จะนั่งเป็นเพื่อน นั่งเป็นน้องกูก็ไม่อยากโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย คนในโรงอาหารก็มีเยอะแยะมึงจะกลัวอะไรรรร มึงน่ากลัวที่สุดในโรงอาหารแล้วไม่รู้ตัวหรอหื้มมมมมมม!!
และเช้าวันนั้นผมก็นั่งเป็นรูปปั้นข้างๆพี่เขา จนกว่าพี่เขาจะแดกกาแฟปั่นเสร็จ ถึงได้แยกย้ายกันไปเรียน และมันก็เป็นเช่นนี้มาเกือบอาทิตย์นึงแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้คำตอบซักทีว่าใครเป็นพี่รหัสกูกันแน่
"ป้ากาแฟปั่นแก้วนึง"
และนี่ก็เป็นการเริ่มต้นอาทิตย์ใหม่ กับการมาซื้อกาแฟให้พี่ดงโฮอีกแล้ว ชีวิตกูชั่งขมขื่นไม่มีชีวิตชีวา เหมือนกาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาลจริงๆเลย..
"หนูมาซื้อกาแฟทุกวันเลย ซื้อไปให้ใครเนี่ย" ป้าแม่ค้าถามผม
"เจ้ากรรมนายเวรแหละป้า ไม่เลิกแล้วต่อกันซักที" ผมพูดอย่างเหนื่อยๆ จะมีอะไรทำให้กูหลุดพ้นจากพี่เขาได้บ้าง กูไม่เข้าใจกูเสียเงินซื้อกาแฟให้คนที่ไม่ชอบหน้าทำไม แล้วกูได้อะไรกลับมาไม่มี๊
"แล้ววันนี้หนูจะเอานมปั่นด้วยมั้ย"
"ไม่ล่ะครับ เอากาแฟปั่นแล้วก็น้ำเปล่าขวดนึงครับป้า" ผมพูดแล้วจ่ายเงินป้าแกไป ยืนรอซักพักป้าแกก็ยื่นถุงที่ใส่น้ำเปล่ามาให้ พร้อมกับแก้วกาแฟปั่นอีกหนึ่งแก้ว ผมยิ้มให้ป้าเขาแล้วสายตาดันเหลือบไปเห็นกระปุกเล็กๆที่มีเม็ดสีขาวละเอียดอยู่ในนั้น เลยถามป้าว่า
"ป้านี่เกลือป้ะครับ" ผมถามแล้วชูกระปุกเล็กๆที่ตั้งอยู่ข้างๆโหลพวกเยลลี่และท็อปปิ้งต่างๆ
"ใช่จ่ะ ตอนแรกป้าจะหยิบกระปุกน้ำตาล แต่หยิบมาผิดอัน" ผมพยักหน้าแล้วบอกกับป้าเจ้าของร้านว่า
"ป้าครับขอยืมช้อนหน่อยได้มั้ย"
หึหึ อยากแดกมากใช่มั้ยกาแฟ เดี๋ยวกูจะชงให้แดกแบบไม่มีวันลืมเลย
หลังจากนั้นผมก็เดินลั้ลลาเข้ามาในมหาลัย และตรงไปที่โรงอาหารเหมือนทุกเช้า หึวันนี้อิพี่ดงโฮมึงได้แดกกาแฟสมใจแน่ กูชงให้เป็นพิเศษเลย ผมเดินยิ้มแป้นแล้นแล้วเดินเข้าไปหาพี่ดงโฮที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ จากนั้นก็ยื่นแก้วกาแฟปั่นไปตรงหน้าพี่เขา พยายามไม่ยิ้มมีเลศนัยมากเกินไป ไม่ให้จับได้ว่ากูมีอะไรแอบแฝง
"อ่ะพี่กาแฟปั่น"
"......." พี่ดงโฮมองหน้าผมแล้วขมวดคิ้ว เหมือนกำลังคิดอะไรซักอย่าง บ้าน่าพี่เขาคงไม่สงสัยหรอก ไม่ได้สะใจออกนอกหน้าเผื่อไว้ก่อนเลยนะ จริงๆ เฉยๆมาก จากนั้นพี่แกก็รับแก้วกาแฟปั่นไปจากมือผม ผมจึงนั่งลงตรงข้ามกับพี่เขา แล้ววางขวดน้ำเปล่าของตัวเองไว้ข้างหน้า ไม่มีอะไรแฮปปี้กว่านี้อีกแล้ว อยากจะเห็นตอนพี่แกแม่งแดกกาแฟแล้วสำลักเพราะความเค็มจริงๆ กูตักใส่ไปหลายช้อนอ่ะ ยังไม่พอกูขอน้ำปลาจากป้าเจ้าของร้านมากระดกใส่ด้วย ใช้หลอดคนๆหน่อยกลืนจ้า เนียนสุดๆ จับไม่ได้แน่ๆ
ขณะที่ผมเปิดฝาขวดน้ำเปล่าแล้วเสียบหลอด กำลังจะยกน้ำขึ้นดื่มก็เกิดเหตุการณ์ไม่ขาดฝันขึ้น เมื่ออิพี่ดงโฮมันแย่งขวดน้ำไปจากมือผม แล้ววางแก้วกาแฟปั่นอันนั้นมาตรงหน้าผมแทน
ดะ..ดะ.เดี๋ยวนะ
"ผมเปลี่ยนใจแล้ว"
"........" ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เหงื่อหลายเม็ดเริ่มผุดขึ้นมาที่ใบหน้า หัวใจเต้นตุ๊มๆต่อมๆ เมื่อรู้ว่ากูกำลังเจอกับหายนะครั้งใหญ่ในชีวิต
"วันนี้ผมอยากกินน้ำเปล่า คุณกินกาแฟปั่นแทนผมแล้วกัน"
.
กูร้องเหี้ยในใจดังมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เมื่อพี่แกพูดแบบนั้น เวรแล้วไงมึงว่าจะเล่นพี่เขา แต่กลับโดนพี่เขาเล่น แบบไม่ทันคาดคิด ไงล่ะมึงทีนี้เค็มขึ้นตาแน่แดฮวีเอ้ยยยยย!!!!!!!!!
__________________________________________
talk : มาต่อแล้วววววว จุดพลุ 55555555555555555
นับว่ามีโมเม้นได้ยังวะ555555555555
ขอให้ทุกคนสนุกกับตอนนี้นะคะ ขอบคุณทุกเม้นเลยจริงๆ
มันอาจะเป็นฟิคกระโหลกกะลาหามีโมเม้นไม่ ก็อภัยด้วย4555
ฝากติดแท็กในทวิตด้วยนะคะ #ฟิคหวีลิตเติ้ล
หากมีคำผิดต้องขออภัยด้วย
ฟิคมีการอัพเดทบ่อยเพราะเข้ามาแก้คำผิดนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น