ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : EP03 : บูมไม่บูม
LITTLE #STRONG
EP.03 : บูมไม่บูม
"พวกคุณทุกคน ไปล่าลายชื่อและเบอร์โทรของเด็กคณะอื่นมาคนละสามร้อยชื่อ ภายในเวลาสามวันถ้าทำไม่ได้พวกคุณทั้งหมดถูกยึดป้ายชื่อ และไม่ต้องมาเรียกพวกผมว่ารุ่นพี่"
นี่แหละความชิบหายของจริง อีกสามวันกูว่าซีนดราม่าแม่งต้องมาแน่นอนฟันธง...
"ในเมื่อพวกคุณมีรุ่นพี่แต่ไม่อยากฟังรุ่นพี่ของตัวเองพูด ผมก็จะให้คุณไปทำความรู้จักกับเด็กคณะอื่น สามร้อยคนภายในสามวัน ตามที่ผมพูดไปถ้ามีแม้แต่คนคนใดคนหนึ่งในรุ่นคุณ ทำไม่ได้หรือหารายชื่อไม่ครบ"
".........." ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ เมื่อศาลกำลังตัดสินชี้ชะตา ขอซาวท์ลมพัดสายฟ้าฟาดเพื่อให้เข้ากับบรรยายกาศหน่อยไม่ได้
"รับผิดชอบร่วมกัน พวกคุณจะไม่ได้แม้แต่รุ่นและจะไม่ได้มิตรภาพดีๆจากพวกผมอีกเลย"
มะ..มิตรภาพที่ดี? มิตรภาพกูกะพี่เขาจบตั้งแต่อิสิบสองรอบเมื่อเช้าแล้วมั้ยอ่ะ ยัง..ยังไม่รู้ตัวอ่ะดี๊
"พรุ่งนี้มารวมกันตรงนี้ที่เดิม เวลาเจ็ดโมงเช้าห้ามเลท แล้วผมจะแจกกระดาษพวกคุณให้ไปล่ารายชื่อและทำกิจกรรมรับน้องไปด้วย ทราบ!!!!!!"
"ทราบครับ/ค่ะ!!!"
"ส่วนคุณรหัส101" เสียงเหี้ยมๆนั่นทำตัวกูสั่นสี่สิบสามริกเตอร์เลยจ้าาา
"คะ...ครับ"
"ถ้าพรุ่งนี้ผมคุณยังทองอยู่อีก คุณจะโดนหนักกว่าเพื่อนเข้าใจมั้ย!!!"
"คะ..ครับ!" ตั้งแต่มารับน้องกูก็เจอหนักกว่าคนอื่นอยู่แล้วมั้ยอ่ะ ตอนเช้าโดนวิ่งสิบสองรอบ ตอนพักกลางวันแดกข้าวก็ไม่มีช้อน ตอนบ่ายก็เสือกโดนลากไปแบกน้ำแข็งก้อน
ไหน...มีใครให้มากกว่านี้มั้ยล่ะ
หลังจากนั้นพี่ดงโฮก็ปล่อยพวกผมกลับบ้าน ไอ้ฮยอนบิน ไอ้แซม ไอ้หลิน สามตัวนี้มีมอไซต์กันทุกตัว จึงเดินทางได้สะดวกสบายไม่ต้องห่วงไรมาก ส่วนผมไม่ถูกกับอะไรเร็วๆแรงๆ เลยปั่นจักรยานแบบคุณป้ามาจ่ายตลาด กลับบ้านแบบชิวๆ เพราะผมอยู่หอและหอก็ไม่ได้ไกลมหาลัยเท่าไร การขี่จักรยานกลับบ้านเลยไม่ใช่ปัญหา เซฟชีวิตและประหยัดเงินไปในตัว
และสิ่งที่ต้องทำเมื่อกลับถึงหออย่างแรกคือย้อมผมสีดำ...
วันถัดมา
รับน้องวันที่สอง
"ฟู่ว! ฟู่ว!" ผมเป่าลมใส่ช้อนพลาสติกที่ตักโจ๊กขึ้นมากิน ตอนนี้ผมนั่งอยู่ร้านโจ๊กหน้ามอ ทุกเช้าผมต้องกินอะไรใส่ท้องไว้ก่อน เพราะไม่งั้นจะไม่มีแรงในช่วงเช้า ยิ่งถ้าเจอแบบเมื่อวานแล้วด้วยได้เป็นลมจริงๆอ่ะ ผมมองเข็มนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาหกโมงสี่สิบ อีกตั้งยี่สิบนาทีถึงจะเจ็ดโมงยังไงก็กินทันเวลานัดอยู่แล้วน่า ผมนั่งชิวๆกินโจ๊กบวกกับเล่นทวิตเตอร์ไปด้วย ไถไปไถมาสักพักมือถือผมก็สั่นปรากฎชื่อคนที่โทรเข้ามา คือไอ้ฮยอนบินนั่นเองผมเลยกดรับสาย
"ไงเพื่อน" ผมพูดเสียงสดใส
"ไอ้เตี้ยนี่มึงอยู่ไหนเนี่ย!" เสียงไอ้ฮยอนบินพูดดูรีบร้อนพิกล
"ร้านโจ๊กหน้ามอ ทำไมวะหั่นแน่มึงอย่าบอกนะว่าหิวแล้วจะให้กูซื้อเข้าไปให้ ไม่มีวันกูขี้เกียจ"
"หิวพ่อง มึงรีบมาเดี๋ยวนี้เลยนะสัด พี่เขานัดเราเจ็ดโมงมึงจำไม่ได้รึไง!"
"จำได้ดิ กูดูนาฬิกาอยู่นา" ผมพูดแล้วตักโจ๊กขึ้นมากิน ไม่รู้ไอ้ฮยอนบินจะรีบไปไหน
"นาฬิกาเหี้ยไรของมึงวะ นี่มันเจ็ดโมงสิบนาทีแล้วนะ! มึงดูดีๆดิ้!!" ผมได้ยินไอ้ฮยอนบินพูดแบบนั้น ก็ก้มลงไปมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง ปรากฎว่าเข็มมันยังชี้อยู่ที่
หกโมงสี่สิบ.....
เดี๋ยวนะกูว่า กูนั่งกินโจ๊กมาได้เกือบสิบนาทีแล้วนะ ทำไมเข็มยังอยู่ที่เดิมวะ...
ใจเริ่มไม่ดีผมเลยรีบมองเลขนาฬิกา ด้านบนจอมือถือและปรากฎว่าหน้าจอบอกเวลา เจ็ดโมงสิบห้านาทีแล้วด้วย...
ซวยล่ะมึง...ใส่นาฬิกาเหี้ยไรไม่ใส่ ดันเสือกใส่นาฬิกาตายมา ยังไงล่ะกูเข้าไปรวมแถวตอนนี้มีหวังชีวิตกูได้หยุดเดินแบบนาฬิกาข้อมือแน่นอน
ไอ้แดฮวีเอ้ยยยตอนหยิบมาใส่ก็เสือกไม่ดู!!! ผมรีบเก็บของทุกอย่างโยนใส่กระเป๋า แล้ววางเงินค่าโจ๊กไว้ที่โต๊ะรีบวิ่งเข้ามหาลัย และตรงไปที่กลางสนามหญ้าที่เดิมทันที และปรากฎว่าทุกคนนั่งเรียงแถวกันเป็นระเบียบสวยงาม และกูเป็นติ่งเล็กๆ ที่ไม่เข้าพวกนาจา น่านทุกสายตาหันมามองผมหมดเลย แต่ทุกสายตาก็ธรรมดาไปเลย เมื่อสายตาดุดั่งเสือในร่างหมี หันมาทางผมและตะโกนด้วยคำเดิมๆ
"รหัส101!!!!!!!!!!!" แม่งพูดเป็นคำเดียวอ่ะตั้งแต่มา
"คะ..ครับ!" ผมที่ยืนอยู่ด้านนอกแถวหันไปพูดตอบ ตอนนี้ไม่กล้าขยับไปไหนเลย
"ผมนัดคุณกี่โมง!!!!!!!"
".........." เจ็ดโมงไงฟายยยยย รู้แล้วยังถามอีกเอ้อ!!!
"ผมถามว่า ผมนัดคุณกี่โมงทำไมไม่ตอบ!!!!!!!!!!!!" ผมหลับตาปี๋ เพราะเสียงตะคอกของพี่ดงโฮดังกว่าเมื่อกี้นี้ซะอีก ทานโทษนะลดเสียงหน่อยหูกูจะแตก!!
"จะ..เจ็ดโมงครับ!!!!!" ผมตะโกนตอบ
"แล้วนี่กี่โมงแล้ว พวกคุณทุกคนช่วยบอกรหัส101แทนผมที!!!!"
"เจ็ดโมงยี่สิบครับ/ค่ะ !" เพื่อนร่วมรุ่นของผมตอบเสียงดังฟังชัด
"รหัส101คุณมาสายกี่นาที" พี่ดงโฮหันมาถามผม
"ยะ..ยี่สิบนาทีครับ"
ตึกตัก ตึกตัก ใจผมนี่เต้นระรัว ถ้าเกิดพี่แกปากลั่น บอกให้ผมไปวิ่งรอบสนามยี่สิบรอบล่ะก็ มึงเอ้ยยยกูขอวิ่งไปทำประกันชีวิตแป๊ปปปปปปปปปปป
"ลุกนั่งไปยี่สิบครั้งปฎิบัติ!!!" ผมหายใจโล่งอกเมื่อเป็นแค่ลุกนั่ง เฮ่อออโล่งอก..
"ครับ!" จากนั้นผมก็ลุกนั่งไปอย่างช้าๆ อาจจะมีเสียงก๊อบแก๊บจากข้อเข่าบ้าง ตามประสาคนไม่เคยออกกำลังกาย แต่ในขณะที่ผมลุกนั่งได้แค่ห้ารอบ กลับมีใครบางคนวิ่งหอบมายืนข้างผม จนต้องหันไปมอง
โห้ยน่ารักอ่ะ ดูตาหวานๆหางตายาวๆ จมูกนิด แก้มอูมๆสีแดงระเรื่อ และปากเอิบอิ่มสีชมพูอ่อน หุ่นสูงกว่าผมนิดหน่อย แต่ภาพรวมคือน่ารักมากอ่ะ แบบจะว่าไงดีอ่ะเห็นแล้วใจละลายอะไรประมานนี้ หน้าหวานตัวเล็กและดูเป็นมิตร และที่สำคัญมาสายกว่ากูด้วยหุหุ
"ยังมีคนมาสายอีกหรอเนี่ย" พี่ดงโฮพูดแต่เสียงดูซอฟกว่ากูตอนแรกมากๆ เดี๋ยวทำไม...
"ลุกนั่งไปสามสิบครั้งปฎิบัติ!!" พี่ดงโฮพูดอีกรอบ ก็ยังดีที่ไม่ได้สองมาตรฐาน เห็นคนน่ารักหน่อยจะลดหย่อนให้งี้ ผมเลยตั้งหน้าตั้งตาลุกนั่งต่อจะได้รีบๆเข้าไปนั่งซักที
"รหัส101 ทำไมคุณไม่กอดคอเพื่อน!!" ผมชะงักปั๊ปเมื่อพี่ดงโฮพูดแบบนั้น กอดคอ? กอดไมอ่ะไม่ได้อยากกอดอ่ะ อยากไปนั่งมากกว่า
"ในเมื่อเพื่อนร่วมรุ่นของคุณมาสาย คุณต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้ว ว่าพวกคุณต้องอยู่ร่วมกัน ต้องรักกันและรับผิดชอบร่วมกัน กอดคอ!!!!!!!"
ผมได้ยินแบบนั้นเข่าแทบทรุดลงพื้น อิเวรแล้วอีหกทีที่กูลุกนั่งไปอ่ะคือไร
"กอดคอลุกนั่งสามสิบครั้งปฎิบัติ!!!!" ผมจำใจต้องเดินก้มหน้าเข้าไปกอดคอไอ้ผู้ชายน่ารัก แต่นำพาความฉิบหายมาให้ผม บอกแล้วไงคนหน้าตาดีแม่งมักจะมาพร้อมกับความฉิบหาย โอ้ยจะบ้าจากยี่สิบครั้งเป็นสามสิบครั้ง ถ้าเพื่อนร่วมรุ่นกูคนไหนเสนอหน้ามาสายอีกหลังจากนี้นะ กูจะฆ่าปาดคอแม่งให้หมดกูเหนื่อย!!
หลังจากลุกนั่งครบสามสิบครั้ง ผมและผู้ชายน่ารักที่ร่วมชะตาเดียวกัน ก็เดินมานั่งที่แถวด้านหลังสุด ส่วนไอ้ฮยอนบิน ไอ้แซม ไอ้หลิน นั่งอยู่โซนกลางๆสงสัยแม่งจะมาเร็ว แล้วไม่มีใครโทรตามกูก่อนเวลาซักคน โทรมาตอนเวลานัดเป๊ะๆกูจะเอาเวลาที่ไหนเดินมาทัน ประตูวิเศษไปไหนก็ได้ของโดเรมอนยังไม่ทันเลยมึงเอ้ยยย
"ดี นายชื่อไรอ่ะ" ผมหันไปถามผู้ชายหน้าหวานคนนั้น ยิ่งดูใกล้ๆยิ่งน่ารักอ่ะ ดูมุ้งมิ้งไงไม่รู้
"หวัดดี เราชื่อจีฮุนนะ" จีฮุนพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
"เราชื่อแดฮวีนะ ทำไมเมื่อวานเราเหมือนไม่เห็นจีฮุนเลยอ่ะ" ใช่เมื่อวานผมก็ทำความรู้จักเพื่อนๆไปหลายคน แต่เหมือนไม่เห็นจีฮุนในแถวเลยนะ
"อ่อ พอดีรับน้องเมื่อวานเราป่วยอ่ะเลยไม่ได้มา" ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วบอกรายละเอียดว่าเมื่อวานทำอะไรไปบ้าง และไม่ลืมบอกว่าพวกเราทั้งรุ่นโดนลงโทษ ให้ไปล่าชื่อเด็กคณะอื่นสามร้อยชื่อ ภายในสามวันไม่งั้นโดนยึดป้ายชื่อและจะโดนตัดความสัมพันธ์อันดี(ที่มีน้อย)กับรุ่นพี่
"อ๋ออ โหดอ่ะแต่ไม่เป็นไร เรามีเพื่อนอยู่หลายคณะเดี๋ยวเราพาไปขอรายชื่อเอาป้ะ?" จีฮุนพูดแบบสบายๆดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับการตามล่าชื่อเลย แต่ก็คงไม่แปลกถ้าเพื่อนเยอะมันก็ล่าชื่อง่ายเข้าไปอีก
"เออๆเอาดิ มีเพื่อนเราอีกสามคนไปด้วยนะ"
"ได้ดิ เรามาวันแรกยังไม่มีเพื่อนเลย"
"เห้ยมาอยู่กลุ่มเราก็ได้ เราต้อนรับบบ" และกลุ่มกูก็จะมีคนหน้าตาดีเพิ่มอีกหนึ่ง ฮั่นน่อวววธรรมดาที่ไหน ผมคุยเล่นกับจีฮุนได้แป๊ปเดียว เสียงนรกก็ตามหลอกหลอนอีกเช่นเคย
"รหัส101ลุกขึ้นยืน!!!!!!!!!!!" เนี่ยครั้งที่ยยี่สิบได้แล้วมั้งตั้งแต่มา หลอนหูมาก
".........." ผมลุกขึ้นตามคำสั่งพี่ดงโฮ พี่เขาจ้องเขม็งมาที่ผม อะไรอีกล่ะนี่ลุกขึ้นบ่อยจนขี้เกียจตกใจแล้วอ่ะ
"ผมคุณ..."
"ผ..ผมย้อมมาแล้วครับ" ตอนนี้สีผมก็ดำเกือบสนิทแล้วอ่ะ
"ไปย้อมมาใหม่"
.........
ไปย้อมมาใหม่....ไปยอมมาใหม่....ไปย้อมมาใหม่
ปล่อยกูไปเห๊ออออออออออออออออ ทำแบบมองไม่เห็นกูก็ได้ ไม่ต้องใส่ใจขนาดนั้น นี่ก็ย้อมมาหมดกล่องนึงเลยนะ ยอมรับว่าอาจมีเหลือบๆมาซักเส้นสองเส้น แต่มันก็นิดเดียวอ่ะ
"กลับไปย้อมใหม่ด้วย ผมจะไม่ตรวจคุณอีกแต่ถ้าผมยังเห็นว่ามันไม่ดำสนิท คุณจะโดนลงโทษอีกเข้าใจมั้ย"
"เข้าใจครับ..." แล้วผมก็นั่งลงแบบอ่อนแรง โดยมีจีฮุนนั่งให้กำลังอยู่ข้างๆ ผมไม่รู้เลยว่าผมมีปัญหา หรือพี่เขาที่มีปัญหา จุกจิกจู้จี้กับผมเหลือเกิน เมื่อไรรับน้องจะจบกูจะได้ไม่ต้องเจอพี่เขาบ่อย เจอติดกันแค่สองวันประสาทจะกินแล้วเนี่ย ทำไมต้องดุทำไมต้องตะคอก ทำไมต้องตึงทุกอย่างกูเครียดดดดดดดด และผมก็บ่นเป็นยายแก่ภายในใจเท่านั้น ไม่รู้เลยว่าวันนี้ต้องเจอกับอะไรบ้าง...
ในส่วนของช่วงเช้าของการรับน้องวันที่สอง พี่ๆให้เราทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมรุ่น โดยการไปขอชื่อและไลน์มาให้ครบในเวลาสองชั่วโมง ซึ่งมันก็เสร็จนะเพราะว่าเพื่อนร่วมรุ่นของเราถึงจะเยอะ แต่เป็นคนเฟรนลี่ทั้งนั้นแถมมีความกระตือรือร้นด้วย จึงทำให้ภารกิจเสร็จไปได้อย่างสวยงาม และถัดมาอีกหนึ่งชั่วโมงพี่ๆสอนเราร้องเพลงบูม และตั้งท่าบูม อยากจะบอกว่าอันนี้เหนื่อยมาก เหนื่อยสุด ต้องจำเนื้อบูมภายในเวลาแป๊ปเดียว แล้วมาล้อมวงซ้อมบูมเลยมันเลยค่อนข้างจะหนัก และคนซ้อมจะเป็นใครไปไม่ด๊ายยย นอกจากผู้ชายที่มีปากแทนลำโพงสิบเครื่อง
พี่ดงโฮ...
"ดูส่วนสูงดีๆ จำตำแหน่งตัวเองไว้ด้วยว่ายืนข้างใคร เวลาวิ่งมาล้อมวงบูมจะได้ไม่เสียเวลา และที่สำคัญดูปลายเท้าว่าวงมันกลมหรือยัง และใช้สายตาเหลือบมองเพื่อนบ้าง ถ้าพร้อมก็สั่งบูมเลย!!!!"
และความลำบากมันอยู่ตรงที่ เราไม่รู้ว่าพี่แกจะเรียกให้ล้อมวงบูมเมื่อไรและตรงไหน ถ้าเกิดได้ยินประโยคที่ว่า 'บูมไม่บูม!!!' เมื่อไรล่ะก็ รีบวิ่งไปล้อมวงเท่าที่ชีวิตนี้มึงจะวิ่งได้ ดีนะที่เมื่อเช้าซัดโจ๊กมาด้วย แต่ถ้ารู้ว่าวันที่สองมันหนักตั้งแต่เช้าแบบนี้ กูจะแดกอะไรที่หนักท้องกว่านี้ วิ่งหลายๆรอบเข้าขาชักอ่อนแรงอ่ะ
"บูมไม่บูม!!!!!!!!!" มานั่งพักได้ไม่ถึงสิบนาที เสียงเรียกบูมของพี่ดงโฮก็ดงขึ้น แถมนู่นนนย้ายตัวเองไปปสั่งบูมซะไกลกะว่าให้กูได้วิ่งอย่างเต็มที่ ให้ปอดกูได้ขยายและทำให้กูจุกลิ้นตายไปในคราวเดียว แล้วจะทำไงได้ก็ต้องวิ่งสิวะ!!! ผมไม่ได้ขายาวแบบไอ้เพื่อนสามตัวนั่น ส่วนจีฮุนก็วิ่งเร็วอยู่แล้ว มีแต่ผมนี่แหละรั้งท้าย วิ่งไม่ค่อยทันคนอื่น แล้วขณะที่ผมวิ่งไปแน่นอนอยู่แล้ว ว่าต้องมีคนมาวิ่งเบียด กระแทกไปกระแทกมา เพราะเราก็ต่างรีบเหมือนกันหมด แต่ดูเหมือนเหมือนบางคนจะรีบมาก
พลั่ก!!!!!!!!!!
เลยวิ่งชนกูซะเลย....อิดอกนึกว่าสิบล้อชน มาแบบเปรี้ยงเดียวแรงๆ
"โอ้ย!เชี่ยยยย" ผมเผลอร้องออกมา เมื่อตัวเองโดนใครไม่รู้วิ่งมากระแทก แล้วล้มลงไปนอนที่พื้นในทันทีและเพื่อป้องกันไม่ให้หน้าทิ่ม ผมถึงต้องเอามือไปยันไว้ที่พื้น ทำให้ฝ่ามือครูดลงกับพื้นจนรู้สึกแสบๆถ้าให้เดามันคงถลอกแน่ๆ ถึงตรงนี้จะเป็นพื้นสนามหญ้าก็เถอะ ผมเริ่มตั้งสติได้เลยลุกขึ้นมานั่ง ปัดดินออกจากบริเวิณข้อศอกและหัวเข่า ดีนะใส่เกงวอมไม่งั้นหัวเข่าได้พังแน่ๆ
"เฮ้ยไอ้เตี้ยเป็นไรปะวะ!" เป็นไอ้เพื่อนสามตัวของผมนั่นแหละ รีบวิ่งมามุงดู เพื่อนคนอื่นเลยตามมาดูกันหมด
"เจ็บมือนิดหน่อยว่ะ" ผมยืนขึ้นแล้วแบมือให้พวกมันดู ตรงฝ่ามือถลอกและมีเลือดซึมหน่อยๆ
"เชี่ยดีนะแค่ถลอก ตอนมึงล้มกูนึกว่ากระดูกแขนจะหักซะแล้ว" เป็นไอ้แซมนั่นแหละที่พูดเชิงเล่นๆ แต่สีหน้ามันก็ดูโล่งอกที่ผมไม่เป็นไรมาก
"พวกคุณหลบ" เสียงเข้มดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่มุงดูผมแยกทางให้ และเป็นพี่ดงโฮนั่นแหละที่เข้ามาดู พี่เขาก้มลลงมองแผลถลอกที่มือของผม
"ใครคนนึงพารหัส101ไปนั่งพักตรงอัฒจันทร์หน้าสนามก่อนไป ส่วนคนอื่นกลับไปซ้อมกับผมเดี๋ยวนี้!!!!" พี่ดงโฮสั่งเสียงดัง ทำให้เพื่อนคนอื่นพากันวิ่งไปล้อมวงซ้อมบูมใหม่ โดยผมมีไอ้แซมพาไปนั่งที่อัฒจันทร์
เมื่อไอ้แซมพาผมมานั่งที่อัฒจันทร์ ผมก็มองตรงไปที่พี่ดงโฮที่ยืนอยู่ตรงกลางสนาม พี่เขากำลังโทรศัพท์หาใครบางคนด้วยสีหน้าเครียดๆ พอจ้องดูดีๆใบหน้ากับแผ่นหลังพี่เขาเหงื่อโชกไปหมด อากาศก็ร้อนมากแต่ตอนช่วงพักบูมผมไม่เห็นพี่เขามากินน้ำเลยซักแก้ว ถึงพี่เขาจะชอบด่าพวกเราก็เถอะ แต่ไม่เคยพูดเลยว่าเหนื่อยนะ
ไม่รู้ว่าถึกหรือทน....
แต่พอมานึกดูแล้วทั้งๆที่ตอนซ้อมบูม ผมมักจะวิ่งมาเข้าวงช้าที่สุดเสมอ แต่พี่เขาไม่ยักด่าผมเลย แถมถ้าเพื่อนคนไหนดูท่าจะไม่ไหวแต่ยังฝืน พี่เขาจะไล่ออกนอกวงทันที ไม่ใช่แค่พวกผมที่ต้องวิ่ง แต่ทุกครั้งพี่เขาก็วิ่งไปด้วยกันกับเราด้วย แถมยังต้องคอยดูองศาจับหัวให้เราเสมอกัน ดูภาพรวมทุกอย่างคอยสั่งปีเดียวกันให้ดูแลพวกเรา ผู้ชายคนเดียวทำได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
ก็แอบชื่นชมอยู่เล็กๆก็เถอะ เล็กมากจริงๆกูยังไม่หายแค้นที่โดนวิ่งอ่ะจะทำไม
"น้องคนที่ล้มตอนวิ่งซ้อมบูมใช่ป้ะ?" รุ่นพี่ผู้หญิงหน้าตาสวยรูปร่างสูงโปร่ง และใส่เสื้อสาขาเดียวกับผม เดินเข้ามาหาผมกับไอ้แซม พร้อมกับถือกล่องพยาบาลมาด้วย ถ้าให้เดาคงเป็นฝ่ายพยาบาลสินะ
"ใช่ครับ"
"ไอ้ดงโฮเรียกพี่มาอ่ะ บอกว่ามีน้องล้มตอนวิ่ง มันนี่แบบนี้ทุกทีเลยน้องคนไหนเป็นอะไรนะ จะต้องรีบโทรหาพี่แล้วทำเสียงดุตะคอกใส่ให้รีบมาไวๆทุกที"
"ระ..หรอครับ ผมคิดว่าพี่เขาอยากรีบให้ทำแผลแล้วไปซ้อมไวๆล่ะมั้งครับ" ผมพูดตอบ พี่ผู้หญิงคนนนั้นที่แขวนป้ายชื่อว่านานะ นั่งลงข้างผมแล้วยิ้มส่ายหน้าเบาๆ แล้วจับมือผมไปดูแผลพลางพูดไปด้วย
"ไม่ใช่หรอกเห็นตอนซ้อมจริงจังแบบนั้นอ่ะ จริงๆแล้วมันห่วงน้องทุกคนมากนะ ถึงมันจะได้ตำแหน่งพี่ว้ากแต่ก็ทำหน้าที่หลายๆอย่างอ่ะ หลังจากน้องๆกลับบ้านมันจะเรียกปีสองมารวมคุยตลอด ว่าวันนี้มีน้องคนไหนมีปัญหาอะไรมั้ย ดูแลน้องดีหรือป่าว และกำชับตลอดว่าต้องจำน้องของตัวเองให้ได้ ไม่ใช่รอให้น้องจำเราได้
".........."
"แล้วอีกอย่างนะถ้าน้องคนไหนทำผิดระเบียบแม้แต่คนเดียว รุ่นพี่ปีสามจะลงมาทำโทษพวกปีสองหรือก็คือพวกพี่ มันเลยคอยดูแลระเบียบน้องๆด้วยเพื่อไม่ให้เพื่อนๆปีสองโดนลงโทษ มันไม่ได้รักแค่พวกน้องนะ มันรักเพื่อนมันด้วย"
ผมกับไอ้แซมฟังพี่นานะพูดเรื่องพี่ดงโฮอย่างเงียบๆ ผมไม่รู้ว่าที่พี่นานะพูดแบบนี้เพราะเป็นเรื่องจริง หรือไม่อยากให้เราไปเกลียดไปแค้นพี่ดงโฮกันแน่ แต่พอได้ฟังผมก็พอเข้าใจพวกพี่เขาขึ้นมานิดหน่อย ย้ำแค่นิดหน่อยผมไม่ใช่พวกใจอ่อนขนาดนั้นน่า ต่อจากนั้นผมกับไอ้แซมก็หาเรื่องอื่นคุยกับพี่นานะ พี่นานะใช้น้ำปล่าวสะอาดเทลงมาที่ฝ่ามือผม เพื่อล้างพวกดินตรงแผลออกไป
"เป็นไงบ้าง" ผมเงยหน้ามองคนที่วิ่งเหนื่อยหอบตรงเข้ามาหาเรา และคนๆนั้นก็คือพี่ดงโฮ ผมมองไปตรงสนามก็ปรากฎว่าทุกคนเลิกซ้อมและไปรวมตัวกันเป็นแถวแล้ว
"ไม่เป็นไรมากอ่ะ แค่แผลถลอกเองอย่าเว่อร์ได้มะ" พี่นานะพูดแหย่ พี่ดงโฮเลยเขกหัวพี่นานะไปเบาๆ สงสัยพี่เขาสองคนจะสนิทกันแหะ ไม่น่าเลยคนสวยๆแบบพี่นานะจะสนิทกับคนป่าเถื่อนเช่นนี้
"รหัส003คุณกลับไปรวมแถวกับคนอื่นก่อน" ไอ้แซมที่ไม่มีบพูดมาตั้งนาน ถูกสั่งให้กลับไปรวมที่แถว มันพยักหน้าแล้วก็เดินจากไปเลย
"ดงโฮมึงช่วยเอาสำลีคัตเติ้ลบัตนี่ป้ายยาแล้วทาลงที่แผลน้องที กูลืมหยิบผ้าก๊อซกับพลาสเตอร์ใสมาว่ะ กลับไปเอาที่ห้องพยาบาลแป๊ปนึงนะ" พี่นานะพูดแล้วยัดคัตเติ้ลบัตให้พี่ดงโฮ แล้วรีบวิ่งหายไปเลย ผมที่จะอ้าปากบอกว่าไม่ต้องก็ได้ อย่าปล่อยกูไว้สองคน แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว...
พี่ดงโฮมานั่งข้างผมแทนพี่นานะ ผมเลยต้องเขยิบออกห่างมาประมาณสองเซนครึ่ง แล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ อยากจะนั่งก็นั่ง ผมไม่ถูกกับพี่เขานี่หว่า
"ส่งมือมา" พี่ดงโฮพูดสั้นๆ แต่ผมก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ถ้าให้พี่แกทำแผลให้มีหวังแผลกูแย่กว่าเดิม
"รหัส101ผมบอกให้ส่งมือมา" พี่เขาพูดอีกรอบ แต่ผมก็ไม่ตอบยังคงนั่งหน้าตรงมองไปที่สนาม
"หูหนวกไงวะ" ผมหันขวับเมื่อพี่ดงโฮดึงมือข้างหนึ่งผมไปจับไว้ ผมตาโตเมื่อพี่เขามาจับมือผมโดยไม่รับการยินยอมหรือเต็มใจ จนตัวเองอ้าปากค้างกระพริบตาปริบๆ พี่ทำไรเนี่ยคนเขามีพ่อมีแม่มั้ยอ่ะ
"ผมรอพี่นานะก็ได้ พี่ไม่ต้อง..." ขณะที่ผมกำลังห้ามพี่ดงโฮ แต่พี่เขาก็ไม่ฟังจัดการเอาคัตเติ้ลบัตที่ป้ายยา มาทาที่ฝ่ามือผมทันที ตอนแรกนึกว่าจะเจ็บนี่เตรียมร้องละ แต่ที่ไหนได้ไม่เจ็บเลยอ่ะพี่เขาทาเบามาก เบาจนแบบแกร์ผู้ชายตัวใหญ่มือเท่าอุ้งตีนหมี แต่มือเบาโคตรรรรรโห้ยเป็นไปได้ไง
ผมนั่งเงียบมองคนตรงหน้าตั้งอกตั้งใจทายาบนมือผม ผมที่ไม่มีอะไรทำเลยได้แต่จ้องพี่เขา พอมองใกล้ๆแล้วพี่เขาก็หน้าตาดีแหละ สีผมดำสนิทถูกเซ็ทตั้งขึ้นอย่างลวกๆ คิ้วเข้มโค้งยาวและมีชั้นตาที่คมเลยทำให้ดูหน้าดุหน่อย จมูกโด่งพอดีและรูปปากที่หยักเล็กน้อย แถมพี่เขาเจาะหูตั้งหลายที่ ลุคโดยรวมคือโคตรน่ากลัวไม่ควรเข้าใกล้ในระยะหนึ่งเมตร แต่เพราะแบบนั้นเลยทำให้พี่เขาดูแมนกว่าผู้ชายหลายๆคน ผู้หญิงเห็นแล้วก็คงจะชอบอ่ะ
"หน้าผมมีอะไรติดหรือไง" พี่ดงโฮถึงจะก้มหน้าทายาที่ฝ่ามือให้ผม แต่ก็คงรู้ตัวว่ามีไอ้เตี้ยแบบผมจ้องอยู่เลยทักขึ้น
"ป่ะ..ป่าวครับ"
"แล้วคุณจ้องผมทำไม" ทีนี้พี่เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดเลยว่าผมกำลังนั่งจ้องตากับคนที่หาเรื่องให้ผมเหนื่อยตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นคนที่มองก็ยังกลัวแต่พออยู่ใกล้แบบนี้ มันไม่ค่อยกลัวเท่าไรมันกลับแตกต่างออกไป ผมรู้สึกว่าพี่เขาก็ไม่ได้ดุเหมือนตอนอยู่หน้าแถว แค่ปากพี่เขาไม่ค่อยเป็นมิตรกับมนุษย์เท่านั้นเอง
"ผมไม่ได้จ้องพี่ซักหน่อย ผมก็มองไปเรื่อย" ผมพูดแก้ต่างให้ตัวเอง พี่ดงโฮไม่ได้พูดอะไรแต่กลับลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าผม พร้อมใช้มือยกเท้าข้างหนึ่งของผมขึ้นมาดู
"เห้ยๆๆๆ พี่ทำไรเนี่ย!!" ผมร้องลั่นเมื่อพี่ดงโฮใช้มือทั้งสองข้าง จับเท้าผมบิดไปบิดมาซ้ายขวา แล้วใช้มือกดเบาๆบริเวณข้อขาของผมด้วย
"ก็เมื่อกี้คุณล้ม ผมก็เช็คให้แน่ใจไงว่าขาคุณไม่ได้พลิกหรือเจ็บตรงไหน" พี่ดงโฮเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม แววตาพี่เขาจริงจังอยู่เสมอ นั่นเลยทำให้ผมไม่กล้าพูดอะไร ไม่คิดว่าพี่เขาจะใส่ใจอะไรขนาดนี้ แต่ทีหลังทำอะไรช่วยบอกกูก่อนได้มั้ย กูตกใจแทบเป็นลมอ่ะตอนที่พี่แกกดตรงข้อขา นึกว่าจะหักกระดูกขากูซะแล้วข้อหาไปจ้องหน้าพี่เขาโดยไม่ได้รับอนุญาติ
"ขาผมไม่ได้เจ็บ ไม่เป็นอะไรเลยพี่ไม่ต้องจับแล้ว" ผมพูดห้ามเพราะรู้สึกแปลกๆ ที่พี่เขายังไม่เลิกจับที่ข้อขาของผมซักที สนิทหรอมาจับมือจับขาเนี่ย
"ผมต้องเช็คให้แน่ใจถ้าเกิดคุณเป็นอะไรไปคนที่ซวยคือผม" พี่ดงโฮยังคงจับข้อขาผมต่อไป ผมห้ามแล้วก็ไม่ฟังผมเลยพยายามดึงขาตัวเองให้หลุดจากมือพี่เขา
"ผมบอกไม่เจ็บก็คือไม่เจ็บไงพี่" ผมพูดแล้วพยายามชักขาตัวเองกลับมา แต่มือใหญ่ของพี่เขาก็เหนียวเหลือเกิน
"ผมต้องเช็คให้แน่นอนก่อน" พี่เขาพูดทั้งๆที่ยังจับเท้าผมไว้อยู่ ผมก็ยื้อเท้าตัวเองสุดริด พี่แกก็จับเท้าผมไว้ซะแน่น ทำไมพี่เขาดื้อด้านแบบนี้นะ! กูบอกว่ากูโอเคก็คือโอเคเข้าใจมั้ย กูจะเจ็บก็ตอนที่ดึงเท้าตัวเองกลับมาแล้วพี่แกยื้อไว้นี่แหละ
"ก็ผมบอกว่าไม่เจ็บไงเล่า เฮ้ย!!!" ผมกับพี่เขาฉุดกระชากกันอยู่นาน และในที่สุดผมทนไม่ไหวสะบัดเท้าตัวเองแรงๆจนไม่ทันระวัง สงสัยผมจะสะบัดเท้าสูงไปหน่อย เลยกลายเป็นว่าสะบัดตีนไปเสยที่คางพี่ดงโฮเต็มๆ จนพี่แกแทบหงายหลังล้มตึงไปนอนกับพื้น ตอนนี้บอกเลยว่ากูสับสนมากๆ
ระหว่างกูจะโดนพี่เขาสวดด่าสามวันเจ็ดวันด้วยถ้อยคำหยาบโลน หรือ พี่เขาจะไม่พูดไรเลยแต่ระยำตีนใส่กูพร้อมทุบตีกูด้วยไม้หน้าสามอย่างบ้าคลั่ง
บ้า..พี่เขาอาจจะใจดีให้เวลากูได้โทรไปซื้อโรงศพก่อนก็ได้ ล่ำลาเพื่อนซักคำสองคำไรงี้.....
"รหัส101"
เอื๊อกกกกกกก ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อพี่ดงโฮหันกลับมาพูดด้วยสีหน้าระงับอารมณ์เดือดของตัวเองสุดๆ พร้อมกับเอามือลูบแถวคางไปด้วย และเสียงเย็นๆนั่นทำผมสั่นสะท้านไปหมด
"วิ่งขึ้นไปบนตึกคณะ แล้วตะโกนขอโทษยี่สิบครั้งให้ผมได้ยินเดี๋ยวนี้!!!!!"
สุดท้ายวันนี้กูก็โดนทำโทษอีกจนได้ เห็นอนาคตเลยคอพังอ่ะงานนี้
_____________________________________________
talk: เกือบแล้ว เกือบจะดีแล้ว55555555555555
เห้ยแต่มันก็มีมุมดีๆให้เราเห็นพี่ดงโฮป้ะแกร์55555
เป็นฟิคที่แบบไม่มีโมเม้นใดๆโลยยยย55555
ขอให้ชอบกันนะคะ ขอบคุณทุกเม้นและคนที่ติดแท็ก
ไม่เม้นไม่เป็นไรนะ แต่ช่วยสงสารหวีดพร้อมติ๊กแท็กจะปลื้มมากๆ555
กำลังใจเป็นส่วนสำคัญนี่น่า.__. แม้คู่ชิปจะปลิวไปแล้วแต่กำลังใจต้องยังมีนะ555
ชอบติดแท็ก #ฟิคหวีลิตเติ้ล ในทิวตนะก้ะะ
ปล. หากมีคำผิดต้องขออภัย ฟิคอาจกดอัพเดทบ่อยเด้อออ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น