ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC PRODUCE101] ตัวเล็กสเป็คหมี(เถื่อน) ♡ #แบคฮวี

    ลำดับตอนที่ #2 : EP01 : ช้อน

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 60


    ★STAR







    LITTLE #STRONG
    EP.01 : ช้อน









              "ไปวิ่งรอบสนามสิบรอบเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!"  
        
              ห้ะอะไรวะ กูแค่บอกชื่อกูทำอะไรผิดเนี่ยอิผี.....

              อิผี! อิผี! อิผี! อิผีบ้า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  กูแค่พูดชื่อนะโว้ยยย ไม่ได้เอ่ยชื่อพ่อชื่อแม่ใครเลย กูทำไรผิดเนี่ย

              "ยังยืนบื้ออยู่อีก ผมบอกให้คุณไปวิ่งรอบสนามเดี๋ยวนี้!!!!!!!!"   ทีนี้พี่ดงโฮเขายิ่งตะคอกกลับมาหาผม ตัวเองก็ไม่รู้หรอกว่าผิดอะไร แต่ก็ต้องทำตามอยู่ดีป้ะกูไปขัดใจพี่เขาได้ที่ไหน ผมที่กำลังเดินออกจากแถวไปวิ่ง ก็ต้องถูกเบรกไว้ด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดจากพี่คนเดิม 

              "กลับมานี่ก่อน"     ได้ยินแบบนั้นก็ใจชื้นหน่อยๆ พี่เขาคงจะแกล้งหลอกผมให้ไปวิ่ง หรือไม่ก็ลดจำนวนรอบวิ่งก็เป็นได้ ตัวเองถึงเดินกลับมาด้วยความปริ่มเล็กๆในดวงใจ 


              "ผมเปลี่ยนใจแล้ว"  น่านนนน พี่เขาเปลี่ยนใจแล้วจริงๆด้วยย

              "คุณไม่ต้องไปวิ่งสิบรอบแล้ว"  ผมนี่แอบกำมือแล้วร้องเยส เยส เยส ในใจ 

              "แต่เปลี่ยนไปวิ่งเป็นสิบสองรอบแทน" 

               O M G...... มึงเกลียดกูมากหรออออออออออ สิบรอบกูก็ตายตั้งแต่รอบที่ห้าแล้ว นี่มึงเพิ่มมาอีกสองรอบโอ้โห้นี่มันวางแผนฆาตรกรรมกูโต้งๆเลยใช่มั้ย ถ้ากูเกิดหายใจไม่ทันตายคาสนาม มึงก็จะโทษว่ากูร่างกายอ่อนแอเลยขาดใจตาย มึงจะให้เพื่อนร่วมรุ่นกูเป็นพยานใช่มั้ยว่ามึงไม่ได้ทำอะไรกู หื้มร้ายกาจมาก 

              "แล้วทีหลังถ้าผมสั่งอะไรคุณ คุณต้องตอบผมกลับมาด้วยว่าครับ เข้าใจมั้ย" 

              "ครับ"  ผมพูดเสียงอ่อน แล้วเดินคอตกออกไปจากแถว เริ่มวิ่งแถวๆข้างสนามไปเรื่อยๆ วิ่งมาได้สามรอบแล้วก็ยังอดสงสัยในใจไม่ได้ว่าตกลงแล้ว 

              กูสั่งมาโดนวิ่งเพราะอะไรวะเนี่ย

              หน้ากูก็ไม่ใช่คนชอบออกกำลังกายซักหน่อย กูเกลียดกีฬาทุกประเภท เกลียดลูกกลมๆทุกชนิด เกลียดการเสียเหงื่อ เกลียดการวิ่ง ยิ่งอิคนที่สั่งกูมาทำอะไรแบบนี้กูยิ่งเกลียดคูณพัน บวกล้าน แล้วคูณพันอีกรอบ ผมกรนด่าไอ้พี่ดงโฮตลอดการวิ่ง จนในที่สุดก็วิ่งครบสิบสองรอบ

              โอเคแดฮวี มึงยังไม่ตาย มึงแค่เฉียดๆ 

              ผมเดินกลับมาด้วยขาหนักอึ้ง ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าหนักหรือมันอ่อนแรง รู้อย่างเดียวถ้าไม่มีน้ำเย็นๆลงคอ กูต้องเป็นลมตายก่อนหมาแก่หน้ามอแน่ๆ 

              "พ...พี่ครับ..นะ..น้ำนิดนึง"  เมื่อมานั่งลงตรงที่ตัวเอง ผมก็ยกมือสั่นๆขอน้ำแก้วเลย

              "สวัสดิการ!"  พี่ดงโฮตะโกนสั่งพวกพี่ๆฝ่ายสวัสดิการ ให้หยิบน้ำมาให้ผมแก้วนึง 

              "อ่ะน้อง มันเหลือแค่นี้จริงๆว่ะ เมื่อกี้ตอนน้องไปวิ่งเพื่อนๆคนอื่นก็กินกันเกือบหมด กินเท่านี้ไปก่อนนะ"  พี่คนหน้าสวยที่แขวนป้ายชื่อว่า พี่เร็น พูดกับผมแล้วยื่นแก้วน้ำมาให้ ผมมองปริมาณน้ำในแก้วพลาสติกใสในมือ แล้วคิดได้อย่างเดียวเลยว่า 

              อิชิบหายนี่น้ำหรือเหยี่ยวมด จะน้อยไปไหนมึงไม่เอาหยดน้ำค้างจากใบไม้มาให้กูเลียแทนเลยล่ะ ดูดิ๊มีน้ำอยู่แค่ก้นๆแก้ว น้ำแข็งก็ไม่มี น้ำสีโคตรขุ่นนี่ล้วงไปกี่มือก็ไม่รู้ บอกเลยรับไม่ได้แต่ทำไงก็ต้องแดก วิ่งมาจนคอแห้งหมดแล้วอ่ะ ชั่งมันแดฮวีคิดซะว่ากินเพื่อวันพรุ่งนี้ 

              ผมกะพริบตาปริบๆให้แก้วน้ำในมือ ความน่าเวทนานี้จะไม่ลืมเลย 

              ว่าแต่ตกลงก็โดนสั่งให้วิ่งทำไมวะเนี่ย ผมยังคงนั่งคิดหาคำตอบไปเรื่อยๆ จนเสียงนรกโลกันต์ชั้นสุดท้ายตะโกนขึ้นมาอีกรอบนี่แหละ

              "รหัส101ลุกขึ้นยืน!!!"   ผมรีบวางแก้วแล้วกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนในทันที

              "............"

              "คุณรู้มั้ยว่าทำไมผมต้องสั่งให้คุณไปวิ่งรอบสนาม"   พี่ดงโฮพูดแล้วจ้องผมเขม้ง คือถ้าตาพี่แกปล่อยแสงเลเซอร์ได้นี่กูกลายเป็นผงทุลีแล้วอ่ะ 

              "มะ..ไม่รู้ครับ!!!!!!!"  ผมตอบออกไปตรงๆ

              "คุณลองมองเพื่อนร่วมรุ่นของคุณสิแล้วคิด"  

              ".........."  ผมก็มองไปรอบๆอย่างที่พี่เขาบอก แต่ก็ยังนึกไม่ออกซักทีว่าทำไม 

              "คิดออกหรือยังว่าทำไมคุณถึงโดนสั่งไปวิ่ง!!"  แม่งตะคอกๆอยู่ได้ห่า! หูกูก็อยู่ข้างหัวกูเนี่ย ไม่ได้ไปถอดไว้หน้ามอนะไอ้สัดเอ้ยเสียงดังจริง  

              "มะ..ไม่ครับ"

              "แย่!คุณมันไม่ได้เรื่อง!แค่นี้ยังสังเกตุไม่ได้! คุณดูสิหัวคุณน่ะสีผมเหมือนชาวบ้านเขามั้ยห้ะ!!!"

              อ๋อออออออออออออ สีผมนี่เองลืมไปเลยว่าตัวเองผมสีบลอนด์ วั่ยตั่ยแล้วววววว


              "ผมให้เวลาคุณแค่ตอนเย็นวันนี้เท่านั้น ไปย้อมให้ดำสนิทไม่งั้นเพื่อนๆร่วมรุ่นของคุณจะโดนลงโทษด้วย ในเมื่อตอนนี้คุณยังเป็นเด็กปีหนึ่งอยู่ คุณต้องรักษากฎระเบียบของมหาลัยไว้ก่อน เข้าใจมั้ย!!"

              "ครับ.."  หลังจากพี่ดงโฮประกาศแบบนั้น เพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นก็หันมากระซิบว่าให้ผมรีบย้อมผมซะ เพราะไม่อยากโดนลงโทษ พอสังเกตุดูดีๆแล้วเพื่อนร่วมรุ่นเกือบร้อยชีวิตนั้นผมดำกันหมด กูนี่มาสว่างเป็นหลอดไฟอยู่คนเดียว ก็นึกว่าอยู่มหาลัยแล้วจะทำสีผมได้เลยนี่หว่า แล้วใครมันจะไปรู้ล่ะไม่ใช่สิ เขาหัวดำกันหมดแม้กระทั่งเพื่อนทั้งสามตัวของผม งั้นต้องเปลี่ยนประโยคใหม่เป็น

              ทำไมเขารู้แต่กูไม่รู้ล่ะ  เวร.....

              หลังจากคุยเรื่องระเบียบและรายละเอียดของมหาลัยแล้ว พี่ๆฝ่ายสันทนาการนำทีมโดยพี่เซอุน พาพวกผมไปเข้าฐานต่างๆที่สาขาอื่นจัดขึ้นด้วย และคุณจะได้รู้ว่าถึงแม้คุณจะร้องเพลงดังแค่ไหนร้องจนตึกสะเทือน ตบมือจนมือแตกพี่แม่งก็ยังบอกว่าเบา ออกไปเต้นจนกระดูกเคลื่อนพี่เขาก็จะบอกว่า แรงได้อีกค่ะน้องแรงได้อี๊กกก  อีกพ่อง! แรงกว่านี้ก็เตรียมหาเปลห้ามกูส่งโรงบาลเถอะ! แต่คุณจะทำอะไรได้นอกจากยิ้มน้อยๆแล้วทำตามที่พี่แม่งสั่ง! 
         
              และการเข้าฐานพบประกับเพื่อนสาขาอื่นผ่านไปเร็วมาก และเหนื่อยมากจริงๆ จนถึงเวลาพักกินข้าวแล้ว ตอนนี้ทุกคนกลับมารวมกันที่กลางสนามใหม่ แต่นั่งแยกเป็นกลุ่มได้เดี๋ยวพี่ฝ่ายสวัสดิการเขาจะเอาข้าวกล่องมาให้เราเอง 

              "ตัวแทนแต่ละกลุ่มออกมาเอาข้าวกล่อง!!"  รุ่นพี่หัวหน้าฝ่ายสันทนาการตะโกนบอกพวกเรา ผมเลยส่งไอ้หลินไปเป็นคนเอาข้าว ที่เลือกมันเพราะหันไปสบตากับแม่งคนแรกแค่นั้นแหละ ผมมองไอ้หลินหนุ่มหล่อมาดนิ่งชาวไตหวัน เดินไปเอากล่องข้าวกับพี่คนนึงที่กำลังก้มๆหยิบกล่องข้าวจากถุงให้อยู่ ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พอพี่คนนั้นเงยหน้าขึ้นมายื่นกล่องข้าวสี่กล่องให้ไอ้หลิน พร้อมรอยยิ้มของเขาเท่านั้นแหละ ผมคิดเลย...

              ห้คนไรง่ะ ยิ้มโคตรดูดี แค่รอยยิ้มก็รู้ว่าใจดีแล้วอ่ะประเสิฐสุด 

              อย่าว่าแต่ผมเล้ย ไอ้ควานลินขนาดมันไม่ค่อยยิ้มนะ เจอพี่คนนั้นเข้าไปยังเผลอหลุดยิ้มออกมาเลย แล้วดูดิ้ยืนเฉ๊ยไม่รับข้าวกล่องมาด้วยนะ ส่วนพี่เขาก็มองมันแบบอึ้งๆเหมือนกัน แหมก็แน่อยู่แล้วไอ้หลินหล่อแทบหยุดหายใจ ผิวก็ดีหน้าก็หล่อ สูงก็สูง แบบคนเห็นครั้งแรกแล้วต้องสะดุดอ่ะเข้าใจมะ 

              อ่ะมองกันไปมองกันมา กูจะได้แดกมั้ยข้าวกล่องอ่ะวันนี้...

              และจนในที่สุดเพื่อนหลินก็ได้ข้าวกล่องมาจนได้ นึกว่ายืนแดกพี่เขาทางสายตาแทนข้าว พอไอ้หลินนั่งลงปุ๊ปผมก็แซวทันที

              "กูให้ไปเอาข้าวกล่อง ไม่ได้ให้ไปหาคนที่มึงจะเอานะคะเพื่อนหลิน"  ผมแซวแล้วรีบหยิบข้าวกล่องมา

              "บ้า"  ไอ้หลินพูดแล้วทำท่าจะเอาช้อนพลาสติกมาฟาดหัวผม แหมบ้าห่าไรมึงสิบ้า

              "แต่จะว่าไปพี่เขาก็น่ารักนะเว้ย"  ไอ้ฮยอนบินพูด พวกเราก็หันไปแอบมองพี่เขาอีกรอบ ผมถึงได้เห็นว่าพี่เขาห้อยป้ายชื่อไว้ว่า

              'พี่จงฮยอน'  

              "ไอ้หลินพี่เขาชื่อพี่จงฮยอนว่ะ สงสัยอยู่ฝ่ายสวัสดิการ"  ผมหันมาพูดกับมัน

              "อืม ดีว่ะ"  ไอ้หลินพูดแค่นั้นผมเลยถามต่อ

              "อะไรดีวะไอ้หลิน?" 

              "พี่เขาไงดี ดีต่อใจ"  พอได้ยินแบบนั้นผมก็อ้าปากค้างเอามือทาบอก

              "โอ้โห้ หลินกูพูดเก่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร เจอว่าที่เมียหน่อยคล่องเลยนะภาษามึงเนี่ย"  ผมแซว ไอ้หลินได้แต่ยิ้ม และเขี่ยข้าวในกล่องไปมา แอบหันไปมองพี่จงฮยอนเป็นระยะๆด้วย ปกติไอ้หลินไม่เอ่ยปากชมใคร หรือพูดจาหวานๆแบบนี้เลย ถ้าพูดเยอะแบบเนี้ยแปลว่าชอบชัว งานนี้มันต้องสนุกแน่ๆ ตอนแรกผมก็มัวสนใจเรื่องไอ้หลิน แล้วก็ดันลืมไปว่ากูมีข้าวแล้ว แต่ไหนช้อนกูล่ะ 

              "พวกมึงช้อนกูอ่ะ"  ผมถามพวกเพื่อนๆของผม

              "เหมือนพี่เขาจะใส่มาให้ไม่ครบว่ะ"  ไอ้แซมพูดแล้วค้นดูในถุง และรอบๆตัวที่เรานั่ง แต่ก็ไม่เจอเลยผมจึงต้องลุกไปถามพี่ๆคนอื่นว่ายังมีช้อนพลาสติกเหลืออีกมั้ย 

              "พี่ครับคือผมยังไม่ได้ช้อน ยังมีช้อนเหลือมั้ยครับ"  

              "มีนะ แต่น้องต้องไปเอากับพี่คนนู้นอ่ะ"   พี่ผู้ชายที่ผมถามชี้ไปทางกลุ่มรุ่นพี่ที่นั่งกินข้าวอยู่ และคนที่ถือช้อนพลาสติดที่ใช้หนังยางมัดรวมกันไว้นั่นก็คือ....ไอ้พี่ดงโฮ 

              ให้กูไปขอถูกคนมากกกกกกก  

              "คนอื่นไม่มีแล้วหรอครับ"

              "ไม่มีแล้วอ่ะ กลุ่มพี่คนนั้นได้กล่องข้าวเป็นกลุ่มสุดท้าย เลยเอาไปรวมไว้ที่นั่นหมดแล้ว"  พี่ผู้ชายคนที่ผมถามตอบกลับมาแล้วเดินไปทำอย่างอื่นแทน มีแต่ผมที่ยังคงยืนมองกลุ่มรุ่นพี่ดงโฮ ด้วยใจที่หวั่นๆ เอาน่าแค่ไปขอช้อนเอง มันไม่น่ายากหรอก....ไม่จริงเลยมันยากตั้งแต่คนที่ถือช้อนคนนั้นเป็นพี่ดงโฮละสัดเอ้ย 

              ถึงจะบ่นในใจแต่ทำไงได้ ไม่มีช้อนก็ไม่ได้แดกนะ ถึงต้องจำใจเดินไปหากลุ่มพี่เขาจนได้ ตลอดระยะทางที่เดินไปกูขออย่างเดียวเลย ขาอย่าสั่นลูก ขาอย่าสั่น...  อะไระตื่นเต้นเบอร์นี้  พอผมเดินเข้าไปถึงกลุ่มพี่เขา ทุกคนในกลุ่มของพี่ดงโฮรวมถึงพี่เขาด้วย ก็เงยหน้าขึ้นมามองผมกันใหญ่ ยิ่งสายตาพร้อมบวกของพี่ดงโฮด้วยแล้ว กูนี่พูดอะไรไม่ออกเลย 

              "มีอะไรรหัส101"  พี่ดงโฮถามผม

              "ค..คือ ผมจะมา...ข..ขอช้อนอันนึงครับ"  ผมพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก

              "แล้วทำไมมือคุณถึงสั่นขนาดนั้น"  พี่ดงโฮถามพร้อมกับมองมือของผมที่สั่นอยู่ข้างลำตัว ยังจะถามอีกทำไมมือกูสั่น หนาวม้างงงงแดดเปรี้ยงขนาดนี้  อยากจะเอากระจกโยนใส่หน้าพี่แกจริงๆ กูกลัวมึงนี่ไงเข้าใจยังงง  

              "สะ..สงสัย หิวข้าวน่ะครับ"  

              "เออ ก็ไปเอาข้ามาดิ"  พี่ดงโฮพูดแบบนั้นยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้วเป็นปม แล้วถามต่อ

              "อะ...เอามาทำไมครับ ผะ..ผมแค่มาขอช้อน" 

              "ถามอะไรโง่ๆ"  พี่ดงโฮพูดแล้ววางช้อนกินข้าวลง เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม พร้อมกับรอยยิ้มประหลาดของเพื่อนพี่เขาในกลุ่มที่ผลุดขึ้นมา เด็ดสุดคือประโยคต่อมาของพี่แกทำกูแทบช็อคล้มไปกองกับพื้นหญ้า

           "มานั่งแดกข้าวกับพวกผม แล้วผมจะให้ช้อนคุณ" 

         
                 อิเหี้ย อะไรเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!










    ___________________________________________
    talk: ตอนที่หนึ่งมาแล้ว55555555555555
     แค่ตอนที่หนึ่งตื่นเต้นอะไร55555 บอกไว้เลยว่าเราแต่งตอนนึงสั้นๆนะคะ
    แรงบันดาลใจคือเก็บกดจากปีหนึ่งมากค่ะ555555 
    ขอให้ชอบนะคะ คู่อื่นมีแน่นอนค่ะรอนีสนุงงงง 
    ชอบติดแท็ก #ฟิคหวีลิตเติ้ล ในทวิตนะก้ะบุ้ยย
         

         

         

         




























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×