LITTLE #STRONG
EP.08 : ละคร
"เห้ออออกูเกลียดการสอบเทส"
เมื่อพาร่างตัวเองออกมาจากคลาสเรียน ก็มานั่งสิ้นชีพอยู่ตรงที่นั่งริมระเบียงหน้าห้อง ผมกำลังเป็นบ้าเพราะลืมไปว่าวันนี้วิชาตอนเช้ามีการสอบเทส แล้วกูก็ไม่เอะใจตั้งแต่เมื่อคืนว่าทำไมไลน์กลุ่มมันถึงเงียบยิ่งกว่าป่าช้า แม่งหายกันไปอ่านหนังสือกันหมดแล้วกูไงใจเย็น คิดว่าเพื่อนหายกันไปนอนหรือเล่นเกมส์ ตัวเองเลยนั่งดูละครตั้งแต่สามทุ่มยันห้าทุ่มครึ่งไม่ได้อ่านเหี้ยไรซักตัว แล้วเมื่อเช้ามาสายไงพอพุ่งเข้ามาในห้องเจอสภาพที่ทุกคนนั่งเอาโต๊ะห่างกัน พร้อมกับใบกระดาษสีขาวข้างกายคนละหนึ่งแผ่น วินาทีนั้นบอกเลยกูมีปากกามาก็เท่านั้นสมองกูโล่งประมาณร้อยเอเคอร์...
"ก็เสือกไม่อ่านหนังสือมาควายติดละคร" เป็นไอ้แซมที่เดินมานั่งลงข้างผม พร้อมกับเอ่ยประโยคหมาๆ เหมือนเช่นเคยทุกวัน
"ก็พวกมึงแหละไม่มีใครเตือนกูซักคน" ผมโวยวายแล้วชี้หน้าด่าพวกมัน
"แล้วทำไมเพื่อนรักไม่ถามละค้าบบบบ กูเห็นมึงเงียบก็นึกว่าจำได้ว่าต้องอ่านหนังสือที่ไหนได้เสือกติดละคร" ที่นี้เป็นของไอ้บิน เออซ้ำเติมกันเข้าไปแทนที่จะปลอบใจกูสาบานถ้าพวกมึงไม่หล่อกูเลิกคบไปนานแล้วอ่ะ
"สัดเอ้ยหงุดหงิด นี่กูยังไม่หายเซ็งเรื่องชมรมเลยนะ มาเจอเรื่องสอบเทสอีกมนุษย์เราจะซวยได้ขนาดนี้เลยวะ"
ผมบ่นอิดออดถึงเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนที่ผมทำใบชมรมหาย แล้วพี่ดงโฮเขาวิ่งไปขอใบชมรมจากสโมสรนักศึกษามาเขียนส่งให้ผม ทำให้ผมได้หน่วยกิจก็เถอะนะอันนี้ก็รู้สึกขอบคุณจริงๆแหละ แต่มันขัดใจกูอยู่เรื่องเดียวคือ ชมรมมีเป็นร้อยทำไมถึงสมัครชมรมกีฬาให้กู...
คือทำไมคนรอบข้างกูชอบให้กูทำอะไรที่ต้องออกแรงวะ กูก็พร่ำบอกตั้งหลายครั้งว่ากูเป็นพวกขี้เกียจ แล้วนี่อะไรชมรมกีฬาแถมเป็นกีฬาวิ่งด้วย โอ้โห้ตอนมารับน้องก็โดนวิ่งสิบสองรอบ พอเลือกชมรมเสือกโดนชมรมกีฬาวิ่งอีก อิสัดส่งกูไปโอลิมปิกเลยมั้ยล่ะจะได้จบๆ
"เออน่าอย่างน้อยก็มีไอ้แซมป้ะ อีกอย่างชมรมไม่ได้เข้าทุกวันซักหน่อย" เป็นเสียงปลอบใจที่ไม่ได้ช่วยกูเลยมาจากไอ้บิน แหมมึงก็พูดได้มึงชมรมถ่ายภาพนี่ใช้มือกดชัตเตอร์คงเหนื่อยจนยืนหอบเลยมั้ง
"เฮ้ยไอ้บินพี่จงเขาบอกกูว่ารูปที่มึงถ่ายบูธกิจกรรมสาขาเราตอนนั้นอ่ะ รูปติดที่บอร์ดชั้นสองแล้วไปดูป้ะ" ไอ้หลินเงยหน้าขึ้นมาถามไอ้บินที่กำลังยืนคุยกับพวกผมอยู่
"เออไปดิกูก็อยากเห็นรูปจริง" หลังจากที่ทุกคนตกลงกันเรียบร้อย ก็พากันเดินลงบันไดจากชั้นสามลงไปชั้นสอง รูปที่ไอ้บินถ่ายนั้นติดอยู่ที่บอร์ดหน้าห้องฝ่ายวิชาการ พวกเรายืนมองภาพสิบกว่าภาพที่ถ่ายออกมาได้สวยงามจากฝีมือไอ้หล่อหน้าตี๋เพื่อนของเราเอง ทุกภาพมีรอยยิ้มของพวกรุ่นพี่เอกเราเกือบทุกคน ยอมรับว่ามันถ่ายออกมาดูเป็นเรื่องราวและมีชีวิตชีวามาก แต่กูสงสัยอยู่อย่างจนอดเอ่ยปากถามเสียไม่ได้
"ไอ้บินกล้องมึงเนี่ยเลือกโฟกัสคนด้วยหรอวะมีสิบรูป รูปพี่มินฮยอนปาไปแล้วเก้ารูปไอ้สัดเปรต" มันเป็นแบบที่ผมพูดจริงๆนะถึงในรูปจะมีพี่คนอื่นด้วยก็ตาม แต่จุดเด่นของภาพล้วนแต่เป็นใบหน้าของพี่มินฮยอนทั้งนั้น เห็นแล้วอยากจะเปลี่ยนชื่อจากรูปบูธสาขาเป็นรูปพี่มินฮยอนมากกว่า ตกลงเขาใช้มึงถ่ายบูธหรือคนในบูธ พี่เขาบอกให้ถ่ายเห็นภาพรวม เออไอ้บินก็ถ่ายภาพรวมจริงๆแหละ รวมๆแล้วมีแต่รูปพี่มินฮยอนไอ้สัด...
"อะไรกูก็ถ่ายทุกคนแหละมึงไม่เห็นอ่อ" ไอ้บินแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
"เออทุกคนของมึงอ่ะมารวมกันอยู่ภาพเดียว ที่เหลือพี่มินฮยอนหมด" ผมพูดเสียงประชดแหม...ของมันเห็นๆกันอยู่ เพื่อนกูเริ่มติดบ่วงความรักกันไปทีละคนยังดีนะเหลือไอ้แซม
"ทำไงได้วะมือมันไปเองนี่หว่า รู้ตัวอีกทีรูปพี่เขาก็เต็มกล้องแล้ว" ผมฟังไอ้บินพูดก็เข้าใจอ่ะนะบางทีคนเราก็มีเสน่ห์ดึงดูดอีกคนให้อยากเข้าหา แค่ยืนเฉยๆเราก็อยากจะมองแล้วกรณีของไอ้บินก็คงจะแนวๆนี้ หลังจากนั้นผมก็เห็นไอ้ฮยอนบินค้นบางอย่างในกระเป๋าแล้วหยิบมันขึ้นมา
"อะไรอ่ะไอ้บิน" ไอ้แซมถามแล้วชะโงกหน้าไปดูรูปอีกใบที่ไอ้บินถือขึ้นมา
"กูแอบเอารูปนี้ไปปริ้นมา แล้วลบไฟล์ในกล้องที่ถ่ายออกไป" ผมไอ้แซมและไอ้หลินมองภาพที่ไอ้บินถือแล้วยิ้มไปด้วย ในรูปเป็นภาพของพี่มินฮยอนที่ยืนอยู่กลางบูธพี่เขากำลังถือเส้นสายรุ้งสำหรับตกแต่งบูธอยู่ และเป็นช็อตที่พี่เขาหันมายิ้มให้กับกล้องพอดี ต่างจากรูปที่ติดบอร์ดส่วนใหญ่จะเป็นรูปตอนเผลอทั้งนั้น
"แล้วมึงจะลบรูปในกล้องทำไม กล้องก็เป็นของพี่เขาไม่ใช่อ่อวะ" ผมเงยหน้าถามไอ้บิน
"อืมใช่ แต่เหตุผลที่กูลบภาพนี้ในกล้องไปอ่ะ..."
"........."
"เพราะกูอยากยื่นรูปใบนี้ให้กับพี่เขาด้วยมือตัวเอง รูปรอยยิ้มพี่เขาที่มีกูเป็นคนกดชัตเตอร์" ได้ยินไอ้บินพูดแบบนี้กูนี่อิจฉาพี่มินฮยอนเลย ที่มีคนหน้าหล่อหัวใจก็หล่อเว่อร์ๆมาชอบเนี่ย เพื่อนผมแต่ละคนก็มีวิธีจีบแตกต่างกันออกไป ไอ้หลินออกจะจีบตรงๆแต่ไม่ได้รีบเร่งเรื่องความสัมพันธ์ ส่วนไอ้บินจีบแบบเหมือนไม่จีบเข้าหาทีละน้อยอีกฝ่ายจะรู้ตัวหรือไม่ ไม่สำคัญประเด็นอยู่ที่ว่าคนทำให้มีความสุขก็พอแล้ว เชรดโด้ขอยืมเรื่องไปเขียนนิยายซักเล่ม
"อยากให้พี่เขาอ่อ นู่นพี่เขาเดินมาแล้ว" ไอ้หลินพูดเสียงเรียบแล้วชี้ไปทางด้านซ้ายมือพวกเรา ผมไอ้แซมและไอ้บินเลยหันกันขวับตกใจกับประโยคของไอ้หลิน และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ พี่มินฮยอนกำลังเดินตรงมาหาพวกเรา และคนที่ดูจะตื่นเต้นจนสติแตกคงไม่พ้นไอ้บิน เพราะมันรีบเอารูปไปซ่อนไว้ข้างหลังทันที
"สวัสดีครับพี่มินฮยอน" พวกเราพูดและยกมือไหว้ ส่วนไอ้บินยกมือเดียวเพราะอีกมือถือรูปที่ซ่อนไว้ข้างหลัง
"มาดูรูปกันหรอ พี่กำลังจะขึ้นไปหาที่ห้องพอดีเลย" พวกเราฟังแบบนั้นก็สงสัยทันทีว่าพี่มินฮยอนจะขึ้นไปหาพวกเราที่คลาสทำไม
"พี่จะเอานี่มาให้ฮยอนบินน่ะ" พี่มินฮยอนพูดแล้วยื่นช็อกโกแลตยี่ห้อคิทแคทมาตรงหน้าไอ้บิน ทำให้เพื่อนตัวสูงของผมอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว ดูก็รู้ตอนนี้มันคงดีใจจนแทบอยากจะกระโดดเลยล่ะ
"พี่ไม่รู้ว่าฮยอนบินจะชอบมั้ยพี่ซื้อมาขอบคุณเรื่องที่ถ่ายรูปบูธสาขาให้วันนั้นอ่ะ"
ผมเอามือทั้งสองข้างปิดปากตัวเองด้วยความตื่นเต้นจนเกือบอุทานออกมา ผมและคนอื่นที่เหลือต่างหันมามองหน้ากันพรึ่บทันทีเมื่อเห็นซองคิทแคทในมือพี่มินฮยอน พี่มินฮยอนต้องทำให้หัวใจไอ้บินเต้นจนเป็นบ้าแน่นอน ผมไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริงๆ ผมไอ้แซมและไอ้หลินรู้ดีว่าไอ้บินเป็นคนที่ชอบกินคิทแคทมาก มันมีครั้งนึงตอนวันเกิดไอ้บินช่วงมอห้า ผมและเพื่อนคนอื่นรวมเงินกันซื้อคิทแคทให้ไอ้บินจำนวนร้อยห่อ นอกจากพวกเราก็ไม่เคยมีใครซื้อคิทแคทให้มันกิน เพราะไอ้บินไม่ใช่คนที่จะบอกเรื่องของโปรดหรือสิ่งที่ชอบให้คนอื่นรับรู้ ถ้าไม่ใช่คนที่สนิทด้วยจริงๆจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำ และในวันเกิดวันนั้นผมยังจำสิ่งที่คุยกับไอ้บินได้ดี
'ไอ้บินถ้าเกิดวันใดวันนึงมีคนมาซื้อคิทแคทให้มึงแบบพวกกูมึงจะดีใจป้ะ'
'ไม่รู้ดิ นอกจากพวกมึงก็ยังไม่มีใครซื้อให้กูเลยอ่ะอีกอย่างกูคงไม่ไปบอกคนอื่นให้มาซื้อให้กูกินหรอก'
'สมมุติไงสมมุติ ถ้าเกิดมีคนซื้อคิทแคทให้มึงกินโดยที่เขาไม่รู้มาก่อนว่ามึงชอบ กูว่าเขาคนนั้นต้องเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตมึงมากแน่ๆมึงไม่อยากลองท้าทายตัวเองหน่อยหรอวะ น่าหนุกดีออก'
'อืม...งั้นเอางี้ ถ้าเกิดว่าหลังจากนี้มีคนซื้อคิทแคทมาให้กูนอกจากพวกมึงเป็นคนแรก โดยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ากูชอบกิน ไม่ว่าจะเป็นใครอายุเท่าไรหรือเป็นคนที่กูไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยก็ตาม'
'.......'
'กูจะให้คิทแคทเขาเป็นจำนวนสิบอัน ถ้าถึงอันที่สิบแล้วเขาไม่ปฎิเสธที่จะรับมันอีกกูจะขอเขาเป็นแฟน'
นั่นแหละคือสิ่งที่ไอ้บินท้าทายเอาไว้ และตอนนี้มันก็ต้องทำตามสิ่งที่มันเคยพูดไว้ด้วย ผมก็อึ้งๆเหมือนกันนะที่สุดท้ายแล้วคนนั้นๆเป็นพี่มินฮยอนและเป็นคนที่ไอ้บินกำลังรู้สึกดีอยู่แล้วด้วย มันก็ดีหรอกนะเป็นเกมส์ที่น่าเสี่ยงแต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันจบไม่ดีเกมส์นี้อาจจะสร้างบาดแผลให้มันก็ได้ พี่มินฮยอนดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คนดูดีอีกตั้งมากมายต่างจะเข้ามาให้พี่เขาเลือก
"น้องไม่ชอบหรือป่าว" พี่มินฮยอนถามเมื่อเห็นไอ้บินนิ่งไปหลายวิ
"ป่าวครับผมไม่ได้ไม่ชอบ...แต่ผมไม่แนใจว่าควรรับไว้รึป่าว" ไอ้บินพูดเหมือนกำลังลังเล เพราะมันคงรู้ดีอยู่แก่ใจกับคำพูดของตัวเอง และมันไม่ใช่คนที่จะกลืนน้ำลายตัวเองด้วยสิ
"ไม่ต้องลังเลหรอกถ้าชอบก็รับมันไว้ไม่เห็นเป็นไรเลย" พี่มินฮยอนพูดแล้วส่งยิ้มบางๆมาให้ ไอ้ฮยอนบินมองหน้าพี่มินฮยอนแล้วยิ้มออกมานิดหน่อย จึงยื่นมือไปรับคิทแคทนั้นมาถือไว้ ผมเห็นแบบนั้นก็อดตื่นเต้นตามไม่ได้หลังจากนี้ พี่มินฮยอนจะได้คิทแคทจากมันเป็นจำนวนสิบอัน แต่ละอันคงมีความหมายมากแน่ๆ
"ขอบคุณครับ" ไอ้ฮยอนบินพูดแล้วเอามือเกาหัว เขินอ่ะดิเขินแหมแค่ช็อกโกแลตไม่ใช่ที่อยู่บ้าน หน้าไม่ต้องแดงค่ะเพื่อนเก็บอาการหน่อย กูอิจฉากูอยากมีโมเม้นต์นี้บ้างกูกระหายความรักกกกก
"'งั้นพี่ไปนะ" พี่มินฮยอนพูดแล้วหันหลังเตรียมเดินจากไป ผมนี่รีบใช้ตีนสกิดขาไอ้ฮยอนบินอย่างไว
"เฮ่ยรูปอ่ะรูปจะให้พี่เขาไม่ใช่อ่อมึงจะซ่อนไว้ข้างหลังเอาไว้เล่นมอญซ่อนผ้ารึไง" ผมพูดเสียงเบาให้แค่ได้ยินกันในกลุ่มเพื่อน ตอนนี้พี่มินฮยอนก็เริ่มเดินออกไปแล้วด้วย
"กะ..กูไม่กล้านี่หว่า กูจะบอกพี่เขาว่าไงอ่ะแปลกๆปะวะอยู่ๆก็ยื่นรูปให้" ไอ้ฮยอนบินเอาร้อยเหตุผลมาอ้าง โธ่สัดเปรตกูรู้หรอกว่ามึงเขิน มึงไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าเลย
"มึงจะไปดีๆมั้ย" ผมถามเสียงเย็นโอกาสแบบนี้หาง่ายที่ไหน นานๆทีพี่มินฮยอนจะมาให้เจอตัว มึงจะรอเคาะฝาโรงพี่เขาแล้วค่อยให้รึไง เอาละกูเชิญองค์กามเทพเข้าสิงร่างกุละเด่ะกูจะช่วยมึงเอง
"พี่มินฮยอนค้าบบบบบบบบบ" ผมตะโกนเสียงดังสนั่นทางเดิน จนพี่มินฮยอนต้องหันกลับมาอีกรอบ
"มีอะไรหรอแดฮวี"
"ผมไม่มีอะไรหรอกครับ แต่เพื่อนผมมี" ผมยิ้มกว้างแล้วเดินไปดันหลังไอ้บินให้เดินไปข้างหน้า มันนี่ฝืนตัวเองสุดตัวแแต่กุก็ดันสุดพลังอ่ะ
"เชี่ยเตี้ยมึงทำไรเนี้ย" ไอ้บินหันมาพูดเสียงไม่พอใจใส่ผมเมื่อผมยังคงดันหลังมันต่อไป
"เตี้ยก็ช่วยเพื่อนจ๋าไง อย่าลีลาให้รูปพี่เขาไปไม่งั้นกูจะแอบเอาไปเผาทิ้งจริงๆด้วย" ผมพูดแบบบังคับมัน อุตส่าห์ถ่ายออกมาแล้วมึงจะเก็บไว้ทำไม อีตอนแรกอ่ะพูดซะดีว่าจะให้พี่เขากับมือแล้วไง๋ถึงได้ป๊อดแบบนี้เล่า รูปก็ออกจะสวยถ้าพี่เขาไม่รับกูจะเอารูปฝาดหน้าพี่เขาเองนี่แหละโอเคมั้ย!
"ฮยอนบินเพื่อนผมมีอะไรจะให้พี่มินฮยอนครับ" เมื่อผมดันหลังไอ้บินให้เดินมาถึงตัวพี่มินฮยอนได้สำเร็จ ผมก็บอกกับพี่มินฮยอนไปตรงๆเลย ถ้าคิดจะชอบพี่มินฮยอนก็ต้องลุยต่อหน้าพี่เขานี่แหละ มัวแต่อ้อมค้อมชาตินี้ก็ไม่ได้แดก อีกอย่างผมว่าพี่มินฮยอนเขาเป็นคนที่ถ้าเราไม่พูดหรือทำอะไรตรงๆใส่ไปเลยพี่เขาคงจะไม่เก็ท
"มีอะไรจะให้พี่หรอ" พี่มินฮยอนถามแล้วมองหน้าไอ้ฮยอนบิน ทำให้เพื่อนผมสายตาล่อกแล่กและกัดริมฝีปากล่างอย่างคนไม่มั่นใจ ผมคิดว่ามันคงกำลังเรียบเรียงคำพูดดีๆอยู่ในหัวแน่นอน
"คะ..คือ...ว่า..แบบว่า..." ไอ้ฮยอนบินพูดประโยคติดอ่างนี่มาประมาณสามรอบได้แล้ว คือว่า แบบว่า ไม่ได้ไปไหนต่อซักที จนผมเริ่มรำคาญและหน้าพี่มินฮยอนก็ดูจะเริ่มงงหน่อยๆ ผมทนไม่ไหวเลยจับตัวไอ้ฮยอนบินหมุนกลับหลังซะเลย นั่นจึงทำให้พี่มินฮยอนสังเกตเห็นรูปที่ไอ้ฮยอนบินมันแอบถือไว้ข้างหลัง
"นี่มัน.." พี่มินฮยอนใช้มือข้างหนึ่งยื่นไปจับรูปถ่ายที่ไอ้ฮยอนบินแอบถือไว้ พี่เขาดึงมันมาจากมือไอ้ฮยอนบินเบาๆแล้วพลิกขึ้นมาดูรูปด้านหน้า
"ในกล้องพี่มันไม่มีรูปนี้ใช่มั้ยครับพอดีไอ้ฮยอนบินมันส่งไฟล์รูปให้พี่ตกไปรูปนึง มันเห็นรูปนี้พอดีเลยปริ้นมาให้พี่มินฮยอนครับ"
"อ๋อแบบนี้นี่เอง" พี่มินฮยอนมองรูปในมือสักพักนึง ส่วนไอ้บินก็ยังยืนหันหลังให้พี่เขาอยู่แบบนั้น คงจะเขินมากจนไม่กล้ากลับมามองหน้าพี่มินฮยอนเลยอ่ะ ผมไม่รู้เลยว่าพี่มินฮยอนรู้สึกยังไงพี่เขาจะคิดว่ามันแปลกรึป่าว เพราะพี่เขามองรูปในมือนานมากจนในที่สุดพี่เขาก็ใช้มือสกิดไหล่ไอ้ฮยอนบิน มันเลยต้องขยับเหมือนหุ่นยนต์กลับมาหาพี่เขา พี่มินฮยอนชูรูปในมือพร้อมกับยิ้มกว้างส่งไปให้ไอ้ฮยอนบิน
"ยังไม่เคยมีใครถ่ายรูปพี่แล้วภาพออกมาสวยขนาดนี้เลย"
"......."
"ขอบคุณนะพี่จะเก็บไว้อย่างดีไว้งานหน้ามาเป็นตากล้องให้อีกแล้วกัน" พี่มินฮยอนส่งยิ้มละมุนมาให้พวกเราอีกแล้ว ผมนี่แอบยิ้มตามเลยที่พี่เขาชอบรูปที่ไอ้บินถ่ายมาแถมยังชวนไอ้บินไปถ่ายกิจกรรมอื่นอีก ดูไปแล้วทั้งสองคนนี้ก็ดูมีเคมีเข้ากันอยู่นะการจีบพี่เขาอาจะเป็นไปได้ที่ไอ้บินจะทำสำเร็จ ช่วยคนมีความรักกูอาจจะมีพลังบุญหนุนนำส่งผลให้ความรักกูสำเร็จก็ได้ หนูต้องได้หนูช่วยเพื่อนขนาดนี้พระเจ้าต้องเห็นใจตวัดนิ้วเสกให้ในอนาคตกูมีโมเม้นต์กับจินยองและจินยองต้องหวั่นไหวว้าวุ่นครุ่นคิดเรื่องของกูววววววคนเดียวสาธุโอมเพี้ยงงงง
คาบบ่าย
"พวกมึงจะไปไหนต่อป้ะเพิ่งบ่ายสองเอง" ผมหันไปถามเพื่อนตัวเองที่กำลังถยอยเดินออกมาจากคลาสเรียน วันนี้คาบบ่ายเราเรียนถึงแค่บ่ายสองเลยมีเวลาว่างจะไปไหนก็ได้
"กูกับไอ้แซมว่าจะไปดูหนังที่ห้างอ่ะไปป้ะ"
"ไม่ไปอ่ะกูมีนัด" เป็นไอ้หลินเองที่ตอบทันควัน แล้วอินัดที่มันว่าคงไม่พ้นมายเดสทินี่ของมันอย่างพี่จงฮยอน แค่มันเอ่ยปากกูก็รู้ไปถึงความคิดมันแล้ว ช่วงนี้มันกับพี่เขาตัวติดกันยิ่งกว่าขี้ปลาทอง
"ไอ้หลินมีนัดกับว่าที่เมีย แล้วมึงอ่ะไปป้ะเตี้ย" ไอ้แซมหันมาถามผม ผมนี่กระดี๊กระด๊ากำลังจะตอบเลยว่า
"ไม่ไป"
เฮ่ยเดี๋ยว....กูจำได้ว่าไม่เคยมีร่างทรงอีกร่างนะ แล้วมึงตอบแทนกูได้ไงอิหลิน!!
"อะไรของมึงมาตอบแทนกูทำไม" ผมหันไปถามไอ้หลินที่ยืนอยู่ข้างๆ
"มึงต้องไปหาพี่จงฮยอนเป็นเพื่อนกู" ไอ้หลินพูดแบบนั้นกูนี่งงเลย กูไปนัดแนะกับมึงตอนไหนวะ
"แต่กูอยากไปดูหนังอ่ะ มึงจะเอากูไปเป็นก-ข-ค-ง-จ-ฉ-ร-ยทำไม มึงจะจีบมึงจะอ่อยพี่เขาตามสบายจะหิ้วกูไปด้วยทำไมล้าวววว" ผมงอแงผมไม่อยากอยู่ที่มอแล้วอ่ะอยากไปดูหนัง อยากไปส่องเด็กส่องเหยื่อนอกรั้วสถาบันบ้าง เบื่อหน้าตี๋ เบื่อหน้าฝรั่ง เบื่อหน้าไตหวัน อยากบริโภคของนอกอย่างอื่นบ้างง่ะ
"ไปเหอะน่าเป็นเพื่อนกูหน่อยเผื่อเพื่อนพี่เขาเยอะ" ผมนี่กรอกตาบนอีกแล้ว เอากูไปช่วยอีกแล้วใครเหนื่อยกูไง
"เออก็ได้วะ เห็นแก่ครั้งที่แล้วที่มึงโทรบอกพี่จงเรื่องใบชมรมกูแล้วกัน" ผมพูดเสียงหงอยถึงจะน่าเสียดาย แต่ทำไงได้ไอ้หลินมันเคยช่วยผมไว้ แค่ไปเป็นเพื่อนมันเองคงไม่มีอะไรหรอกมั้งแปปเดียวแหละ
"'งั้นค่อยไปแยกกันใต้ตึก"
"เออๆตามนั้น" เมื่อตกลงกันได้พวกเราก็เดินลงไปข้างล่างสุดหรือก็คือใต้ตึกคณะนั่นเอง พวกเราพูดหยอกล้อล่ำลากันแปปเดียวก็แยกกันเป็นสองสอง ไอ้บินและไอ้แซมไปเริงร่าที่ห้างส่วนผมและไอ้หลินก็เดินไปหาพี่จงฮยอน พี่เขาบอกทำรายงานอยู่ใต้ตึกกับเพื่อนอีกคนนึง ซึ่งกูก็พอเดาๆได้แหละว่าใคร มันก็มีไม่กี่คนป้ะที่พี่จงสนิทและคุยด้วยบ่อยๆ ก็พี่รหัสกูไงจะใครล่ะ...
ผมและไอ้หลินเดินเข้าไปใกล้โต๊ะไม้ยาวขนาดกลาง ที่มีคนสองคนนั่งคนละฝั่งกันแค่เห็นหลังผมก็รู้สึกเบื่อขึ้นมาทันที พี่ดงโฮอีกแล้วถึงผมจะกลัวพี่เขาน้อยลงแล้วก็เถอะแต่ยังไงก็ยังอึดอัดอยู่ดีอ่ะ แหมตอนแรกไม่ชอบพี่เขานี่หว่าจะให้มารู้สึกสนิทด้วยมันก็ต้องใช้เวลาป้ะวะ
"นั่งเลยๆ" เมื่อพี่จงฮยอนเห็นพวกเรา ผมก็ยกมือไหว้พี่เขากับพี่ดงโฮไปหนึ่งที พี่จงฮยอนเลยขยับตัวให้เรานั่งที่โต๊ะ แน่นอนว่าคนที่เสนอหน้าไปนั่งข้างพี่เขาอย่างไวคือไอ้หลิน ส่วนผมรีบเอาตัวไปเบียดข้างไอ้หลินทันทีทั้งๆที่ข้างพี่ดงโฮก็ว่าง จะมานั่งอึดอัดทำไมกันสามคนฝั่งเดียว
แต่กูว่าถ้ากูไปฝั่งนั้นกูอึดอัดกว่าล้านเท่า กูนั่งฝั่งนี้สบายใจของกูมากกว่า....
"เตี้ยมึงไปนั่งฝั่งนู้นดิ" ไอ้หลินกระซิบเสียงเบา ให้ตายยังไงกูก็ไม่ไปกูจะอยู่! กูจะนั่งฝั่งนี้นี่แหละ!
"สัดไม่เอา"
"หยาบคายมึงให้พี่ดงโฮนั่งฝั่งนู้นคนเดียว มึงทำท่าทางรังเกียจพี่เขาไปป้ะ"
"บ้ากูไม่ได้รังเกียจ กูแค่ไม่สนิทใจจะนั่งข้างพี่เขา"
"กูว่ามึงมานั่งข้างนี้แหละแปลกไปนั่งฝั่งนู้นเร็วพี่จงเขาทำงานไม่สะดวก" กูนี่ถอนหายใจแรงจะมีวินาทีไหนมั้ยที่พี่จงจะไม่ต้องมาก่อนเนี่ยรำไย! ถ้าไม่เห็นความดีครั้งที่แล้วนะกูไม่ยอมหรอกแม่ง! ผมลุกขึ้นด้วยความจำใจแล้วเดินไปนั่งข้างพี่ดงโฮเว้นระยะห่างพอสมควร พี่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรนะแค่ก้มหน้าก้มตาเขียนงานของตัวเองอ่ะ ส่วนคู่ตรงหน้ากูเหมือนแต่งงานกันมาแล้วสามปี ไม่มีการเขอะเขินหรือทำตัวไม่ถูกเลยซักนิด หลินและพี่จงฮยอนคุยเล่นกันปกติหนุงหนิงกันอยู่สองคน ส่วนฝั่งกูก็เงียบเป็นเป่าสากเสียงปากกากระทบกระดาษกูยังได้ยินเลยมั้ง
เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ผมและพี่ดงโฮก็ยังคงไม่มีใครพูดอะไรกันต่างจากอีกฝั่ง ที่พูดคุยกันไม่ได้หยุดตั้งแต่มานั่ง ดีนะที่ตอนนี้พี่จงฮยอนเอาลำโพงเล็กๆมาเสียบต่อมือถือแล้วเปิดเพลงฟังกันเบาๆ ผมเลยไม่ค่อยอึดอัดเหมือนตอนแรก ผมนั่งเงียบๆเล่นมือถือไปด้วยนี่ก็ยังคิดว่าไอ้หลินจะเอากูมานั่งเป็นเพื่อนทำไม ให้กูมานั่งดูพวกมึงสวีทกันหรอกูจะกะอักความรักตายอยู่แล้ว
"แดฮวีอยากฟังเพลงไรมั้ยเอามือถือเสียบสายลำโพงได้เลยนะ" พี่จงฮยอนถามผมแล้วพี่เขาก็ดึงสายลำโพงออกจากมือถือตัวเองส่งมาให้ผม โห้พี่เขายังคงใส่ใจคนรอบข้างเสมอต้นเสมอปลาย นี่ถ้าไอ้หลินไปจีบคนอื่นแล้วไม่ดีเท่านี้นะกูสาบานกูไม่ช่วยขนาดนี้อ่ะ
"ขอบคุณครับพี่" ผมยิ้มแล้วยื่นมือไปรับสายลำโพงสีดำมาเสียบเข้ากับตูดมือถือตัวเอง ผมเลื่อนๆดูเพลงในเครื่องแปปนึง หน้าจอก็เด้งว่ามีคนส่งไลน์มาและชื่อคนที่ส่งมาก็คือไอ้หลิน ผมขมวดคิ้วลงสงสัยว่าไอ้หลินจะส่งข้อความมาทำไมก็นั่งอยู่ตรงข้ามกันเอง ผมใช้จังหวะที่พวกพี่ๆเขาก้มลงเขียนงานมองหน้าไอ้หลินแล้วพูดแบบไม่ออกเสียงว่า 'อะไรของมึง' ไอ้หลินเห็นแบบนั้นก็ใช้มือชี้ลงมือถือตัวเอง เป็นการบอกว่าให้ผมเปิดดูแชทไลน์สินะตัวเองเลยต้องกดดูว่ามันพิมพ์อะไรมา
หลินผัว1 : เตี้ยมึงเปิดเพลงนี้ให้กูหน่อย (แนบลิ้ง)
ผมเห็นข้อความนั้นก็กลอกตาบนทันที จ้ากูต้องทำหน้าที่กามเทพจำเป็นอีกแล้วถูกมะ ผมบ่นในใจแต่ก็ยอมกดลิ้งเพลงนั้นขึ้นมา รอแปปเดียวจังหวะดนตรีที่เป็นเสียงกีต้าร์นำก็บรรเลงขึ้นมาผ่านลำโพงตัวเล็ก เสียงจังหวะหวานๆทำเอาคนฟังแทบละลาย ในช่วงจัวหวะของเมโลดี้ก่อนเข้าถึงเนื้อเพลง ไอ้หลินก็ขยับตัวไปทางพี่จงฮยอนอีกนิดโดยพี่เขาไม่ได้สังเกตุเพราะมัวแต่ก้มทำงาน พี่จงฮยอนใช้มือข้างขวาทำงานส่วนแขนและมือข้างซ้ายก็เอามาวางราบไว้กับโต๊ะ ไอ้หลินเลยใช้มือข้างที่อยู่ใกล้พี่เขาขึ้นมาวางชิดกันกับมือพี่เขาแบบเนียนๆ เหมือนพี่จงจะรู้ตัวเลยหันหน้ามามองนิดหน่อย ไอ้หลินทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ท้าวคางมองไปเรื่อย จนในที่สุดเสียงเนื้อร้องของเพลงก็เริ่มต้นขึ้น
'ใช่เลยโดนใจฉันเลย ไม่มีมากไปไม่มีน้อยไป ถูกใจทุกอย่าง'
ใช่เลย คือเธอแน่นอน บอกกันได้เลย ที่เคยต้องการ ประมาณนี้เลย ใช่เลย
หื้มมาท่อนแรกก็อยากลงไปนอนดิ้นกัดลิ้นตายด้วยความเขินแรง ผมสังเกตุเห็นเห็นว่าพี่จงฮยอนแอบชะงักเล็กน้อยตอนได้ยินท่อนแรกของเพลง พี่เขาคงยังไม่รู้ตัวว่าโดนแอบจีบผ่านเพลงนี้อยู่ ผมก็คิดอยู่แล้วว่าไอ้หลินต้องทำบางอย่างให้พี่เขารู้ตัวแน่นอน ผมมองมือไอ้หลินที่วางติดกับมือข้างซ้ายของพี่จงฮยอน นิ้วมือมันเคาะลงบนโต๊ะตามจังหวะของเพลงแต่อะไรก็ไม่น่าสะดุดเท่าประโยคภาษาอังกฤษเล็กๆ ที่เขียนอยู่บนหลังมือมันด้วยปากกาสีน้ำเงินว่า
'This song for you'
ผมลอบมองหน้าพี่จงฮยอนสายตาพี่เขากำลังจับจ้องไปที่ประโยคบนหลังมือของไอ้หลิน พี่จงฮยอนหลุดยิ้มออกมาแต่ก็แกล้งก้มหน้าเขียนงานต่อไป ถึงไม่มีใครพูดอะไรออกมาแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าฝั่งนั้นกำลังละลายด้วยความหวานของเพลงแต่ละท่อน ส่วนคนที่เขินแต่พยายามเก็บอาการคงไม่พ้นพี่จงฮยอน ทั้งคู่ต่างไม่กล้ามองหน้ากันในช่วงแรกของเพลง ถ้าอีกคนมองอีกคนก็จะหลบตาสลับกันอยู่แบบนี้ จนถึงท่อนฮุคท่อนไฮไลท์ของเพลง
' ต้องสวยขนาดนั้น ต้องหวานขนาดนี้ ทุกอย่างกำลังดี คนนี้ใช่เลย
อย่าสวยไปกว่านั้น อย่าหวานไปกว่านี้เอาแค่ที่เธอมีแค่นี้ได้เลย '
อย่างกับนัดกันพอถึงท่อนฮุค ทั้งสองคนถึงหันมามองหน้าแต่ละฝ่ายพร้อมกันพอดี ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันผมเดาได้เลยว่าตอนสบตากัน มันคงเหมือนหลุดเข้าไปในความคิดของกันและกันเรียบร้อย ไม่ต้องพูดอะไรก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายส่งความรู้สึกมาเต็มๆ และสุดท้ายคนที่ต้องหันหน้าหนีไปยิ้มเป็นคนบ้าก็คือไอ้หลิน ดูยังไงมันก็แพ้สายตาคู่สวยนั้นและรอยยิ้มหวานของพี่จงเต็มๆ โห้นี่ไอ้หลินเขินหรอเนี่ยหาดูยากมาก ผมมองทั้งคู่ที่อยู่ในห้วงความรักโดยไม่ได้สนเลยว่าอิสองตัวอีกฝั่งจะคิดยังไง สาบานนี่คือการแอบจีบกันอิสัดกูถีบตัวเองไปดาวอังคารแล้วมองลงมายังรู้เลยว่ามึงจีบกัน
หลังจากนั้นผมก็นั่งเล่นเกมส์ฆ่าเวลา อิหลินก็เจ๊าะแจ๊ะกับพี่จงต่อไปกูไม่แปลกใจทำไมงานไม่เสร็จซักที พี่จงเขียนทีอิหลินก็ชวนคุยที พี่จงเขียนทีอิหลินก็วอแวทีอิดอกเที่ยงคืนจะเสร็จมั้ย ส่วนอิพี่ดงโฮก็ไม่คิดจะพูดห่าไรเลยหรอไม่เร่งเพื่อนตัวเองซักนิดเลย โอ้พระเจ้ามีกูคนเดียวใช่มั้ยที่เบื่อเนี่ย
"เตี้ยเดี๋ยวกูไปออกไปซื้อน้ำกับพี่จงฮยอนแปปนึงนะ" ไอ้หลินสกิดแขนผมเมื่อผมกำลังเล่นเกมส์อย่างเมามันส์
"กูไปด้วย!" ผมรีบปิดเกมส์แล้วเตรียมจะลุกขึ้น แต่โดนไอ้หลินกดไหล่เอาไว้ก่อน
"ไม่ต้องหรอกกูไปกับพี่จงสองคนก็พอแล้ว" ไอ้หลินพูดแล้วหันไปมองพี่จงที่กำลังหยิบกระเป๋าเงิน ผมเลยแกล้งทำแก้มป่องแบบงอนๆ อิสัดไปด้วยก็ไม่ได้นั่งจนตะคิวกินตูดแล้วเนี่ย ไอ้หลินเห็นท่าทีไม่สบอารมณ์ของผมมันเลยพูดด้วยเสียงง้อหน่อยๆพร้อมขยี้หัวผมไปด้วย
"ไม่งอนน่าเดี๋ยวซื้อหนมมาฝากรอนี่แหละ"
ผมอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยเออรอนี่ก็ได้ ถึงไม่อยากนั่งกับพี่ดงโฮสองคนก็เถอะแต่จะให้ทำไงได้ เพื่อเพื่อนทำได้อยู่แล้วเพื่อนหล่อพูดอะไรก็ฟังหมดแหละ ผมพยักหน้าให้ไอ้หลินเป็นเชิงเข้าใจแล้วกำชับมันด้วยว่าให้ซื้อขนมมาเยอะๆไม่งั้นงอนจริง จากนั้นไอ้หลินก็เดินเคียงคู่ไปกับพี่จง
".........." ผมและพี่ดงโฮเรานั่งเงียบใส่กัน คือมันก็ไม่ได้อึดอัดมากเท่าไรหรอกแต่มันไม่รู้จะคุยอะไรอ่ะ จะให้คุยจ้อเหมือนคนสนิทกันมาร้อยชาติก็ไม่ใช่ป้ะ แต่นั่งเงียบแบบนี้มันก็แปลกๆมั้ยวะ แต่ก่อนที่ผมจะเปิดบทสนทนาก็มีผุู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักพี่ดงโฮซะก่อน
"ไอ้ดงโฮจงฮยอนอยู่ไหน" ผมเงยหน้ามองผู้ชายคนที่เข้ามาทักพี่ดงโฮ พี่คนนี้เขามีหน้าตาที่หล่อมากเหมือนกัน พี่เขามีผมสีดำสนิทไถเปิดหูดูสมาร์ทดี ชั้นตาคมหางตายาว มุมปากยกขึ้นทำให้พี่เขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดอ่ะลุคโดยรวมคือผู้ชายขี้เล่นและมีความร้ายอยู่ในตัวสูง ดูเป็นคนที่ใครๆก็อยากได้เป็นแฟนอ่ะ
"ออกไปซื้อน้ำมึงจะทำไมอ่ะ" พี่ดงโฮตอบแล้วหันไปเขียนงานต่อดูไม่ได้ให้ความสนใจผู้ชายตรงหน้ามากนัก
"กูมีเรื่องต้องคุยกับมัน"
"รอมันกลับมาแล้วกันมึงจะไปไหนก็ไปเหอะ" เหมือนพี่ดงโฮจะพูดธรรมดานะแต่กูรู้สึกพี่เขาพยายามไล่พี่หน้าหล่อคนนี้ออกไปยังไงไม่รู้อ่ะ ส่วนพี่หน้าหล่อได้ยินแบบนั้นก็หัวเสียนิดหน่อยแล้วเดินออกไป เอาล่ะกูมีเรื่องคุยละ!
"ผู้ชายคนเมื่อกี้ใครหรอพี่" ผมพูดพร้อมกับทำเป็นชูมือถือขึ้นมาเล่นไปด้วย แกล้งทำเป็นว่ากูไม่ได้สนใจเท่าไรแต่จริงๆโคตรอยากรู้
"แฟนไอ้จง"
ตึก! มือถือผมล่วงจากมือทันทีที่ได้ยินคำตอบของพี่ดงโฮ
"มะ..เมื่อกี้พี่พูดอะไรฟงๆแฟนๆนะ" ผมรีบหันหน้าไปถามพี่ดงโฮอย่างไว กูอาจจะหูเพี้ยนได้ยินผิดเองก็ได้
"ผู้ชายคนเมื่อกี้คือ'ไอ้ซังกยุน'ปีสองเดือนศิลปกรรมและเป็นแฟนไอ้จง"
อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย เรื่องช็อคหูของวันนี้เลยคือกูสับสนมากว่ากูควรตกใจเรื่องไหนก่อน เรื่องที่พี่จงมีแฟนหล่อเหี้ยๆเป็นถึงเดือนศิลปกรรม หรือควรตกใจที่ไอ้หลินกำลังจีบคนที่มีแฟนอยู่แล้ว โอ้ยอิดอกกลุ้มเครียดเลยไอ้หลินรู้เรื่องยังวะ พี่จงได้บอกมันรึป่าววะแล้วถ้าไอ้หลินรู้มันรับได้อ่อ
"ละ..แล้วเขาคบกันนานยังอ่ะพี่" ไม่ได้แล้วกูต้องเก็บข้อมูลเผื่อไอ้หลินยังไม่รู้
"ปีนึงได้แล้วมั้งไอ้ซังกยุนมันมาจีบไอ้จงตอนปีหนึ่งช่วงรับน้องนี่แหละ" ผมฟังแล้วก็พยักหน้าตามก็ถือว่านานอยู่นะปีนึงเนี่ย
"อ๋อแบบนี้นี่เอง แล้วเขาสองคนไปกันด้วยดีป่ะพี่"
"ไอ้ซังกยุนมันเป็นพวกชอบคุย ถึงเป็นแฟนกับไอ้จงมันก็ยังไม่เคลียร์เด็กในสต๊อกซักที มันสองคนชอบทะเลาะกันเรื่องนี้ตลอดพักหลังมานี้ก็ดูจะห่างๆกัน" พี่ดงโฮเล่าให้ผมฟังผมก็พยักหน้าตามไปเรื่อย เออแต่ดูหน้าพี่ซังกยุนแล้วก็แบบนั้นเลยอ่ะคงจะมีคนเข้าหาพี่เขาเยอะ
"อยากรู้อะไรอีกล่ะจะได้พูดทีเดียว" พี่งดงโฮหยุดเขียนแล้วหันมามองหน้าผม ผมนี่แบบยิ้มแห้งๆแหมเห็นเป็นคนขี้เสือกไปได้แค่ออกจะใส่ใจเรื่องคนอื่นนิดหน่อยเอง
"ป่าวซักหน่อยผมก็ไม่ได้อยากรู้นิ"
"หรอแต่แววตาคุณมันเหมือนอยากรู้"
"แววตาผมมันก็ปกตินั่นแหละพี่มั่วว่ะ แววตาผมมันบอกตอนไหนว่าอยากรู้แค่ถามพอเป็นพิธีหรอก!" ผมโวยวายใส่รัวๆ ปกปิดความขี้เสือกของตัวเอง แต่นั่นก็ทำให้พี่ดงโฮหันมาแล้วชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ผม ผมเลยต้องรีบหุบปากแล้วถอยหน้าห่างออกมาเล็กน้อยด้วยความตกใจ พี่ดงโฮกำลังใช้ดวงตาสีน้ำตาลดุดันนั่นมองเข้ามาในดวงตาของผม เล่นเอาผมตัวแข็งทื่อและต้องมองสบตากับพี่เขาเหมือนกัน เราต่างไม่มีใครพูดอะไรเอาแต่จ้องอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกแปลกๆข้างใน แล้วเมื่อไรจะเลิกจ้องซักทีวะเนี่ยยยยถ้าจะมองก็ไม่ต้องมองใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้ย
"แววตาคุณดูยังไงมันก็บอกว่าอยากรู้หลายเรื่อง"
"พี่จะบอกว่าผมขี้เสือกหรอ" ผมขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจเมื่อพี่ดงโฮกำลังหลอกด่าผมอยู่
"คุณพูดเองตางหาก" พี่ดงโฮพูดแล้วยักคิ้วกวนตีนผมข้างนึงแล้วจึงผละออกไป นั่นเลยทำให้ผมหายใจคล่องขึ้นเยอะแต่อาการตกใจเมื่อกี้ยังไม่หาย บ้าป่าวะอยู่ดีๆก็เข้ามาจ้องตาคนอื่นแบบนี้ก็ได้หรออยากจะตบหัวนัก พอหลังจากนั้นพวกเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก นั่งรออิคู่ที่หายไปซื้อน้ำไม่รู้แม่งไปซื้อถึงเชียงใหม่หรือยังไงนานจังวะ ผมมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาบ่ายสามโมงนิดๆ และประเด็นคือแดดตอนบ่ายมันเริ่มมาแล้ว โต๊ะตัวที่เรานั่งมันก็อยู่ติดริมนอกพอดี และกูก็ดันนั่งฝั่งโดนแดดด้วยมันเลยเริ่มส่องเข้ามาเริ่มไล่มาโดนแขนกูแล้วไงสัด!
เมื่อรู้ว่าแดดเริ่มไล่มาเรื่อยๆผมก็เริ่มขยับเข้าไปหาพี่ดงโฮอย่างไม่รู้ตัว ก็แค่จะหลบแดดอ่ะตรงไหนเลี่ยงได้กูก็เลี่ยงหมดแหละ และเหมือนผมมัวแต่เขยิบหลบด้วยใจที่หงุดงหงิด กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองเขยิบมากไปก็ตอนที่เขยิบเข้ามาแล้วไหล่ผมชนกับไหล่พี่เขาพอดี จนผมและพี่เขาต้องหันมามองหน้ากันเอง
"คือว่าแดดมันส่องอ่ะพี่ไม่ได้ตั้งใจจะเอาไหล่ชน" ผมพูดแล้วหัวเราะแห้งๆ พลางเขยิบตัวออกห่างพี่เขาโดยไว ทำให้แขนข้างนึงของผมโดนแดดเล็กน้อย แต่ผมก็ได้แต่ทำเป็นเสมองไปทางอื่นแกล้งว่าไม่ได้ร้อนอะไรมากนัก แต่ในใจคือบ่นเลยว่าแขนกูไหม้แน่
"ลุกขึ้น" พี่ดงโฮอยู่ดีๆก็พูดขึ้นมา พร้อมกับกำลังใช้มือกวาดเอาข้าวของตัวเอง ดันมาวางไว้ตรงหน้าผม ผมมองการกระทำของพี่เขาอย่างงงๆว่าพี่เขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วไอ้ที่สั่งเมื่อกี้อ่ะคือไรงง
"ผมบอกให้คุณลุกขึ้นไง" พี่ดงโฮทำเสียงดังแนวบังคับนิดหน่อย ผมจึงรีบกระเด้งตัวลุกออกไปจากโต๊ะทันที ต่อจากนั้นพี่ดงโฮก็ย้ายร่างตัวเองเขยิบมานั่งที่ของผม ผมยืนมองสิ่งที่พี่เขาทำด้วยความรู้สึกสับสนนิดหน่อย ถ้าให้เดาพี่เขากำลังแลกที่กับผมใช่มั้ย
"คุณมานั่งทางนี้แทนแล้วกัน" พี่ดงโฮสั่งผมเลยเดินไปนั่งแทนที่พี่เขา กลายเป็นว่าตอนนี้เป็นพี่ดงโฮเองที่โดนแดดส่องแขนแทนผม ที่จริงพี่เขาไม่ต้องมานั่งแทนผมก็ได้ผมไปนั่งที่ไอ้หลินก่อนก็ได้นะพอมันมาก็ค่อยลุกมานั่งที่เดิมแต่ยังไงซะผมก็ไม่กล้าขัดคำสั่งพี่เขาอยู่ดี ถึงจะร้อนที่แดดส่องแขนก็เถอะแต่ผมนั่งอยู่เฉยๆไงมันเลยไม่อะไรมาก แต่พี่ดงโฮนี่สิทำงานไปด้วยแดดส่องแขนแบบนี้ไม่หงุดหงิดหรอวะ ถึงผมจะค่อยถูกชะตากับพี่เขาแต่ก็ไม่ได้เกลียดปะวะอีกอย่างพี่เขาเป็นพี่รหัสผมด้วย ผมเลยตัดสินใจส่งกระเป๋าเป้ตัวเองไปตรงหน้าพี่เขา
"อะไร" พี่ดงโฮหันหน้ามาถามผม
"ก็เอาไปปิดแขนอีกข้างไงแดดมันส่องหนิ" ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้าพี่เขา แค่ยื่นกระเป๋าเป้สีน้ำตาลไปให้เฉยๆ ไม่ได้ห่วงอะไรมากเลยจริงๆนะแค่ตอบแทนเรื่องใบชมรมเองนั่นแหละ พอผมพูดแบบนั้นพี่ดงโฮก็รับมันไปปิดแขนข้างที่โดนแดดส่อง พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันแต่ผมรู้สึกได้ว่าบรรยากาศของเราสองคนดูจะคลายความอึดอัดลงอีกหน่อย ผมแอบใช้สายตาลอบมองใบหน้าด้านข้างของพี่ดงโฮเป็นระยะ ถึงแม้จะไม่ได้มองตรงๆผมก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่ามองกี่ทีพี่ดงโฮก็ดูดีมากๆ แม้จะชอบทำหน้าดุอยู่ตลอดเวลาก็ตาม และเมื่อแอบสำรวจใบหน้าพี่เขาผมก็ได้สังเกตุเห็นว่าตรงหน้าผากพี่เขามีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมา ถ้าให้ผมเดาคงเป็นไอร้อนจากแดดละมั้ง ผมก็กะอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เลยแอบเอาเจ้านี่ออกมาก่อนที่จะส่งกระเป๋าไปให้พี่ดงโฮ
"ทำอะไรวะ" พี่ดงโฮหันมาถามขณะที่ผมใช้มือข้างนึงถือพัดลมขนาดเล็กไซต์พกพา จ่อตรงไปที่หน้าพี่ดงโฮ แหมกูถือพัดลมขนาดนี้ยังจะถามอีกว่าทำอะไร
"ก็ผมคิดว่าพี่คงร้อนเลยถือพัดลมเป่าให้" ผมพูดแล้วทำเป็นใช้อีกมือเลื่อนหน้าจอมือถือเล่น ไม่อยากให้พี่เขาคิดว่าผมใส่ใจพี่เขามากเกินไป แค่กลัวพี่เขาร้อนตายต่างหากล่ะ
"แล้วถือแบบนี้ไม่เมื่อยรึไง" พี่ดงโฮถามเสียงแข็ง เอ้าคนเขาใจดีอุตส่าห์สละพัดลมให้จะทำเสียงแข็งเพื่อ
"เอาเหอะน่าถ้าผมเมื่อยเดี๋ยวก็วางเองแหละ" พอผมพูดแบบนั้นพี่ดงโฮก็ไม่ได้ว่าอะไรกับมาอีก กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังถือพัดลมให้พี่ดงโฮ ถึงจะรู้สึกแปลกๆก็ตามที่ต้องทำอะไรแบบนี้เพราะผมไม่เคยหรอกนะที่จะมาถือพัดลมให้คนอื่น ขนาดพวกไอ้หลินที่ว่าสนิทมากผมยังไม่เคยทำแบบนี้ให้เลย
ผมถือพัดลมให้พี่ดงโฮไปนานพอสมควร มันไม่เมื่อยหรอกนะแต่ผมน่ะรู้สึกง่วงๆไงไม่รู้ เลยต้องใช้มือข้างที่เล่นมือถือเอามาท้าวคางแทน ดวงตาก็เริ่มจะปิดลงเรื่อยๆ ผมคิดว่าจะพักสายตานิดหน่อยแต่ไม่ทันไรผมก็รู้สึกว่าผมเริ่มหลับตานานไปหลายนาทีเลยล่ะ....
"เตี้ยตื่นได้แล้ว" ผมสะดุ้งตื่นเมื่อไอ้หลินสะกิดแขนผม นี่ผมนอนฟุบลงไปกับโต๊ะตั้งแต่เมื่อไรวะ ผมมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาเกือบห้าโมงแล้ว ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้หลินกับพี่จงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม ทั้งคู่เก็บของบนโต๊ะเรียบร้อยแล้วและเหมือนกำลังจะกลับบ้านด้วย ผมที่ตั้งสติได้ว่าตอนแรกยังถือพัดลมให้พี่ดงโฮอยู่เลย จึงหันไปมองด้านข้างตัวเองแต่กลับไปเจอพี่เขาเลย
"พี่ดงโฮเขากลับไปแล้วเขาบอกมีธุระต้องไปทำต่อ แล้วมึงอ่ะหลับไปตอนไหนวะพอกูเดินกลับมาก็เห็นมึงนอนฟุบลงกับโต๊ะแล้วพี่ดงโฮก็เอาพัดลมตัวเล็กนี่จ่อให้มึงอ่ะ"
ผมได้ยินแบบนั้นก็มองไปที่พัดลมสีขาวตัวเล็กที่วางอยู่ใกล้ตัว แล้วข้างพัดลมก็ยังมีแก้วนมปั่นที่เริ่มละลายแล้ววางอยู่ด้วย ผมจึงเอื่อมมือไปหยิบแก้วนมปั่นขึ้นมาและเพราะอะไรไม่รู้ผมถึงยิ้มให้กับข้อความสั้นๆที่ถูกเขียนอยู่ตรงกลางของตัวแก้วด้วยหมึกสีดำว่า
'ค่าพัดลมแดกไม่หมดห้ามกลับ'
ผมแอบหัวเราะให้กับข้อความปัญญาอ่อนนั่นนี่พี่เขาคิดว่าผมจะแอบเอาไปทิ้งหรือไงวะ เออรู้แล้วน่ายังไงก็ต้องกินให้หมดมั้ยล่ะของโปรดนี่หว่า พี่รหัสกูเนี่ยจะขอบคุณตรงๆก็ไม่ได้เนอะตลกจริง
__________________________________
ทอค: มาต่อแล้วววววววววววววว โอ้ยสามคู่ฉันจะตาย5555
คือบ้ามากจะแต่งมม.ทำไมตั้งสามคู่ว้ะฆ่าตัวเองมาก555
ตอนนี้ตั้งใจแต่งมากนะคะ ขอให้ชอบกันน้าาาาา
ส่วนเพลงที่หลินให้หวีเปิดชื่อเพลงใช่เลย อิงเวอร์พี่ทอมนะคะบอกเลยละลายยิ่งกว่าไอติม5555
ขอบคุณทุกเม้นและกำลังใจค่ะ เราขอบคุณจริงๆ ขอให้ติดตามไปจนจบนะคะ;__;
ชอบติดแท็กจิ้ม #ฟิคหวีลิตเติ้ล เลยเจ้าค่าาาา
ปล.หากมีคำผิดขออภัยด้วย ฟิคมีการแจ้งอัพเดทบ่อยเน้อ
:: พี่ซังกยุนเดือนศิลปกรรม ::
ความคิดเห็น