ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC PRODUCE101] ตัวเล็กสเป็คหมี(เถื่อน) ♡ #แบคฮวี

    ลำดับตอนที่ #6 : EP05 : เพื่อนหรือพี่

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ค. 60


    ★STAR




    LITTLE #STRONG
    EP.05 : เพื่อนหรือพี่











              "หน้าคุณตลกดีผมจะเก็บไว้ดู ถ้าผมเบื่อเมื่อไรจะลบเองไม่ต้องถามมาก"

             ไม่ให้ถามได้ไง ความปลอดภัยของหน้ากูเลยนะนั่น....

              แต่ผมจะพูดไรได้ก็ต้องยอมมั้ยอ่ะ เพื่อลายเซ็นที่กูก็ไม่ได้อยากได้ และพี่แกก็เล่นกูใหญ่ไฟกระพริบสิบหลอดเพื่ออะไรก็ยังไม่เข้าใจ แล้วหน้ากูเละเป็นผีแพนด้าแลกกับลายเซ็นไก่ก่าที่หาประโยชน์อะไรจากมันไม่ได้เลย... 

              หลังจากขอลายเซ็นต์พี่จงฮยอนและพี่ดงโฮเรียบร้อยแล้ว ผมก็กระชากคอเสื้อไอ้หลินให้กลับไปนั่งที่กลุ่ม หยุดเวลาอินเลิฟของมันกับพี่จงฮยอนไว้ก่อน คือตอนนี้อยากล้างหน้ามาก หลอนหน้าตัวเองสุดไรสุด 

              "เห้ยเตี้ย ทำไมหน้ามึงเป็นหมีแพนด้าแบบนั้นวะ"  เป็นไอ้แซมถามขึ้น เมื่อผมกับไอ้หลินนั่งลงในกลุ่ม

              "กูหิวไผ่มั้งควายถามได้ นู่นนนไอ้พี่ดงโฮนั่นแหละ"  ผมพูดแล้วชี้ไปที่เป้าหมายที่กำลังนั่งคุยกับพี่จงฮยอน

              "แล้วทำไมไอ้หลินได้หัวใจเล็กๆนั่นมาวะ"  จากนั้นทุกคนในกลุ่มก็หันไปจ้องหน้าไอ้หลินทันที

              "มึงอยากรู้ใช่มะ นู่นนนไปถามพี่จงฮยอนนะ กูก็ข้องใจเหมือนกัน"  ผมพูดแบบไม่สบอารมณ์ ที่ใบหน้าผมกับไอ้หลินชั่งแตกต่างกันสิ้นเชิง ก็อย่างว่าแค่เห็นหน้ามัน ใครจะใจร้ายทำหน้าหล่อๆเปื้อนเมจิกปากกาได้ล่ะ 

              "แล้วนี่จีฮุนไปไหนอ่ะ"  ผมถามในเมื่อจีฮุนไม่ได้นั่งอยู่ในกลุ่ม 

              "ไปเข้าห้องน้ำอ่ะ"  ไอ้แซมพูด

              "เอ้า แล้วมึงปล่อยให้เขาไปคนเดียวอ่ะนะ"

              "แล้วมึงจะให้กูจ้างวงดุริยางค์ไปตีกลองเฝ้ามันมั้ยล่ะไอ้สัดแค่เข้าห้องน้ำ"  ไอ้แซมพูดประชด 

              "จีฮุนเพิ่งมานะมึง เราต้องใส่ใจเขานิดนึงแล้วโรคเกลียดคนน่ารักเนี่ยน้อยๆลงหน่อย" ผมพูดแล้วจิ้มแก้มมันจึ๊กๆ ไอ้แซมก็บ่นอิดออดแล้วปัดมือผมอย่างไว 

              "หลินไปล้างหน้าป้ะ"  หลังจากผมแหย่ไอ้แซมเสร็จ เลยหันไปชวนไอ้หลินที่นั่งข้างกัน

              "ไม่อ่ะกูจะเก็บไว้ก่อน"  ไอ้หลินพูดแล้วแอบยิ้มเล็กน้อย รู้สึกมันจะชอบเหลือเกินกับอิหัวใจดวงน้อยเนี่ย 

              "อยากจะแหมไปดาวพูลโตแล้ววนอยู่แบบนั้นซักสามรอบหมั่นไส้"  ผมพูดจบก็ลุกขึ้นไปขอรุ่นพี่แถวนั้นไปเข้าห้องน้ำ 

              ห้องน้ำที่ผมไปเข้าไม่ได้ไกลจากสนามมากนัก ใช้เวลาเดินแค่ห้านาทีก็ถึง ด้านในห้องน้ำจะมีกระจกบานใหญ่ยาวๆติดกับผนังห้องน้ำ และใต้กระจกเป็นอ่างล้างหน้า เมื่อผมมองตัวเองในกระจก ก็อยากจะชกหน้าคนๆนึงขึ้นมาทันที ที่ทำให้ใบหน้าของผมเป็นหมีแพนด้ามีหนวด คือวาดอะไรที่มันน่ารักกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไงวะ 

              ผมล้างหน้าไปบ่นไป แม้จะล้างหน้าแล้วแต่มันก็ยังเป็นรอยดำๆเลือนลางอยู่ดี เอาเหอะสองสามวันมันคงจางลงไปเอง พอผมล้างหน้าเสร็จก็รีบวิ่งกลับมาที่สนาม ทุกคนเริ่มถยอยกันนั่งเรียงแถวแล้วด้วย ผมเลยรีบวิ่งไปนั่งแถวหลังสุดข้างๆไอ้ฮยอนบินเหมือนทุกที 

              "วันนี้คือวันสุดท้ายของวันรับน้อง"

              พี่ดงโฮพูดด้วยโทนเสียงปกติ ติดดังหน่อยๆให้ได้ยินกันทั่วถึง ผมก็นั่งฟังบ้างเหม่อบ้างตามประสาคนอยากกลับหอแทบใจจะขาด สองวันที่รับน้องมาเหนื่อยมากๆ ตอนมัธยมคิดว่าเข้าค่ายลูกเสือเหนื่อยแล้วนะ โอ้โห้เจอรับน้องสองวันนี่แทบจะโทรไปสมัครประกันชีวิต ต่อด้วยจัดทริปทำบุญเก้าวัดอ่ะจริงๆ 

              "สิ่งที่พวกผมสอน และดูแลพวกคุณตลอดสองวันที่ผ่านมา ขอให้คุณจดจำมันไว้ว่าพวกคุณได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของมหาลัย เป็นรุ่นน้องคณะนิเทศศาสตร์"

              "........."

              "อีกสามวันมหาลัยก็จะเปิดเทอม ขอให้พวกคุณเตรียมตัวเป็นนิสิตที่ดี แต่งตัวให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของมหาลัย ตั้งใจเรียนและคอยช่วยเหลือกัน ผมอยากให้พวกคุณทุกคนจับมือกับเพื่อนที่นั่งข้างๆคุณ ทั้งซ้ายและขวา"

              เมื่อพี่ดงโฮพูดแบบนั้น ผมกับไอ้ฮยอนบินก็จับมือกัน เพื่อนๆทุกคนในรุ่นต่างจับมือกันเป็นทอดๆ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่ยังไงผมมีเพื่อนทั้ง ไอ้แซม ไอ้ฮยอนบิน และไอ้หลิน ที่เลือกเข้ามหาลัยนี้ด้วยกันยังไงก็ต้องจับมือกันไปตลอดทาง เราจะไม่ทิ้งกันแน่นอน 

              "มองหน้าพวกเขาให้ดี เพราะพวกเขาคือเพื่อนของคุณตลอดสี่ปีที่นี่ จากนั้นตะโกนบอกให้เพื่อนของคุณได้ยินว่า พวกเราจะจบการศึกษาไปด้วยกันทุกคน!!!!!!"  พี่ดงโฮพูดจบ ทุกคนต่างตะโกนเสียงดัง และจับมือกันไว้แน่น เราอาจจะยังใหม่สำหรับที่นี่ มีเพื่อนอีกมากมายที่ผมยังไม่ได้ทำความรู้จัก และมีอีกหลายอย่างที่ผมต้องเรียนรู้และเติบโตจากที่แห่งนี้ ผมหวังว่าผมและเพื่อนๆจะจบจากที่นี่ด้วยรอยยิ้มครบทั้งสี่คน 

              "พวกเราจะจบการศึกษาไปด้วยกันทุกคน"  ผมพูดแล้วหันไปยิ้มกับไอ้เพื่อนตัวสูงทั้งสามคน เห้อรักพวกมันจัง ไม่แน่ตลอดสี่ปีนี้หนึ่งในสามเพื่อนหล่อของผม กูอาจจะได้ซักคนอ่ะสี่ปีนะสี่ปี มึงจะไม่มีใครเสียดายที่กูโสดเลยหรอ อย่าให้กูเหี่ยวเฉาเน่าตายตลอดสี่ปีเลยยยยยยย





             


               เปิดเทอม

              เวลาเที่ยงครึ่ง..

              วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก วันเรียนวันแรก วันได้เจอเพื่อนหลังจากรับน้องเป็นวันแรก ใช่ทุกคนตื่นเต้นที่จะได้มาเจอเพื่อน ผมมองรอบๆก็เจอเพื่อนในรุ่นเดียวกัน เดินไปกินข้าวกับเพื่อนต่างคณะบ้าง เพื่อนคณะเดียวกันบ้าง หรือไปแดกกับแฟนบ้าง ส่วนผม...

              ยืนเตี้ยอยู่หน้ามหาลัย ขนาดหมาหน้ามอมันยังเดินกันเป็นกลุ่ม แล้วทำไมกูถึงยืนเปลี่ยวๆแบบนี้นะหรอ ก็เพราะรอเพื่อนสามตัวที่หล่อสัดๆ เป็นคนนัดว่าจะมาหาข้าวกินด้วยกัน นัดกูมาบอกประมาณเที่ยงๆถึง แต่นี่เที่ยงครึ่งแล้วยังไม่โผล่หน้ามาซักตัว  

              ถึงจะเป็นวันเปิดเทอมวันแรกแต่มันเป็นวันอังคาร ซึ่งวันอังคารในตารางเรียนของผม มันไม่มีเรียนแต่รุ่นพี่นัดน้องปีหนึ่งมาคุยเรื่องล่าลายชื่อ สามร้อยชื่อที่ติดค้างกันไว้ พี่เขานัดรวมกันประมาณบ่ายสอง ไอ้เพื่อนหล่อสามตัวจึงนัดผมมากินข้าวเที่ยงที่มอด้วยกัน แต่ผมยืนรอมาครึ่งชั่วโมงแล้ว หิวก็หิวเหงาก็เหงา ผมจึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเข้าไปส่องในกรุ๊ปไลน์ ข้อความในไลน์ก็เด้งแข่งกันมาเลย

              หลินผัว1 :  เตี้ยรถติดมากคงไปถึงบ่ายๆ
              บินผัว2  :  ตื่นสายคงถึงช้า
              แซมผัว3 :  ไปช้าหาไรแดกกันก่อนเลย 

              เมื่อเห็นข้อความผัวมโนของตัวเองแล้ว ก็คิดในใจอย่างเดียวเลยว่า นัดกูเพื่อ? อ๋อนี่คิดว่าง่ายอ่อ จะนัดกินข้าวตอนไหนก็ได้  แล้วก็บอกว่ามาสายให้ไปกินก่อน ดูมัน! ผมส่งสติ๊กเกอร์หน้าโกรธไปให้พวกมันแล้วยัดมือถือใส่กระเป๋ากางเกงทันที กูจะไปกินข้าวกับหนุ่มหน้าตาดีประชดพวกมึง! 

              ถึงจะพูดแบบนั้น แต่นี่มันวันเปิดเทอมวันแรกนะกูจะไปรู้จักใครล่ะ แล้วตัวเองก็โรคจิตไงนั่งแดกข้าวคนเดียวไม่ได้ คือไม่รู้เป็นอะไรมันต้องมีคนมานั่งข้างๆอ่ะ หลังจากที่ผมครุ่นคิดอยู่นาน ก็มีคนมาสะกิดไหล่ผมจากด้านหลัง เลยหันขวับไปมองว่าผู้ใดกัน 

              "แดฮวีมาทำไรตรงนี้อ่ะ ยืนรอใครอ่อ?"   

              เมื่อหันไปเจอกับใบหน้าเล็กรอยยิ้มเจ้าชาย ส่วนสูงที่สูงกว่าผมหลายเซนต์ และเป็นคนที่เจอเมื่อไรก็รู้สึกว่าอยากจะอยู่ใกล้ๆ อยากจะใช้เวลาร่วมกันทั้งชีวิต จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก จินยองคนเดิมเพิ่มเติมคือหล่อขึ้นทุกวัน หล่อจนต้องเอามือขึ้นมากุมหัวใจ ไม่ไหวแล้วใจมันกำลังปลิววววไปหาจินยอง 

              "คะ..คือตอนแรกเรารอเพื่อนไปกินข้าวอ่ะ แต่เพื่อนเรามาสายเลยบอกให้ไปกินก่อนเลย"  ผมพูดไปตามความจริง ไม่ได้คิดจะอ่อยเลยนะ แค่พูดเป็นนัยๆว่าโสดอยู่ในโหมดหาเพื่อนกินข้าว 

              "งั้นขอเราไปกินด้วยได้ป้ะ?"

              โอ้ววววโห้ววววว อยากจะกรี๊ดลั่นไปดาวอังคาร จินยองขอไปกินข้าวด้วยยย อิฉิบหายแค่ขอไปกินข้าวหัวใจกูเต้นแรงเหมือนเขาขอกูแต่งงาน ได้สิกินด้วยกันก็ได้ จะกินด้วยกันทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญหาาาาาา 

              "ละ..แล้วเพื่อนจินยองอ่ะ" 

              "อ๋อ เพื่อนเราทำงานอยู่ข้างในอ่ะยังไม่มีใครมากินข้าว เราเลยมาหาข้าวกินคนเดียวอ่ะ" 

              งั้นก็แปลว่ากูกับจินยองจะไปกินข้าวกันสองคน...

              สองคน

              สองคน

              สองคน

              โอ้ยยยยยย คิดก็ฟินไปโลกหน้าแล้ว ขอบคุณกูชาติที่แล้วที่ทำบุญมาเยอะ ถึงได้พบเจอกับเพื่อนหล่อๆ และได้ผู้ชายหล่อแสนดี มาชวนไปกินข้าวด้วยกันสองคน มันเป็นเกียรติแก่วงตะกลูมาก 

              "อืม! เอาดิจินยองเลือกร้านเลย เรากินอะไรก็ได้"  ผมพูดด้วยท่าทางเกรงอกเกรงใจ แบบเป็นคนไม่เรื่องมาก แล้วอีความไม่เรื่องมากนั้นจะมาเฉพาะเวลาอยู่กับคนหล่อๆ ลองอยู่กับเพื่อนสิมึง อะไรก็ได้แต่เสนอมาสิบเมนูละก็ยังไม่ได้แดก 

              "งั้นกินก๋วยเตี๋ยวมั้ย ร้านตรงข้ามนี่เลยใกล้ดี" 

              "เอาดิๆ"   จินยองว่าดี เขาก็ว่าดี 

              หลังจากนั้นผมกับจินยองก็ข้ามถนนไปอีกฝั่ง แล้วเดินเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านนี้ก็เป็นร้านข้างทางปกติทั่วไป เป็นร้านแบบเปิดรอบด้าน มีเก้าอี้และโต๊ะไม้สำหรับลูกค้า และแม่ค้าที่หน้าดำหน้าแดง กำลังควงกะทะไฟแรงสูงอยู่หน้าเตา ผมกับจินยองตกลงกันแล้วว่าจะกินเส้นเล็กเย็นตาโฟเหมือนกัน เลยสั่งกับแม่ค้าไปสองชาม แล้วเดินมานั่งโต๊ะด้านใน โดยผมและจินยองนั่งตรงข้ามกัน

              ตอนแรกที่อยู่หน้าร้าน ก็นึกว่าคิดไปเองว่ามีคนแอบมอง แต่พอผมกับจินยองเดินเข้ามานั่งข้างในร้าน ผมถึงได้รู้ว่าไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ก็พอผมกับจินยองหย่อนก้นลงนั่งปุ๊ป นักศึกษาคณะอื่นไม่ว่าจะรุ่นเดียวกันหรือรุ่นพี่ ต่างพากันหันมามอง แล้วซุบซิบกันใหญ่และเท่าที่ผมได้ยิน คงไม่พ้นเรื่องความหล่อของจินยอง

              ผู้หญิงสองคนโต๊ะข้างๆ ถึงกับเอาแป้งขึ้นมาตบ อีตุ๊ดสามตัวด้านหลังก็หยิบทิ้นต์สีแดงขึ้นมาทา แต่งหน้าทาปากกันจัดเต็ม ซึ่งไม่ได้รู้เลยว่าจินยองไม่ชอบคนแต่งหน้า พวกเธอพลาดแล้วล่ะ ข้อมูลไม่แน่นอย่ามาแข่งกันเลยดีกว่า 

              ผมยกยิ้มในใจ เรื่องที่จินยองไม่ชอบคนแต่งหน้า ผมก็รู้มาจากเพื่อนหลายๆคนของจินยองนนั่นแหละ ตั้งแต่รู้มาก็ใช้หน้าสดยิ่งกว่าปลาในตลาด มาคุยกับจินยองเสมอ ไม่รู้จินยองจะหวั่นไหวกับหน้าสดกูมั้ย กูเคยอยู่ในตัวเลือกของเขาบ้างรึป่าวเอางี้ดีกว่า...  

              "เล็กโฟสองชามได้แล้วจ่ะ"  แม่ค้ายกชามเย็นตาโฟมาให้เราสองคนถึงโต๊ะ ผมและจินยองเลยก้มหัวเล็กน้อยและพูดขอบคุณ พอผมมองลงไปในชามเย็นตาโฟของตัวเองก็นึกขึ้นได้ 

              อ่าว..ลืมบอกไม่ใส่ผัก 

              จังหวะที่ตัวเองกำลังจะใช้ตะเกียบคีบผักออกไป ก็โดนตะเกียบของคนตรงหน้าคีบผักบุ้งออกไปจากชาม ตัดหน้าตัวเองซะก่อน ผมถึงต้องเงยหน้ามามองจินยองแบบอึ้งๆ

              "แดฮวีไม่กินผักใช่มั้ย เดี๋ยวเรากินแทน"  จินยองพูดแล้วยิ้มสดใสกลับมาให้ 

              "จินยองรู้ได้ไงว่าเราไม่กินผัก"  ผมยังคงอึ้งๆเพราะเรื่องนี้ก็แทบไม่มีคนรู้นอกจากเพื่อนสนิทผม

              "แดฮวีอาจจะจำไม่ได้อ่ะ เมื่อตอนมอสี่ที่เราไปเข้าค่ายพุทธบุตรด้วยกัน ตอนพักกินข้าวกลางวันเรานั่งแถวข้างๆแดฮวีอ่ะ เราเห็นแดฮวีเขี่ยผักออกจากข้าว แล้วเอาผักซ่อนไว้ใต้ช้อนตอนพี่ๆเขาตรวจจานอ่ะว่ากินเหลือมั้ย" 

              "........"

              "เราถึงรู้ไงว่าแดฮวีไม่กินผักแน่ๆ ตอนนั้นเราแอบขำด้วยนะ ที่นายพยายามซ่อนผักไว้ใต้ช้อน ทั้งๆที่นายจะให้เพื่อนข้างๆกินแทนให้ก็ได้"  

              ผมนี่ถึงกับอ้าปากค้าง ไม่รู้เลยว่าจินยองแอบมองเราด้วย แบบนี้คิดเข้าข้างตัวเองได้ยังว่าเขาก็สนใจเรา แต่ก็จริงอย่างจินยองว่านะ ตอนนั้นคนที่นั่งข้างผมก็คือไอ้แซม และไอ้แซมก็กินผักได้แล้วทำไมกูไม่ให้มันกินแทนวะ นี่จินยองคงคิดว่ากูโง่ไปแล้วสินะ เขาจะชอบคนเตี้ยๆแถมยังโง่ด้วยมั้ยอ่ะ 

              "แหะๆ ไม่รู้เลยว่าจินยองเห็นด้วย"

              "บังเอิญหันไปเห็นพอดีอ่ะ งั้นเรากินผักให้แดฮวีแล้วแดฮวีเอาลูกชิ้นเราไปกินแทนแล้วกันเนอะ"  จินยองพูดแล้วใช้ช้อนตักลูกชิ้นสองลูกของตัวเอง มาใส่ในชามผมแล้วก็ยิ้มกว้างให้ผมอีกแล้ว 

              นี่แหละชายในฝัน นี่แหละคนที่อยากมีชื่อคู่กันในการ์ดแต่งงาน นี่แหละหัวหน้าครอบครัว เราจะให้นายเป็นทุกอย่างเลย นายให้ลูกชิ้นเราสองลูก แต่เราให้โลกทั้งใบกับนาย เราพอใจแล้วเราว่าชีวิตนี้คุ้มแล้วอ่ะ 

              อยากจะตบตัวเองจริงๆที่ใจง่าย หลงรักคนเดิมๆแค่ลูกชิ้นสองลูก กูก็ยอมเขาทุกอย่างเแล้วอ่ะ คุณค่าในตัวกูมีค่าแค่ลูกชิ้นสองลูกหรอเนี่ย 

              "แล้วที่ล่าลายชื่อสามร้อยชื่ออ่ะครบยัง?"  จินยองถามผม เมื่อผมยังคงนิ่งเงียบ ในหัวยังคงฟินกับลูกชิ้นสองลูก ไม่อยากกินเลยอ่ะอยากบอกป้าหาโหลแก้วมาใส่ให้ที จะเอาไว้บอกลูกในอนาคตว่าแม่แต่งงานกับพ่อเอ็งเพราะลูกชิ้นสองลูก...  

              "หาครบแล้วอ่ะ เพื่อนใหม่ที่ชื่อจีฮุนเป็นคนช่วยหาได้มาเยอะมากเลย"  ผมตอบ จินยองก็พยักหน้าตาม หลังจากวันรับน้องวันสุดท้าย ในช่วงสามวันก่อนเปิดเทอมพวกผมและจีฮุนก็นัดกันมาล่าลายชื่อ จนครบสามร้อยชื่อเพราะจีฮุนเข้าหาคนเก่งมาก และมีเพื่อนหลายคณะมากเลยได้มาค่อนข้างเยอะ บางชื่อก็พึ่งใบบุญจากหน้าหล่อๆของไอ้เพื่อนสามตัวนั่น ไปช่วยกันขอสาวๆต่างคณะจนได้มาครบ

              ผมคุยกับจินยองไปเรื่อยเปื่อย จนเกือบๆสองโมงถึงได้แยกย้ายกันไปที่คณะตัวเอง ส่วนผมไอ้ฮยอนบินโทรมาบอกแล้วว่า พวกมันขึ้นมาบนห้องที่พี่เขานัดไว้แล้ว ให้ผมรีบมาเพราะมีรุ่นพี่บางส่วนทยอยกันเข้ามาในห้องแล้วด้วย ผมถึงต้องรีบวิ่งขึ้นตึกไปยังห้องที่พี่เขานัดรวมพวกเรา 

              ผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง แล้วยกมือไหว้พี่สองสามกลุ่มที่มานั่งรอรุ่นพี่คนอื่นอีก แล้วรีบตรงดิ่งไปนั่งข้างหลังกับพวกไอ้บินทันที 

              "มึงมาถึงก่อนพวกกูทำไมถึงขึ้นมาช้าวะไอ้เตี้ย"  ไอ้ฮยอนบินเป็นคนเปิดประเด็น

              "กูก็ไปนั่งกินข้าวกับแฟนมา"  ผมพูดแล้วทำท่าเขินบิดไปบิดมา

              "จินยอง แฟนมโนมาสามปีของมึงอ่ะนะ"  ไอ้ฮยอนบินว่าแล้วเบะปากใส่ผม

              "เออ! มึงรอก่อนจากแฟนมโนเขาอาจจะเป็นแฟนตัวจริงของกูก็ได้!"  ผมพูดประชดมันไป

              "กูต้องรอกี่ชาติ กี่ภพวะไอ้เตี้ย!"  ไอ้ฮยอนบินหมั่นไส้ผม โดยใช้มือดึงแก้มผม ตอนแรกว่าจะกระโดดบีบคอมัน ถ้าเกิดคนที่เดินเข้ามาในห้องไม่ส่งเสียงดังซะก่อน 

              "เงียบๆ!!!!!!!!!!!!" 

              พี่ดงโฮเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าเอามือไขว้หลัง และตะโกนสั่งแบบเดิมเหมือนตอนรับน้องเป๊ะ ความดังของเสียงยังคงสั่นสะท้านไปยังรูหู จนขี้หูแทบจะกระเด็นออกมา ทุกคำสั่งคือเด็ดขาดพี่เขาบอกให้เงียบ ก็ต้องเงียบมึงอย่าเผลอกลืนน้ำลายเสียงดังล่ะเข้าใจมั้ย 

              "มากันครบหรือยัง!!!!!!!!!!"  

              "ครบครับ/ค่ะ!"

              "เสียงไปไหนหมด ไม่ได้กินข้าวกันมาหรือยังไงวะ!! ผมถามว่ามากันครบหรือยังตอบให้มันดังหน่อยๆ!! ผมคนเดียวยังดังกว่าพวกคุณเลย!!!!"   นี่ก็ยังสงสัยมาถึงทุกวันนี้ ว่าพี่แกมีปัญหาทางการได้ยินแน่ๆ แม่งจะเอาดังไปถึงไหน มึงจะเอาดังให้คนทั้งโลกได้ยินเลยแมะ

              "ครบครับ/ค่ะ!!!!!!!"   ทุกคนเลยต้องตะเบ็งเสียงกันคอเป็นเอ็น เพราะคนเกือบร้อยคนพูด อิพี่มันคนเดียวเสือกไม่ได้ยิน โอเคเข้าใจอืมๆ...

              "ผมนัดพวกคุณมาวันนี้ เพราะเรามีเรื่องติดค้างกันไว้ พวกคุณล่าลายชื่อเด็กคณะอื่นมากันครบหรือยัง มีใครได้มาไม่ครบมั้ยยกมือเดี๋ยวนี้!!!"  

              ".........."

              ผมมองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นมีใครยกมือ ทุกคนคงล่าลายชื่อมาได้ครบแหละ จากนั้นพี่ดงโฮก็บอกให้เราส่งกระดาษที่ไปล่าลายชื่อมาข้างหน้า รวบรวมไว้กับพี่จงฮยอน พี่จงฮยอนและรุ่นพี่อีกสามคนเป็นคนตรวจดูว่าส่งกันครบมั้ย ผ่านไปห้านาทีพี่จงฮยอนถึงพยักหน้าให้พี่ดงโฮ เป็นเชิงบอกว่าส่งครบทุกคนจากที่ตรวจดูคร่าวๆ คงหากันครบสามร้อยชื่อแหละ

              "ลายชื่อพวกนี้ผมจะไปตรวจดูอีกที แล้วเรื่องที่ผมจะพูดต่อจากนี้พวกคุณต้องตั้งใจฟัง!!!!!!" 

              "........" 

              "พวกคุณรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น!!!!"  ทุกคนในรุ่นคงคิดในใจ...อิดอกก็รอมึงเล่าเนี่ย แบบนี้แหงๆ 

              พี่ดงโฮพูดแบบนั้น แล้วหยิบบางอย่างมาจากมือเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ สิ่งของที่อยู่ในมือพี่เขานั้นคือป้ายชื่อที่มีเลขรหัสประจำตัวนั่นเอง ว่าแต่มันของใครวะ

              "มีเพื่อนร่วมรุ่นของคุณ ทำป้ายที่พวกผมตั้งใจทำให้หล่นไว้ที่พื้นหน้าตึก!!!!!!"  พี่ดงโฮพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ดูก็รู้ว่าตอนนี้พี่เขาโมโหมากแน่ๆ  

              "ของใครยืนขึ้นเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!"   บรรยากาศยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่ เมื่อพี่ดงโฮเริ่มหาเจ้าของป้ายชื่อ ผมเองยังลุ้นเลยว่าใครกันที่ทำป้ายชื่อหล่น นี่มันวางระเบิดตัวเองชัดๆอ่ะ  

              "ผมบอกให้ลุกขึ้นยืน!!! อย่าให้ผมต้องเดินเข้าไปชี้ตัว!!!!!!!"  เพื่อนทั้งรุ่นต่างพากันหันซ้าย แลขวากันคอแทบบิด เพื่อหาคนที่ไม่ได้แขวนป้ายอยู่ในตอนนี้ และสุดท้ายเจ้าของป้ายชื่อก็จำใจลุกขึ้นยืน ผมจะไม่อะไรเลยถ้าคนๆนั้นมันไม่ใช่จีฮุน!!!!!!! 

              จีฮุนยืนกุมมือแล้วก้มหน้างุด ไม่มีใครกล้าสบตากับพี่ดงโฮแล้วอ่ะตอนนี้ บรรยากาศตึงเครียด ในห้องเงียบมาก จนได้ยินเสียงแอร์ชัดเจน ห้องเปิดไฟแค่เพียงด้านหน้า มันเลยจะมืดๆหน่อย

              โอเคไฟพร้อม บรรยากาศได้ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่นโลดดดด!! กูบอกแล้วซีนดราม่ามันต้องมาอ่ะ!!  

              "คนอื่นก้มหน้าลงไป!!!!!!!!!"  พี่ดงโฮสั่งเสียงเหี้ยม เพื่อนทั้งรุ่นเลยก้มหน้ากันหมด รวมถึงผมด้วย เอ้าอิเหี้ยก้มหน้ากูจะดูฉากดราม่าได้ไง 

              "ก้มลงไป!! ใครเงยหน้าขึ้นมาผมจะสั่งทำโทษทั้งรุ่น!!!"   ได้ยินอย่างนั้นเลยไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาดู 

              "ส่วนรหัส09 พัคจีฮุน คุณทำให้รุ่นพี่ทุกคนโมโหมากนะ คุณรู้มั้ยตอนผมเห็นป้ายอันนี้ตกอยู่หน้าตึก คนเดินเหยียบไปเหยียบมา มันโคตรแแย่จนผมไม่อยากจะเห็นหน้าคุณ!!!!! "

              "........."  

              พี่ดงโฮตะโกนใส่จีฮุนไม่ยั้ง ขนาดผมเองนั่งก้มหน้ายังแบบหลับตาตลอดเลย ตอนที่พี่เขาตะโกนเสียงดัง ตอนมารับน้องวันแรกเหมือนพี่คนอื่นก็คอยบอกนะ ว่าให้ดูแลป้ายดีๆ ห้ามลืม ห้ามหายเด็ดขาด 

              "แค่ป้ายกระดาษอันเดียวผมให้คุณดูแล คุณยังทำไม่ได้เลย!! อยากจะอยู่มั้ยวะคณะนี้อ่ะ!!!! แม่งเอ้ย!!"

              พี่ดงโฮเริ่มฟิลขาด เหมือนพี่เขาใช้เท้าเตะอะไรซักอย่าง ไม่เก้าอี้ก็ถังขยะแถวนั้นอ่ะ คือผมก็เข้าใจนะว่าพี่แกโมโห แต่มันก็ไม่ควรขนาดนี้ป้ะวะ ไม่ควรใช้อารมณ์กับน้องขนาดนี้อ่ะ 

              "พวกคุณทุกคนก็ด้วย!!! แค่เพื่อนคนเดียวทำไมดูแลกันไม่ได้มีกันเกือบร้อยคน!!! พวกคุณมัวไปทำอะไรกันอยู่!!! รียกรวมก็คุยกัน!! ขนาดผมเดินเข้ามายังไม่มีใครสั่งไหว้พี่ปีสองเลย!! อะไรวะเนี่ยทำไมมันรุ่นน้องผมถึงโหลยโท่ยแบบนี้วะ!!" 

              "......."  

              พี่ดงโฮเริ่มด่ารวมและแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนผู้หญิงบางคนนี่น้ำตาคลอแล้ว ส่วนเพื่อนผู้ชายหน้าแดงกำหมัดด้วยความโมโหกันเป็นแถว ส่วนผมกับเพื่อนทั้งสามตัว เราพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างมิได้นัดหมายเลยว่า

              ไอ้สัดเมื่อยคอฉิบหาย ...

              ก้มนานๆมันก็เมื่อยปะ นี่ก็ไม่รู้พี่แกจะเลิกด่าตอนไหน แล้วอะไรกูต้องอินกับเพื่อนคนอื่นด้วยมั้ยวะ 

              "รุ่นพี่ทุกคนสละเวลาตอนปิดเทอมมานั่งทำป้ายให้พวกคุณ!!! แล้วดูสิ่งที่พวกคุณทำกับพวกผมสิ!!! ตอนรับน้องพวกผมก็ดูแลพวกคุณดียิ่งกว่าพ่อยิ่งกว่าแม่ผมอีก!! จะเอายังไงวะ!! ผมก็ทำโทษที่พวกคุณคุยกันให้ไปหาลายชื่อสามร้อยชื่อ แล้วนี่ยังทำให้ผมโมโหอีก ชอบใช่มั้ยวะโดนลงโทษอ่ะ!!! " 

              "........."

              "ดูแลแค่ป้ายแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็ไม่ต้องห้อย!! ถอดมันออกมา!!!"  พี่ดงโฮสั่งแต่ไม่มีใครกล้าถอดออกเลยซักคน แน่ล่ะใครจะกล้าถอดวะ กูไม่คิดสั้นขนาดนั้นอ่ะ กูต้องคิดยาวๆ สติมีสติให้มากๆ... 

              "ปีสองถอดป้ายปีหนึ่งเดี๋ยวนี้!!!!"  พี่ดงโฮสั่งอีกรอบ พวกรุ่นพี่ปีสองที่ยืนอยู่รอบๆก็จัดการมาถอดป้ายจากพวกเราออกไปหมด ยิ่งทำให้บรรยากาศทุกอย่างมันน่าอึดอัดอ่ะ 

              "........"

              "ในเมื่อพวกคุณดูแลมันไม่ได้ก็ไม่ต้องเอา ฉีกมันทิ้งไปเลย!!!"  พอพูดจบรุ่นพี่ทุกคนจัดการฉีกป้ายชื่อสีดำออก มันเป็นแค่กระดาษแข็งไงเลยฉีกง่าย ผมมั่นใจว่าทุกคนคงรู้สึกแย่มากที่พี่เขาทำแบบนี้ เพราะผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน


              "คุณมองหน้าผม คุณไม่พอใจอะไรก็พูดพัคจีฮุน!!!" 

              อาแล่ว.....วกกลับมาเล่นจีฮุนเหมือนเดิม 

              "ไม่ชอบผมอ่อ? ไม่ชอบก็ออกไป!!! แล้วไม่ต้องมาให้ผมเห็นหน้าคุณอีก!!!!!"  พี่ดงโฮพูดแบบนั้น ก็ได้ยินเสียงเอะอะของรุ่นพี่คนอื่นตามมา พร้อมกับเสียงกระแทกประตูดังปึง ถ้าให้เดาจีฮุนก็คงฟิวขาดเดินหัวร้อนออกไปจากห้องแล้วแน่ๆ แล้วเวรกรรมจะตกไปที่ใคร ถ้าไม่ใช่พวกกู...

              "คุณดูเพื่อนของคุณทำกับพวกผมสิ!!! เอายังไงคุณจะโดนลงโทษแทนเพื่อนที่ทิ้งพวกคุณ!! หรือคุณจะทิ้งพวกผมไปหาเพื่อนของคุณตอบ!!!!!"  

              หื้มจะให้กูเลือกจริงๆหรอ แม่งเหี้ยทั้งสองทางอ่ะ มีปืนมั้ยกูจะได้ยิงตัวเองตาย...

              "ผมบอกให้พวกคุณตอบไง!! ว่าจะเอาพี่หรือจะเอาเพื่อน!!!"  พี่ดงโฮเริ่มถามซ้ำๆเพิ่มความกดดัน พวกผู้หญิงที่นั่งข้างหน้าเริ่มมีเสียงสะอื้นดังออกมา พวกผู้ชายบางคนก็เริ่มน้ำตาคลอ คงโมโหบ้างหรือเจ็บใจบ้างก็ว่ากันไป ส่วนตัวผมนั้นยังคงงงๆกับสถานการณ์ว่าจะเอายังไงดี เขาร้องไห้กันเป็นเผาเต่ากันแล้ว กูนี่ดิเครียดจนน้ำตามันไหลออกมาอ่ะ 

              "ไอ้บินๆ"  ผมสะกิดเข่าไอ้บิน มันเลยหันมาหาผม ไอ้นี่ก็แอบตาแดงนิดๆเว้ย

              "เหี้ยนี่มึงอินจนจะร้องไห้เลยอ่อ"  ผมถามด้วยความตกใจ 

              "อินเชี่ยไรในห้องแม่งเย็น แล้วกูใส่คอนแทคอ่ะตากูแม่งแห้งแสบไปหมดและ"   อ่อออที่แท้ที่ตาแดงๆนี่มาจากคอนแทคสินะ 

              "มึงเอาน้ำยาหยอดตามาป้ะ กูยืมหน่อย"  ผมกระซิบบบอก ไอ้ฮยอนบินเลยล้วงขวดน้ำยาหยอดตาออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วส่งมันมาให้ผม 

              "มึงจะเอาไปทำไรวะไอ้เตี้ย"

              "เอ้าก็มึงตาแดงแล้วพี่เขาคงคิดว่ามึงกำลังจะร้องไห้แน่ๆ กูนี่ดิน้ำตายังไม่ล่วงซักแหมะ  เพื่อนคนอื่นเขาร้องไห้กันไปหมดแล้ว เดี๋ยวเขาหาว่ากูไม่อินไม่ตั้งใจในสิ่งที่พี่เขาพูด!" 

              หลังจากบอกไอ้ฮยอนบินไป ผมก็เอาน้ำยาหยอดตา มาหยดน้ำใสๆลงตรงใต้ตาและแก้ม แทนน้ำตาเทียมไปก่อน เอาให้หน้าเปียกๆแบบเหมือนคนร้องไห้หนัก แล้วที่ตัวกูสั่นๆนี่ไม่ใช่สะอื้นนะ แอร์มันตกกูหนาววววววว 

              "คุณจะให้คำตอบผมได้รึยังว่าจะเอายังไง!!!!!"  พี่ดงโฮถามอีกครั้ง ทีนี้เหมือนจะมีคนใจกล้ายกมือขึ้นตอบพี่เขาด้วยแหละ ไม่เห็นหน้านะเพราะตัวเองก้มอยู่ 

              "ผมเลือกเพื่อนครับ!!"  

              "แล้วรุ่นพี่คุณจะไม่เอาใช่มั้ย!!"  พี่ดงโฮตะโกนถาม 

              "ผะ..ผมรักพวกพี่ทุกคนจริงๆครับ!! แต่ผมก็รักเพื่อนในรุ่น พี่เป็นคนบอกพวกเราเอง ไม่ใช่หรอว่าให้เรารักเพื่อน ไม่ทิ้งเพื่อน ความผิดของจีฮุนก็คือความผิดของพวกเราทุกคนครับ พวกเราไม่อยากเสียทั้งพี่และเพื่อนครับ!!!" 

              คำตอบของเพื่อนร่วมรุ่นคนนั้น ทำเอาพี่ดงโฮเงียบไปซักแปปนึง ก็ถูกต้องอย่างที่เพื่อนคนั้นบอก พี่เขาบอกเราเสมอว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่าทิ้งเพื่อนเพราะในมหาลัยเพื่อนเป็นส่วนสำคัญที่สุด  

              "ใครคิดแบบเดียวกับรหัส007 อันฮยองซอบบ้างยกมือ!!!"  พี่ดงโฮถามกลับมา พวกเราทุกคนในรุ่นไม่มีใครลังเลที่จะยกมือขึ้นเลย ยังไงซะเพื่อนก็ต้องมาก่อนป้ะ ถ้าผมไม่ได้จีฮุนช่วยล่าลายเซ็นสามร้อยชื่อนั่น ผมไม่รู้เลยว่าจะหาครบได้ยังไงกัน 

              "พวกคุณจำสิ่งที่พวกคุณตัดสินใจในวันนี้ให้ดี ว่าจะไม่เทรุ่นพี่และจะไม่ทิ้งเพื่อนเด็ดขาด รุ่นพี่คือคนที่จะชี้นำพวกคุณ ส่วนเพื่อนคือคนที่อยู่ข้างคุณให้ประสบความสำเร็จ คนที่เข้ามาในชีวิตพวกคุณล้วนมีความหมายเข้าใจที่ผมพูดมั้ย" 

              "เข้าใจครับ/ค่ะ!!!"  

              "เงยหน้าได้!!"  

              กูรอคำนี้มานานมาก ถ้านานกว่านี้มีเส้นยึดอ่ะ เงยทีเสียวไปยันหลังโอยยยยย หลังจากทุกคนเงยหน้าขึ้นมา รุ่นพี่คนอื่นก็เดินไปเปิดไฟให้สว่างทั่วห้อง 

              "ผมจะไม่ทำโทษพวกคุณ เพราะพวกคุณให้สัญญากับผมแล้วว่าจะไม่ทิ้งกัน" 

              "....."

              พี่ดงโฮพูดด้วยโทนเสียงปกติ ไม่มีแม้แต่น้ำเสียงเกรี้ยมกราดราวกับหมีคลั่งแบบเมื่อกี้เลย บรรยากาศรอบตัวก็เหมือนจะดีขึ้นเตามมา 

              "ผมอยากจะบอกว่า ยินดีด้วยทุกคนตรงนี้คือรุ่นน้องคณะนิเทศศาสตร์ สาขาเอกการแสดง ของพวกผมเต็มตัวตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฝากตัวด้วยนะ"  พอพี่ดงโฮกล่าวจบ รุ่นพี่ปีสองทุกคนก็ตบมือกันใหญ่ พี่ๆรอบข้างเราต่างยิ้มกว้างและดีใจกันสุดๆ รุ่นน้องแบบพวกผมก็ยังคงงงๆกับสถานะการณ์อยู่ดี แต่ก็เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าอีดราม่าเมื่อกี้มันแค่ซ่อนกล้อง 

              "ไปเรียกจีฮุนมา"  พี่ดงโฮหันไปสั่งกับเพื่อนเขา หลังจากนั้นไม่นานจีฮุนก็เดินเข้ามา โดยมายืนข้างๆพี่ดงโฮ สีหน้าจีฮุนยังคงไม่ยิ้ม และดูเหมือนยังหัวร้อนไม่เลิก 

              "สำหรับจีฮุนผมคงให้เขาอยู่กับพวกคุณต่อไปอีกไม่ได้" 

              ประโยคนั้นทำเอาทุกคนเกิดความวุ่นวาย เสียงดังเอะอะกันใหญ่ ผมเองก็ตกใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเอายังไง ไหนบอกไม่ลงโทษแล้วไง แล้วทำไมจีฮุนจะอยุูกับเราไม่ได้วะ 

              "เพราะจีฮุน"

              "......" 

              "เป็นเพื่อนผม ผมจะเทเขาไปให้พวกคุณได้ไง"  พี่ดงโฮพูดแล้วเข้าไปกอดคอจีฮุน ทำเอาทุกคนแบบอ้าปากค้างไปแป๊ปนึง พอตั้งสติได้ก็ส่งเสียงโห่ร้องกันใหญ่ สรุปแล้วพวกพี่เขาสร้างสถานการณ์ทุกอย่างขึ้นมาสินะ... 

              อิเหี้ยเพื่อนใหม่กูเป็นพี่แฝงหรอเนี่ย แถมยังน่ารักหน้าเด็ก ดูเป็นเฟรชชี่กว่ากูอีกโอ้ยช๊อคแปป

              แต่คนที่ดูจะช็อคกว่าผม คงไม่พ้นไอ้แซม เพราะพอพี่ดงโฮพูดจบ ไอ้แซมก็สบถออกมาเลยว่า โอ้มายก็อดดดด ไงล่ะมึงช็อคสิช็อค ประกาศตัวไปแล้วนี่ว่าไม่ชอบขี้หน้าพี่เขา หึหึมึงโดนคนน่ารักเล่นแล้ว 

              "สวัสดีนะน้องๆ พี่ชื่อจีฮุนเป็นพี่แฝง!"  พี่จีฮุนพูดแล้วส่งวิ้งค์มาให้ทีนึง โอ้โห้เพื่อนผู้ชายในรุ่นกูนี่กุมอกข้างซ้ายกันเป็นแถว ยิ่งรู้ว่าพี่เขาเป็นรุ่นพี่นะเหมือนจะดูน่ารักยิ่งขึ้นอ่ะ สดใสเว่อร์วัง 

              "พี่สนุกมากเลยที่ได้เป็นพี่แฝง พี่ได้รู้จักน้องๆหลายคนเลย น้องบางคนก็น่ารักมากอัธยาศัยดีสุดๆ แต่สำหรับบางคนพี่ว่าคงต้องเปิดใจรับอะไรหน่อยนะ"  พี่จีฮุนพูดประโยคนั้นพร้อมกับหันมามองทางไอ้แซม ไงล่ะมึงพี่เขาด่ามึงอยู่อ่ะรู้ตัวมั้ย ไอ้ฝรั่งหล่อใจแคบ!  

              "ส่วนป้ายชื่อที่พวกผมฉีกทิ้งไป ป้ายอันนั้นเป็นแค่ป้ายหลอกๆ ป้ายชื่อจริงที่จะเขียนทั้งรหัสประจำตัว และชื่อเล่นของคุณนั้น"

              "........."

              "คุณจะได้ก็ต่อเมื่อ คุณจับพี่รหัสและหาพี่รหัสของคุณจนเจอ เมื่อนั้นพี่รหัสจะให้ป้ายชื่อกับคุณเอง"

              หื้มกูอยากรู้นัก อีคณะนี้กูเคยได้อะไรมาง่ายๆมั่งมั้ย ตั้งแต่มาต้องออกแรงตลอด แล้วนี่กูต้องสวมบทเป็นโคนันหาพี่รหัสตัวเองอีก ป้ายชื่อก็หลอกกูมาตั้งแต่ต้น เมื่อกี้ก็สร้างสถานะการณ์ดราม่า หื้มซ่อนในซ่อนกูเข้ามาเนี่ยมีอะไรจริงบ้างมั้ยวะชักงง!  

              "ผมจะให้พวกคุณออกมาจับกระดาษในกล่องดำนี่  เมื่อจับขึ้นมาแล้วให้คุณอ่านโค้ดในกระดาษม้วน จะมีคำใบ้เป็นโค้ดลับหรือประโยคบ่งบอกตัวตน ให้พวกคุณเดาว่าพี่รหัสของคุณเป็นใคร" 

              "........"

              "ที่ผมให้พวกคุณจับพี่รหัสเร็วแบบนี้ถือว่าต่อให้นะ เพราะพวกคุณจะได้มีเวลาตามหาพี่รหัส ซึ่งคณะอื่นเปิดสายช้ากว่าเรามาก แต่เนื่องจากเอกเรามีจำนวนค่อนข้างเยอะ เลยต้องรีบให้น้องๆตามหาพี่รหัส" 

              ทุกคนในรุ่นผมต่างตื่นเต้นกันใหญ่ เมื่อกี้ยังร้องไห้โฮกันอยู่เลย ตอนนี้ดี๊ด๊าเป็นปลากระดี่ได้น้ำกันเชียว กูว่าอยู่ที่นี่กูได้เป็นไพโบล่าเข้าซักวันอ่ะ 

              "ลุกขึ้นมาจับทีละคนเลย!"  พี่ดงโฮสั่งเสียงดังฟังชัด แถวแรกเลยค่อยๆ ทยอยเดินกันไปต่อแถว จับกระดาษม้วนในกล่องดำที่มีรุ่นพี่จงฮยอนเป็นคนถือไว้ ดูๆแล้วประหนึ่งจับฉลากของขวัญในวันปีใหม่ ถ้าเธอโชคดีเธอก็จะจับได้รุ่นพี่ผู้ชายดีๆคอยเทคแคร์ แต่ถ้าแต้มบุญเธอน้อย เธอก็จะได้รุ่นพี่ที่เหม็นขี้หน้ากันตั้งแต่มารับน้องวันแรก  

              ไล่จับกันไปเรื่อยๆจนถึงแถวสุดท้าย และคนสุดท้ายก็คือผมเอง ทุกคนต่างตื่นเต้นที่ผมเป็นคนสุดท้าย ก็ตามประโยคที่ว่าชิ้นสุดท้ายมักจะโชคดี ชิ้นสุดท้ายจะได้แฟนหล่ออะไรแบบนี้  ผมก็ภาวนาให้มันเป็นแบบนั้น ผมเอื้อมมือควานลงไปหากระดาษม้วนในกล่องดำ เพราะพี่จงฮยอนถือกล่องสูงอยู่เหมือนกัน ตัวเองเลยต้องเขย่งปลายเท้าเล็กน้อย ใช้มือควานหากระดาษอยู่นานก็หยิบขึ้นมาได้ ดูเหมือนในกล่องจะเหลือเพียงกระดาษม้วนสุดท้ายเพียงอันเดียวแล้วด้วย 

              "นี่เป็นกระดาษม้วนอันสุดท้าย แดฮวีบอกโค้ดในใบเลย"  พี่จงฮยอนพูดกับผม ผมเลยกลืนน้ำลายลงคออย่างลุ้นๆ ว่าในใบที่ผมจับนั้น โค้ดอะไรที่ผมจะต้องเจอ เพราะที่ฟังโค้ดคนอื่นมามีทั้งยากและง่าย บางโค้ดที่แทบจะเดาไม่ออกเลยว่าเป็นใคร 

              พอผมคลี่กระดาษม้วนสุดท้ายออก แล้วอ่านตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือไก่เขี่ย แบบตอนเขียนเหมือนเขียนส่งๆ ไม่ได้ตั้งใจเขียนเลยซักนิด ดูยังไงไก่ใช้ตีนเขียนยังจะสวยกว่าลายมือของคนๆนี้เลย และโค้ดสั้นๆในกระดาษม้วนนั้นก็คือ...


              "หมีเถื่อน..."

              สองคำง่ายๆ ที่พอเห็นปุ๊ปก็แทบไม่ต้องคิดเลยว่าใคร รุ่นพี่ในห้องนี้แม่งจะมีใครเถื่อนกว่า ไอ้คนที่เสยผมลวกๆ หน้าเข้มออกจะดุๆ และเพิ่งด่าพวกกูไปเมื่อกี๊หยกๆ วะ 

              อิสัดเขียนโค้ดแบบนี้มา มึงไม่เขียนชื่อจริงลงมาเลยล่ะวะ เห็นปุ๊ปแทบไม่ต้องเดาอิผีเอ้ย!!! 

     





     
    __________________________________________
    talk : ง่อววววววว มาต่อแล้วนะฮือออออมาจนได้
    เราหายไปนานๆนี่เป็นไข้ค่ะบวกกับมัวแต่วาดแฟนอาร์ตแบคฮวีด้วยปริ่มม
    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เราดีใจฝุดๆๆ กอดดด หอมมมม จุ้บบบ 
    คือแต่งมาห้าตอนแล้ว มม.แบคฮวีอยู่ไหน55555 ใจเยนๆเน้อ ฟิคนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไป5555
    เราแต่งยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก โปรดอภัยด้วยนะคะ ขอให้สนุกค่ะ
    ถ้าชอบก็ติดแท็ก #ฟิคหวีลิตเติ้ล ในทิวตนะคะ 
    ปล. ฟิคอาจมีการอัพเดทบ่อย เพราะเข้ามาแก้คำผิดเน้อ

                  

              

               


              



              





             

          


































           

          
            

     








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×