ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC PRODUCE101] ตัวเล็กสเป็คหมี(เถื่อน) ♡ #แบคฮวี

    ลำดับตอนที่ #3 : EP02 : ข้าว

    • อัปเดตล่าสุด 24 มิ.ย. 60


    ★STAR







    LITTLE #STRONG
    EP.02 : ข้าว









        
              "มานั่งแดกข้าวกับพวกผม แล้วผมจะให้ช้อนคุณ" 

         อิเหี้ย อะไรเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!

         ให้มานั่งแดกข้าวด้วยเนี่ยนะ ว้อททททท?? บ้าไปแล้วเห็นหน้าพี่แกกูก็แดกข้าวไม่ลงแล้วมั้ย จะให้มานั่งแดกข้าวข้างๆกันเนี่ยนะ โห้ระบบย่อยอาหารกูจะทำงานมั้ยอ่ะ ไม่ได้กูต้องปฎิเสธ

              "คือ...ว่า....."

              "อะไร คุณมีปัญหาหรอ"  พี่ดงโฮพูดพร้อมกับส่งสายตากดดันมาทางผม ไม่ได้แดฮวีมึงจะยอมพี่เขาไม่ได้เว้ย ถ้ายอมก็ต้องยอมตลอดไป พี่เขาเป็นใครไม่ได้มีอิทธิพลขนาดนั้นซักหน่อย ปฎิเสธแบบแมนๆไปเลย

              "ไม่มีครับ"

            ปะ..ปฎิเสธได้ที่ไหนกูกลัว...

              หลังจากนั้นผมก็เดินโอนเอนกับไปที่กลุ่ม ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไป ตาลอยๆแบบเหนื่อยใจ ชีวิตมันลำบากจริงๆครับแม่ 

              "ไอ้เตี้ยมึงทำไรเนี่ย มึงจะเอาข้าวกล่องไปไหน"  เป็นไอ้ฮยอนบินนั่นแหละที่ถามผม

              "ไปแดกข้าว"  ผมตอบแบบจิตหลุด 

              "ไปแดกกับใครวะ"  ไอ้ฮยอนบินถามอีก

              "พี่ดงโฮ "  ผมพูดพร้อมกับทำท่าเบะปากจะร้องไห้ นี่ข้าวมื้อแรกของวันเองนะ จะให้กูกินแบบมีความสุขไม่ได้หรอขอแค่เนี้ย   

              "เอ้าทำไมวะ"  ทีนี้เป็นไอ้แซมถาม

              "กูไปขอช้อนพี่เขาอ่ะ พี่เขาบอกว่าให้ไปกินข้าวกับเขาอ่ะถึงจะให้"  

              "พี่เขาแม่งแกล้งมึงป่าววะ"  ไอ้แซมหัวเราะเบาๆ แต่ผมนี่สิไม่ขำเลย กูไม่ถูกชะตากับพี่เขาเลย ตัวเองก็พยายามจะไม่ไปยุ่งกับพี่แกแล้วนะ ตั้งแต่ให้กูวิ่งสิบสองรอบนี่กูโน๊ตพี่เขาในแบ็คลิสบัญชีดำ 

              "กูไปแล้วนะ"  ผมพูดเสียงหงอย

              "อืมแดกให้อร่อย"  ไอ้บินพูด

              "เจอกันตอนรวม"  ไอ้แซมพูด ส่วนไอ้หลินนั้นไม่พูดห่าไรเลย ก้มหน้าก้มตาแดกอย่างเดียว ไม่มีใครคิดจะห้ามกูไม่ให้ไป หรืออาสาไปพูดกับพี่ดงโฮให้กูเลยหรอ 

              "พวกมึงจะปล่อยกูไปเผชิญนรกคนเดียวเลยหรอ" 

              "ใช่"  แล้วพวกมันทั้งสามตัวก็ตอบพร้อมเพรียงกัน หื้มคำว่าเพื่อนมันชั่งสั้นจริงๆ.... 

              "สัด กูเลิกคบพวกมึงสิบห้านาที!"  ผมคว้ากล่องข้าวแล้วเดินหัวเสียออกมา แม่งมีเพื่อนก็ช่วยไม่ได้ อย่านะอย่ามาขอร้องกูช่วยเหลืออะไรนะ กูจะถีบส่งไปบ่อจระเข้ 

              ผมเดินตรงไปที่กลุ่มพี่ดงโฮอย่างหวาดหวั่น เดินหน้าหนึ่งก้าวถอยหลังสองก้าว อยู่แบบนี้มาราวๆห้านาทีได้แล้ว ถึงเดินไม่ไปไหนซักที ในหัวตอนนี้คือตีกันยุ่ง

              อารมณ์แบบหนีก็ไม่ได้ ไปก็ไม่น่ารอด ทางออกคือกูฆ่าตัวตาย 

              แต่ท้ายที่สุดผมก็เลือกเดินมาหยุดที่กลุ่มพี่เขาแล้ว เพื่อนพี่เขาในกลุ่มเขยิบแวกทางให้ผมนั่งลง และแวกให้กูนั่งถูกที่ด้วยนะตรงข้ามพี่ดงโฮพอดีเป๊ะ นี่บังเอิญหรือมึงเตี๊ยมคะพูด แต่ผมก็เงียบๆยิ้มแห้งๆแล้วนั่งลง จากนั้นพี่ดงโฮก็ยื่นช้อนมาให้ผมด้วยใบหน้านิ่งๆ ผมรับมือมันมาด้วยมือสั่นๆ จังหวะที่ทุกคนก้มลงตักข้าวกิน ผมก็แอบเอาช้อนพลาสติกรีบถูกับเสื้อเบาๆ เซฟไว้ก่อนเพื่อพี่แม่งป้ายยาพิษ มาดีมาร้ายไม่รู้กูมโนไว้ก่อน 

              ผมแกะเอาหนังยางที่รัดกล่องข้าวออก พยายามไม่สบตากับใครทั้งนั้น อยากรีบแดกรีบไปนั่งนานแล้วกูใจไม่ดี  ตอนแรกก็นึกว่าข้าวกล่องจะเป็นพวกข้าวมันไก่ ผัดกะเพราแบบกินได้เร็วๆไรงี้ แล้วดูสิ่งที่กูได้

              ข้าวผัดหมู... 

              ซึ่งกูไม่แดกผัก กูก็เขียนในใบประวัติแล้วนะว่าแดกผักไม่ได้ นี่มึงอ่านกันมั้ยห้ะอ่านกันมั้ยยยย กูอุตส่าห์ใช้ปากกาแดงเขียนตัวโตๆ เน้นยิ่งกว่าชื่อจริงกูอีก ว่ากูแดกผักไม่ได้!! แดกทีไรอ้วกแตกทุกที แล้วตรงหน้ากูเนี่ยคืออะไรผักใบเขียวที่ปริมาณเยอะกว่าข้าว มีหมูแปะอยู่สองชิ้นบางๆ ลมมาจะปลิวหรือป่าวก็ไม่รู้ 

              "ทำไมไม่กินอ่ะน้อง มีอะไรหรือป่าว"  พี่คนที่แขวนป้ายชื่อว่ามินฮยอนถามผม ผมเลยได้แต่ฝืนยิ้มกลับไปให้

              "ปะ..ปล่าวครับ"  ผมพูดโกหกทั้งๆที่ความจริงแล้วกูมีปัญหากับอีอาหารกล่องโฟมนี่มาก แต่จะทำไงได้บอกไปแล้วได้อะไร จะมีคนวิ่งไปซื้อข้าวให้กูใหม่หรอ เดี๋ยวก็หาว่ากูเรื่องมากอีก จำใจกินเท่าที่ได้แล้วกัน ผมนั่งเขี่ยผักไปข้าง ข้าวกับหมูแยกไว้ด้วยกันข้างนึง ตักกินช้อนนึงคำเล็กๆเพราะกลัวพวกหัวหอมใหญ่ ที่หั่นซะเล็กเท่าขี้ตาแมวจะผสมมากับข้าวด้วย กว่าจะเข้าปากทีนี่นั่งหมุนช้อนสิบรอบได้กลัวผักจะติด 

              เหนื่อยเนอะแค่แดกข้าวเนี่ย...

              เพราะต้องคอยระวังผักจะติด ทำให้ใช้เวลากินนานกว่าคนอื่น รู้ตัวอีกทีเพื่อนในกลุ่มพี่ดงโฮก็ลุกกันออกไปหมดแล้ว เหลือผมและพี่เขาสองคน เป็นอันว่าเกร็งหนักกว่าเดิม  ผมพยายามไม่มองและกินข้าวไปเงียบๆ แม้จะกินไปหลายคำแล้ว แต่ก็ไม่ได้สะเทือนท้องซักนิด เหมือนกินแต่ข้าวเพียวๆเพราะมันมีแต่ผักเต็มไปหมด 

              "พะ..พี่จะทำไรอ่ะ"  ผมร้องเสียงหลงเมื่อพี่ดงโฮลากกล่องข้าวผัดของผมไปถือไว้

              "เห็นแล้วรำคาญ"  พอพี่แกพูดจบ ก็ดันข้าวกล่องที่ยังไม่ได้แกะมาตรงหน้าผม ผมกลืนน้ำลายมองกล่องข้าวปริศนานั่นอย่างระแวง ใครจะรู้ภายใต้กล่องข้าวที่แสนธรรมดาอาจจะมีระเบิดเวลาซ่อนไว้ก็ได้ โดยเฉพาะคนที่ยื่นมันมาให้ผมเนี่ยน่าสงสัยสุด 

              "อะไรอ่ะพี่" 

              "แกะดูไม่ต้องถามมาก"  พี่ดงโฮพูดแค่นั้นก็เอาข้าวผัดของผมไปตักกินเฉยเลย ผมถึงได้จำใจหยิบกล่องข้าวที่พี่เขาให้มาแกะดู 

              "นี่มัน..."  ผมมองอาหารในกล่องข้าว ด้วยความรู้สึกอึ้งเล็กน้อย

              "รีบแดกแล้วไปรวมแถวกับเพื่อน"  พี่ดงโฮพูดแบบนั้นแล้วก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พี่เขากินข้าวผัดที่ผมใช้เวลากินเกือบยี่สิบนาที แต่พี่เขากินภายในเวลาแค่ห้านาทีเท่านั้น

              "ข้าวกล่องนั่นน่ะที่จริงเป็นของรุ่นพี่แต่มันเหลือคุณเอาไปกินแทนแล้วกัน"  

              "เแต่ว่า..." 

              "ผมให้เวลาห้านาทีรีบกินแล้วไปรวมแถวกับเพื่อนไม่งั้นคุณจะโดนลงโทษ"  พี่ดงโฮพูดจบก็เดินออกไปเลย มีแต่ผมที่ยังคงสับสนกับเหตุการณ์เมื่อกี้ ผมหันไปมองแผ่นหลังของพี่เขาสลับกับกล่องข้าวในมือ

              ข้าวหมูกระเทียมนี่น่ากินกว่าข้าวผัดเป็นไหนๆ เลย

              หรือว่าพี่เขาจะเห็นวะว่าผมนั่งเขี่ยผักออก ก็รู้สึกดีอ่ะนะที่ไม่ต้องเขี่ยผักทิ้งแล้ว แต่การที่พี่เขาให้กล่องข้าวผมมาเนี่ยตกลงพี่แกใจดี หรือ หลอกให้กูตายใจวะ ถึงผมจะยังคงงงๆอยู่แต่ก็จัดการซัดหมูกระเทียมหมดกล่อง แล้วรีบดูดน้ำในขวดวิ่งไปรวมตัวกับเพื่อนที่แถว

              จากตอนแรกที่ไอ้ฮยอนบินนั่งข้างผม ตอนนี้เปลี่ยนเป็นไอ้หลินแทนแล้ว สงสัยไอ้บินคงอยากจะเม้ามอยกับไอ้แซมแหละมั้ง แต่ผมก็ไม่สนใจพวกแม่งอ่ะ บอกแล้วไงจะเลิกคบพวกแม่งสิบห้านาที 

              "น้องๆครับมีใครจะไปช่วยซื้อน้ำแข็งก้อนมั้ย พอดีฝ่ายสวัสดิการไม่พอพี่เขาเลยขออาสาสมัครซักสองคน"

              พี่เซอุนเดินมาพูดอยู่หน้าแถว ผมที่นั่งกอดเข่าอยู่ก็เสมองไปทางอื่นอย่างเลื่อนลอย สไตล์คนจิตอาสาติดลบ และไม่ข้องเกี่ยวกับงานอะไรที่ต้องออกแรง ใครจะไปก็ไปกูขอนั่งตัวเตี้ยอยู่ตรงนี้แหละขี้เกียจ

              "สองคนที่จะอาสาไปซื้อน้ำแข็งยกมือเลยนะครับ เดี๋ยวไปกับพี่คนนี้"

              หมับ! 

              "ไปครับ!"   ผมหันควับมามองไอ้หลินอย่างช็อคๆ ตอนแรกก็งงว่าทำไมมันถึงดูกะตือรือร้น จะไปซื้อน้ำแข็งนักหนาพอผมหันไปมองหน้าแถว ก็ถึงกับอ้อเลย

              พี่จงฮยอนนี่เองที่จะเป็นคนพาเราไปซื้อ...

              แหมหลิน....แหม.... จิตอาสาเนี่ยเขาทำด้วยใจไม่หวังผลตอบแทน แต่ดูมึงจะไม่ใช่นะมองยังไงมึงก็หวังตัวพี่เขาชัดๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกท่าจะออกตัวแรง แต่ที่กูขัดใจหน่อยๆคือ มึงจับมือกูชูขึ้นด้วยทำม๊ายยยยยยยยย!!!! กูไปพูดตอนไหนว่าอยากไปซื้อน้ำแข็งห้ะ!! 

              "ไอ้เชี่ยหลินกูไม่ได้อยากไป"  ผมพูดแบบกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

              "เอาหน่าออกกำลังกายไง"  ไอ้หลินตอบ

              "ไอ้สัดเมื่อเช้ากูก็วิ่งรอบสนามตั้งสิบสองรอบ ยังออกไม่พอหรือไง มึงไม่ต้องเสือกมาห่วงสุขภาพกูตอนนี้ได้มั้ย"

              "พูดมากไปเหอะ"  จากนั้นไอ้หลินก็ลากแขนผมให้ลุกขึ้น ผมนี่จิกหัวไอ้บินยื้อไว้สุดแรง ไม่อยากไปอ่ะไม่อยากไป  ให้กูนั่งเป็นเสากิโลที่ตั้งไว้เฉยๆอ่ะได้มั้ย สุดท้ายแรงผมก็สู้แรงดึงของไอ้หลิน และแรงผลักจากไอ้บินไม่ไหว เลยต้องจำใจเดินไปซื้อน้ำแข็งกับมันและพี่จงฮยอนจนได้ 

              ตลอดทางผมต้องเอามือบังแดดที่หน้า เพราะแสงแดดในตอนบ่ายร้อนมาก แต่คนตัวสูงที่เดินอยู่ข้างผมนี่สิถ้าจะเมาแดด แม่งเดินยิ้มหวานทำตาลอยมองไปข้างหน้ามาตลอดทาง 

              "ยิ้มเข้าไป ขอให้มึงนก!"  ผมแกล้งแหย่เล่น ผลที่ได้คือโดนมันตบหัวเบาๆไปหนึ่งที

              "ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้เตี้ย"   ผมมองบนแล้วตบปากตัวเองสามที ก็พูดเล่นมั้ยอ่ะหล่อแบบมึงใครไม่เอานี่ ชีวิตเกิดมาถือว่าพลาดอ่ะ ขนาดกูเป็นเพื่อนยังอยากควงไปเดินห้างซักวันสองวัน ให้คนอื่นชมว่าแหมแฟนหล่อจัง แล้วกูก็จะตอบแบบว่าไม่หรอกๆก็ธรรมดาอ่ะ พร้อมกับสายตาแบบเหอะกูชนะไรงี้ 

              "ร้านนี้แหละน้อง"  พี่จงฮยอนชี้เข้าไปที่โรงน้ำแข็งเล็กๆ แล้วก็เดินนำพวกเราเข้าไป ใช้เวลาคุยราคาสองสามนาที คนขายน้ำแข็งก็ใช้มีดฟันก้อนน้ำแข็งก้อนโตเป็นสองท่อน แล้วใส่ถุงพลาสติกให้อย่างละท่อน เวลาถือจะได้ไม่หนักมาก ในจังหวะที่พี่จงจ่ายตังแล้วกำลังยื่นมือไปรับถุงน้ำแข็งสองถุงนั้นมา ไอ้หลินก็ใช้ความไวรีบยื่นมือไปรับมาถือไว้ก่อนทั้งสองถุงเลย มันส่งยิ้มให้พี่จงฮยอนแบบผมถือเอง ผมแข็งแรงโชว์ความแมนสุดๆ แล้วพี่จงฮยอนก็ส่งยิ้มสวยๆนั่นมาให้มัน แล้วไงล่ะครับเพื่อนกูก็เขินไงก้มหน้ามุดน้ำแข็งได้คงทำไปแล้ว 

              นี่กูมาทำไม นี่กูกำลังอยู่ในโลกสีชมพูใช่มั้ย อิสัดถ้าน้ำแข็งมดขึ้นได้นี่คงขึ้นไปละ.....

              จากนั้นพี่จงฮยอนก็เดินออกไปจากร้านก่อนพวกเรา 

              ฟึบ!

              ถุงน้ำแข็งหนึ่งถุงถูกยัดใส่มือผมอย่างไว เล่นเอาตัวเอียงไปสี่สิบห้าองศา ผมหันไปมองคนข้างๆ ด้วยแววตาอยากจะถีบมันออกไปให้ห่างตัว เมื่อกี้ยังโชว์แมนถือน้ำแข็งสองถุง พอพี่เขาเดินออกไปโยนมาให้กูเฉย ทำไมกูว่ามันสองมาตรฐานแปลกๆนะ...

              "รีบไปเหอะเตี้ย แดดร้อน"  ไอ้หลินดึงแขนผมลากออกมาจากโรงน้ำแข็ง

              "นี่ห่วงกูหรือห่วงคนข้างหน้า" 

              "ถามเหี้ยไรเนี่ย กูเพื่อนมึงปะ"  ต๊ายกูนึกว่ามึงลืมละ

              "แปลว่าห่วงกู? "

              "ป่าวอ่ะ กูกลัวน้ำแข็งละลาย"   ผมได้ยินแบบนั้นก็ไล่ทุบหลังไอ้หลิน มันเลยเนียนวิ่งไปเดินข้างๆพี่จงฮยอนแทน แล้วยังมีหน้าหันมายักคิ้วใส่ ผมชี้หน้ามันแบบเคืองๆ ไปที่แถวมึงเจอ กลายเป็นว่าพี่จงฮยอนกับไอ้หลินเดินข้างกัน ส่วนผมก็เดินตามหลังมาติดๆ ผมนี่หน้าบูดเป็นตูดลิง ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เดินอยู่บนโลกหรือดวงอาทิตย์ เดินไปเหมือนตัวจะละลายลงท่อน้ำ 

              "เตี้ย กูฝากถือถุงน้ำแข็งอีกก้อนหน่อย"   ไอ้หลินหันหลังมาพูดกับผม

              "อะ..เออเอามาดิ"  ตอนแรกนี่จะด่าเป็นแร๊ปพ่นไฟใส่มันแล้ว แต่บังเอิ๊ญพี่จงฮยอนอยู่ด้วย เลยได้แต่ยิ้มเจื่อนๆแล้วรับก้อนน้ำแข็งอีกถุงมาถือไว้ สรุปตอนนี้แขนแห้งๆของผมถือถุงก้อนน้ำแข็งทั้งสองถุง จะยืนตัวตรงๆยังอยากเลย ถือของหนักขนาดนี้หลังกูโค้งเป็นสายรุ้งแล้วนะเนี่ย 

              "มันไปไหนอ่ะพี่จงฮยอน"  ผมถามเมื่อไอ้หลินวิ่งไปไหนก็ไม่รู้

              "ไปซื้อน้ำให้พี่อ่ะ พี่บอกแล้วนะว่าไม่ต้องแต่ควานลินก็ไม่ยอม" 

              "เชอะ ทำคะแนน"  ผมหันข้างไปพูดเสียงเบาๆ

              "เมื่อกี้แดฮวีว่าอะไรคะแนนๆนะ?"  พี่จงฮยอนถามผม ดีนะตัวเองพูดเสียงเบา

              "อ๋อออ พะแนงครับพะแนง ผมอยากกิ๊นนนนอยากกินแหะๆ "  ผมบอกแล้วหัวเราะกลบเกลื่อน พี่จงฮยอนก็ยิ้มๆแล้วพยักหน้าตอบ ผ่านไปสามนาทีไอ้หลินก็วิ่งกลับมาหาเราสองคน โดยในมือถือนมสดปั่นที่ผมชอบ นี่แหละของเพิ่มพลังชีวิต ผมเขย่งปลายเท้าอ้าปากจะไปงับหลอด แต่ทุกอย่างก็หายไปภายในเสี้ยววินาที

              "พี่กินก่อนเลยครับ ผมกับแดฮวียังไม่หิว"  ไอ้หลินพูดแล้วยื่นแก้วนมปั่นไปให้พี่จงฮยอนถือไว้  ฮะ..เฮ้ยหลินมึงอย่ามาโชว์แมนตอนนี้ได้มั้ย จะทำคะแนนก็ปรึกษากูนิดนึง...

              "แต่แดฮวีดูหิวนะ ให้แดฮวีก่อนเลย"  พี่จงฮยอนพูดแล้วยื่นแก้วนมปั่นมาตรงหน้าผม โห้ยใจดีมีฟามเสียสละสุดๆ พี่จะดีทั้งรูปร่างหน้าตาและจิตใจเลยหรอ นางฟ้านี่มันนางฟ้าชัดๆ ซ่อนปีกไว้ตรงไหนเอ่ย 

              "มันไม่กินหรอกครับ แดฮวีมันไม่ชอบนมปั่น"  ไอ้หลินพูดแล้วดันแก้วนมปั่นไปหาพี่จงฮยอนแทน ผมหันควับไปมองมันแบบอึ้งๆ อ้าปากค้างกับคำโกหกของมัน

              นี่ตอนไปซื้อมึงสะดุดตีนแมวล้มหัวฟาดพื้นหรือป่าว ถึงสมองเสื่อมลืมว่านมปั่นนั่นแหละน้ำที่กูชอบที่สุด โห้คนเราเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้  ถ้ามีลูกกูจะสอนไว้เลยว่าอย่าคบเพื่อนหล่อนะลูก มันหล่อมากแค่ไหนความชิบหายของมึงก็มากเท่านั้น นี่คือความจริงที่แท้ทรู 

              "โอเคๆ งั้นพี่กินแล้วนะ"  ไอ้หลินยิ้มแล้วพยักเบาๆว่าตามสบายเลย แต่ตอนนี้กูอยากหักคอมันมาก นี่มันปล่อยให้ผมหิวน้ำไม่พอ ยังจะตีเนียนไปเดินข้างพี่จงฮยอน แล้วเอาป้ายห้อยคอของตัวเองพัดให้พี่เขาด้วยนะ เดินยิ้มให้กันไปมา เออมองทั้งสองคนจากด้านหลังก็เขินๆแหละ บรรยากาศแบบเหมือนมีหัวใจลอยไปลอยมา ทุกอย่างก้าวเป็นสีชมพู นกน้อยแห่กันมาร้องเพลงเหมือนในการ์ตูนดิสนีย์ 

              ตัดภาพมาที่กู เดินตัวงอถือน้ำแข็งสองก้อน บนหัวมีก้อนเมฆสีดำและฝนโปรยปราย วันนี้มันวันอะไรทำไมซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ กูต้องหาทริปไปไหว้พระเก้าวัดแล้วล่ะ ดูดวงไม่ค่อยดีเลย ผมมองไอ้หลินและพี่จงฮยอนที่เดินด้วยกันคุยกันบ้างนิดหน่อย ในใจด้านลบก็อยากจะเรียกไอ้หลินหรือพี่เขาให้ช่วยกูถือหน่อย แต่ในใจด้านบวกก็คิดไปว่าขัดคนมีความรักเนี่ยมันบาปมั้ย บาปมันอาจจะส่งผลระยะยาว โดยการที่ผมอาจจะโสดและตายไปแบบเงียบๆ 

              คิดนู่นคิดนี่อยู่นานสุดท้าย พวกเราสามคนก็เดินมาถึงสนามจนได้ สิ่งแรกที่ผมทำก็คือการเหวี่ยงก้อนน้ำแข็งลงกระติก แล้วลงไปนั่งหอบแดกที่พื้นหญ้า หายใจเข้าฮึบบบบหายใจออก เออยังไม่ตายกูยังหายใจเข้าได้อยู่ ผมเดินกลับมานั่งที่แถวตัวเอง โดยมีไอ้หลินตามาติดๆ 

              "ไปนั่งไกลๆ กูเกลียดมึง"  ผมพูดกับไอ้หลินแล้วใช้ตีนดันตูดมันเบาๆ

              "ไม่งอนน่า"  ไอ้หลินพูดแล้วเข้ามากอดผมและตบหลังผมเบาๆ มุขนี้ทุกทีล่อลวงกูด้วยใบหน้าหล่อ แล้วฆ่ากูให้ตายด้วยอ้อมกอด กูจะทำไรด๊ายยยยก็ใจอ่อนอ่ะดิ กอดใดจะฟินเท่ากอดคนหล่อไม่มี๊ นี่คือแต้มบุญที่มีมาทั้งชีวิตแล้วอ่ะจริงๆ 

              "เออๆแต่ที่หลังไม่เอาแล้วนะ นี่เห็นแก่ความรักของเพื่อนเข้าใจป้ะ"

              "เออดีกันๆ"  มันพูดแล้วเอาหัวมาซบไหล่ผม ผมรำคาญเลยผลักหัวมันออกไป 

              "เออหาย พวกมึงทุกตัวด้วยถ้ามีใครลากกูไปไหนอีกนะเจอตีน"  ไอ้ฮยอนบินและไอ้แซมทำหน้าตาล้อเลียน ไม่ได้กลัวกับคำขู่ของผมเลย เออมันกลัวคงแปลกเตี้ยเท่าหัวเข่าแม่งอ่ะจะไปทำไรได้ 

              "สาบานได้เลยใครเรียกกูลุกอีกนะกูตบกะบาลวูบอ่ะจริงๆ"  

        "รหัส101ลุกขึ้นยืน"  

         ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงทุ้มใหญ่ๆเรียกรหัสผมเสียงดัง จนต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน และคนที่เรียกผมจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากเจ้ากรรมนายเวรอย่างพี่ดงโฮ เมื่อกี้กูสาบานอะไรไว้ก็ถือว่าปากลั่นละกัน..... 

              "เมื่อกี้ผมพูดว่าอะไร"  พูด? ห้ะพูดไรวะไม่ได้ฟังเลยมัวแต่ขู่ไอ้สามตัวนั่น

              "คือว่า..."  ผมอ้ำอึ้งๆแล้วเกาหัวแกกๆ ผมก้มลงไปมองไอ้เพื่อนสามตัวด้านล่าง แล้วพูดแบบไม่ออกเสียงว่าพูดไรวะ เมื่อกี้พี่เขาพูดว่าไร แต่ทั้งสามตัวกลับมองตรงไปข้างหน้าไม่มีใครสบตากับผม พวกมันสั่นหัวหงึกๆ ไม่มีใครตอบผมได้เลย ไอ้เหี้ยเอ้ยซวยแล้วไง

              "คุณไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลยใช่มั้ย!!!!!!"  พี่ดงโฮตะโกนเสียงดัง  ทำให้สะดุ้งตั้งแต่แม่ตีนยันเส้นผม

              "........."  ผมได้แต่กุมมือแล้วก้มหน้างุด นาทีนี้คือกลัว ตอนนี้กูอยากได้เดธโน๊ตมาก ไม่ได้จะเขียนชื่อพี่เขานะ เขียนชื่อกูนี่แหละ ซวยแบบนี้ตายมั้ยล่ะ 

              "มีหลายคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมอธิบาย!! ทำไมวะฟังแค่ห้าทีจะตายกันหรือยังไง!!!"

              "เวลาผมพูดคุณต้องตั้งใจฟัง!!! ถ้าจะคุยไปคุยกันข้างนอก!!!! ในเมื่อผมพูดแล้วพวกคุณไม่อยากฟัง ได้ผมจะให้คุณไปคุยกับเด็กคณะอื่น"  ผมได้ยินแบบนั้น ก็สัมผัสได้ทันทีว่าชีวิตกูใกล้อวสาน ภายในสามวินาที

              หนึ่ง

              สอง

              สาม

           "พวกคุณทุกคน ไปล่าลายชื่อและเบอร์โทรของเด็กคณะอื่นมาคนละสามร้อยชื่อ ภายในเวลาสามวันถ้าทำไม่ได้พวกคุณทั้งหมดถูกยึดป้ายชื่อ และไม่ต้องมาเรียกพวกผมว่ารุ่นพี่" 


           นี่แหละความชิบหายของจริง อีกสามวันกูว่าซีนดราม่าแม่งต้องมาแน่นอนฟันธง...        

              

               











    ____________________________________
    talk : มาแล้วตอนที่สอง แบบสั้นๆและไม่มีอะไรแต่ก็จะลง555555
    ตอนนี้อาจจะไม่ฮาบ้าบอเหมือนตอนที่แล้ว 
    จิตใจเฮฮาไม่ได้จริงๆค่ะจากการประกาศคนได้เดT T 
    ถึงเรือเราจะล่มทุกลำ แต่เราตั้งใจจะแต่งต่อให้จบแน่นอน
    อีกอย่างรู้สึกจิตใจย่ำแย่มากเมื่อลีดจงไม่ได้ ฮืออออฟิคนี้เราจะให้เขาอยู่
    เขาต้องอยู่ค่ะ พี่ต้องอยู่ ล้องไห้
    ขอบคุณทุกเม้นและคนที่ติดแท็ก #ฟิคหวีลิตเติ้ล ในทวิตนะคะ
    ในเมื่อใจเราชิปต่อให้ไม่มีมม.ฉันก็จะชิป5555555 
    ปล.มีคำผิดก็ต้องขออภัย 






      

       



              








      







                 

       

         









         

         

         




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×