คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Re-born 1 100%
Re-born 1
ก็อก ก็อก ก็อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเป็นจังหวะ เรียกให้ ‘ลู่หาน’ รีบถอดผ้ากันเปื้อนออก ตรงไปเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มาเยือน ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าเป็นใคร ห้องนี้มีแค่สองคนเท่านั้นที่มา ไม่เจ้าของห้อง ก็คุณหมอผู้ดูแลอาการของลู่หานเอง ซึ่งเป็นอย่างหลัง
“สวัสดีครับพี่หมอ หอบอะไรมาเยอะแยะเชียว มาผมช่วยถือ” หมอหนุ่มส่งข้าวของที่ถือมาพะรุงพะรังให้แก่ร่างบาง พลางสอดส่องสายตาไปทั่วห้อง
“แล้วเซฮุนล่ะ”
“อยู่ในห้องนอนครับ เดี๋ยวผมไปตามให้ พี่หมอไปนั่งรอที่โซฟาดีกว่าครับ” ลู่หานวางของลงโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ก่อนจะเดินออกไปเรียกเซฮุน
“ไม่ต้องๆ ลู่หานเข้าครัวเถอะ พี่ไปตามเอง” หมอหนุ่มปฏิเสธ
“เอางั้นก็ได้ครับ รีบออกมานะครับ อาหารใกล้เสร็จแล้ว” ลู่หานเอ่อออตาม ปล่อยพี่หมอให้ไปตามเซฮุน ส่วนตัวเองก็จัดการเมนูอาหารต่อ รอแค่ให้เส้นสุกก็เสิร์ฟทานได้แล้ว วันนี้คั้นน้ำสั้มของโปรดเซฮุนไว้ด้วย
นายแพทย์ คิม จุนมยอน หรืออีกชื่อ ซูโฮ ที่คนสนิทใช้เรียก เปิดประตูเข้าห้องนอนลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลอย่างถือวิสาสะ ไม่ต้องเกรงใจอะไรให้มากความเพราะคอนโดแห่งนี้หมอหนุ่มมาบ่อยกว่าบ้านตัวเองซะอีก ตั้งแต่ที่เขาได้เป็นหมอดูแลลู่หาน
“ไม่ทราบว่าคุณชายพร้อมจะเสด็จออกจากห้องได้หรือยังพะยะค่ะ”
“เล่นอะไรของพี่เนี่ย ตลกมากป่ะ” เซฮุนปิดประตูตู้เสื้อผ้า แล้วหันไปพูดกับแขกผู้มาเยือน
“พี่ก็แซวเราแบบนี้ประจำ เมื่อไหร่จะชิน”
“ขนลุกทุกครั้งเหอะ” ว่าจบเซฮุนก็ทิ้งตัวลงเก้าอี้ หมอหนุ่มจึงนั่งลงตาม มองหน้ากันสักพัก ซูโฮจึงตัดสินใจเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน
“พี่ว่าเราควรลงมือทำอะไรได้แล้วนะ” หมอหนุ่มเสนอ เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วที่ลู่หานออกจากโรงพยาบาล ผลเป็นอย่างที่คาด เจ้าตัวสมองเสื่อม จำอะไรไม่ได้แม้กระทั่งชื่อตัวเอง
“ผมไม่มั่นใจว่าถ้าพี่ลู่หานฟังแล้ว เขาจะรับเรื่องนี้ได้” เซฮุนกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ลู่หานสมองเสื่อม แม้เจ้าตัวจะพยายามถามเซ้าซี้ว่าตัวเองเป็นใคร เกิดอะไรขึ้น เซฮุนก็ไม่เคยปริปากบอก บอกเพียงแค่ พี่ชื่อลู่หาน อายุ 24 ปี ถูกส่งมารักษาตัวที่โรงพยาบาลและเซฮุนเป็นเจ้าของไข้ ทั้งที่ความจริงแล้วเซฮุนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับลู่หาน
“แต่เรามีเวลาเหลือไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ ถ้านายไม่เริ่มตอนนี้ ลู่หานจะต้องเสียทุกอย่างไปจริงๆ”
“ผมขอเวลาอีกนิด รอดูว่าที่พี่เขยผมก่อนว่าเขาจะทำอะไรต่อไป” เซฮุนจมอยู่กับความคิดตัวเอง จนหมอหนุ่มกังวลกลัวอีกคนจะเป็นโรคเครียด
“ผ่อนคลายบ้างก็ดีนะเซฮุน อย่าเครียดให้มาก”
“ผมจะพยายาม”
“สองหนุ่มออกมาทานข้าวได้แล้ว ก่อนที่มันจะเย็น” ลู่หานส่งเสียงร้องดังผ่านเข้ามาถึงในตัวห้อง บอกให้ไปตามกันออกมากินข้าว แล้วไงกลายเป็นเงียบหายไปทั้งคู่
จาง อี้ชิง หรือ เลย์ อายุ 26 ปี รองประธานบริษัทโอกรุ๊ป บริษัทผลิตเครื่องมือทางการแพทย์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ เพิ่งเข้ารับตำแหน่งหมาดๆเมื่อเดือนก่อน แต่งานเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้ามากมายเหมือนกับว่าเขาชินงานมาเป็นปี
กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์สำนักงานดังขึ้น เรียกสมาธิที่จดจ่ออยู่กับเอกสารให้หันเหไปสนใจมันแทน เลย์กดปุ่มรับสายเพื่อฟังเสียงเลขา
“ท่านประธานต้องการพบครับ”
“เชิญท่านเข้ามา” นึกประหลาดใจไม่น้อยที่อยู่ๆท่านประธานก็เกิดอยากพบตัวเขาในเวลาทำงานเช่นนี้ มีเรื่องด่วนอะไร ทำไมไม่คุยกันที่บ้าน
โอ ฮวานมุน ประธานบริษัทพร้อมด้วยเลขาส่วนตัวก้าวเข้ามาภายในห้องทำงานของลูกชายคนโต ลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนแรก
“ความจริงพ่อน่าจะเรียกให้ผมไปพบมากกว่าที่จะมาหาผมเองนะครับ” คนเป็นลูกกล่าว พลางเชิญบิดาให้นั่งลงบนโซฟารับแขก
“ฉันแวะมาดู เพื่อว่าแกแอบซ่อนใครเอาไว้” ฮวานมุนเอ่ยแซวลูกชาย
“ผมจะซ่อนใครไว้ได้ ว่าที่ลูกเขยพ่อเอาผมตายพอดี” เลย์พูดติดตลก
“ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า นี่แกกลัวเขาขนาดนี้เลยเหรอ แล้วลูกเขยพ่อไปไหนซะล่ะ” ฮวานมุนหัวเราะชอบใจกับคำพูดของลูกชาย
“ติดประชุมแผนกอยู่ เลิกงานก็คงเจอกัน พ่อมีอะไรกับ ‘คริส’ รึเปล่า” ดีที่เมื่อชั่วโมงก่อนเขาโทรถามคริสว่าทำอะไรอยู่ไม่งั้นคงไม่มีคำตอบให้ผู้เป็นพ่อ
“ไม่มีหรอก ขยันทำงานก็ดีแล้ว ที่พ่อมาหาเราเนี่ยไม่ได้มาถามหาว่าที่ลูกเขยหรอก”
“แล้ว....”
“แกรู้รึป่าว...ว่าน้องชายแกกลับจากอังกฤษได้เป็นเดือนแล้ว”
“อะไรกัน ผมไม่เห็นรู้เลย เป็นเดือนแล้วเหรอ แล้วทำไมน้องไม่กลับบ้าน” ฮวานมุนทายถูก ไม่มีใครรู้เรื่องการกลับมาเกาหลีของลูกชายเล็กของเขา
“พ่อก็อยากรู้ว่าทำไม ‘เจ้าเซฮุน’ ถึงไม่ยอมกลับบ้าน สายรายงานว่าน้องแกแอบซ่อนคนเอาไว้ด้วย”
“นั้นคงเป็นเหตุผลที่เซฮุนไม่กลับบ้านสินะ จะใช่น้องสะใภ้ผมรึป่าวนะ”
“พ่อก็คิดว่างั้น ยังไงถ้าได้เจอน้องบอกกลับไปเยี่ยมพ่อที่บ้านด้วยล่ะ”
“ครับพ่อ” เลย์ลุกขึ้นยืนส่งพ่อ
แต่ก่อนออกจากห้องฮวานมุนก็เอ่ยแนะนำลูกชาย “ช่วงนี้ดูแกเครียดๆนะ หาเวลาว่างไปเดทกับคริสบ้างก็ดี จะได้ผ่อนคลาย”
เลย์เพียงพยักหน้ารับคำ งานเยอะก่ายกองขนาดนี้จะปลีกตัวไปไหนได้
“ช่วงนี้น้ำหนักพี่ขึ้นอีกแล้ว เพราะอาหารฝีมือเรานั้นแหละ” ซูโฮทิ้งตัวนั่งตบพุงบนโซฟา เป็นอีกมื้อที่ทำเอาหมอหนุ่มอิ่มจนจุก
“งั้นคราวหน้าผมไม่ทำแล้ว พี่จะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าเป็นเพราะผม”
“เฮ้ย! ไม่ได้ๆ ถ้าพี่ไม่ทำ ผมก็อดดิ” เซฮุนร้องห้ามอย่างไว ถ้าลู่หานไม่เข้าครัวนี่มันมีอันอดตาย ทุกวันนี้ก็ฝากปากท้องไว้กับคนนี้
“ไม่รู้แหละ พรุ่งนี้เชิญกินอาหารนอกบ้าน” ว่าจบก็เดินหนีเข้าห้องนอนตัวเอง ไม่ได้งอนหรืออะไร เขาแค่แกล้งเล่นไปเท่านั้นเอง
“งานเข้าผมอีกแล้ว พี่กลับไปเลยนะ ผมจะไปจัดการกวางป่า” เซฮุนเอ่ยปากไล่หมอหนุ่ม ซูโฮยอมกลับไปแต่โดยดี ไม่ค้าน เพราะเขารู้ว่าลู่หานก็ไม่ได้โกรธเขาจริงจัง และเขาก็ต้องไปเข้าเวรต่ออีก
“เอ่อ กลับก็กลับ หมดประโยชน์ก็เขี่ยทิ้งตลอด” ไม่วายแขวะ
“ผมไม่ส่งนะกลับเอง”
เซฮุนหันหลังให้พี่หมอตรงไปเปิดประตูห้องนอนของลู่หาน เจ้าตัวนั่งหน้างอกอดอกอยู่บนเตียง ชัดเจนนะเซฮุน ต้องง้อทั้งที่ตัวเองไม่มีความผิด
“นี่...พี่ลู่หาน งอนจริงปะเนี่ย” ลองเชิงอีกฝ่าย
“ชิ” เชิดหน้าใส่ “แล้วพี่หมอล่ะ” แต่ก็ยังพูดด้วย
“ผมไล่กลับไปแล้ว”
“แล้วนายเข้ามาทำไม”
“เอ้า ก็เข้ามาดูพี่ไง กลัวโวยวายพังข้าวของ”
“ฉันโมโหร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ” เซฮุนขอกราบงามๆ ไม่รู้นิสัยตัวเองอีกเหรอ เวลาโมโหทีเนี่ยข้าวของที่บ้านพังหมด ตั้งแต่แจกันยันเก้าอี้
“ไม่มั้ง เก้าอี้ยังปกติดีทุกตัว”
“หลอกด่าฉันเหรอ” ลู่หานชี้หน้าคาดโทษ
เซฮุนยิ้มสู้เดินเข้าไปจับข้อมือบาง “เลิกบ้าได้แล้ว ผมมีอะไรจะเล่าให้พี่ฟัง”
ลู่หานยอมเงียบ
เมื่อเห็นว่าอีกคนเงียบลง เซฮุนจึงเดินไปนั่งข้างๆบนเตียง สบตาอีกคนให้รู้ว่าเรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“ฟังผมให้จบก่อน หลังจากนั้นจะเชื่อหรือไหมก็ตามใจพี่”
“นายทำเหมือนเรื่องที่จะพูดมันยิ่งใหญ่มาก”
“ใช่มันเรื่องใหญ่มาก เกี่ยวกับพี่ทั้งนั้นแหละ”
“นายจะยอมเล่าเรื่องของฉันแล้วใช่ไหม”
“อืม”
แววตาลู่หานมีความอยากรู้อยากเห็นจนปิดไม่มิด เซฮุนถอนหายเฮือกหนึ่ง เขากลัวว่าถ้าพูดออกไปแล้ว ความสดใสที่เคยมีของพี่ลู่หานจะจางลง เขาไม่อยากให้เป็นแบบนั้น แต่เขาก็จำเป็นต้องเล่า เขาไม่ได้ช่วยให้พี่ลู่หานรอดตายเพียงเพราะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเพียงอย่างเดียว แต่พี่ลู่หานคือหมากชิ้นสำคัญที่จะช่วยพี่ชายของเขาให้ออกจากผู้ชายคนนั้น คนที่ไม่เหมาะสมกับพี่ชายของเขาสักนิด
“เร็วซี่รอฟังอยู่ เหม่ออยู่ได้” ลู่หานเร่งเร้า
เซฮุนพลิกตัวของลู่หานให้หันหน้ามาประชันกันบนเตียง ทั้งคู่นั่งขัดสมาธิ เซฮุนจับไหล่เล็กทั้งสองข้างอย่างแน่วแน่ ก่อนจะเริ่มเล่า
“พี่ชื่อ ลู่หาน อายุ 24 ปี พี่มีแฟนแล้ว และพี่กำลังจะแต่งงาน”
“แต่งงาน พี่แต่งงาน แล้ว...”
“ใช่พี่กำลังจะแต่งงานกับแฟนพี่ แฟนพี่ชื่อ คริส อายุ 26 ปี ทำงานเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่บริษัทโอกรุ๊ป” ลู่หานฟังต่ออย่างเงียบๆ ถ้าเซฮุนรู้จักเขาขนาดนี้ทำไมไม่พาเขากลับไปหาแฟนเขา เพราะความอยากรู้ลู่หานจึงโพลงปากขัดคำพูดของเซฮุนออกมา
“แล้วทำไมนายไม่พาฉันกลับไปหาแฟนฉัน”
“ทุกคนคิดว่าพี่ตายไปแล้ว จากอุบัติเหตุในคืนก่อนวันแต่งงาน”
ลู่หานเอามือป้องปากไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“พี่หนีออกจากรถได้ทันก่อนที่รถจะระเบิด และผมบังเอิญเจอพี่เลยช่วยพี่เอาไว้”
บ้า นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
“แล้วทำไมแฟนพี่ เขาถึงไม่ตามหาพี่ เขาคิดว่าพี่ตายไปแล้วจริงๆเหรอ” ลู่หานเริ่มคิดไปต่างๆนานา มือเล็กสะแปะสะปะไปทั่ว จนเซฮุนต้องดึงมือมากุมไว้
“ทุกคนคิดว่าพี่โดนไฟครอบ งานศพถูกจัดขึ้นทั้งๆที่ไม่มีร่างพี่”
อาการปวดหัวเข้าเล่นงานลู่หานทันที
“ผมช่วยพี่ทั้งๆไม่รู้ว่าพี่เป็นใคร จนผมมารู้ภายหลัง แต่มันสายเกินไปที่จะส่งพี่กลับไปที่ที่พี่มา”
“แล้วตอนนี้แฟนพี่อยู่ไหน พี่อยากเจอเขา”
เซฮุนลังเลที่จะพูด วันนี้เขาตั้งใจจะบอกแค่เรื่องอุบัติเหตุ เขากลัวอีกคนรับไม่ทัน แต่ในเมื่อพี่อยากรู้ผมก็จะบอก
“เขากำลังจะแต่งงานใหม่............อีกสองเดือน”
ช็อกไปแล้ว
ความคิดในสมองลู่หานตอนนี้ตีรวนไปหมด มีคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่ไม่รู้จะเริ่มที่คำไหน ระยะเวลาแค่เดือนเดียวที่เขาตายไป แฟนเขาหาแฟนใหม่ได้เร็วขนาดนั้นเชียวเหรอ ทำไมไม่ตามหาศพเขา ไม่คิดว่าเขาจะรอดบ้างเหรอ มันเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นกัน
“เซฮุนได้โปรดช่วยพี่ พี่อยากรู้เรื่องทั้งหมด อยากหายสมองเสื่อม ช่วยพี่ นะ” ลู่หานสะบัดมือออกจากการจับกุมก่อนจะเขย่าตัวร่างสูง จนอีกคนโอนเอนไปตามแรง ทั้งที่จะขืนแรงก็ทำได้
เซฮุนแค่อยากให้ลู่หานระบาย
“พี่ใจเย็นๆก่อน อย่าพึ่งโวยวาย ผมจะช่วยพี่เอง”
“ช่วยพี่นะ เซฮุนต้องช่วยพี่จริงๆนะ” ลู่หานทิ้งใบหน้าซบกับอกกว้าง มือที่เขย่าตัวอีกคนเริ่มอ่อนแรงก่อนจะปล่อยลงข้างลำตัว เซฮุนดึงอีกคนเข้ามากอดปลอบ
ลู่หานน่าสงสารเกินไป
เสียงหายใจหอบแรงขึ้นเรื่อยๆ ลู่หานกำลังหายใจไม่ทัน
“พี่ค่อยๆหายใจ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดีมาก อย่างนั้นแหละ” บางทีเซฮุนก็คิดว่าเพราะใกล้ชชิดกับพี่หมอเกินไปรึป่าวที่ทำให้เขารู้จักการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ลู่หานทำตามคำพูดของเซฮุน ลมหายใจเริ่มปกติขึ้น แต่อาการปวดหัวยังไม่ทุเลาลง
“เซฮุนพี่ปวดหัว”
“ผมว่าพี่นอนพักดีกว่านะ เลิกคิดเรื่องนี้ไปก่อน ตื่นมาค่อยคุยกันอีกที นะครับ” เซฮุนคลายอ้อมกอดออก จัดท่าทางให้ร่างบางได้นอนอย่างสบาย ดึงผ้าห่มมาคลุมให้
“ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก ยังไงผมก็ต้องช่วยพี่” ลูบผมสีน้ำตาลอ่อนอย่างเบามือ
ลู่หานหลับตาลง เขาต้องปล่อยวางตามที่เซฮุนบอก อย่าพึ่งนึกอะไรไปมากกว่านี้ แค่ตอนนี้หัวก็จะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
และในที่สุดก็เผลอหลับไป
เซฮุนมองร่างเล็กที่หลับไปแล้วด้วยใจหดหู่ ท่าทางตอนที่พี่ลู่หานรับรู้ตัวตนของตัวเองเจ้าตัวควบคุมตัวเองไม่ได้ ภาพนั้นมันน่าสงสารเกินไป
เสียงโทรศัพท์ของเซฮุนดังขึ้น ด้วยความกลัวว่าอีกคนจะตื่น จึงออกมารับสายข้างนอกห้อง
‘พี่เลย์’
ขมวดคิ้วเมื่อเห็นเบอร์ปลายทาง
“คิดถึงผมเหรอถึงได้โทรหา”
(ร้ายนักนะเรา กลับมาเกาหลีตั้งแต่เมื่อไหร่)
“มาได้เดือนกว่าแล้ว”
(นี่ถ้าพี่ไม่รู้เอง เมื่อไหร่เราจะบอก)
“ไม่รู้สิครับ”
(แล้วนี่จะกลับบ้านเมื่อไหร่)
“อีกไม่นานหรอกครับ” เพราะเขายังต้องรับผิดชอบชีวิตพี่ลู่หาน ถ้ากลับไปตอนนี้งานในเครือบริษัทสักตำแหน่งคงตกมาเป็นของเขาอย่างง่ายดาย ไม่อยากจะทำสองอย่างในเวลาเดียวกัน “แต่น่าจะทันงานแต่งงานของพี่”
(รู้ข่าวแล้วเหรอ พี่อุตส่าห์ปิดเงียบ)
“ผมก็อุตส่าห์ปิดเงียบ พี่ยังรู้ว่าผมกลับมาเลย”
(เดี่ยวนี้ย้อนเก่งนะ) ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนจะพูดต่อ (พี่คิดถึงเรานะ พ่อก็คิดถึงนาย)
“เอาไว้ให้ผมเที่ยวจนพอใจก่อน แล้วค่อยเจอกันครับ อ้อ ยินดีกับตำแหน่งรองประธานด้วย” เซฮุนยินดีกับตำแหน่งรองประธานที่พี่ชายตัวเองพึ่งเข้ารับเมื่อเดือนก่อน
(ขอบใจนะ พี่เองก็รอรองประธานอีกคนเหมือนกัน)
“ผมว่าผมวางดีกว่า พูดเรื่องธุรกิจทีไรผมอารณ์เสียทุกที”
(พี่ไม่แซวเราแล้วก็ได้ ว่างเมื่อไหร่เข้ามาเยี่ยมบ้านบ้าง แล้วก็พาน้องสะใภ้มาแนะนำด้วยล่ะ ฮิฮิ) เลย์ทิ้งท้ายไว้ก่อนจะกดตัดสายไป ปล่อยให้เซฮุนงงกับคำว่าน้องสะใภ้ ใครกัน หรือว่า คงไม่ได้หมายถึงพี่ลู่หานใช่ไหม เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
เขาเชื่อว่าพี่เลย์คงรู้แค่มีคนอยู่กับเขา แต่ไม่น่าจะรู้ว่าอยูกับใคร เพราะถ้าพี่เลย์รู้ไม่มีทางที่พี่จะพูดว่านั้นน้องสะใภ้แน่นอน ทั้งที่พี่เลย์รู้ดีแก่ใจว่าฐานะจริงๆของพี่ลู่หานคือ....
อดีตว่าที่เจ้าสาวของแฟนตัวเอง
#hunhanreborn
---------
รีไรท์นิดหน่อยนะครับ
ความคิดเห็น