ก็ใจไม่เคยจะเป็นอะไรอย่างนี้
ได้คุยกับเธอก็พูดไม่ดี
ทั้งที่ใจนี้แทบอยากจะเข้าไปกอด
05
ม.4/11
"ทุกคนนนน วันนี้เลิกเรียนแล้วอย่าเพิ่งกลับบ้านน้า" เสียงรองหัวหน้าห้องดังขึ้นหลังจากคุณครูวิชาภาษาอังกฤษเดินออกไปจากห้องเรียนแล้ว ทุกคนในห้องที่จับกลุ่มคุยกันอยู่เงียบเสียงลงก่อนจะหันไปหาคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
"คือวันนี้เขาจะมีแข่งกีฬาพื้นบ้านกัน เราก็เลยอยากให้เพื่อนๆ ไปช่วยกันลงแข่งอะ ได้ขนมปี๊ปด้วยนะ" คนที่ยืนอยู่หน้าห้องพูดต่อ เพื่อนๆ ในห้องส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมาทันทีหลังรองหัวหน้าพูดจบ
"โห่ววววว โคตรไม่เท่เลยอะ กีฬาพื้นบ้าน โบร๊าณโบราณ" แก๊งป่วนหลังห้องโวยวายขึ้นมาเป็นกลุ่มแรก ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทุกคนได้เป็นอย่างดี
"งั้นพวกแกทั้งกลุ่มไปลงชักเย่อเลย ข้อหาพูดมาก" รองหัวหน้าห้องบอกก่อนจะที่เพื่อนทั้งห้องจะตบมือเฮด้วยความดีใจ
"เอ้าเหี้ยไร-- ไม่เอาเว้ย ไม่เท่ ไม่คูล สาวไม่กรี๊ด" หัวโจกของกลุ่มบอก
"เดินผ่านหมายังไม่หอนเลย นับประสาอะไรจะให้ผู้หญิงกรี๊ดวะ" เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างแพหันกลับไปตะโกนบอกกลุ่มที่อยู่หลังห้อง
"งั้นถ้าพวกกูลงไอ้วี่กับไอ้แพต้องลงด้วย" หนึ่งในกลุ่มนั้นตะโกนสวนกลับมาท่ามกลางเสียงหัวเราะ แพที่ตบมือด้วยความชอบใจอยู่ตอนแรกชักสีหน้าทันทีหลังจากได้ยิน
"กูเกี่ยวไรล่ะ อีวี่เป็นคนว่าพวกมึงนะ" คนตัวเล็กบอกพร้อมกับชี้ไปที่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ
"รักกูมากจ้ะเพื่อน" วี่ว่าพร้อมกับผลักหัวเพื่อนเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้
"เอาไงอะ ถ้าพวกแม่งสองตัวไม่ลงพวกกูก็ไม่ลง" คนถือไพ่เหนือกว่าบอกก่อนที่ทุกคนในกลุ่มจะส่งเสียงโห่ร้องออกมา
"งั้นวี่กับแพช่วยห้องเราหน่อยน้าาาา" รองหัวหน้าห้องคนเดิมบอกก่อนจะเดินมาเขย่าแขนแพเบาๆ
"โหบี๋ เราไม่ลงเพื่อนในห้องก็เยอะแยะป่ะ" วี่ตอบก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนในห้องที่ต่างคนต่างพากันส่ายหน้า
"จ้า จิตสาธารณะกันมาก" คนตัวเล็กแขวะหลังจากเห็นอย่างนั้น
"ถ้าเอาคนอื่นลงพวกกูก็ไม่ลงอยู่ดีอะ" คนที่อยู่หลังห้องตะโกนมา
"เป็นเหี้ยไรกับพวกกูนักหนาหนิ ชาติที่แล้วกูเคยใช้พวกมึงไถนาเหรอ" วี่สวนกลับด้วยความหงุดหงิด ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไอ้กลุ่มนี้จะวอแวกับวี่และแพทำไม ช่วงหลังๆ มานี่ก็ย้ายสำมโนครัวมานั่งกินข้าวด้วยแล้วเรียบร้อย
"นะวี่นะแพ ช่วยห้องเราหน่อยน้าาาา" รองหัวหน้าห้องยังคงทำหน้าที่ฝ่ายซัพพอร์ตได้ดีเช่นเคย จนวี่ต้องยอมตกปากรับคำในที่สุด
"โอเคๆ แต่ได้ขนมปี๊ปมาเราต้องได้กินเยอะสุดนะ"
"ได้เลยยย ขอบคุณน้า"
"อีวี่ มึงไม่ถามกูก่อนเลยเหรอ" แพหันไปถลึงตาใส่เพื่อนตัวเล็กที่โบกมือให้รองหัวหน้าที่เดินกลับไปนั่งที่ตัวเองแล้ว
คนตัวเล็กโน้มหน้าเข้ามาใกล้หูแพก่อนจะกระซิบเสียงเบา
"กูก็ตกลงไปงั้นแหละ เลิกเรียนค่อยชิ่ง"
คนตัวเล็กยิ้มหยีจนตาปิดทันทีหลังจากได้ฟังคำตอบ เพื่อนของแพนี่ฉลาดจริงๆ เลยน้า แบบนี้ก็ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว
...ซะเมื่อไหร่
หลังจากออดคาบสุดท้ายดังขึ้นแพและวี่ที่กำลังจะเตรียมตัวชิ่งหนีการลงแข่งชักเย่ออะไรนี่ก็ถูกกักตัวไว้โดยแก๊งค์ห้าวของห้องที่ถูกจับเป็นทีมเดียวกันโดยไม่เต็มใจ
"จะหนีไปไหน~" หัวโจกของกลุ่มเดินมาคล้องคอแพกับวี่ไว้คนละข้างก่อนจะล็อคไว้อย่างนั้น คนตัวเล็กทั้งสองคนดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดพ้นจากการมัดมือชกของเพื่อนร่วมห้องแต่ก็สู้แรงไม่ได้
"พวกมึงจะอะไรกับพวกกูนักหนาวะ รำคาญ" วี่บอกก่อนจะยกมือดันหัวคนตัวสูงหนึ่งทีทำให้หัวของคนที่อยู่ตรงกลางไปกระแทกกับหัวแพที่อยู่อีกฝั่งด้วย
"โอ๊ย"
"โอ๊ย! อีสัสวี่" คนที่อยู่ตรงกลางโวยวายออกมาก่อนจะปล่อยแขนออกจากแพแล้วยกมือขึ้นยีผมวี่แทน
"กรี๊ดดดด อีตังค์ อีเหี้ย อีพ่อแม่ไม่หยอก!!!" คนตัวเล็กโวยวายเสียงดังก่อนจะโดนลากให้เดินนำไปก่อน
ฮืออออ สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเหรอ
ปรี๊ดดดดดด
เสียงนกหวีดดังขึ้นก่อนที่เชือกเส้นใหญ่ที่กรรมการที่ยืนอยู่กลางสนามเหยียบอยู่จะถูกปล่อยพร้อมกับทั้งสองฝั่งที่ออกแรงดึงจนเชือกตึง
แพอยากจะปล่อยเชือกแล้ววิ่งกลับบ้านตั้งแต่ตอนนี้ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยต้องมาลำบากขนาดนี้เลยให้ตายเถอะ
คนตัวเล็กรู้สึกเจ็บมือจนแทบจะทนไม่ไหวแต่ก็ยังกัดฟันสู้ต่อ เท้าเปลือยเปล่าที่คิดว่าถอดรองเท้าออกน่าจะถนัดกว่าครูดไปตามพื้นซีเมนต์ขรุขระเมื่อฝั่งตรงข้ามออกแรงดึง
นี่มันผิดไปหมด ผิดทุกอย่างเลย!
"โอ้โหเหี้ยล้าว" คนในทีมที่ยืนล้อมคนตัวเล็กอยู่ร้องขึ้นเสียงดังเมื่อเห็นฝ่าเท้าของคนตัวเล็กที่หนังถลอกปอกเปิกจนเลือดซึมออกมา
"กูบอกแล้วว่าอย่าถอดรองเท้ามึงก็ไม่เชื่อกู ตีซ้ำดีไหมอีห่า" วี่บอกด้วยความโมโหเพื่อนตัวเองนิดๆ อยากจะหยิบแอลกอฮอล์ราดไปที่แผลให้เข็ดไปตลอดชีวิตจริงๆ
"ฮือออ อย่าดุกู กูเจ็บ" คนตัวเล็กบอกด้วยเสียงงุ้งงิ้ง ตาโตไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองเท้าตัวเองเพราะกลัวจะรู้สึกเจ็บกว่าเดิม
"พามันไปห้องพยาบาลเหอะ ตอนนี้ปิดยังวะ" ตังค์ถามขึ้นก่อนจะพยุงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืน
"ไหวไหมมึง" วี่ถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง ไม่คิดมาก่อนว่ากีฬาพื้นบ้านที่ปู่ย่าตายายก็เล่นได้จะเรียกเลือดได้ขนาดนี้
แพพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินไปห้องพยาบาลโดยอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ตัวเล็กกว่า
ประตูห้องพยาบาลที่เปิดอยู่ทำให้คนตัวเล็กโล่งใจ แพและวี่เดินเข้าไปด้านในก่อนจะเจอเข้ากับคนตัวสูงที่คุ้นเคยเดินออกมาพอดี โยในชุดนักเรียนเดินออกมาพร้อมกับตะกร้าที่ใส่กระปุกยาเต็มไปหมด
"อ้าวพี่โย" วี่ร้องทักด้วยความประหลาดใจเมื่อเจอรุ่นพี่ในที่ที่ไม่คิดว่าน่าจะเจอ
"มาทำไรกันอะ-- เท้าแพไปโดนอะไรมา" คนตัวสูงถามด้วยความตกใจนิดๆ-- และมันนิดมากจนทำให้คนที่เจ็บเท้าอยู่รู้สึกมวนท้องขึ้นมากระทันหัน
เขาเคยบอกว่าเขาชอบแพใช่ไหมล่ะ สำหรับแพแล้วถ้าพี่ต้นมีแผลใหญ่ขนาดนี้แพคงกรี๊ดจนห้องพยาบาลแตกเลยล่ะ
แต่รีแอคชั่นของคนตรงหน้ามันทำให้แพหงุดหงิดชะมัด
"ยุ่ง" คนตัวเล็กพูดสั้นๆ ก่อนจะเดินนำเพื่อนเข้าไปในห้องทำแผล คิ้วขมวดเข้าหากันโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว
"ผีห่าเข้าสิงมึงเหรออีสัส พี่เขาถามดีๆ มะ" วี่ที่เดินตามมาดุเพื่อนเสียงเบาพอให้ได้ยินกันสองคน
"กูก็เป็นของกูอย่างงี้มะ" แพเถียง รู้สึกหงุดหงิดจนไม่รู้สึกเจ็บแผล
"กูอยากเอาเบตาดีนกรอกปากมึงจริงๆ--" วี่ที่กำลังจะด่าเพื่อนต้องหยุดตัวเองไว้ก่อนเมื่อครูประจำห้องพยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับคนตัวสูงที่น่าจะเป็นคนไปแจ้งให้ครูทราบ
"โอ๊ยตายแล้ว ไปทำอะไรมาน้อลูก" ครูประจำห้องพยาบาลร้องขึ้นเมื่อเห็นแผลของคนตัวเล็ก
ดูดิ ขนาดครูยังรีแอคชั่นเยอะกว่ามึงเลยอีพี่โย!
"ถอดรองเท้าแข็งชักเย่อมาเมื่อกี้ครับ" วี่เป็นคนตอบแทนคนตัวเล็กที่นั่งหน้าเป็นตูด หางเสียงที่วี่ใช้ทำให้โยที่ยืนอยู่ปลายเตียงหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ จนวี่ต้องหันไปถลึงตาใส่รุ่นพี่
"มันจะเจ็บหน่อยนะ" ครูบอกก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อเตรียมอุปกรณ์ทำแผล
"เดี๋ยวกูไปเอากระเป๋ามาให้นะมึง" วี่บอกก่อนจะวิ่งจู๊ดออกจากห้องทำแผลทันที เหอะ เรื่องกระเป๋าน่ะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย แต่เวลาแพทำแผลแล้วเจ็บมากๆ มันต้องหาที่ลงทุกที แล้วจะเป็นที่ไหนถ้าไม่ใช่แขนของวี่น่ะ
หลังจากเพื่อนสนิทและครูเดินออกไปแล้วในห้องทำแผลก็ตกอยู่ในความเงียบ แพมองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาจุดวางสายตาเพราะไม่อยากสนทนากับคนที่ยังยืนอยู่ในห้องด้วย
"เจ็บไหม" คนตัวสูงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นก่อน
"ไม่เจ็บ แผลใหญ่หนังเปิดขนาดนี้ไม่เจ็บเลยยยยย" คนตัวเล็กบอกด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
"เหรอ เก่งจัง" รุ่นพี่ตอบกลับหน้านิ่งจนแพรู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม
คนตัวเล็กที่กำลังจะอ้าปากสวนกลับต้องรีบงับปากลงเมื่อครูเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมอุปกรณ์ทำแผล แค่มองเห็นแอลกอฮอล์สีฟ้าแพก็รู้สึกแสบจนน้ำตาจะไหลออกมาเดี๋ยวนั้น
"คะ-- ครูครับ มันจะเจ็บมากไหมอะครับ" คนที่นั่งอยู่บนเตียงถามด้วยเสียงตะกุกตะกักเมื่อเห็นครูเปิดฝาขวดน้ำเกลือออก
"แค่น้ำเกลือเองธารธารา ไม่เจ็บหรอก" ครูบอกด้วยรอยยิ้ม ด้วยความกลัวเจ็บสุดชีวิตทำให้แพไม่สนใจว่าครูรู้ชื่อตัวเองได้ยังไงด้วยซ้ำ
ครูจัดการเอากะละมังมารองใต้เท้าคนตัวเล็กก่อนจะค่อยๆ ฉีดน้ำเกลือลงไป คนตัวเล็กส่งเสียงออกมาเบาๆ เมื่อน้ำเกลือสัมผัสกับแผล มันไม่ได้แสบอย่างที่กลัวแต่ตอนน้ำสัมผัสโดนแผลมันก็ทำให้แพรู้สึกเจ็บอยู่ดี
ฮือออออ ทำไมแพต้องมาเจออะไรอย่างนี้ด้วย
"แล้วมึงจะกลับบ้านยังไง" วี่ถามขึ้นหลังจากพาเพื่อนสนิทเดินออกมาหน้าห้องพยายาลแล้ว เท้าของแพถูกพันด้วยผ้าพันแผลทำให้ใส่รองเท้าผ้าใบไม่ได้ โชคดีที่ครูให้ยืมรองเท้าแตะมาใส่ก่อน แพเลยไม่ต้องเดินเท้าเปล่าข้างเดียวจนถึงบ้าน
"รถสองแถวแหละ เดี๋ยวหาคันที่ข้างหน้าว่าง กูจะได้ลงง่ายๆ หน่อย" คนเจ็บตอบ วี่พยักหน้ารับเพราะก็ไม่เห็นทางออกที่มันดีกว่านี้แล้ว
"งั้นเดี๋ยวกูไปส่งมึงขึ้นรถแล้วค่อยไปเรียนพิเศษ" วี่บอกก่อนจะประคองเพื่อนออกจากห้องพยาบาล
เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดังตามหลังทั้งสองคนมาก่อนจะหยุดลงตรงหน้าวี่และแพ
"มีไรเปล่าพี่โย วี่ลืมของเหรอ" รุ่นน้องถามด้วยความสงสัย
"เปล่า" คนโตกว่าตอบก่อนจะพูดต่อ
"พี่ไปส่งแพได้นะ" คนตัวสูงหันมาบอกกับแพที่ยืนอยู่ข้างๆ วี่ คนตัวเล็กหน้าเหลอหลาทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น
"ไม่ต้อง!"
"ขอบคุณมากพี่!"
แพและวี่พูดออกมาพร้อมกันเสียงดัง เพื่อนสนิทหันมองหน้ากันทันทีหลังจากได้ยินคำตอบของอีกคน
"มึงมีสิทธิ์ไรมาปฏิเสธห๊ะอีเดี้ยง" วี่บอกก่อนจะผลักหัวเพื่อนเบาๆ
"พี่โยจะไปส่งมันจริงเหรอ งั้นหนูฝากหน่อยน้า" ประโยคนี้วี่หันมาบอกกับรุ่นพี่ที่ยืนรออยู่
"กูไม่ไป" แพยังยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง
"มึงอย่าเพิ่งมาดื้ออะไรวันนี้ได้มะ เดี๋ยวฟาดด้วยสันหนังสือ"
"ดื้อเหี้ยอะไรล่ะ บอกว่ากลับเองได้ไง"
"ให้พี่ไปส่งเถอะ" คนตัวสูงที่ยืนเงียบอยู่นานพูดขึ้น วี่ได้โอกาสรีบส่งกระเป๋าของแพให้โยทันทีก่อนจะรีบโบกมือลาเพื่อนแล้ววิ่งไปที่หน้าโรงเรียน
"อีวี่ อีห่า" แพด่าเพื่อนตัวเองเสียงเบาเมื่อมองตามหลังเพื่อนตัวเล็กที่วิ่งไปไกลแล้ว ถ้าเท้ายังปกติดีทั้งสองข้างแพจะวิ่งสี่คูณร้อยไปจิกหัวมันจริงๆ
"เดินไหวไหม" คนที่ถือกระเป๋าให้แพอยู่ถามขึ้น คนตัวเล็กทำท่าจะหยิบกระเป๋ามาถือเองแต่คนตัวสูงเปลี่ยนมาใช้มืออีกข้างถือแทน
"เอ๊ะ-- เอามา จะถือเอง แค่ตีนเจ็บ ไม่ได้เป็นง่อย"
"รีบเดินเหอะ เดี๋ยวเย็นกว่านี้แล้วอากาศหนาว" โยเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเริ่มหงุดหงิด
โยไม่รู้ว่าแพไม่ชอบอะไรโยหรือเปล่า ก็เวลาเจอหน้ากันทีไรแพก็เอาแต่ทำท่าทางเหมือนไม่พอใจโยทุกที นี่ถ้าคนตัวเล็กได้ยินสิ่งที่โยคิดคงต้องโมโหอีกแน่นอนเลย
โยคิดว่าแพตอนหงุดหงิดน่ะน่ารักดี
อยากจะแกล้งให้โมโหจนกลายร่างเป็นเดอะฮัคเลยล่ะ
"ไอ้พี่โย! มึงจะรีบเดินไปตามควายเหรอ เท้ากูปกติมากมั้ง"
คนตัวสูงหลุดยิ้มออกมาหลังจากคิดยังไม่ทันขาดคำ ทั้งที่คนที่อยู่ด้านหลังโมโหจะเป็นจะตายแต่โยกลับเอาแต่ยิ้มอยู่แบบนั้น
โยหยุดยืนอยู่กับที่ก่อนจะหันไปหาคนเจ็บที่กำลังเดินมาหาเขา คนตัวเล็กตวัดสายตามองเขาด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นเขากำลังพยายามกลั้นยิ้มอยู่
"เป็นบ้าเหรอ!"
คืนนี้โยคงนอนหลับฝันดีแน่ๆ
TBC
***
เย้ๆ แวบมาได้อีกตอน
อยากรีบแต่งให้ทันในจอยเร็วๆ (ซึ่งห่างไกลเหลือเกิน T T)
จะได้เข้าจุดพีคของเรื่องพร้อมกันค่ะ
พอมาแต่งตอนเขายังไม่คบกันแล้วรู้สึกเหนื่อยมากเลย
ในหัวนี่คิดแต่ฉากตอนเขาอยู่ด้วยกันเยอะแยะเต็มไปหมด
อยากเขียนมุมน่ารักๆ แล้ว น้องแพใจอ่อนสักที ฮือออออ
เอนจอยรีดดิ้งนะคะ
รักซำเหมอ <3
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
พี่โยก็รู้ว่าน้องงอนก็ยังแกล้งต่ออีกน้อออ
งี้เมื่อไหร่น้องมันจะยอมโรแมนติกด้วย 5555
น้องแพน้อยใจพี่โยน่ารักประชดประชันแต่จริงๆ ก็แค่อยากให้เขาสนใจหนูลูกเอ็นดูจังเลย แต่คนแบบพี่โยนี่แค่ตกใจก็น่าแปลกใจอยู่น้า