คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ♣ Destiny ♣ Chapter 06
ท้องฟ้าอันแสนอึมครึมภายนอกหน้าต่างของห้องเรียน
ท้องฟ้าสีดำมืดนั้นทำให้บรรยากาศภายในห้องเรียนดูมืดมนไปด้วย
เช่นเดียวกับการที่อินุยาฉะต้องมานั่งฟังอาจารย์อธิบายคณิตศาสตร์ที่ทำให้เพื่อนนักเรียนต่างพากันหาวไปแล้วหลายสิบรอบด้วยจิตใจที่แสนจะว้าวุ่น
ความคิดมากมายยังคงตีกันอยู่ในหัวของเขา
คำพูดของโคงะที่พูดกับเขาเมื่อไม่นานนี้ทำให้จิตใจของเขาขุ่นมัว
เขารู้ดีว่าเขาไม่ควรจะระบายอารมณ์ของเขากับอีกฝ่าย
แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดนั้น
“ยังกับลูกหมาถูกทิ้ง”
......เรื่องแบบนั้นไม่ต้องให้อีกฝ่ายมาบอก
เขาก็รู้อยู่แล้ว.....
โชคชะตาที่แสนโหดร้าย การพรากจากคนสำคัญครั้งแล้วครั้งเล่านี้
มันทำให้เขาเจ็บปวดและทรมานเหลือเกิน
เขาถามตัวเองอยู่หลายครั้งว่าถ้าหากเขาไม่ต้องพบเจอหรือมีความรู้สึกต่อคนรอบข้างอีก จะทำให้เขาไม่ต้องสูญเสียใครอีกแล้วใช่หรือเปล่า?
จะไม่ต้องเจ็บปวดอีกครั้งใช่หรือไม่? การสูญเสียคิเคียวครั้งนี้ สำหรับเขาแล้ว
มันทำให้เขาไม่กล้าที่จะผูกสัมพันธ์กับใครอีก ไม่ว่าจะมิโรคุ ซังโกะ
หรือแม้แต่เพื่อนคนอื่นๆของเขาก็ตาม
หัวใจที่ขุ่นมัวไม่อาจบอกเล่าให้ใครฟังได้อีก
เพราะคนที่คอยรับฟังเขา ได้จากไปแล้วตลอดกาล.......
“ฉันคิดถึงเธอจริงๆ.....คิเคียว”
................................................................
คนที่จากไปแล้วต่อให้ร้องไห้หรือเสียใจมากแค่ไหน
เขาก็ไม่มีทางฟื้นขึ้นมาได้อีก......
เสียงระฆังเลิกเรียนดังขึ้นเรียกสติให้เขากลับมาสู่โลกความเป็นจริง
อินุยาฉะลุกขึ้นทำความเคารพพร้อมเหล่าเพื่อนๆ
ก่อนที่เขาจะถือกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องมา
โดยไม่สนใจเสียงมิโรคุที่ชวนให้กลับบ้านด้วยกัน อินุยาฉะเดินมาถึงตู้ล็อกเกอร์แล้วจัดการเปลี่ยนรองเท้าของเขา
ก่อนจะได้ยินเสียงโอดครวญของนักเรียนคนอื่นๆที่ออกันอยู่หน้าประตูทางออก
เมื่อพวกเขาพบว่าสายฝนได้โปรยปรายลงมาอย่างไม่เกรงใจคนไม่เอาร่มมาอย่างพวกเขาเลย
อินุยาฉะมองดูสายฝนภายนอกสักพัก
ก่อนตัดสินใจเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าเขาจะเปียกแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับอีกหลายๆคนที่ต่างพากันวิ่งฝ่าฝนและเอ่ยอำลากันท่ามกลางสายฝน
การกระทำของอินุยาฉะถูกจับตาโดยใครอีกคนที่เดินทิ้งระยะห่างตามมาทางด้านหลัง
อินุยาฉะเดินฝ่าฝนไปด้วยความรู้สึกที่อยากให้สายฝนนั้นชำระจิตใจของเขาให้สงบลงได้บ้าง
เขาเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงศาลเจ้าที่แสนคุ้นเคย ใช่แล้ว.... ศาลเจ้าของคิเคียว
เขาเดินเข้าไปช้าๆ ทุกย่างก้าวนั้นช่างหนักอึ้ง
ภาพความทรงจำของเขาและเธอปรากฏอยู่รอบๆบริเวณศาลเจ้าที่เขาเดินผ่านไป
อินุยาฉะเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าสุสาน
ป้ายหลุมศพตรงหน้าสลักชื่อของคนที่เขาแสนคิดถึง......
“คิเคียว”
ดวงตาของเขารื้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง
เขายังไม่อาจทำใจได้กับการสูญเสียในครั้งนี้
มันเจ็บปวดจนเขาไม่อาจจะอธิบายได้ว่ามันมากแค่ไหน
เขาได้แต่โทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องอีกฝ่ายได้
โทษตัวเองที่โง่เกินไปที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติของอีกฝ่าย
โง่เกินไปที่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้ว่าเวลาของเขาและเธอมันแสนสั้นมากแค่ไหน.......
“ฉันจะสามารถรักใครได้มากเท่าเธอได้อีกกัน......คิเคียว”
อินุยาฉะยืนอยู่แบบนั้นท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย
ไม่ไกลจากตรงนั้นมีใครคนหนึ่งยืนถือร่มเอาไว้และมองดูเขาด้วยความรู้สึกในอกที่แสนเจ็บปวดอย่างที่เจ้าตัวเองก็ไม่เข้าใจ
ขาของเขาที่พาเขาเดินตามร่างบางมาถึงตรงนี้มันแข็งทื่อจนไม่อาจก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายได้
ปากของเขาที่ควรจะเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปก็ยากที่จะเปล่งเสียงออกมา
ลำคอของเขาแห้งผากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สิ่งนี้อาจเรียกว่า “ความกลัว”
ก็เป็นได้
ร่างสูงผู้ไม่เคยหวาดกลัวต่อสิ่งใด
ความรู้สึกที่แสนคิดถึงที่เก็บเอาไว้มาแสนนาน ความโหยหาการได้พบหน้าที่เขามีมาตลอด
มันถูกหยุดด้วยบางสิ่งที่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าคืออะไร
ทั้งที่เขาเจออีกฝ่ายแล้วแท้ๆ
ทั้งที่เขาได้ยินเสียงของอีกฝ่ายแล้วแท้ๆ ทั้งที่อีกฝ่ายอยู่ตรงนั้นแล้วแท้ๆ
แต่เขาไม่มี “ความกล้า” ที่จะเข้าไปหาอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
ทั้งที่อีกฝ่ายยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น
ทั้งที่แผ่นหลังนั้นเศร้าสร้อยมากขนาดนั้น ทั้งที่เขาต้องการจะบอกอีกฝ่ายแท้ๆว่า
“พี่กลับมาเจอนายแล้วนะ”
แค่นั้นแท้ๆ.............
ร่างสูงทิ้งร่มเอาไว้ตรงนั้น
ก่อนเขาจะค่อยๆเดินออกมาจากตรงนั้นไป
ด้วยความรู้สึกที่เขาไม่แน่ใจนักว่ามันคืออะไร แต่เขารู้ว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่เขาจะเจอเด็กคนนั้น.........
“พี่ขอโทษ....แล้วพี่จะกลับมาหานาย”
“อินุยาฉะ.......” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเองแผ่วเบา
พร้อมกำมือแน่นด้วยความเจ็บใจกับการกระทำของตัวเอง เขาแลดูโง่เขลานัก
เมื่อพบว่าตัวเองไม่มีความกล้าจะเผชิญหน้ากับเด็กคนนั้น...
แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดในอกกว้างนี้
ก็เทียบไม่ได้เลยกับหัวใจที่แตกสลายของเด็กหนุ่มที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าป้ายหลุมศพตรงนั้น........
“คิเคียว.......” เด็กหนุ่มยังคงยืนนิ่ง
ภาพในความทรงจำแห่งการสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาได้แต่รู้สึกเจ็บใจอยู่ในอก
คนอันเป็นที่รักของเขาจากไปครั้งแล้วครั้งเล่า....
“ฉันรู้ฉันต้องเข้มแข็งขึ้น.....” อินุยาฉะกัดฟันพร้อมเอ่ยออกมาด้วยความเจ็บใจ
เขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้นที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย เขาใช้สองมือทุบมันอย่างบ้าคลั่งเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดภายในใจออกมา
“แต่ทำไมกันละ! .....ทำไมกัน! ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า....ฮึก..”
“เธอยังมีหมอนั่นอยู่นะ”
คิเคียวกำชับถึงคนในความทรงจำและคำสัญญาที่พวกเขาเคยมี
ดวงตาของอินุยาฉะไหววูบ คนๆนั้นมีอิทธิพลกับตัวเขามากกว่าที่ตัวเขาเองคิดเสียอีก
“สิ่งที่เธอบอกฉัน
มันจะเป็นจริงใช่มั้ย....” อินุยาฉะเอ่ยออกมาเบาๆ ราวกับเสียงกระซิบ
“เขา...อาจจะลืมฉันไปแล้ว คนๆนั้นไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเริ่มสั่นเครือ เธอบีบมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่ใช่หรอก....หมอนั่น จะต้องกลับมารับนาย...แน่ๆ
นายบอกฉันเองนี่ อินุยาฉะ...” เธอระบายยิ้มให้อินุยาฉะ ทั้งที่ใบหน้านั้นขาวซีดแต่รอยยิ้มกลับทำให้เธอมีเสน่ห์เสมอ
รอยยิ้มที่ทำให้เขาหลงรักเธอ
“ว่าสัญญากันแล้ว”
หญิงสาวเอ่ย
“คนที่ฉันรอคอยคนนั้น......เขาจะกลับมาใช่มั้ย”
ทุกครั้งที่เราไม่ต้องการจะเสียใครไป....
ทุกครั้งที่เราจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง.....
ทุกครั้งที่ต่อให้เราไม่อยากให้เขาไปแค่ไหน.....
แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถอยู่เคียงข้างเราได้อีกแล้ว.....
“วันที่สูญเสียเธอ.....มันเหมือนวันนั้นที่เขาจากฉันไป....”
ภาพของร่างสูงในความทรงจำปรากฏเลือนรางในหัวของเขา
เขาในตอนนี้นึกหน้าของอีกฝ่ายไม่ออกอีกแล้ว สิ่งที่เขาจำได้
มีเพียงแค่เรือนผมสีเงินที่เปล่งประกายของอีกฝ่าย.....
“ฉันที่ได้แต่ปิดปากเงียบ.....
ได้แต่เชื่อฟังในสิ่งที่เขาพูด.....” ภาพของร่างสูงที่โอบกอดเขาเอาไว้
สัมผัสอบอุ่นที่เขายังคงเฝ้าฝันถึง
“ฉันได้แต่เฝ้าคอยคำสัญญาที่ไม่รู้จะจริงหรือเปล่าของคนๆนั้น.....”
มือใหญ่คู่นั้นที่จับมือเขาเอาไว้เสมอในยามที่เขาหวาดกลัว
“แม้วันนั้นฉันอยากจะบอกเขาเหลือเกิน.....”
และแผ่นหลังกว้างของร่างสูงที่ค่อยๆไกลจากเขาไป
ในตอนนั้น....
“ว่า อย่าไปได้หรือเปล่า....” เสียงแหบพร่าที่เจือด้วยเสียงสะอื้นของอินุยาฉะ
ความโดดเดี่ยวในจิตใจของเขามันค่อยๆกว้างขึ้นทีน้อย.....
“แต่ฉันก็รู้ว่า....ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องไปอยู่ดี....”
มือคู่นี้ของเขาที่อยากจะเอื้อมออกไป เพื่อไขว่คว้าร่างสูงเอาไว้ เขาในตอนนั้นทำอะไรไม่ได้เลย...สักอย่างเดียว
“พี่จะกลับมารับเราแน่ พี่สัญญา” ความรู้สึกหนักแน่นที่ส่งผ่านถ้อยคำสัญญาที่ทำให้หัวใจดวงน้อยรู้สึกพองโตในครานั้นยังคงเด่นชัดอยู่ใจของเขา
แต่ความน่าเชื่อถือของมันก็ช่างเบาบางเหลือเกินกับเรื่องราวต่างๆที่เขาต้องเผชิญ เขาจะสามารถเชื่อใจเขาคนนั้นได้อีกนานแค่ไหนกัน......
“ท่านพี่.....จะกลับมาหาผมจริงๆน่ะเหรอ......”
.................................................................
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่......”
อินุยาฉะเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ
เขามองดูอีกฝ่ายที่เปียกปอนไม่ต่างจากตัวเอง ทั้งที่ในมือถือร่มเอาไว้แท้ๆ อีกฝ่ายที่ถูกถามใช้มือดึงผ้าคาดผมที่เปียกชุ่มของตัวเองออก
ก่อนจะสะบัดผมที่เปียกของตัวเองเล็กน้อย
“ฉันแค่เดินผ่านมา”
อินุยาฉะมองดูอีกฝ่ายที่ตอบพร้อมเดินเข้ามาหาเขาช้า ๆ ฝนที่หยุดตกแล้วทำให้เขาไม่สามารถบดบังใบหน้าและดวงตาแดงก่ำที่พึ่งร้องไห้มาหมาดๆของเขาได้อีก
“นี่ร่มของนายหรือเปล่า”
อีกฝ่ายพูดพร้อมยื่นร่มสีเทาในมือมาทางเขา โคงะผงะไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่ดูแล้วไม่ค่อยดีนัก
....หมอนี่ร้องไห้ไปขนาดไหนกันเนี่ย.....
“ไม่ใช่” อินุยาฉะตอบกลับ
“งั้นเหรอ
ฉันเห็นมันตกอยู่แถวนี้เลยคิดว่าเป็นของนาย” ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นของร่างสูงคนหนึ่งที่เดินฝ่าฝนที่ตกกะหน่ำออกไปที่เขาเห็นเมื่อไม่นานนี้
แต่ผมสีเงินแบบนั้นคงจะเป็นชาวต่างชาติล่ะมั้ง เขาเองก็เห็นหน้าไม่ชัดด้วยสิ....
“นี่นายอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนกัน” อินุยาฉะถามขึ้น
โคงะยักไหล่
“ก็ไม่นาน ฉันแค่เดินเข้ามากะว่าจะหลบฝน
แล้วเผอิญเห็นร่มนี่ปลิวมาจากทางสุสาน เลยเดินมาดู แล้วนายก็เดินออกมาพอดี แล้วถามฉันว่า
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่” ก็เท่านั้น” โคงะร่ายยาว
อินุยาฉะมองดูอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก
แต่ต่อให้อีกฝ่ายเห็นการกระทำของเขาหรือไม่ก็ตาม
เขาก็ไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะคิดยังไง
“เฮ้ เดี๋ยวสิ”
โคงะวิ่งมารัดหน้าอินุยาฉะที่กำลังจะเดินผ่านเขาไปเอาไว้ ก่อนจะจ้องอีกฝ่ายนิ่งด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“อะไรของนายอีก
อยากให้ฉันอัดนายให้ได้จริงๆสินะ” อินุยาฉะพูดอย่างหัวเสีย
เพราะการเห็นหน้าของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขานึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกับเขา
“ จริงๆแล้ว.....”
แต่เมื่อเริ่มเปล่งเสียงพูดไปได้เพียงนิดเดียว เขาก็ชั่งใจกับสิ่งที่ตัวเองจะพูดต่อไป
ก่อนเสมองไปทางอื่น เพราะเขาไม่คิดว่าตัวเขาจะต้องมาพูดอะไรแบบนี้กับอีกฝ่ายเลยรู้สึกแปลกๆขึ้นมา
“อะไรของนาย”
“ฉัน.....”
อินุยาฉะขมวดคิ้วมองดูอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่อ้ำๆอึ้งๆแล้วยังไม่หลีกทางให้เขาอีก สรุปแล้วอีกฝ่ายต้องการอะไรกับเขากันแน่
“ฉันขอโทษเรื่องเมื่อกลางวัน”
“หมายถึงที่นายตบลูกวอลเลย์บอลโดนฉัน?”
อินุยาฉะนิ่งไปพักหนึ่ง
ก่อนถามขึ้นเพื่อให้แน่ใจ เพราะเขาไม่เคยคิดฝันว่าอีกฝ่ายจะมาขอโทษเขาแบบนี้หรอกนะ
“ไม่ใช่.....เรื่องที่ฉันว่านาย” โคงะเอ่ยขัดเสียงดัง
แต่ก็เบาลงเมื่อพูดประโยคถัดมาราวกับเครื่องเสียงที่ถูกคนปรับเสียงลงอย่างรวดเร็ว
“นี่หัวนายไปโดนอะไรมาหรือไง?” อินุยาฉะมองดูอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจกับท่าทีแปลกๆที่อีกฝ่ายแสดงให้เขาเห็นตรงหน้า
.....อย่างหมอนี่น่ะเหรอขอโทษเรา
?
“เอาเป็นว่าฉันขอโทษนายล่ะกัน
เรื่องที่จะบอกก็มีแค่นี้แหละ” โคงะพูดอย่างเร่งรีบราวกับเขาเองก็อึดอัดกับการกระทำแปลกๆของตัวเองเช่นกัน
ก่อนเขาจะเอาร่มยัดใส่มืออินุยาฉะ แล้ววิ่งจากไปทันที
ทิ้งแต่ความประหลาดใจไว้ให้กับอินุยาฉะที่มองตามหลังเขาไป
“อะไรของเจ้าหมอนั่นกัน”
และเช่นเดียวกับร่างสูงที่พูดเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องทำมาพูดอะไรแบบนี้กับอีกฝ่ายเหมือนกัน.....
.....ทำไมเราจะต้องถ่อตามไป
แล้วขอโทษเจ้าบ้านั่นด้วยเนี่ย..... เจ้าบ้าโคงะเอ้ย!........
TBC.
----------------------------------------------------------------------
จบไปอีกตอนแล้ว......
ตอนนี้ทำหนูอินุร้องไห้อีกแล้ว
หลังจากอ่านตอนนี้จบ ต้องมีคนอยากเอาไรท์ไปโยนลงบ่อปลาแน่ ๆ
ที่แน่ๆก็ท่านพี่เส็ตนี่แหละที่จะฆ่าไรท์ =____=“
งื้อออ///// อยากเอาตัวเองไปโยนทะเลจริงๆ โอ้ยยย //ตบตีตัวเอง
ถึงอย่างงั้นก็เถอะนะ เอาเป็นว่าไว้พบกันใหม่ ตอนหน้านะรีดเดอร์ที่รักทุกท่านนนนนน
/////เผ่นนนนนนนนน
ความคิดเห็น