คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ♣ Destiny ♣ Chapter 13
♣ Destiny ♣ Chapter 13
บนโซฟาขนาดใหญ่สีดำตัวหรูในห้องสีขาว
เจ้าของห้องกำลังนั่งหลับตาพริ้มอย่างเหนื่อยอ่อน แต่แล้วเขาก็รู้สึกตัวตื่นขึ้น
เมื่อเสียงลมพัดกระจกให้รู้สึกรำคาญ ดวงตาคมสีอำพันฉายแววหงุดหงิด
เขาเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาเรือนหนึ่งบนผนัง ก่อนยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูง
เดินไปยังหน้าต่างทางระเบียง หยุดยืนนิ่งมองสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง
เรือนผมสีเงินทิ้งตรงยาวไปจนถึงช่วงสะโพก
ผมที่ไม่ว่าเขาจะตัดมันสักกี่ครั้งมันก็ยังคงยาวอยู่เสมอ
ตลอดเวลาเกือบสิบปีที่เขาจากประเทศญี่ปุ่น มาเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ใบหน้าในวัยเด็กของเขาหล่อคมขึ้นตามอายุ เด็กหนุ่มอายุสิบห้าเมื่อตอนนั้น
โตขึ้นเป็นหนุ่มหล่ออายุยี่สิบต้นๆซึ่งเป็นที่หมายตาของสาวๆ
“นายจะเป็นยังไงบ้างนะ...”
ต่อให้มีหญิงสาวหรือหนุ่มน้อย
หนุ่มสาวมากหน้าหลายตา เข้ามาหวังสานสัมพันธ์ด้วย
แต่เขาไม่เคยคิดเล่นด้วยกับคนเหล่านั้น
เพียงแต่บางครั้งก็คิดเสียว่ามันเป็นเกมที่เขาอยากจะหักหน้า คู่แข่ง ตลอดกาลของเขาก็เท่านั้น
ถึงตอนนี้เจ้านั่นจะหายไปไหนไม่รู้แล้วก็เถอะ....
ช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นี่มันไม่ได้สวยงามแบบที่ใครๆหวังอยากให้เป็นหรอก
มันน่าเบื่อและไม่มีอะไรดี เขาอยากกลับไปที่ญี่ปุ่น แต่ตัวเขาถูกสั่งห้ามกลับญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด
ก่อนเด็กคนนั้นจะอายุครบสิบแปดปีตามข้อตกลงของท่านแม่
ถึงแม้เมื่อสองปีก่อนเขาจะเคยกลับไปครั้งหนึ่งก็ตาม.....
ครืด...ครืด....
เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้นจากโต๊ะหน้าโทรทัศน์
เขาจึงละสายตาจากสภาพอากาศด้านนอกมาสนใจวัตถุสีดำบนโต๊ะ
เขาเดินมาก้มลงหยิบมันขึ้นมองดูชื่อบนหน้าจอ ก่อนกดรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับ
ท่านแม่”
ใช่แล้ว
ท่านแม่ของเขา หญิงสาวที่ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีก็ยังคงสาวอยู่เสมอ และยังคงไม่ลืมข้อตกลงระหว่างพวกเขา
แม้ท่านจะเคยคิดผิดสัญญากับเขาก็ตาม.....
“ลูกจะกลับญี่ปุ่นเมื่อไหร่นะจ้ะ”ปลายสายเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“อีกสี่เดือนครับ”
ใช่แล้ว
อดทนอีกสี่เดือน อีกแค่เดือนสี่เดือนที่เขาจะได้กลับไปพบกับเด็กคนนั้น...
“งั้นเหรอจ้ะ
ดีเลย งั้นแม่อยากบอกลูกว่า แม่หวังในตัวลูกอยู่นะจ้ะ” ประโยคที่แฝงไว้ด้วยความนัยบางอย่าง
ทำให้ใจคนฟังอดที่จะระแวดระวังไม่ได้
หึ...คำพูดมากมายที่ท่านแม่พูด
ท่านหวังอะไรนอกจากตัวท่านเองบ้าง?
“ครับ
ท่านแม่”
“ไว้เราคงได้เจอกัน...สักวันหนึ่ง”
จบประโยคที่เอ่ยออกมาปลายสายก็วางไป เส็ตโชมารูคว้ากุญแจรถที่วางอยู่ไม่ไกล
ก่อนออกจากห้องตรงไปยังรถสีขาวคันสวยของตัวเอง
เขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านแม่โทรมามักมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นเสมอ
และมันก็ชวนให้เขารู้สึกหัวเสีย ลางสังหรณ์ไม่ดีมากมายมักตีกันวุ่นวายไปหมด
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้...
เขาไม่อาจขัดคำสั่งของท่านแม่ได้
ตราบใดที่คนคนนั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง เพื่อเป้าหมายของตัวเอง
ราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แต่ถึงเช่นนั้นตัวเขาก็ยังคงรักเธอเสมอ...
เส็ตโชมารูขับรถออกมาเรื่อยๆด้วยอารมณ์ที่คุกกรุ่น
ฝนที่กำลังแข่งกันกระหน่ำตกลงมาชวนให้ถนนลื่น แต่ร่างสูงก็ไม่สนใจ
เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะขับไปที่ไหน เพียงแต่ขับไปเรื่อยๆ
เท่านั้นก่อนเสียงสั่นของโทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง
ครืด...ครืด....
และครั้งนี้เป็นชื่อของ
‘จาเค็น’ พ่อบ้านของท่านพ่อที่คอยดูแลคฤหาสต์และท่านแม่อยู่ที่ญี่ปุ่น
ถ้าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายโทรมามักมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเสมอ
และมันก็มักจะเกี่ยวกับเด็กคนนั้น
“จาเค็นมีอะไร”
“ท่านเส็ตโชมารู....แย่แล้วขอรับ”น้ำเสียงสั่นเครือและร้อนรนของอีกฝ่ายทำให้เขาประหลาดใจ
“อะไร”
เส็ตโชมารูถาม ก่อนนิ่งรอฟังอีกฝ่ายอธิบายสิ่งที่เรียกว่า ‘แย่แล้ว’ นั่นให้เขาฟัง
“นายหญิง...ท่านแม่ของท่าน
ตอนนี้หายตัวไปครับ”เส็ตโชมารูเบิกตากว้างอย่างตกใจ และยังคงนิ่งรอฟังต่อ
แม้ในใจจะเกิดคำถามขึ้นก็ตาม
ว่าไงนะ?
ท่านแม่หายตัวไป? ทั้งที่เมื่อกี้พึ่งโทรศัพท์หาเขานะเหรอ?
“และท่านก็ยังนำทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลไปอีกด้วยครับ...”
เส็ตโชมารูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ก่อนผ่อนออก เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้นสักวันหนึ่ง...
เพราะอย่างนั้นมันก็คงไม่น่าตกใจสักเท่าไหร่นัก ถ้าท่านจะไปที่ไหนสักแห่ง
“นอกจากเรื่องนี้ยังมีอีกไหม?”
“มีครับ....”เส็ตโชมารูเหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ
เพื่อรอฟังสิ่งที่เขาคิดว่าจะต้องได้ยิน “ชิมาดะเริ่มจะถึงขีดจำกัดแล้วครับ นางคงอยู่ได้อีกไม่นาน...”
“ไว้ฉันจะโทรกลับไป...”
เส็ตโชมารูตัดสาย ก่อนมองดูท้องถนนที่เต็มไปด้วยสายฝนที่เริ่มจะบดบังถนนที่หากขาดสมาธิไปเพียงเล็กน้อย
ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่มันคงไม่เกิดขึ้นกับเส็ตโชมารูแน่...
“เด็กคนนั้น
จะต้องอยู่คนเดียว...”
ปี๊ด! ปี๊ด!
ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดนี้ของเขาที่ผุดขึ้นมา
ทำให้เขาไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่วิ่งตรงมาข้างหน้า ทันทีที่เขาเรียกสติกลับมา
ก็รีบหักหลบให้พ้นทาง แต่ทางที่เขาขับอยู่เป็นเชิงเขา แม้จะหลบได้
แต่มันก็ทำให้รถของเขาร่วงแล่นไถลไปตามเนิน กระทั่งกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งดังโครมจนจอดสนิท
ก่อนทุกอย่างเบื้องหน้าจะดับวูบไป
รอก่อนนะ
พี่จะกลับไปหาแล้วนะ....อินุยาฉะ
.......................................
“เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมค่ะ”
“ครับ
มีแผลถลอกและฟกช้ำหลายที่ แต่สมองไม่ได้กระทบกระเทือนอะไร
ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาได้ทุกอย่างก็โอเคครับ”
“
ถ้าเขาฟื้นงั้นเหรอค่ะ?”
“ผมไม่ได้จะสื่อแบบนั้นนะครับ
ผมมั่นใจว่าเขาต้องฟื้นแน่ๆครับ”
“อ่ะ!
เขาฟื้นแล้วจริงๆด้วย”
“เห็นไหม
ผมบอกคุณแล้ว”
ดวงตาสีอำพันหรี่มองภาพเงาของสองร่างที่เลือนรางอยู่เบื้องหน้า
เสียงถกเถียงเมื่อครู่ทำให้เขาสงสัยว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น
เมื่อภาพชัดเจนเขาก็พบชายคนหนึ่งซึ่งสวมแว่นตาและชุดหมออยู่ และข้างๆก็เป็นหญิงสาวหน้าตาอายุสักสิบสี่สิบห้าปีได้
ทั้งสองกำลังมองดูเขาราวกับว่าเห็นสิ่งมหัศจรรย์สิ่งใหม่ของโลก
“ที่นี่ที่ไหน...”
“ถามแบบนี้กันทุกคนสิน่า
ก็โรงพยาบาลน่ะสิครับคุณ!” หมอว่าอย่างเหนื่อยใจ คนไข้ก็เป็นซะแบบนี้!
“คุณหมอคะ!”เสียงของนางพยาบาลที่ยืนอยู่ไม่ไกลเอ็ดขึ้น ทำให้หมอทำหน้างอก่อนจะอธิบาย
“คุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
และพอดีมีคนไปพบเข้าจึงโทรเรียกรถพยาบาลให้ไปหิ้ว..เอ่อ
หมายถึงพาคุณมาที่รพ.นี่แหละครับ ส่วนเด็กสาวคนนี้เห็นว่ามากับครอบครัว
พวกเขาบอกเป็นคนรู้จักของคุณ” หมอผายมือไปทางเด็กสาวในชุดเดรสสีขาวคนที่ยืนข้างๆ ผมสีดำและดวงตากลมโตสีดำของเด็กสาวจ้องมองที่เขาอย่างเป็นกังวล
“ขอบคุณนะ
ริน”ชายหนุ่มเอ่ยบอกกับเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ”เด็กสาวยิ้มให้
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างโอเคแล้ว หมอกับพยาบาลจึงขอตัวออกจากห้องไปทำอย่างอื่น
เหลือพวกเขาไว้แค่สองคน
“ท่านเส็ตโชมารู”
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้น”
“รินไม่เรียกแบบนี้ไม่ได้หรอกค่ะ
ก็ท่านเส็ตโชมารูเป็นผู้มีพระคุณของรินนี่คะ”เด็กสาวเอ่ยยิ้มๆแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มที่บุคลิกเยือกเย็นราวกับเจ้าชายที่หลุดออกมาจากเทพนิยาย แต่ลึกๆแล้วกลับอ่อนโยน เด็กสาวรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ชายหนุ่มตรงหน้าของเธอคือคนที่ช่วยเธอเอาไว้เมื่อสองปีก่อน
ครั้งนั้นเธอถูกหลอกมาที่นี่ โดยคนพวกนั้นบอกว่าจะให้เธอได้พบกับพ่อและแม่ที่หายไป
แต่เมื่อมาถึงนี่ก็เกือบถูกคนพวกนั้นเอาไปขาย โชคดีที่ได้เส็ตโชมารูมาช่วยเอาไว้ หลังจากนั้นเขาก็ยังช่วยให้เธอได้เรียนหนังสือแล้วก็ฝากให้ทำงานที่ร้านอาหารของครอบครัวเพื่อนพ่อที่รู้จัก
ซึ่งคนเหล่านั้นก็ใจดีให้อาศัยอยู่ด้วยจนเป็นเหมือนครอบครัวที่คอยดูแลเธออย่างดีทีเดียว
แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอเรียกเขาว่า “ท่านเส็ตโชมารู”ได้ยังไงกัน
“เธอนี่จริงๆเลย” เส็ตโชมารูเอ่ย
“รินเป็นห่วงท่านมากเลยนะคะ ดีจริงๆที่ท่านฟื้นขึ้นมา
ท่านหลับไปตั้งสองวันเลย....”รินเอ่ยด้วยสีหน้าและแววตาที่เป็นห่วงอย่างชัดเจน
“อะไรนะ..”
เขาเอ่ยขึ้นเสียงเย็นพร้อมความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่พึ่งได้ยิน
เมื่อความคิดนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก็ทำให้เขายันตัวลุกขึ้นนั่งจนเด็กสาวข้างเตียงถึงกับสะดุ้ง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ!?”เธอมองดูชายหนุ่มที่มีท่าทีเปลี่ยนไปด้วยความตกใจ
“ริน.....เธอบอกว่าฉันหลับไปนานแค่ไหนแล้วนะ”
เส็ตโชมารูถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ปกติที่สุด แม้ในใจของเขาจะร้อนรนมากก็ตาม
“เอ่อ...สักสองวันค่ะ”รินตอบ ชายหนุ่มหลุบตาต่ำลงนึกคิดถึงเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะมานอนอยู่ตรงนี้
“ฉันต้องไปแล้ว
ขอบคุณที่ช่วย.....”เส็ตโชมารูเอ่ยพร้อมพยายามดันตัวจะลุกออกจากเตียง
แต่เด็กสาวก็พยายามยื้อเขาเอาไว้
“เดี๋ยวสิคะ
แผลท่านยังไม่หายดี จะไปแบบนี้ได้ยังไง”
เส็ตโชมารูชะงัก
ความเจ็บแล่นแปลบไปทั่วร่างเมื่อเขาขยับตัว
อาการของเขาดูแล้วไม่น่าสาหัสอะไรแต่แค่ขยับก็แทบจะลำบาก
เขาควรจะเชื่อฟังเด็กสาวและพักรักษาตัวอยู่ที่นี่เฉยๆน่ะเหรอ?
ภายในอกร้อนใจ
ตอนนี้ท่านแม่ของเขาไม่ได้อยู่ที่คฤหาสต์และหอบสมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลไปแล้ว
เรื่องตระกูลนั้นไม่เท่าไหร่
แต่เรื่องที่ย่าชิมาดะเหลือเวลาอยู่บนโลกนี้นั้นน้อยเต็มทีตังหาก
ที่น่าเป็นห่วง...
เด็กคนนั้นจะต้องสูญเสียคนสำคัญอีกแล้ว....
เด็กคนนั้นจะต้องอยู่คนเดียว....
ไม่ได้เด็ดขาด
เขาไม่มีทางปล่อยให้เด็กคนนั้นต้องอยู่คนเดียว..
เขาเป็นห่วงเด็กคนนั้นจริงๆ
ความเยือกเย็นที่มีแทบจะมลายหายไป ความรู้สึกและเหตุผลตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว ..
ทุกครั้งที่เป็นเรื่องของเด็กคนนั้น
เขาจะสูญเสียความเยือกเย็นของเขาเสมอ...
เหมือนคราวนี้...ที่เขาบาดเจ็บก็เช่นกัน
เขาต้องเยือกเย็น
ไม่อย่างนั้นเขาจะปกป้องเด็กคนนั้นเอาไว้ไม่ได้
เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว....เส็ตโชมารู
“......”
แต่แล้วความคิดมากมายของเขาก็หยุดชะงัก มีบางอย่างผิดปกติ บางอย่างที่สำคัญ...
“เด็กคนนั้นที่ว่า นี่ ใครกันล่ะ....”
“ทำไมฉันถึงนึกหน้าเด็กคนนั้นไม่ออก.....”
“ท่านเส็ตโชมารูคะ”
เส็ตโชมารูหันมองเด็กสาว
เมื่อรู้สึกตัวว่าเธอกำลังมองมาที่เขา
เธอรีบขอโทษด้วยท่าทีเขินอายขึ้นทันทีเมื่อจังหวะที่เขาหันมา
ทำให้ใบหน้าของเขาและเธอห่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“อ่ะ!
ขอโทษค่ะ คือหนูเห็นว่าท่านนิ่งไป เลยเผลอเรียกออกมา”
เส็ตโชมารูมองเด็กสาวก่อนยิ้มบางๆ
ออกมากับท่าทีของเธอ
“ฉันจะพักอยู่นี่สักพักแล้วกัน...”เด็กสาวยิ้มอย่างร่าเริงขึ้นมา
ก่อนเปลี่ยนเป็นประหลาดใจและแอบเศร้าเมื่ออีกฝ่ายพูดจนจบ
“ถ้าหายดีเมื่อไหร่
ฉันจะกลับญี่ปุ่นทันที” ดวงตาที่แน่วแน่ทำให้เด็กสาวได้แต่ยิ้มตอบ
เธอไม่รู้ว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้เส็ตโชมารูดูร้อนรนต่างจากปกติ
และความรู้สึกที่อยากกลับญี่ปุ่นขนาดนั้นคืออะไร
แต่เธอคิดว่าเหตุผลนั้นคงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอประมาทจนได้รับบาดเจ็บแน่ๆ
เหตุผลที่เธอไม่รู้
เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่เคยเอ่ยเล่าให้เธอฟังและก็คงไม่มีวันเล่าให้ฟัง
เหตุผลที่สำคัญขนาดทำให้อีกฝ่ายร้อนรนได้
เธออยากรู้จริงๆว่ามันคืออะไรกันนะ....
จากวันที่เธอพบกับเขา
จากวันนั้นถึงตอนนี้ เธอขอแค่ได้อยู่ข้างๆอีกฝ่ายแบบนี้ ก็พอใจแล้วแท้ๆ....
“งั้นรินจะไปหาอะไรมาให้ทานนะคะ”เด็กสาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่ปั้นให้ดูร่าเริง
แม้ในใจเธอจะรู้สึกถึงบางสิ่งที่จะทำให้เธอต้องจากกันกับอีกฝ่าย
เส็ตโชมารูไม่ตอบอะไร
เขาค่อยๆเอนตัวลงพิงกับเตียง เมื่อเด็กสาวขอตัวออกไปด้านนอกแล้ว
เส็ตโชมารูก็นั่งนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
“ทำไมกัน
ทำไมฉันถึงนึกหน้าของเขาไม่ออก.....”
“แล้ว...เด็กคนนั้น....”
“ใครกัน........”
TBC.
..................................................................................
ในที่สุดท่านพี่ชายก็โผล่มาาา ไม่รู้มีใครดีใจเหมือนไรท์มั้ย
แต่มาแบบนี้ทุกคนอาจอยากถ่วงไรท์ลงน้ำก็ได้นะ ฮาาา ที่แน่ๆท่านพี่เส็ตคนนึงแหละ
โอเคไว้พบกันตอนหน้านะทุกคนนน
ขอบคุณสำหรับการติดตามเช่นเคยนะจ้ะ //โค้งงามๆ
ความคิดเห็น