ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC INUYASHA] Destiny พิชิตชะตา สัญญารัก

    ลำดับตอนที่ #6 : ♣ Destiny ♣ Chapter 05

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 61


    ในโรงยิมของโรงเรียนมัธยมโทโมะ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กำลังตั้งอกตั้งใจฝึกซ้อมวอลเลย์บอลกันอยู่ โดยที่มีอาจารย์พละสุดโหดประจำโรงเรียนจับตามองดูพวกเขาอยู่ เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีดำที่สวมผ้าคาดหัวสีน้ำตาลและรวบหางม้าไว้ตบลูกบอลที่ตรงไปทางเขาด้วยฝ่ามือขวาเต็มแรง บวกกับแรงกระโดดอันน่าทึ่งของเขา ทำให้เกิดแรงปะทะรุนแรง และทิศทางที่มันกำลังมุ่งหน้าก็คือเด็กหนุ่มอีกคนผู้ที่เป็นเหมือนคู่กัดตลอดกาลของเขา

    “รับไปซะ อินุยาฉะ

    พลั่ก

    อินุยาฉะล้มลงเมื่อลูกบอลกระแทกกับหน้าของเขาเข้าอย่างจัง โดยไม่มีแม้กระทั่งการหลบหลีกหรือตั้งรับใดๆ และนั่นทำให้ทุกคนบริเวณนั้นตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น แม้กระทั่งร่างสูงที่เป็นคนโจมตีเขาก็ตาม

    ปรี๊ด เสียงนกหวีดจากอาจารย์ผู้สอนที่มองดูอยู่ทำให้การฝึกซ้อมสิ้นสุดลง

    “เฮ้ อินุยาฉะ นายเป็นอะไรมั้ย” เด็กหนุ่มผมสีดำอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆอินุยาฉะเมื่อครู่ รีบปรี่เข้าไปดูอาการเพื่อนของเขาทันที

    “.......” อินุยาฉะไม่ตอบ เขาลุกขึ้นนั่งช้าๆ สายตาของเขาเหม่อลอยและบริเวณจมูกของเขาก็มีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย นั่นทำให้มิโรคุเพื่อนของเขาเป็นห่วงไม่น้อย เพราะเพื่อนเขาคนนี้เหม่อลอยแบบนี้มาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว โดยที่เขาเองก็รู้สาเหตุว่ามันเป็นเพราะอะไร

    “เฮ้ นี่นายเหม่ออะไรของนายกันน่ะหะ” โคงะที่อยู่อีกฝั่งของเน็ต เดินมาทางพวกเขาทั้งคู่ที่นั่งอยู่พลางเอามือกอดอกยืนมองอินุยาฉะอย่างไม่พอใจนัก

     “โคงะ พาเพื่อนไปห้องพยาบาลซะ” และไม่ทันให้พวกเขาได้เปิดศึกอะไรกัน อาจารย์ที่ยืนมองอยู่ก็ตะโกนสั่งกับเขาเสียงเข้ม ทำให้เจ้าตัวถึงกับต้องโวยวายออกมาด้วยความไม่พอใจ

    “ ทำไมต้องเป็มผม !? หมอนี่มันเหม่อของมันเองนะ” โคงะใช้นิ้วชี้ที่ตัวเอง ก่อนจะหันไปโวยกับอาจารย์พร้อมใช้นิ้วชี้ไปทางอินุยาฉะที่เป็นตัวต้นเหตุของเรื่องนี้

    “ ไม่ต้องมาพูด ครูบอกให้เธอพาไปก็พาไปสิ หรือเธอจะอยาก.....” อาจารย์เอ่ยเสียงแข็ง พร้อมกอดอกยืนส่งสายตามาทางเขาด้วยออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากตัวของอาจารย์กล้ามบึก และสิ่งที่อาจารย์จะเอ่ยต่อไป คือสิ่งที่นักเรียนคนไหนก็ไม่อยากจะทำ มันคือฝันร้ายของคนที่ขัดคำสั่งของอาจารย์.....

    “โอเคครับ ผมพาไปก็ได้” โคงะรับคำ ก่อนเหลือบมองอินุยาฉะที่นั่งไม่พูดไม่จา  นี่อีกฝ่ายไม่คิดจะท้วงอะไรบ้างเลยหรือไง ? หรืออยากให้เขาพาไปงั้นสิ ? บ้ากันไปใหญ่แล้ว.....

     “โอเค งั้นคนอื่นๆ ซ้อมต่อได้ มิโรคุนายกลับไปซ้อมต่อ ให้เจ้าหมอนี่พาอินุยาฉะไป” อาจารย์ตะโกน ก่อนมิโรคุจะหันไปทางอาจารย์ด้วยสายตาเว้าวอน ว่าอย่าให้สองคนนี้ไปด้วยกันเลย ให้เขาพาไปจะดีกว่า

    “แต่ครูครับ” แต่ก็นั่นแหละ อาจารย์ไม่สนใจสายตาเว้าวอนของเขาแม้แต่นิด พร้อมทั้งยังเดินจากไปรวมกับกลุ่มนักเรียนที่ถูกสั่งให้ไปรวมตัวกันเพื่อฟังคำสั่งลำดับต่อไป

    “ช่างเถอะน่า ฉันไม่เอาเพื่อนนายไปทรมานที่ไหนหรอก” โคงะเอ่ย เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของมิโรคุที่แสดงออกมาอย่างโจ่งแจ้ง ว่าเป็นห่วงเพื่อนตัวเองซะเต็มประดา มิโรคุเงยหน้าขึ้นไปมองโคงะที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้แต่โดยดี

    “โอเค” มิโรคุเอ่ยรับ ก่อนเขาจะหันไปเขย่าแขนอินุยาฉะเบาๆ พร้อมกระซิบกับเพื่อนที่ยังคงเหม่อลอยของเขาด้วยความเป็นห่วง “นายตั้งสติแล้วเดินดีๆนะ รู้ไหมอินุยาฉะ”

     “อืม” อินุยาฉะเอ่ยรับเบาๆ เมื่อได้สติกลับมาบ้างแล้ว

    “งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วไว้เรียนเสร็จฉันจะแวะไปหานาย” มิโรคุเอ่ยก่อนเขาจะตัดสินใจวิ่งกลับไปรวมกับเพื่อนๆคนอื่นที่กำลังถูกอาจารย์อบรมการฝึกขั้นต่อไปอยู่

    “เอ้า แล้วนี่นายจะนั่งอยู่อีกนานมั้ย ?” โคงะที่ยืนดูอยู่นานถามขึ้นพร้อมกับมองมาที่อินุยาฉะที่เงยหน้าขึ้นสบตาเขา โคงะมองอินุยาฉะนิ่ง ก่อนจะยื่นมือไปให้อีกฝ่าย

    “ลุกขึ้นได้แล้ว” โคงะพูดก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นขณะที่ยื่นมือให้อินุยาฉะ

     “ไม่เป็นไร ขอบคุณ” อินุยาฉะปฏิเสธมือนั่น ก่อนเขาจะดันตัวเองลุกขึ้น นั่นทำให้โคงะฉุนไม่น้อย ทว่าก่อนที่จะได้เอ่ยอะไร เขาก็คว้าแขนอีกฝ่ายที่เกือบล้มลงไปอีกรอบด้วยอาการมึนที่คงเหลือจากแรงปะทะเมื่อครู่ไว้ได้ทันเสียก่อน

    “ยังจะทำเป็นเก่งอีกนะนาย” โคงะเอ่ยพร้อมแสยะยิ้มยั่วโมโหอีกฝ่าย

    “ช่างฉันเหอะน่า” อินุยาฉะพยายามสะบัดแขนที่ถูกเกาะกุมอยู่ออก แต่โคงะก็ดูไม่มีทีท่าจะปล่อย เมื่อพบว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยังคงซีดเซียวอยู่เล็กน้อย เมื่อสังเกตดีๆอาการมึนของอีกฝ่ายอาจจะไม่ใช่เพราะลูกบอลที่เขาฟาดใส่อีกฝ่ายแค่สาเหตุเดียวก็เป็นได้

     “หยุดโวยวายสักที ฉันก็ไม่ได้อยากมาทำแบบนี้กับนายหรอกนะจะบอกให้” โคงะบอก ....หรือเจ้าหมอนี่จะไม่ได้กินข้าวเช้ากันเนี่ย....

    “พวกนายสองคนจะยืนอยู่อีกนานมั้ย เพื่อนเขาจะได้ใช้สนามกันต่อ รีบไปได้แล้ว” อาจารย์ตะโกนบอกเสียงเข้มเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ยังคงยืนโอ้เอ้กันอยู่ในสนาม จนเพื่อนนักเรียนคนอื่นหันมาทางพวกเขาด้วยความสนใจ และลุ้นระทึกว่าทั้งคู่ที่เป็นคู่กัดกันจะไปถึงห้องพยาบาลกันได้ด้วยดีหรือเปล่า ไม่เว้นแม้แต่มิโรคุเองก็ตาม

    “เห็นมั้ย เพราะนายมัวแต่โอ้เอ้นั่นแหละ” โคงะเอ่ยโทษอีกฝ่ายเบาๆ

     “แค่นี้ฉันเดินเองได้” อินุยาฉะตัดสินใจสะบัดมืออีกฝ่ายที่จับแขนเขาอยู่ออกอีกครั้งและครั้งนี้โคงะก็ยอมปล่อยแต่โดยดี ก่อนอินุยาฉะจะเดินดุ่มๆนำไปทางประตูโรงยิม โดยมีโคงะที่มองตามหลังไปอย่างขำๆ เพราะท่าทางที่เดินของอีกฝ่ายดูเหมือนกับท่าทางของนกเพกวินกำลังเดินอยู่ไม่มีผิด นั่นก็คงเป็นเพราะอาการมึนของอีกฝ่ายน่าจะยังเหลืออยู่

    “ทำเป็นเก่งตลอดเลยนะเจ้าหมอนี่” เขาเอ่ยก่อนจะรีบวิ่งตามอีกฝ่ายไป เพื่อหนีสายตาเย็นยะเยือกของอาจารย์ที่จ้องมาที่เขาจนเสียวสันหลังวาบ

     

    .................................................................

      “เสร็จแล้วจ้ะ” อาจารย์ห้องพยาบาลพูดขึ้น เมื่อจัดการติดพลาสเตอร์ยาลงบนจมูกของอินุยาฉะ หลังจากที่จัดการฆ่าเชื้อที่แผลถลอกบนใบหน้าของเด็กหนุ่มเรียบร้อยแล้ว

     “คราวหน้าคราวหลังพวกเธอก็ระวังๆกันหน่อยละ โดยเฉพาะเราโคงะ อย่าใช้กำลังทำให้เพื่อนบาดเจ็บอีกเข้าใจมั้ย”

     “อาจารย์ ผมไม่ได้เป็นคนผิดสักหน่อย หมอนี่เองที่ยืนเหม่อน่ะ” โคงะอธิบายพร้อมทำหน้ามุ่ยใส่อีกฝ่ายที่นั่งอยู่ข้างๆ

     “นายจะไปรู้อะไร.....”

     “นายว่าไงนะ” โคงะขมวดคิ้วจ้องอีกฝ่ายที่ตอบกลับมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งนั้นอย่างพยายามอ่านความคิดว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไรกันแน่

    เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี อาจารย์พยาบาลจึงขอตัวออกจากห้องไป โดยไม่รอที่จะบอกให้ทั้งสองคนอย่าลืมกลับห้อง หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไป

    โคงะที่จ้องอีกฝ่ายนิ่งอยู่สักพักลุกออกจากเก้าอี้ ก่อนจะไปนั่งบนเตียงที่อยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย พร้อมขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดที่บอกไม่ถูก แผ่นหลังที่ดูเศร้าสร้อยของอีกฝ่ายและปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายตอบสนองกับการกระทำของเขา มันต่างจากปกติจนเขาอดที่จะรำควญใจและสงสัยไม่ได้ ว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังเผชิญกับเรื่องอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายนั้นเป็นได้ถึงขนาดนี้ ทั้งที่ปกติออกจะเป็นคนขี้โวยวายแท้ๆ...

     “นี่นายเป็นอะไรของนายกันแน่” โคงะตัดสินใจเอ่ยถามขึ้น และหวังอยู่ลึกๆว่าอีกฝ่ายจะตอบคำถามนี้ของเขา

     “..........” แต่แล้วเขาก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมาเท่านั้น

     “นายนี่ยังกับลูกหมาหงอยเลยแหะ” โคงะเอ่ย ก่อนไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดออกไปแบบนั้น “ยังกับลูกหมาที่ถูกทิ้ง”

     “ฟึ่บ

      โคงะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆอินุยาฉะก็ลุกขึ้นแล้วหันควับมาคว้าคอเสื้อเขาพร้อมกับถลึงตาโตแล้วจ้องเขาอย่างดุดัน ดวงตาสีอำพันของอีกฝ่ายสั่นไหวและแฝงเอาไว้ด้วยอะไรบางอย่าง ถึงมันจะดูเหมือนเกรี้ยวกราดแต่ก็แลดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก นั่นทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาของอีกฝ่ายได้

     มือขาวที่คว้าคอเสื้อของเขาสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรืออะไรกันแน่

     “นายจะไปเข้าใจอะไร” อินุยาฉะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเจ็บปวดใจอย่างที่โคงะก็ไม่เข้าใจ แต่ที่แน่ๆ คำพูดของเขาคงจะไปกระทบกับจุดที่อ่อนไหวของอีกฝ่ายเข้าโดยไม่รู้ตัว

     “.....”

     

     ครืด.....

    “เฮ้! นี่พวกนายทำอะไรกันเนี่ย” ประตูเปิดออกพร้อมกับผู้มาใหม่ที่วิ่งปรี่เข้าไปแยกทั้งคู่ออกจากกัน

     “ฉันได้ยินมิโรคุบอกว่าพวกนายมาที่นี่ด้วยกัน แต่ไม่คิดเลยว่าจะทะเลาะจนถึงขั้นจะลงไม้ลงมือกันแบบนี้นะ” เด็กสาวในชุดนักเรียนสีขาวและกระโปรงสีดำยาวจนถึงตาตุ่มพร้อมสวมปลอกแขนของสภานักเรียนไว้เอ่ยขึ้นอย่างไม่ชอบใจนัก

     “ใจเย็นก่อนซังโกะจัง” เด็กหนุ่มผมดำที่ถูกเอ่ยชื่อรีบปรามเด็กสาวที่กำลังกอดอกจ้องมองทั้งคู่ราวกับครูฝึกทหารที่กำลังดุนายทหารยังไงยังงั้น

     “อธิบายมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” ซังโกะเอ่ยคาดคั้น ก่อนอินุยาฉะจะมองเธอแล้วปรายตามองโคงะอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูเดินออกนอกห้องไป โดยไม่พูดอะไรสักคำ

     “หมอนี่เป็นอะไรกันแน่เนี่ย ” ซังโกะเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ  “กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะอินุยาฉะ” ซังโกะตะโกนก่อนจะวิ่งไล่ตามหลังของอินุยาฉะไป ในห้องจึงเหลือเพียงมิโรคุและโคงะที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างๆกันตรงนั้น

                มิโรคุเหลือบมองโคงะแว่บหนึ่ง ก่อนอีกฝ่ายจะมองมาทางเขาเช่นกัน นั่นทำให้เขาผงะถอยห่างออกจากอีกฝ่ายไปเล็กน้อย และก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินออกมาจากห้อง มิโรคุก็เอ่ยบางสิ่งที่เรียกความสนใจจากโคงะได้เป็นอย่างดี

     “หมอนั่นสูญเสียคนที่รักมากไปน่ะ” มิโรคุเอ่ยเสียงเรียบ

     “หะ?” โคงะขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยด้วยความประหลาดใจ เขามองดูแผ่นหลังของมิโรคุที่กำลังจะพ้นประตูออกไปอย่างรอคำพูดที่อีกฝ่ายจะเอ่ยต่อไป

     “พี่คิเคียว เธอตายไปแล้วน่ะ”

    “..........” โคงะเบิกตากว้าง เมื่อภาพของหญิงสาวคนสนิทของคู่กัดเขาแว่บขึ้นมาในหัว  พี่สาวมิโกะคนนั้นตายแล้วงั้นเหรอ?

     “เพราะงั้นช่วงนี้นายอย่าไปยั่วโมโหหมอนั่นจะดีกว่า” มิโรคุพูดจบก็เดินออกจากห้องไป โดยไม่พูดอะไรไว้อีก ทิ้งให้โคงะจมอยู่กับความคิดของตัวเอง

    งั้นที่หมอนั่นมีท่าทีแบบนั้นก็เพราะแบบนี้เองสินะ.......

     

     

    TBC.

      .............................................

    ดีใจที่ยังมีรีดเดอร์ติดตามกันอยู่นะงับบบ \(^o^)/~

    จะพยายามอัพให้บ่อยเท่าที่ทำได้น้าาาาา ( \\ 》3《 //)

    อินุยาฉะ : พวกเจ้าน่ะ คอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ยัยไรท์เตอร์ด้วยนะ!//


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×