ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Replace - kuroko no basuke novel แปลไทย

    ลำดับตอนที่ #7 : Replace I เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค Part 7

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 57


    คนแปล: Omaew
    คนเช็คคำ: Tori
    แปลEng: mocopersonal [tumblr]
    *****นิยายเรื่องนี้แต่งโดยทาง Officail เอง เราแค่นำมาแปลและปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการอ่านเท่านั้น*****

    _______________________________________

    เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค


                  
                  
    Part 7

                  

                  การแข่งขันดำเนินไปเป็นการเล่นอยู่ฝั่งเดียว

     

    ด้วยการเล่นที่ไม่มีแบบแผนของอาโอมิเนะ การชู้ตระยะไกลของมิโดริมะ การบุกของคิเสะที่ทำให้คู่แข่งหมดท่า แล้วก็ยังมีมิสไดเรคชั่นของคุโรโกะที่ทำให้เขาหายไปได้ภายในชั่วพริบตา

    พวกเด็กนักเรียนม.ปลายทำแต้มไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว แม้ว่าจะมีโอกาสได้ลูกบ้างก็จะถูกแย่งไปภายในไม่กี่ชั่ววินาที ผลก็คือพ่ายแพ้อย่างยับเยิน

    โมโมอิกับที่เหลือออกจากสวนสารธาณะทิ้งกลุ่มเด็กม.ปลายซึ่งพูดอะไรไม่ออกหลังพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเพราะความแข็งแกร่งที่ห่างชั้นกันเกินไป ไว้เบื้องหลัง

    และแม้ว่าคุโรโกะต้องการให้พวกเด็กม.ปลายมาขอโทษ แต่โมโมอิกลับบอกว่า "ชั้นไม่อยากเห็นหน้าพวกนั้นอีกแม้แต่วินาทีเดียว" และไม่รับคำขอโทษของพวกนั้น

    ปีหนึ่งที่ได้ลูกบาสคืนมาแล้วรู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสเห็นการเล่นในแมทช์เหล่าผู้ที่จะได้รับฉายาว่าเจเนอเรชั่นปาฏิหารย์ในอนาคต เขาพร่ำพูดว่า"ขอบคุณครับรุ่นพี่!'"อย่างไม่หยุดปากก่อนขอตัว

    ทั้ง5คนเองก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อไปส่งคุโรโกะถึงบ้าน

    ระหว่างที่เดินอยู่โมโมอิจึงคำถามที่มีอยู่ในใจกับมิโดริมะและคิเสะ

    "ทัังสองคนมาที่นี่เพราะเป็นห่วงเท็ตสึคุงเหมือนกับอาโอมิเนะคุงเหรอ?

    "ไม่ใช่ชั้นมาเพราะมีของบางอย่างจะให้เธอต่างหาก"

    ว่างั้นแล้วมิโดริมะก็หยิบกล่องกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋า

    มันคือกล่องบรรจุดินสอที่มีคำว่า"ยูชิมะ เท็นจิน"พิมพ์กำกับไว้ (ยูชิมะเท็นจินเป็นชื่อวัดจ้า//ผู้แปล)

    มิโดริมะยื่นกล่องใส่ดินสอนั้นให้โมโมอิ

    "นี่เป็นค่าตอบแทนที่ให้ชั้นยืมถ่ายเอกสารสมุดจดของเธอ อาวุธสุดท้ายของชั้นในการสอบ ดินสอกลิ้งแบบทำพิเศษ

    "ดินสอกลิ้ง!?"

    โมโมอิยื่นมือไปรับกล่องด้วยความตกตะลึง คิเสะมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    "แบบทำพิเศษแปลว่ามิโดริมัจจิเป็นคนทำเองเหรอ?"

    "นี่ละคือความหมายของการทำทุกอย่างเท่าที่เราสามารถจะทำได้ล่ะ" มิโดริมะยิ้มอย่างภาคภูมิ

    คิเสะเข้ามาใกล้เพื่อโบกมือไปมาตรงหน้าเขาก่อนเอ่ย

    "บอกตามตรงนะถึงวิธีการพูดเหมือนจะเท่ แต่นายไม่ได้ดูเท่เลยสักนิด"

    "อ๊ะ ดินสอมี3แท่งเท็ตสึคุงชั้นให้เธอแท่งนึง"

    โมโมอิบอกกับคุโรโกะ หลังจากส่องดูของภายในกล่อง

    "อ่า แบบนั้นจะดีหรอครับ"

    "ดีสิจ๊ะ" โมโมอิยิ้มให้คุโรโกะ

    "เท็ตสึคุง ข้อมือเคล็ดอยู่ ต้องไม่สะดวกตอนทำข้อสอบแน่ๆ คิดซะว่าเป็นกำลังใจจากชั้นละกัน"

    "งั้นผมจะรับมันไว้ครับ" คุโรโกะรับดินสอจากโมโมอิแล้วจ้องมองมัน

    ถึงเธอจะบอกว่าเพื่อเป็นกำลังใจ แต่นั่นเป็นความจริงแค่ครึ่งหนึ่งและข้ออ้างอีกครึ่งหนึ่งนั่นก็คือ เพื่อให้สิ่งของไว้เป็นที่จดจำสำหรับเรื่องในวันนี้

    หลังจากได้กลับบ้านด้วยกันโมโมอิก็เข้าใจสิ่งหนึ่งได้ในที่สุด

    เท็ตสึคุงนี่เท่จริงๆเลย!

    โมโมอินึกเชื่อมั่นเช่นนั้นซ้ำไปซ้ำมา

    เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเพื่อนคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นการแข่งที่เล่นตุกติก เด็กหนุ่มก็จะไม่ลังเลที่จะลงแข่ง คนประเภทนี้หาได้ยากมากแล้วในสังคมปัจจุบัน

    แล้วคนแบบนี้จะมีใครไม่ชอบไปได้ยังไงกัน

    หัวใจของโมโมอิเต็มไปด้วยความคิดหวานแหววของความรัก

    ระหว่างที่มิโดริมะกำลังเล่าให้คุโรโกะกับอาโอมิเนะฟังเกี่ยวกับเบื้องหลังตำนานดินสอกลิ้ง โมโมอิกับคิเสะก็เดินตามหลังเขาไป

    "แล้วทำไมคีจังถึงไปที่สวนสาธารณะล่ะ"

    "อยากรู้เหรอ?"  คิเสะเริ่มฉีกยิ้ม

    "ถ้าเธอเต็มใจจะบอกชั้นก็อยากรู้จ้ะ"

    "งั้นถ้าชั้นยอมบอก โมโมจจิเองก็ต้องอธิบายให้ตรงตามความจริงที่สุดเลยนะ"

    "หืม? อธิบาย?”

    คิเสะเข้ามาใกล้หูของโมโมอิราวกับต้องการที่จะกระซิบ วางมือไว้ที่ปากของตัวเอง แล้วเอ่ยเสียงเบา

    "ชั้นแค่อยากรู้ว่าจะมีพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคุโรโกจจิ หลังจากกลับบ้านด้วยกันรึเปล่า? ตกลงว่ามีไหม?"

    "อ๋า!?" โมโมอิมองคิเสะด้วยความช็อค

    คิเสะขยิบตาให้เธอ

     แล้วก็น้า จริงๆแล้วชั้นคิดว่าโมโมจจิชอบอาโอมิเนจจิ แต่ดูเหมือนว่าเธอก็ชอบคุโรโกจจิมากเหมือนกัน ตกลงว่าเธอชอบคนไหนเหรอ? 

    โมโมอิเบิ่งตากว้าง ช่างเหนือความคาดหมายที่คิเสะสามารถมองเธอออกไดัถึงขนาดนี้

    นี่คงจะเป็นกรณีที่ว่าคนนอกมองเห็นสถานการณ์ได้ดีกว่าคนในสินะ

    โมโมอิหัวเราะ

    ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆไปแล้วยังไงอย่างนั้นเลยนะ

    "หา หัวเราอะไรล่ะเนี่ย บอกชั้นหน่อยสิ บอกชั้นหน่อยสิ ชั้นอุตส่าห์ยอมพูดไปหมดแล้วน้า เพราะงั้นโมโมจจิก็ต้องเล่าให้ชั้นฟังด้วยสิ"

    "โอ๋ ชั้นควรจะพูดดีไหมน้า"

    "เอ๋?  อาการแบบนี้ แปลว่ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นสินะ?" คิเสะคาดเดาได้อย่างแม่นยำ

    "ฮิฮิ งั้นชั้นจะบอกแค่ว่ามีความคืบหน้าพอสมควรจ้ะ"โมโมอิพูดด้วยรอยยิ้ม

    "เอ๋?  ว่าไงน้าาาาาาาาา!? จริงเหรอ!?" คิเสะพูดเสียงดังด้วยความประหลาดใจ ทำเอาอาโอมิเนะหันกลับมาถาม

    "เฮ้! พวกนายสองคนทำอะไรกันอยู่"

    "ไม่มีอะไร แต่บอกอาโอมิเนจจิไม่ได้เด็ดขาด!"

    "หา? พูดงั้นหมายความว่าไง!?"

    "เพราะว่า....โมโมจจิเราบอกไม่ได้ใช่มะ?"

    โมโมอิทำเพียงแค่ยิ้มมองมาที่เขาแล้วจงใจพูดเปลี่ยนเรื่อง

    "อื้ม อาคาชิคุงอุตส่าห์บอกว่าไม่ให้เถลไถลสุดท้ายก็เตร่ข้างนอกกันตั้งนานแน่ะ"

    โมโมอิจงใจบ่นเป็นเหตุให้คุโรโกะเกาแก้มตัเองอย่างขัดเขิน

    "งั้นเหตุการณ์วันนี้ต้องเก็บเป็นความลับจากอาคาชิคุงนะครับ"

    "เหตุการณ์พวกนี้เนี่ยนะ!?" คิเสะหลุดปากในทันที

    "ว่ากันตามตรง หมอนั่นคงจับได้แน่" มิโดริมะเองก็เห็นด้วยกับคำพูดของอาโอมิเนะ

    "เดี๋ยวยังไง มุราซากิบาระก็คงบอกความจริงกับอาคาชิแน่"

    "หืม?  มีอะไรเกี่ยวกับชั้นงั้นเหรอ?"

    "อ๊ะ!" อาโอมิเนะตกใจเมื่อจู่ๆมุราซากิบาระก็โผล่มาข้างหน้าพวกเขา

    "มุราซากิบาระคุงยังไม่กลับบ้านเหรอครับ" คุโรโกะซึ่งเป็นคนที่หวาดผวาน้อยที่สุดในตอนนี้เอ่ยถาม

    "งืมมมม~ ชั้นก็กะว่าจะกลับบ้านละแต่ลืมรสชาติของแท่งแครกเกอร์รสน้ำพริกเผามะเขือเทศไปไม่ได้ เลยมาเดินหาร้านที่ขายน่ะ สุดท้ายก็ซื้อมาได้จากร้านสะดวกซื้อร้านที่สาม เลยอยากเอามาให้คุโรจินชิมสักนิด

    มุราซากิบาระหยิบถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยแท่งแครกเกอร์ออกมา

    "ขอบคุณครับ" คุโรโกะรับไว้

    "จริงสิครับ มุราซากิบาระคุงช่วยเก็บในวันนี้เป็นความลับจากอาคาชิคุงได้ไหมครับ?"

    "หืม? ทำไมล่ะ?" มุราซากิบาระมีท่าทีงุนงง

    "เพราะถ้าอาคาชิคุงรู้ว่าพวกเราเข้าเกมเซ็นเตอร์เพื่อที่จะไปเอาขนม เขาต้องโกรธแน่นอนเลยครับ"

    "ถ้าอย่างงั้นก็ได้ ชั้นก็ไม่อยากโดนอาคาจินด่าเหมือนกัน" มุราซากิบาระตกลงในทันที 

    โมโมอิกับคิเสะอดไม่ได้ที่จะปรบมือพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งใจที่คุโรโกะเก่งดัานการพูดโน้มน้าว

    "ถ้างั้นเรื่องวันนี้ให้เป็นความลับระหว่างเราหกคนนะครับ"

    "ความลับอย่างนั้นเหรอ..." คำพูดที่ออกไปในเชิงหวานแหววนั้นทำให้โมโมอิมีความสุขมากเหลือเกิน

    คุโรโกะส่งยิ้มอบอุ่นให้แล้วพูดกับโมโมอิ

    "ถึงเราจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอาคาชิคุงไม่ได้...แต่วันนีผมมีความสุขมากจริงๆครับ"

    นี่ช่างเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นแต่ก็เปราะบางที่จะถูกประทับไว้ในหัวใจของโมโมอิตลอดไป

     

    ไม่กี่เดือนต่อมา

    แต่ละคนต่างเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในภายตัวของเขาเอง

    เริ่มจากพรสวรรค์ที่เบ่งบานกระทันหันของอาโอมิเนะ

    สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยยึดพวกเขาไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนาก็เริ่มพังทลายลงอย่างเงียบๆ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Freetalk : จบไปแล้วสำหรับตอนแรก และอาจจะเป็นตอนเดียวที่โอซอยเป็นตอนย่อยขอรับ กำลังแปลตอนสั้นอยู่อีกตอนเพราะงั้นเดี๋ยวตอนที่สองซึ่งเกี่ยวกับไคโจวจะเอามาลงในไม่ช้า ฮาาาา ตอนนี้จบในซึ้งกินใจเป็นอันอธิบายเรียบร้อยว่า ทำไมคนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับมิโดริมะเป็นพิเศษ อย่างคุโรโกะถึงได้มีดินสอทำพิเศษสุดเฮงของเจ้าตัวได้  คำบรรยายตอนจบทำร้ายจิตใจและฟิลลิ่งคนแปลๆด้พอควร เอาเป็นว่าเจอกันครั้งหน้าจ้าา 
    ปล ไหนๆก็จบหนึ่งตอนใหญ่แล้วเม้นความรู้สึกต่อเนื้อเรื่อง หรือ ติชมการแปลและความถูกต้องของโอให้ปรับปรุงได้เลยนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×