ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Replace - kuroko no basuke novel แปลไทย

    ลำดับตอนที่ #6 : Replace I เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค Part 6

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 57


    คนแปล: Omaew
    คนเช็คคำ: Tori
    แปลEng: mocopersonal [tumblr]
    *****นิยายเรื่องนี้แต่งโดยทาง Officail เอง เราแค่นำมาแปลและปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการอ่านเท่านั้น*****
    Warning: ระวังความแอบฟินที่ล้นทะลัก

    _______________________________________

    เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค


                  
                  
    Part 6

                  

                   

    โมโมอิกับคุโรโกะมองดูรูปสติกเกอร์ที่พึ่งถ่ายระหว่างทางกลับบ้านด้วยกัน 

    พวกเขาแยกกับอีกสี่คนที่เหลือที่เกมเซ็นเตอร์ แล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป

    อาโอมิเนะเป็นคนแรกที่พูดขึ้นว่า "ในเมื่อถ่ายเอกสารเสร็จแล้ว งั้นชั้นไปก่อนละ " มิโดริมะก็พูดต่อว่า "ชั้นก็อยากจะกลับบ้านไปทบทวนเหมือนกัน " ส่วนมุราซากิบาระก็ "งั้นก็ได้ บ๊ายบาย ~"  มีเพียงคิเสะคนเดียวที่บอกว่า "ยังมีเด็กผู้หญิงอีกคนที่บอกว่าอยากถ่ายสติกเกอร์กับชั้น" แล้วอยู่ที่เกมเซ็นเตอร์ต่อ ว่าแล้วแต่ละคนก็ไปตามทางของตัวเอง

    สำหรับโมโมอิ ช่วงเวลาที่รอคอยมาแสนนานจึงเริ่มขึ้นได้เสียที

    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ตอนอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ก็มักไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องอะไรดี ซึ่งโมโมอิเองก็ไม่ได้ถูกละเว้นจากเรื่องนี้

    เธอรู้ตัวดีว่าตนควรจะเป็นผู้เริ่มบทสนทนาชวยคุยด้วยหัวข้อสัพเพเหระอะไรซักอย่างแต่ก็นึกไม่ออก 
    ระหว่างที่เธอกำลังจนปัญญาอยู่นี้ก็ใกล้ถึงบ้านของคุโรโกะขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งคู่คงจะได้แต่เดินกันไปเงียบๆตลอดทั้งเส้นทางแน่ๆ

    โอกาสที่จะได้เดินกลับบ้านกับคุโรโกะหายากแท้ๆ ถ้าต้องจบด้วยการพูดบอกลาเฉยๆ มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยเหรอ

    พูดก็พูดเถอะ ทำไมอาคาชิคุงถึงอยากให้ชั้นกลับบ้านเท็ตสึคุงนะ

    โมโมอิยังไม่หายข้องใจกับประเด็นแรกสุดที่เธอมีอยู่เลย

    ตอนที่มุราซากิบาระมาส่งข้อความให้เธอ เธอรู้สึกประหลาดใจมากจนไม่ได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนนัก และถึงแม้ว่าอาคาชิจะมองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่งแค่ไหน ชายหนุ่มก็คงไม่จงใจจัดการให้เธอกลับบ้านกับคุโรโกะเพื่อเธอหรอก 

    แล้วทำไมอาคาชิถึงจงใจเน้นทิ้งท้ายว่า "อย่าให้คุโรโกะเถลไถล "

    โมโมอิเค้นสมองระหว่างที่เดินอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดกระทันหัน

    เธอมองไปทางซ้ายของตัวเอง ขวา แล้วก็ซ้ายอีกครั้ง ไม่ผิดแน่

    "เท็ตสึคุงหายไปแล้ว!”

    หญิงสาวไม่รู้สึกตัวแม้แต่นิดเดียวว่าเธออยู่คนเดียวตั้งแต่เมื่อไหร่ สมกับเป็นเท็ตสึคุง โมโมอิคิดขณะที่กำลังเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่เดินมา

    เธอไม่สามารถเข้าใจความคิดของอาคาชิได้ แต่ในเมื่อชายหนุ่มไหว้วานเธอมาให้กลับบ้านกับคุโรโกะแล้วเจ้าตัวคงมีอะไรบางอย่างในใจแน่ ด้วยเหตุนี้เฉพาะวันนี้เท่านั้นที่เธอต้องไม่ปล่อยให้คุโรโกะหายไปไหนได้

    ไปไหนของเขานะ โมโมอิวิ่งพลางนึกถึงสถานที่ที่คุโรโกะน่าจะไปอยู่ ครู่นั้นเองที่ที่หนึ่งก็ผุดเข้ามาในความคิด

    สถานที่ที่คุโระโกะจะไปคงมีแต่ที่นั่นเท่านั้น

    โมโมอิวิ่งไปยังจุดหมายอย่างไม่ลังเล เธอมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งไม่ห่างจากตรงที่ที่เธอรู้ตัวว่าคุโรโกะหายไปมากนัก ที่แห่งนี้กว้างขวางและเต็มไปด้วยเครื่องเล่นออกกำลังกายกับบริเวณพักผ่อนหย่อนใจ

    พระอาทิตย์เริ่มจะตกดินแล้ว โมโมอิวิ่งไปรอบๆเพื่อตามหาร่องรอยของคุโรโกะ โดยไม่ยอมปล่อยให้เบาะแสหลุดรอดสายตาไปแม้แต่เบาะแสเดียว แล้วในที่สุดเธอก็หาเจอ

    "เท็ตสึคุง!”

    "เอ๋ คุณโมโมอิ?”คุโรโกะหันกลับมามองเมื่อตัวเองถูกเรียกด้วยความประหลาดใจที่เห็นโมโมอิวิ่งเข้ามา

    "หาที่นี่เจอจริงๆด้วยสินะครับ

    ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเด็กหนุ่มรู้สึกผิดที่หายตัวไปดื้อๆหรือเปล่า คุโรโกะเกาแก้มตัวเองน้อยๆ

    "ก็แน่ล่ะ!  เพราะที่สวนสาธารณะนี้มีสนามบาสน่ะสิ "

    โมโมอิรีบปรี่มาอยู่ตรงหน้าของคุโรโกะก่อนสูดหายใจลึกเข้าออกอยู่หลายเฮือก

    ตอนที่เธอเดาว่าคุโรโกะน่าจะไปอยู่ที่ไหน สถานที่แรกที่เธอนึกถึงคือสักที่หนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับบาสเก็ตบอล ตามขบวนรถไฟความคิดนั้นมาเรื่อยๆ สถานที่เดียวที่เป็นไปได้ก็มีแค่สวนสาธารณะแห่งนี้เท่านั้นเพราะมีสนามบาสเก็ตบอล

    จริงๆเลย ตอนนั้นเธอทำชั้นกลัวเลยนะที่จู่ๆก็หายไปแบบนั้น ได้ยินน้ำเสียงผิดหวังของโมโมอิพูดแบบนั้น คุโรโกะก็โค้งขอโทษแต่โดยดี ขอโทษครับ

     ผมแค่คิดว่าถ้าผมบอกว่าผมอยากมาที่นี่คุณโมโมอิต้องคัดค้านแน่ๆ

                    “ถ้าเธอไม่บอกเหตุผลมาก่อนถึงชั้นอยากจะค้านแค่ไหนก็คงค้านไม่ได้ละนะ

                    แม้ว่าเธอจะคาดเดาเหตุผลที่คุโรโกะอยากมาที่นี่ไว้แล้วก็ตาม เธอก็ยังคงถามออกไป

                    “นั่นก็เพราะ...คุโรโกะหลุบตามองต่ำราวกับชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่พูดดี จากนั้นก็หันตัวกลับไปมองสนามบาสเก็ตบอลเก็ตบอลซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 10 เมตร

                    เด็กหนุ่มหันกลับมาหาโมโมอิ แล้วจ้องมองมาที่เธอราวกับต้องการคำอนุญาติจากหญิงสาว

                    "ผมอยากเล่นบาสสักพักน่ะครับ"

                    "ไม่ได้!!" คุโรโกะถูกปฏิเสธทันควัน

                    "ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้หรอครับ?"

                    "ไม่ได้!" โมโมอิวางมือลงที่บั้นท้ายของตัวเองและปฏิเสธคำร้องขอของเด็กหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง

                    "เท็ตสึคุง เธอก็รู้ตัวดีอยู่แล้วนะว่าทำไมอาคาชิคุงถึงอยากให้เธอสังเกตการฝึกอยู่ข้างสนาม"

                    ไหล่ของคุโรโกะไหวเล็กน้อยจากคำพูดของโมโมอิ ลงเป็นแบบนี้.....

                    เคร้ง...

                    ในสวนสาธารณะที่ควรจะเหลือเพียงแค่โมโมอิกับคุโรโกะอยู่เพราะเด็กๆกลับบ้าน กันไปหมดแล้วกลับมีเสียงแปลกๆจากสิ่งที่ทำจากเหล็กกระทบกับอะไรบางอย่างดัง ขึ้น

                    ตามสัญชาตญาณ ทั้งคู่หันไปตามทิศทางของเสียงนั้นซึ่งดังมาจากทางสนามบาสเก็ตบอลข้างหลังคุโรโกะนั่นเอง

                    เสียงเมื่อครู่นี้น่าจะเป็นอะไรบางอย่างชนกับรั้วเหล็กที่ล้อมสนามบาสไว้

                    โมโมอิคาดเดาเช่นนั้น ขณะที่เสียงคุ้นๆดังขึ้นมาจากสนาม

                    "ชั้นบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าแค่ขอยืมเล่นหน่อย"

                    เสียงนั้นดังมาจากกลางสนามบาสเก็ตบอล

                    น้ำเสียงที่ว่าให้ความรู้สึกไม่ดีนักและ วิธีการที่ใช้พูดก็ฟังดูไม่ค่อยดี

                    ขณะที่โมโมอิกำลังลังเลอยู่นั่นเอง คุโรโกะได้ก้าวยาวๆเข้าไปในสนามเป็นที่เรียบร้อย

                    "เอ๊ะ เท็ตสึคุง!" โมโมอิรีบตามไป

                    เมื่อเข้าไปใกล้ ทั้งคู่ได้พบกับนักเรียนม.ปลาย 5 คนกำลังทำตัวกร่าง 2 คนในนั้นหน้าตาคุ้นๆ

                    หากแต่ว่าไม่ใช่แค่พวกนั้นเท่านั้นที่หน้าตาคุ้นๆ 

                    เด็กม.ต้นผอมบางที่กำลังหลังติดรั้วเหล็กและถูกล้อมกรอบอยู่ก็ดูคุ้นหน้าเช่นกัน

                    "เด็กคนนั้น.." โมโมอิกลั้นหายใจ เธอนึกอีกครั้งหนึ่งแล้วมั่นใจทันทีว่าคนนั้นอยู่ปีหนึ่งโรงเรียนม.ต้นเทย์โค ชมรมบาสเก็ตบอล เพราะว่าอยู่ทีมสองโมโมอิจึงไม่ได้คุยด้วยมากนักแต่เธอก็ยังจำหน้าได้

                    เด็กคนนั้นมองกลุ่มนักเรียนม.ปลายอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนขอร้องอย่างหมดหนทาง

                    "เอ่อ ช..ช่วยคืนบาสลูกนั้นให้ผมเถอะนะครับ มันสำคัญกับผมมาก"

                    นักเรียนปีหนึ่งยื่นมือออกไปเพื่อจะเอาลูกบอลคืนจากหนุ่มผมยาวทว่าหนุ่มผมยาวคนนั้นกลับยกบอลขึ้นเหนือหัวตัวเอง เด็กปีหนึ่งตัวเล็กจึงไม่สามารถเอื้อมถึงได้

                    พวกเด็กม.ปลายพากันหัวเราะ

                    "ถึงได้บอกไงว่าถ้าเล่นจนเบื่อเมื่อไหร่จะคืนให้ พวกชั้นเป็นถึงเด็กที่เข้าด้วยโควต้ากีฬาบาสเก็ตบอลเชียวนะ ไม่ได้เล่นมาสักพักใหญ่ ตอนนี้อยากจะเล่นสักสองสามตา! เข้าใจไหม?"

                    พูดง่ายๆก็คือ พวกนั้นช่วงนี้แทบไม่ได้เล่นบาสกันเลยสักนิด!

                    โมโมอิจับจ้องไปยังหนุ่มผมยาวที่กำลังโชว์ออฟด้วยการหมุนลูกบาสบนนิ้ว ถึงแม้ว่าเธอจะอยากวิ่งเข้าไปในสนามแล้วด่าพวกนั้น แต่ฝั่งนั้นมีถึง5คนด้วยกัน กับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าแล้วการรีบโดดเข้าไปรังแต่ทำให้อันตรายเท่านั้น

                    "อย่าทำแบบนี้เลยครับ บาสลูกนั้นเป็นของเขานะครับ"

                    ใช่เลย ใช่เลย ตัวชั้นเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เดี๋ยวนะ เอ๋!? โมโมอิมองด้วยความงุนงง

                    ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ คุโรโกะก็ไปยืนอยู่กลางสนามเสียแล้ว

                    "ถ้าพวกคุณอยากเล่นบาสก็ควรจะเตรียมลูกมาเอง คืนลูกบอลให้เขาไปเถอะครับ"

                    "ท..เท็ตสึคุง!?"โมโมอิรีบเอามือปิดปากตัวเองหลังจากหลุดตะโกนเรียกชื่อออกไป แต่มันก็สายไปเสียแล้ว

                    "พวกแกสองคนเมื่อกี้นี้นี่" หนุ่มผมยาวกับหนุ่มเจาะจมูกจำทั้งคู่ได้แล้ว

                    หนุ่มเจาะจมูกพ่นหมากฝรั่งทิ้งอย่างหัวเสีย โมโมอิสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุโรโกะเมื่อเห็นการกระทำของหนุ่มคนเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าหนุ่มเจาะจมูกพึ่งจะราดน้ำมันลงในกองเพลิงเสียแล้ว

                    "ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับเล่นบาส ช่วยทิ้งหมากฝรั่งให้ลงถังขยะด้วยครับ"

                    พวกเด็กม.ปลายที่ได้ยินคุโรโกะพูดด้วยน้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์เช่นนั้นก็หัวเราะร่วน

                    "เฮ้ย ได้ยินไหมวะ เขาบอกให้เราทิ้งหมากฝรั่งลงถังหว่ะ ตลกชะมัดเลย!"

                    "ถ้าไม่ชอบใจกันนัก ทำไมไม่เก็บทิ้งเองซะล่ะ เหอ?"

                    "มีอะไรให้น่าหัวเราะอย่างนั้นเหรอ!" สิ้นเสียงตะโกนด่าเสร็จ โมโมอิก็เดินเข้าไปในสนามเช่นเดียวกัน ได้ยินพวกนั้นพูดถึงขนาดนี้ เธอก็ผลักความกังวลเรื่องกลัวอันตรายเมื่อครู่ทิ้งไปในที

                    "ถ้าชอบบาสเก็ตบอล ก็เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่พวกคุณต้องดูแลสนาม!"

                    พวกกลุ่มนักเรียนม.ปลายเริ่มเปลี่ยนมาผิวปากเจ้าเล่ห์แทนเมื่อเห็นโมโมอิที่กำลังโกรธมาก

                    "โอ้ ตายจริง เธอนี่สวยจังนะดูไม่เหมือนเด็กม.ต้นเลยสักนิด"

                    "ชั้นเคยได้ยินมาว่าผู้หญิงม.ต้นเทย์โคสวยหมดทุกคน ดูเหมือนจะจริงแหะ"

                    "พวกนายสองคนทิ้งสาวสวยขนาดนี้แล้วหนีจริงๆเรอะ งั่งชะมัด"

                    กลุ่มนักเรียนม.ปลายเมินโมโมอิอย่างสิ้นเชิง กลับไปหยอกล้อหนุ่มผมยาวกับหนุ่มเจาะจมูกแทน

                    "นี่ ไม่ได้ยินหรอ!? คืนลูกบาสให้เขาไปซะ!" โมโมอิตะโกนเสียงดังเพื่อกำจัดความกลัวที่เริ่มกวนใจตัวเอง ทว่าทั้ง5คนกลับเฉยไม่ใส่ใจ 1 ใน 5 คนนั้น คนที่ย้อมผมสีน้ำตาลถึงกับพูดด้วยความขบขันว่า

                    "เอางี้ดีไหม เรามาแข่งกันด้วยบาสเก็ตบอล เกมโปรดของพวกนาย ถ้าพวกนายชนะเราก็จะคืนลูกบาสให้แล้วจากไป แต่ถ้าพวกชั้นชนะ เธอกับลูกบาสจะเป็นของพวกชั้นตกลงไหม?"

                    หนุ่มหัวน้ำตาลชี้มาที่โมโมอิตอนพูดคำว่า "เธอ"

                    "ว..ว่ายังไงนะ" โมโมอิหน้าแดงก่ำด้วยความอับอายและความโกรธ

                    ไม่ว่าจะดูยังไงทั้ง5คน ก็เป็นนักกีฬาที่มีประสบการณ์ ส่วนฝั่งพวกเขาก็มีแค่คนพึ่งเริ่มหัดเล่นบาสหนึ่งคน ผู้เล่นที่มีความสามารถเฉพาะทางมากเกินไปหนึ่งคน แล้วก็ผู้จัดการทีมธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

                    ต่อให้ไม่มีข้อมูลเบื้องลึกพวกนี้ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าใครจะชนะใครจะแพ้

                    คู่ต่อสู้จงใจตั้งกฎการเล่นไม่ยุติธรรม หนำซ้ำพวกนั้นยังกำหนดให้เธอเป็นรางวัลเสียด้วย

                    โมโมอิอยากจะเถียงตอบแต่โกรธเกินกว่าจะพูดได้ ในตอนนั้นเอง คุโรโกะก็พูดขึ้น

                    "เข้าใจแล้วครับ มาแข่งกันเถอะ"

                    "เท็ตสึคุง!?" คำพูดเหนือความคาดหมายของคุโรโกะทำให้เธอสงสัยว่าตัวเองฟังผิด

                    "แต่ถ้าเราชนะ พวกคุณต้องขอโทษคุณโมโมอินะครับ" 

                    คุโรโกะพูดอย่างชัดเจน เห็นเขาที่เป็นแบบนั้นแล้ว โมโมอิถึงกับจับจ้องด้วยตาที่เบิ่งกว้าง ลืมที่จะหายใจ นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเคลิ้มไปกับเขาอยู่นะ! โมโมอิเรียกสติตัวเองกลับมา

                    โมโมอิเดินไล่หลังคุโรโกะที่กำลังวิ่งน้อยๆไปยังท้ายฝั่งหนึ่งของสนาม พยายามที่จะโน้มน้าวเด็กหนุ่ม

                    "เท็ตสึคุง ทำแบบนี้ไม่ได้นะ เธอจะลงแข่งไม่ได้โดยเด็ดขาด!"

                    ที่ท้ายฝั่งหนึ่งของสนามคุโรโกะถอดเสื้อแจ็คเก็ตก่อนเอ่ย

                    "ผมปล่อยให้พวกนั้นมาพูดแบบนี้กับคุณไม่ได้หรอกครับ"

                    "ถ..ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้" คำพูดของคุโรโกะทำให้เธอรู้สึกดีใจมาก ถึงขนาดว่าทำให้คำพูดของเธอสั่นไหวไปชั่วขณะหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดเธอก็ถามคำถามหนึ่งที่กำลังคาใจเธออย่างมากออกไป

                    "ชั้นเป็นห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บของเธอนะ! เท็ตสึคุง เธอทำแขนขวาของตัวเองเคล็ดใช่ไหม?"

                    "........" คุโรโกะตัวแข็งทื่อ

                    โมโมอิมองไปที่ข้อมือขวาของเขาอย่างเป็นกังวล

                    "ถึง เธอจะปิดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกจ้ะ ชั้นสังเกตเห็นทันทีเลยล่ะ แขนขวานั่นยังมีรอยพันผ้าพันแผลอยู่เลย แล้วก็วันนี้ตอนที่ไปเก็บลูก เธอทำท่าทางเหมือนไม่เป็นอะไรก็จริง แต่กลับระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่ลงน้ำหนักที่มือขวามากเกินไป แล้วแบบนี้ชั้นจะไม่สังเกตเห็นได้ยังไงกันล่ะ"

                    "ผมไม่คิดเลยนะครับว่าคุณจะจับได้ อาคาชิคุงผิดสังเกตเพราะเขามาเห็นตอนผมเอาผ้าพันแผลออกน่ะครับ"

                    ในช่วงที่ถามกันนั้นเองก็ได้รู้ความจริงว่าคุโรโกะทำมือขวาเคล็ดในคาบพละ เจ้าตัวก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และตั้งใจจะลงซ้อมด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะโดนอาคาชิสังเกตเห็นเสียก่อน

                    ยิ่งรู้ถึงความตั้งใจของอาคาชิด้วยแล้ว โมโมอิยิ่งมีเหตุผลที่จะไม่ให้คุโรโกะลงเล่นกว่าเดิม หากเด็กหนุ่มลงเล่นตอนนี้แล้วทำให้อาการบาดเจ็บแย่ลงกว่าเดิมแล้วล่ะก็ ความพยายามของอาคาชิก็เป็นอันสูญเปล่า

                    "เท็ตสึคุง" โมโมอิเรียก แต่คุโรโกะกลับมองมาที่เธอก่อนเอ่ย

                    "ขอโทษด้วยนะครับคุณโมโมอิ ผมรู้สึกว่าเขาคนนั้นทำเกินไปจริงๆ เขาปฏิบัติกับคุณเป็นของรางวัล... ผมทนนั่งอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้เพื่อนของผมถูกว่าเสียหายแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ"

                    และเพื่อให้โมโมอิวางใจยิ่งขึ้น คุโรโกะจึงยิ้มขันให้เล็กน้อย

                    "ผมไม่แพ้แน่ๆครับ" ภายในความอบอุ่น และแววตาที่อ่อนโยนนั้นแฝงด้วยการตัดสินใจที่แน่วแน่

                    ....ลองเขาพูดถึงขนาดนั้น ชั้นก็ขวางไม่ได้แล้วน่ะสิ

                    โมโมอิตัดสินใจที่จะเชื่อมั่นในตัวของคุโรโกะแล้วพยักหน้า

                    โอกาสเพียงน้อยนิดในการชนะก็มองข้ามไม่ได้ โมโมอินึกกับตัวเธอเอง

                    อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งสองฝ่ายมายืนอยู่บนสนามก็เป็นอันชัดเจนว่าโอกาสที่จะชนะมันน้อยมากเหลือเกิน

                    ผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าทั้งสามคนคือนักเรียนม.ปลายทั้งหมด5คน

                    "นี่! ไม่ใช่แข่ง 3ต่อ3หรอกเหรอ!?"

                    "หา? ใครพูดแบบนั้นกัน" หนุ่มผมยาวได้ยินคำถามโมโมอิก็เอ่ยตอบด้วยอารมณ์ขบขัน

                    ถ้าเป็นแบบนี้ โมโมอิรู้ตัวในทันทีว่าพวกนั้นไม่ได้แค่อยากชนะอย่างเดียวเท่านั้น แต่อยากจะหยอกล้อรังแกระหว่างแมทช์ด้วย

                    "เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า" หนุ่มที่ย้อมสีผมขำ ไม่ใช่แต่เขาเท่านั้น ทั้ง5คนมีสีหน้ายิ้มเยาะเหมือนกันหมด

                    หนุ่มย้อมผมถือบาสด้วยมือข้างหนึ่งแล้วเคาะบอลกับพื้น

                    "เอาล่ะ แล้วใครจะเป็นคนโดดปัดลูกนะ ถ้าตัดสินกันที่ความสูงก็ควรจะเป็นสาวน้อยน่ารักใช่ไหม"
    เขายิ้มหื่นมาที่โมโมอิ จ้องมองเธอขณะที่กำลังเคาะบอลไปด้วย ทว่า..

                    "ไอบ้า ซัทสึกิจะไปทำอะไรแบบนั้นเป็นได้ไงกัน"

                    มือหนึ่งที่มาจากด้านข้างพุ่งลงมาฉกบอลไป

                    "แก!?" หนุ่มย้อมผมมองไปรอบๆอย่างประหลาดใจ

                    ณ ทางที่พระอาทิตย์กำลังตกดินนั่นเอง มีบุคคลที่กำลังปั่นลูกบาสบนปลายนิ้วอยู่ซึ่งก็คือ...

                    "อาโอมิเนะคุง!?" โมโมอิตะโกนออกมาด้วยความตกใจปนโล่งใจ

                    "แกมันไอ้ผู้ชายคนก่อนหน้านี้นี่" หนุ่มผมยาวชี้มาที่อาโอมิเนะ

                    "ทำไมถึงมาอยู่... อย่าบอกนะว่า.." หนุ่มเจาะจมูกมองไปรอบๆอย่างกระวนกระวาย

                    ทว่ายักษ์ที่เกือบจะขยี้หัวเขาไม่ได้อยู่แถวนั้น ตรงกันข้ามกลับมีหนุ่มหน้าอ่อนเจาะหูข้างหนึ่งท่าทางเหมือนผู้สูงศักดิ์ยืน อยู่ข้างหลังอาโอมิเนะแทน

                    อาโอมิเนะพูดกับหนุ่มย้อมผม

                    "ดู เหมือนพวกนายกำลังเล่นอะไรสนุกๆอยู่นี่ ให้พวกชั้นเล่นด้วยคนสิ เราสามคนจะลงเล่นเอง ชั้น ไอหนุ่มต่างหูข้างเดียวคนนี้ แล้วก็ไอ้สี่ตาชั่วร้ายนี่ด้วย”

                    "นายเรียกใครว่า'ไอ้สี่ตาชั่วร้าย'นะ!" มิโดริมะพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด

                    "อาโอมิเนจจิ นี่นายมองพวกเราแบบนี้เองเหรอเนี่ย"คิเสะห่อไหล่ตัวเอง

                    อาโอมิเนะมองมาที่หนุ่มย้อมผมอย่างยั่วโมโห

                    "เรามีคนอยู่แค่นี้ละนะ ยอมต่อให้พวกแกสักหน่อยแล้วกัน แกกล้าดูถูกคู่หูของชั้นแบบนี้ เดี๋ยวชั้นจะเอาคืนให้สาสมแน่!"

                    "หึ... ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เด็กม.ต้นพวกนี้นี่ใจกล้าไม่เลวนี่!  ได้ ชั้นก็อยากจะเห็นว่าพวกแกจะมีดีกันสักแค่ไหน!" หนุ่มย้อมผมเอ่ยขณะที่ยังหัวเราะไม่หยุด

                    "เป็นอันว่าตกลงสินะ"

                    หลังจากอาโอมิเนะพูดไปแบบนั้น สมาชิกที่จะลงแข่งก็เปลี่ยนไป

                    "ดีละ เท็ตสึ นายก็ไปนั่งดูอยู่ข้างสนามซะ" อาโอมิเนะเร่งรัดขณะมองคุโรโกะที่กำลังลังเลไม่อยากออก

                    ".. อาโอมิเนะคุง ผมขอลงแข่งด้วยได้ไหมครับ?"

                    "ไม่ได้" อาโอมิเนะตอบกลับในทันที

                    "นายเนี่ยนะ...คิดว่าทำไมชั้นถึงได้ยอมถ่อมาถึงที่นี่กันห๊ะ?"   

                    "...มารับคุณโมโมอิใช่ไหมครับ"

                    "ใช่ซะที่ไหนเล่า ชั้นมาที่นี่เพราะชั้นเป็นห่วงนายต่างหาก"

                    "ผม?" คุโรโกะมองอาโอมิเนะยังคงงงอยู่เล็กน้อย

                    อาโอมิเนะพูดต่อว่า

                    "นายน่ะนะ ต่อให้อาคาชิกันไม่ให้เล่นนายก็ไม่มีทางอดทนไม่เล่นอยู่ได้หรอก ชั้นเลยเดาได้ว่านายน่าจะมาอยู่แถวนี่ แต่นึกไม่ถึงขนาดที่ว่านายจะมาเล่นแข่งกับเจ้าพวกนั้นหรอกนะ"

                    "ขอโทษครับ"

                    "ขอโทษเรื่องอะไรล่ะ จะไม่ให้พวกชั้นลงแข่งกับพวกนั้นแล้ว หรือเรื่องที่ว่ารู้ตัวดีอยู่แล้วว่าตัวเองบาดเจ็บแต่ก็ยังอยากจะเล่นกันล่ะ"

                    "ถ้าผมบอกว่าอย่างแรก จะโกรธไหมครับ"

                    "ชั้นจะอัดนายจนตายเลย"

                    "...งั้นก็อย่างหลังครับ"

                    "เด็กดี"

                    "ถึงอย่างนั้น ผมก็อยากจะลงเล่นครับ"

                    "นายเนี่ยนะ ได้ฟังที่ชั้นพึ่งพูดไปมั่งรึเปล่า?"

                    อาโอมิเนะดีดหน้าผากคุโรโกะอย่างอดไม่ได้ แต่คุโรโกะพยักหน้าก่อนเอ่ย

                    "ผม ได้ยินแล้วครับ เพราะแบบนั้นผมจะไม่ใช้มือขวาเล่น จะใช้แต่มือซ้ายเล่นแข่งกับพวกนั้นเท่านั้นครับ ถ้าทุกคนอยู่ด้วยล่ะก็ ใช้แค่มือซ้ายก็พอแล้วครับ" ได้ยินคุโรโกะพูดแบบนั้น อาโอมิเนะก็อดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจ

                    "งั้นก็ไปดวลแมทช์กับพวกนั้นกันเถอะ"

                    "อื้ม!"คุโรโกะยื่นกำปั้นซ้ายออกไปชนเบาๆกับกำปั้นขวาของอาโอมิเนะ

                            
                            
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Freetalk: แปลตอนนี้เสร็จโอรู้สึกฟินแบบไม่ไหวแล้ววว ถึงขนาดทำคุณ Tori หมี่นไส้กันเลยทีเดียว ยิ่งตอนมิเนะชมครกว่า"เด็กดี" โอนี่อยากจะบินไปฟินแลนด์ สาบานว่าไม่ได้เพิ่มเติมเองให้น่าจิ้นแต่อย่างใดofficial เขามาแบบนี้เอง ฮ่าๆๆๆ #ชูป้ายฟ้าดำ

    กำลังนั่งแปลอยู่เรื่อยๆขอรับ ตัดสินใจว่าจะไม่แบ่งพาร์ทตั้งแต่เกมสองเป็นต้นไป เลยแปลออกช้าหน่อยจ้า ตอนนี้แปลตอนสามเสร็จแล้ว ไว้ตามรับชมกันน้าาา ยังตามกันอยู่ไหมเนี่ย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×