ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Replace - kuroko no basuke novel แปลไทย

    ลำดับตอนที่ #3 : Replace I เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค Part 3

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 57


    คนแปล: Omaew
    คนเช็คคำ: Tori
    แปลEng: mocopersonal [tumblr]

    *****นิยายเรื่องนี้แต่งโดยทาง Officail เอง เราแค่นำมาแปลและปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการอ่านเท่านั้น*****
    _______________________________________


    เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค

                  
                   
    Part 3

                  

                   
    หลังจากเสร็จการฝึกซ้อมก็เป็นหน้าที่ของปีหนึ่งที่จะต้องทำความสะอาดสนาม ระหว่างที่พวกเขากำลังถูพื้นโมโมอิก็จะจดบันทึก จัดเมนูฝึกซ้อม และการฝึกสำหรับผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งข้อมูลพวกนี้มีประโยชน์อย่างมากเวลามีการแข่งขัน

                    คุโรโกะไม่อยู่ในสนามแล้วเพราะเจ้าตัวคงไปที่ล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หากเป็นเมื่อสองสามวันก่อนช่วงที่เด็กหนุ่มยังเป็นผู้ดูแลให้กับคิเสะ คุโรโกะจะต้องมายืนคุมคิเสะทำความสะอาดก่อน แต่หลังจากที่คิเสะกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงทั้งคู่ก็เป็นอิสระจากงานนี้

                    โมโมอิจดบันทึกความก้าวหน้าลงในสมุดโน้ตอย่างชำนาญ จนกระทั่งได้ยินเสียงใครเรียกเธอ

                    “โมโมจิน”

                    มุราซากิบาระเดินมาหาเธอด้วยท่าทีเฉื่อยๆ ยากที่ใครจะคิดว่าคนๆนี้สามารถเล่นกีฬาที่เน้นความเร็วชนิดนี้ได้

                    โมโมอิเงยหน้าจากสมุดโน้ตก่อนที่จะรู้ว่าเป็นมุราซากิบาระ เธอจึงทำแก้มป่อง

                    “มุคคุง! ชั้นบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยากเรียกกันแบบนั้นน่ะ!

                    “เอ๋? ทำไมล่ะ เรียกง่ายดีออก แถมน่ารักดี.. ไม่ดีเหรอ?

                    “ที่ว่าน่ารักน่ะหมายความว่ายังไง!? แล้วก็นะนายต้องออกเสียงเพิ่มขึ้นจากชื่อจริงอีกพยางค์แหน่ะ”

                    “หืม? จริงหรอ ไม่เห็นเป็นไรเลย....”

                    “ที่ไม่เป็นอะไรนี่หมายความว่ายังไงกันเนี่ย…..

                    โมโมอิทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเจอกับนิสัยที่ไม่ยอมฟังใครเลยของมุราซากิบาระ ถ้าจะคุยกับเขาล่ะก็คุณต้องเป็นคนที่ยอมลงให้ก่อนและใจกว้าง

                    “ว่าแต่ มุคคุงตามหาชั้นทำไมเหรอ?

                    “อ๊า.... ใช่ละ อาคาชินฝากข้อความให้ชั้นมาบอกกับเธอน่ะ”

                    “อาคาชิคุง?

                    โมโมอิปรับสีหน้าจริงจังทันที ถ้าเป็นข้อความจากอาคาชิล่ะก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ แต่ดูจากกิจกรรมชมรมที่ทำในวันนี้ไม่น่าจะมีอะไรให้น่าเป็นห่วง เธอจึงนึกไม่ออกว่าอาคาชิต้องการพูดเรื่องอะไร โมโมอิตั้งใจฟังสิ่งที่มุราซากิบาระจะพูดอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะพบว่า

                    “อาคาชินบอกให้โมโมจินกลับบ้านกับคุโรจินหลังเลิกเรียน”

                    “เห?

                    โมโมอิอึ้ง

                    กลับบ้านด้วยกันหลังเลิกเรียน นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? ทีแรกโมโมอิก็ครุ่นคิดว่าคำสั่งนี้มีความหมายอย่างไร แต่แล้วเธอก็จิตเตลิดพาลไปนึกถึงว่าการกลับบ้านกับคุโรโกะจะออกมาในรูบแบบไหน สุดท้ายก็ตามด้วย ภาพอาคาชิที่มองลงมายังเธอด้วยใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแสดงสีหน้าว่า”ชั้นรู้อยู่แล้ว”

                    “อ๋าาา...........!!!

                    โมโมอิหลุดร้องเสียงดังด้วยความรู้สึกเขินอายและดีใจไปในเวลาเดียวกัน ทำให้แม้แต่มุราซากิบาระก็ตกใจไปด้วย

                    นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้กลับบ้านกับคนที่เธอน่าจะตกหลุมรักอยู่

                    เมื่อโมโมอิมุ่งหน้าไปทางเข้าโรงเรียน สถานที่ที่อาคาชิบอกให้เธอไปรอเจอ หัวใจของเธอเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ทว่าเมื่อทางเข้าโรงเรียนอยู่ในระยะสายตาของเธอ ความหวังทั้งหมดของเธอก็เป็นอันแตกสลาย

                    “ทำไมอาคาชิคุง ถึงบอกให้ผมกลับบ้านกับโมโมอิซังล่ะครับ”

                    คุโรโกะที่ถึงทางเข้าโรงเรียนแล้วกำลังรอโมโมอิด้วยความงุนงงเล็กน้อย

                    “อาคาชินพูดงั้นก็คงมีเหตุผลล่ะมั้ง”คนที่ตอบคุโรโกะก็คือมุราซากิบาระซึ่งกำลังยืนอยู่ถัดไปจากเขา

                    “ถ้าจะมีเหตุผลล่ะก็.... ก็คงมีอยู่แค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ ใช่ม้า อาโอมิเนจจิ”

                    คิเสะที่ได้ยินมุราซากิบาระพูดก็ฉีกยิ้มรู้พร้อมกับหันหาอาโอมิเนะขณะพูด ทว่าอาโอมิเนะก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจใดๆ กลับหาววอดใหญ่แล้วพูดว่า

                    “ไม่เห็นสำคัญตรงไหน... ซัทสึกิ ของยืมสมุดจดแป๊บสิ”

                    “อาโอมิเนะ! นายจะพึ่งแต่สมุดจดของโมโมอิอย่างเดียวได้ยังไง!?

                    มิโดริมะขึ้นเสียงว่า ส่วนอาคาชิก็ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆเขาโดยไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ

                    “อย่าบอกนะว่า... ทุกคนจะกลับบ้านด้วยกัน”

                    โมโมอิถามอย่างไม่สบายใจ นอกจากอาคาชิแล้วทุกคนพยักหน้า

                    “ประมาณนั้นล่ะ เพราะงั้นหลังจากชั้นถ่ายเอกสารสมุดจดของเธอเสร็จ ชั้นค่อยกลับบ้าน” อาโอมิเนะกล่าว

                    “ม่าย ไม่ ถ้านายออกกลางทางแบบนี้ก็ไม่มีความหมายสิ” คิเสะพูดบอกอาโอมิเนะด้วยเสียงเบา

                    “ของชั้นคงจะตามพวกนายไปร้านสะดวกซื้อล่ะน้า”มุราซากิบาระเอ่ย

                    “จริงๆชั้นว่าจะกลับบ้านคนเดียว แต่ชั้นเปลี่ยนใจละ ชั้นจะไปกับพวกนายสักพักนึง”มิโดริมะเอ่ย
    โมโมอิเริ่มรู้สึกปวดหัว คิดดูแล้ว แบบนี้อย่าว่าแต่จะได้กลับบ้านด้วยกันกับเท็ตสึคุงอย่างมีความสุขเลย สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นการกลับบ้านกับกลุ่มหนุ่มมีปัญหาไปซะแล้ว

                    ในที่สุดอาคาชิ ผู้เป้นต้นเรื่องของงานนี้ก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า

                    “โมโมอิ ชั้นฝากที่เหลือกับเธอด้วย อย่าให้คุโรโกะเถลไถลไปที่ไหนได้ ส่งเขาตรงกลับบ้านเลยล่ะ”

                    “เอ๋? เดี๋ยวสิ อาคาชิคุง!?

                    โมโมอิรีบเรียกไล่หลัง แต่อาคาชิทำเพียงเดินห่างออกไปพลางโบกมือส่งกลับมาให้

                    “จากไปเฉยๆแบบนี้เลย จริงๆเหรอเนี่ย....”

                    โมโมอิทำได้แค่มองตามหลังอาคาชิที่เดินจากไป

                    “อะไรของหมอนั่น อย่าให้เถลไถลไปไหนได้เรอะ? คิดว่าตัวเองเป็นครูรึไงกัน”

                    อาโอมิเนะเอ่ยหลังเหล่มองไปทางอาคาชิ คุโรโกะเมื่อได้ยินที่อาโอมิเนะพูดแบบนั้นจึงพูดขึ้นบ้าง

                    “ถ้าอาคาชิคุงเป็นครู บทเรียนคงจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ”

                    “แต่สิ่งที่รายนั้นพูดต้องออกแนวลึกซึ้งมากชนิดที่ชั้นว่าต่อให้ฟังจนจบชั้นก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีล่ะน้า”คิเสะเสริม

                    “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ไปร้านสะดวกซื้อก่อนเลย.... ชั้นต้องถ่ายเอกสารสมุดจดของซัทสึกิ”

                    สมาชิกที่เหลือได้ยินอาโอมิเนะก็พยักหน้าตอบเป็นเชิงเห็นด้วยก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนย้าย โมโมอิจึงรีบหยุดพวกเขาไว้ทันที

                    “นี่ เดี๋ยวนะ! ชั้นกับเท็ตสึคุงจะไม่ไปร้านสะดวกซื้อ!

                    “ทำไมเล่า!?” อามิเนะที่กำลังเดินอยู่หน้าสุดหันกลับถาม

                    “สมุดจดที่ชั้นจะยืมเอาไปถ่ายมันของเธอนะ แล้วเธอจะไม่มาด้วยกันได้ยังไง!?

                    “นายไม่ได้ยินที่เขาพูดรึไง อาคาชิคุงบอกให้ชั้นพาเท็ตสึคุงกลับบ้านห้ามปล่อยให้เถลไถลไปที่ไหน แล้วชั้นจะไปร้านสะดวกซื้อด้วยได้ยังไง”

                    นัยน์ตาของโมโมอิกำลังลุกโชนด้วยความมุ่งมั่นที่จะบรรลุภารกิจที่ว่า

                    “เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะตรงกลับบ้าน!

                    “แค่แป๊บเดียวเองน่า ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไปแค่ร้านสะดวกซื้อไม่เรียกเถลไถลหรอกน่า..”

                    “ไม่! ยังไงก็ไม่ได้!

                    โมโมอิปฏิเสธอย่างหัวแข็ง ด้วยความรำคาญอาโอมิเนะเกาหัวก่อนเอ่ย

                    “ทำไมเธอถึงเชื่อฟังหมอนั่นนักนะ...”

                    จังหวะนั้นเองคุโรโกะก็ยกมือขึ้นพร้อมกับออกความเห็น

                    “เอ่อ... สองสามวันก่อนผมไม่ได้เข้าเรียนคาบวิชาภาษาญี่ปุ่น”

                    “เอ๋?

                    ทุกคนจับจ้องมาที่คุโรโกะเพราะอยากรู้ว่าเจ้าตัวจะพูดอะไรต่อหลังจากที่จู่ๆก็พูดนอกเรื่องขึ้นมาลอยๆ

                    “คุณโมโมอิครับ กรุณาให้ผมยืมสมุดจดของคุณไปถ่ายเอกสารด้วยคนนะครับ”

                    “อ้ะ.?เอ๋!?

                    คำขอกะทันหันของคุโรโกะสั่นคลอนความแน่วแน่ของโมโมอิ

                    ทำยังไงดี.... ต..แต่เท็ตสึคุงแทบไม่เคยขอร้องอะไรเราเลยนะ

                    จุดเปลี่ยนกะทันหันของอีเว้นท์นี้ทำให้โมโมอิรู้สึกสับสนและแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังลังเลว่าตนควรจะอย่างไรดี คุโรโกะจึงโค้งให้ แล้วยิงหมัดสุดท้ายใส่

                    “ผมคงต้องขอพึ่งพาคุณโมโมอิหน่อยแล้วล่ะครับ”

                    มันอาจจะเป็นเพราะหนุ่มๆที่อยู่รอบๆนั้นสูงมาก แต่การที่คุโรโกะโค้งตัวเช่นนี้ทำให้เขาดูเหมือนสัตว์น้อยน่ารัก หัวใจโมโมอิเต้นแรงขึ้น ความดื้อดึงอันแน่วแน่เมื่อครู่ถูกโยนทิ้งไปข้างทางเรียบร้อย

                    “ก..ก็ได้จ้ะ แค่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้นนะ! หลังจากถ่ายเอกสารเสร็จ เราต้องกลับบ้านทันทีเลยนะ!”และแม้ว่าเธอจะพูดเช่นนั้น โมโมอิก็รู้สึกได้ว่าแก้มของเธอร้อนขึ้น

                    “งั้นก็ไปกันเถอะ”สิ้นคำบอกของอาโอมิเนะทุกคนก็เริ่มเคลื่อนย้ายตัวกันอีกครั้งหนึ่ง

                    รู้สึกเหมือนถูกหลอกเลยแหะ....

                    โมโมอิใช้มือพัดตัวเองให้เย็นลง ขณะที่ตามพวกหนุ่มๆไปด้านหลังติดๆ มิโดริมะที่อยู่ท้ายแถวจู่ๆก็หันหลังกลับมาหาโมโมอิ

                    “โมโมอิ เธอให้อาโอมิเนะยืมสมุดจดของเธอก่อนสอบตลอดเลยเหรอ?

                    “เห? อื้ม ใช่จ้ะ

                    มิโดริมะลดความเร็วลงมาเดินข้างโมโมอิ

                    “เธอดูแลหมอนั่นมากเกินไปแล้ว”

                    “อืม.. ชั้นก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่ถ้าไม่ให้หมอนั่นอ่านล่ะก็ ยังไม่ต้องให้อาโอมิเนะคุงเข้าไปนั่งสอบก็รู้แล้วล่ะว่าคงตก”

                    “ถ้างั้น.. หรือก็คือ.. อาโอมิเนะจะสอบผ่านหลังจากที่ได้ดูสมุดจดของเธอเท่านั้นสินะ”

                    “อย่างงั้นเหรอ?

                    “โมโมอิเธอจดโน้ตยังไง”

                    “เอ๋? จดยังไง...?

                    เพราะถูกถามแปลกๆ โมโมอิจึงเผลอตอบคำถามด้วยคำถามอย่างไม่ตั้งใจ  มิโดริมะจ้องโมโมอิด้วยสีหน้าจริงจัง

                    “เธอใช้ดินสอกด ปากกาสี ไม่สิสมุดจดแบบไหนที่เธอใช้น่ะ? มีสมุดแบบไหนที่เธอเจาะจงเอาไว้ใช้สำหรับเป็นสมุดจดสำหรับเล่มเตรียมสอบหรือเปล่า!?

                    “นี่ นี่ เดี๋ยวนะ พูดช้าลงหน่อยสิ มิโดริน!

                    โมโมอิแสดงท่าทางเพื่อบอกให้มิโดริมะใจเย็นลง ส่วนมิโดริมะที่พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองยิงคำถามรัวเป็นชุดก็กระแอมเล็กน้อยเพื่อทำทีกลบเกลื่อน

                    “ฉันคาใจนิดหน่อยน่ะ”

                    “คาใจ? เกี่ยวกับสมุดจดของชั้นเหรอ?

                    มิโดริมะไม่ตอบแต่มองตรงไปข้างหน้าของตัวเอง

                    “ทั้งปีนี้หลังจากอยู่ห้องเดียวกับอาโอมิเนะมาชั้นไม่เคยเห็นหมอนั่นตื่นขึ้นมาเรียนเลยแม้แต่คาบเดียว ถึงอย่างนั้น แม้หมอหมอนั่นจะไม่ได้คะแนนสูงเลยสักวิชาแต่ก็ยังคงสอบผ่านทั้งหมด  ชั้นก็เลยเดาว่าเคล็ดลับที่ทำให้อาโอมิเนะผ่านก็คือสมุดจดของเธอ”

                    “เคล็ดลับ? มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า...”

                    “การไม่ปล่อยแม้แต่ความเป็นไปได้เดียวไป นั่นล่ะคือความหมายของการทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้”

                    ได้ยินมิโดริมะพูดเช่นนั้น โมโมอิก็คิดบางอย่างออกขึ้นมา “หรือว่า....”

                    “มิโดริน ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ จะถ่ายเอกสารสมุดจดชั้นไปด้วยไหมจ้ะ”

                    “อะไรนะ! จริงเหรอ!!

                    ดวงตาของมิโดริมะเป็นประกายวูบหนึ่ง แต่เจ้าตัวก็รีบซ่อนมันด้วยการทำเป็นขยับแว่น

                    “ม..ไม่ใช่เพราะว่าชั้นตั้งใจที่จะถ่ายเอกสารสมุดเธอหรอกนะ”

                    “อื้ม ชั้นเป็นคนเสนอให้เธอยืมเองล่ะ”

                    “อา...”

                    มิโดริมะหรี่ตาเล็กน้อยด้วยความสับสน นั่นทำให้โมโมอิหลุดขำ

                    “ถ้าเคล็ดลับที่ทำให้อาโอมิเนะคุงสอบผ่านอยู่ในสมุดจดของชั้นละก็ชั้นเองก็อยากจะรู้ให้แน่ใจเหมือนกัน มิโดริน หลังจากที่นายได้ลองดูสมุดจดของชั้นก็คงจะสามารถบอกได้ใช่ไหมล่ะว่าเคล็ดลับที่ว่ามันคืออะไร”

                    “อา...อืม นั่นสินะ”

                    มิโดริมะพยักหน้าเห็นด้วย

                    “ถ้าอย่างนั้นก็สบายใจได้เลย ฉันช่วยดูให้อย่างละเอียดเลยล่ะ”

                    เมื่อเห็นมิโดริมะยังคงทำท่าทีเคร่งขรึมด้วยคำพูดทั้งที่แอบดีใจ โมโมอิก็แอบยิ้มขัน

                    ”การสอบครั้งนี้.... ถ้าเธอเอาชนะอาคาชิคุงได้ก็คงดีสินะ”

                    “อื้ม! ครั้งนี้ชั้นจะต้องชนะอาคาชิให้ได้!

                    มิโดริมะไม่ทันรู้ตัวถึงคำพูดดักของโมโมอิและเผลอพูดสิ่งที่ตัวเองคิดจริงๆออกมา

                    แม้ว่ามิโดริมะจะจริงจังกับการเรียนมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยชนะอาคาชิในการสอบแม้แต่ครั้งเดียว แน่นอนว่านิสัยภูมิใจในตัวเองนั้นทำให้ตัวเขาไม่พอใจกับสภาพปัจจุบันแบบนี้ โมโมอิยังได้ยินมาอีกว่ามิโดริมะจะลองใช้วิธีต่างๆเพื่อให้ชนะอาคาชิ และดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะเลือก”สมุดโน้ตที่ทำให้อาโอมิเนะไม่สอบตก”มาเป็นยุทธวิธีในครั้งนี้

                    สำหรับโมโมอิมันยากที่จะคิดจินตนาการว่าอาคาชิจะพ่ายแพ้ต่อใครไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจส่วนบุคคลเวลาจะเลือกว่าจะสนับสนุนใคร

                    “ถึงจะเพื่อการค้นหาเคล็ดลับที่ว่าก็เถอะ ฉันก็รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยที่ต้องขอยืมสมุดจดของเธอไปเอกสาร ชั้นจะใช้หนี้บุณคุณให้ทีหลังแน่นอน”

                    โมโมอิยิ้มให้กับมิโดริมะซึ่งแสดงความสุภาพให้เห็น แล้วส่ายหัวอย่างอ่อนโยน

                    “ไม่เป็นไรจ้า แค่ถ่ายเอกสารสมุดเอง ดูอย่างอาโอมิเนะสิ ตานั่นนะ ไม่เคยจะขอบคุณชั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว”


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    Free Talk : สวัสดีค่ะ Tori ค่ะ ขอโทษที่ลงช้าค่ะ เราลืม 55555 จะโดนคนแปลฆ่าตายอยู่แล้วที่ลืม 55555 คนที่รออ่านก็อย่าจ้องรอฆ่าเราอีกคนนะ 55555

    มิโดริมะเราเด่นแล้ว เย้ คนอื่นจะโฟกัสที่ใครไม่รู้ แต่สำหรับเรามิโดริมะเด่น 5555 อาคาชิที่เราอวยอีกคนก็ออกมาพูดแค่เนี้ย คุณท่านคะ จะบทน้อยไปไหน

    ใครอยากให้แปลพาร์ทไหนก่อนก็รีเควสมาได้นะคะ เดี๋ยวไปสั่งคนแปลให้ 55555 เจอกันคราวหน้าพาร์ท 4 นะคะ สวัสดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×