คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Replace I เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค Part 3
คนแปล: Omaew
คนเช็คคำ: Tori
แปลEng: mocopersonal [tumblr]
*****นิยายเรื่องนี้แต่งโดยทาง Officail เอง เราแค่นำมาแปลและปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการอ่านเท่านั้น*****
_______________________________________
เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค
Part 3
หลังจากเสร็จการฝึกซ้อมก็เป็นหน้าที่ของปีหนึ่งที่จะต้องทำความสะอาดสนาม ระหว่างที่พวกเขากำลังถูพื้นโมโมอิก็จะจดบันทึก จัดเมนูฝึกซ้อม และการฝึกสำหรับผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งข้อมูลพวกนี้มีประโยชน์อย่างมากเวลามีการแข่งขัน
คุโรโกะไม่อยู่ในสนามแล้วเพราะเจ้าตัวคงไปที่ล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า หากเป็นเมื่อสองสามวันก่อนช่วงที่เด็กหนุ่มยังเป็นผู้ดูแลให้กับคิเสะ คุโรโกะจะต้องมายืนคุมคิเสะทำความสะอาดก่อน แต่หลังจากที่คิเสะกลายเป็นผู้เล่นตัวจริงทั้งคู่ก็เป็นอิสระจากงานนี้
โมโมอิจดบันทึกความก้าวหน้าลงในสมุดโน้ตอย่างชำนาญ จนกระทั่งได้ยินเสียงใครเรียกเธอ
“โมโมจิน”
มุราซากิบาระเดินมาหาเธอด้วยท่าทีเฉื่อยๆ ยากที่ใครจะคิดว่าคนๆนี้สามารถเล่นกีฬาที่เน้นความเร็วชนิดนี้ได้
โมโมอิเงยหน้าจากสมุดโน้ตก่อนที่จะรู้ว่าเป็นมุราซากิบาระ เธอจึงทำแก้มป่อง
“มุคคุง! ชั้นบอกกี่ครั้งแล้วว่าอยากเรียกกันแบบนั้นน่ะ!”
“เอ๋? ทำไมล่ะ เรียกง่ายดีออก แถมน่ารักดี.. ไม่ดีเหรอ?”
“ที่ว่าน่ารักน่ะหมายความว่ายังไง!? แล้วก็นะนายต้องออกเสียงเพิ่มขึ้นจากชื่อจริงอีกพยางค์แหน่ะ”
“หืม? จริงหรอ ไม่เห็นเป็นไรเลย....”
“ที่ไม่เป็นอะไรนี่หมายความว่ายังไงกันเนี่ย…..”
โมโมอิทำอะไรไม่ได้นอกจากถอนหายใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเจอกับนิสัยที่ไม่ยอมฟังใครเลยของมุราซากิบาระ ถ้าจะคุยกับเขาล่ะก็คุณต้องเป็นคนที่ยอมลงให้ก่อนและใจกว้าง
“ว่าแต่ มุคคุงตามหาชั้นทำไมเหรอ?
“อ๊า.... ใช่ละ อาคาชินฝากข้อความให้ชั้นมาบอกกับเธอน่ะ”
“อาคาชิคุง?”
โมโมอิปรับสีหน้าจริงจังทันที ถ้าเป็นข้อความจากอาคาชิล่ะก็ต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ แต่ดูจากกิจกรรมชมรมที่ทำในวันนี้ไม่น่าจะมีอะไรให้น่าเป็นห่วง เธอจึงนึกไม่ออกว่าอาคาชิต้องการพูดเรื่องอะไร โมโมอิตั้งใจฟังสิ่งที่มุราซากิบาระจะพูดอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะพบว่า
“อาคาชินบอกให้โมโมจินกลับบ้านกับคุโรจินหลังเลิกเรียน”
“เห?”
โมโมอิอึ้ง
กลับบ้านด้วยกันหลังเลิกเรียน นี่มันหมายความว่าอะไรกัน? ทีแรกโมโมอิก็ครุ่นคิดว่าคำสั่งนี้มีความหมายอย่างไร แต่แล้วเธอก็จิตเตลิดพาลไปนึกถึงว่าการกลับบ้านกับคุโรโกะจะออกมาในรูบแบบไหน สุดท้ายก็ตามด้วย ภาพอาคาชิที่มองลงมายังเธอด้วยใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแสดงสีหน้าว่า”ชั้นรู้อยู่แล้ว”
“อ๋าาา...........!!!”
โมโมอิหลุดร้องเสียงดังด้วยความรู้สึกเขินอายและดีใจไปในเวลาเดียวกัน ทำให้แม้แต่มุราซากิบาระก็ตกใจไปด้วย
นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้กลับบ้านกับคนที่เธอน่าจะตกหลุมรักอยู่
เมื่อโมโมอิมุ่งหน้าไปทางเข้าโรงเรียน สถานที่ที่อาคาชิบอกให้เธอไปรอเจอ หัวใจของเธอเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง ทว่าเมื่อทางเข้าโรงเรียนอยู่ในระยะสายตาของเธอ ความหวังทั้งหมดของเธอก็เป็นอันแตกสลาย
“ทำไมอาคาชิคุง ถึงบอกให้ผมกลับบ้านกับโมโมอิซังล่ะครับ”
คุโรโกะที่ถึงทางเข้าโรงเรียนแล้วกำลังรอโมโมอิด้วยความงุนงงเล็กน้อย
“อาคาชินพูดงั้นก็คงมีเหตุผลล่ะมั้ง”คนที่ตอบคุโรโกะก็คือมุราซากิบาระซึ่งกำลังยืนอยู่ถัดไปจากเขา
“ถ้าจะมีเหตุผลล่ะก็.... ก็คงมีอยู่แค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ ใช่ม้า อาโอมิเนจจิ”
คิเสะที่ได้ยินมุราซากิบาระพูดก็ฉีกยิ้มรู้พร้อมกับหันหาอาโอมิเนะขณะพูด ทว่าอาโอมิเนะก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจใดๆ กลับหาววอดใหญ่แล้วพูดว่า
“ไม่เห็นสำคัญตรงไหน... ซัทสึกิ ของยืมสมุดจดแป๊บสิ”
“อาโอมิเนะ! นายจะพึ่งแต่สมุดจดของโมโมอิอย่างเดียวได้ยังไง!?”
มิโดริมะขึ้นเสียงว่า ส่วนอาคาชิก็ยืนอ่านหนังสืออยู่ข้างๆเขาโดยไม่ได้ให้ความสนใจใดๆ
“อย่าบอกนะว่า... ทุกคนจะกลับบ้านด้วยกัน”
โมโมอิถามอย่างไม่สบายใจ นอกจากอาคาชิแล้วทุกคนพยักหน้า
“ประมาณนั้นล่ะ เพราะงั้นหลังจากชั้นถ่ายเอกสารสมุดจดของเธอเสร็จ ชั้นค่อยกลับบ้าน” อาโอมิเนะกล่าว
“ม่าย ไม่ ถ้านายออกกลางทางแบบนี้ก็ไม่มีความหมายสิ” คิเสะพูดบอกอาโอมิเนะด้วยเสียงเบา
“ของชั้นคงจะตามพวกนายไปร้านสะดวกซื้อล่ะน้า”มุราซากิบาระเอ่ย
“จริงๆชั้นว่าจะกลับบ้านคนเดียว แต่ชั้นเปลี่ยนใจละ ชั้นจะไปกับพวกนายสักพักนึง”มิโดริมะเอ่ย
โมโมอิเริ่มรู้สึกปวดหัว คิดดูแล้ว แบบนี้อย่าว่าแต่จะได้กลับบ้านด้วยกันกับเท็ตสึคุงอย่างมีความสุขเลย สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นการกลับบ้านกับกลุ่มหนุ่มมีปัญหาไปซะแล้ว
ในที่สุดอาคาชิ ผู้เป้นต้นเรื่องของงานนี้ก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า
“โมโมอิ ชั้นฝากที่เหลือกับเธอด้วย อย่าให้คุโรโกะเถลไถลไปที่ไหนได้ ส่งเขาตรงกลับบ้านเลยล่ะ”
“เอ๋? เดี๋ยวสิ อาคาชิคุง!?”
โมโมอิรีบเรียกไล่หลัง แต่อาคาชิทำเพียงเดินห่างออกไปพลางโบกมือส่งกลับมาให้
“จากไปเฉยๆแบบนี้เลย จริงๆเหรอเนี่ย....”
โมโมอิทำได้แค่มองตามหลังอาคาชิที่เดินจากไป
“อะไรของหมอนั่น อย่าให้เถลไถลไปไหนได้เรอะ? คิดว่าตัวเองเป็นครูรึไงกัน”
อาโอมิเนะเอ่ยหลังเหล่มองไปทางอาคาชิ คุโรโกะเมื่อได้ยินที่อาโอมิเนะพูดแบบนั้นจึงพูดขึ้นบ้าง
“ถ้าอาคาชิคุงเป็นครู บทเรียนคงจะเข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ”
“แต่สิ่งที่รายนั้นพูดต้องออกแนวลึกซึ้งมากชนิดที่ชั้นว่าต่อให้ฟังจนจบชั้นก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีล่ะน้า”คิเสะเสริม
“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ไปร้านสะดวกซื้อก่อนเลย.... ชั้นต้องถ่ายเอกสารสมุดจดของซัทสึกิ”
สมาชิกที่เหลือได้ยินอาโอมิเนะก็พยักหน้าตอบเป็นเชิงเห็นด้วยก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนย้าย โมโมอิจึงรีบหยุดพวกเขาไว้ทันที
“นี่ เดี๋ยวนะ! ชั้นกับเท็ตสึคุงจะไม่ไปร้านสะดวกซื้อ!”
“ทำไมเล่า!?” อามิเนะที่กำลังเดินอยู่หน้าสุดหันกลับถาม
“สมุดจดที่ชั้นจะยืมเอาไปถ่ายมันของเธอนะ แล้วเธอจะไม่มาด้วยกันได้ยังไง!?”
“นายไม่ได้ยินที่เขาพูดรึไง อาคาชิคุงบอกให้ชั้นพาเท็ตสึคุงกลับบ้านห้ามปล่อยให้เถลไถลไปที่ไหน แล้วชั้นจะไปร้านสะดวกซื้อด้วยได้ยังไง”
นัยน์ตาของโมโมอิกำลังลุกโชนด้วยความมุ่งมั่นที่จะบรรลุภารกิจที่ว่า
“เพราะฉะนั้น วันนี้เราจะตรงกลับบ้าน!”
“แค่แป๊บเดียวเองน่า ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไปแค่ร้านสะดวกซื้อไม่เรียกเถลไถลหรอกน่า..”
“ไม่! ยังไงก็ไม่ได้!”
โมโมอิปฏิเสธอย่างหัวแข็ง ด้วยความรำคาญอาโอมิเนะเกาหัวก่อนเอ่ย
“ทำไมเธอถึงเชื่อฟังหมอนั่นนักนะ...”
จังหวะนั้นเองคุโรโกะก็ยกมือขึ้นพร้อมกับออกความเห็น
“เอ่อ... สองสามวันก่อนผมไม่ได้เข้าเรียนคาบวิชาภาษาญี่ปุ่น”
“เอ๋?”
ทุกคนจับจ้องมาที่คุโรโกะเพราะอยากรู้ว่าเจ้าตัวจะพูดอะไรต่อหลังจากที่จู่ๆก็พูดนอกเรื่องขึ้นมาลอยๆ
“คุณโมโมอิครับ กรุณาให้ผมยืมสมุดจดของคุณไปถ่ายเอกสารด้วยคนนะครับ”
“อ้ะ.?เอ๋!? ”
คำขอกะทันหันของคุโรโกะสั่นคลอนความแน่วแน่ของโมโมอิ
ทำยังไงดี.... ต..แต่เท็ตสึคุงแทบไม่เคยขอร้องอะไรเราเลยนะ
จุดเปลี่ยนกะทันหันของอีเว้นท์นี้ทำให้โมโมอิรู้สึกสับสนและแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากำลังลังเลว่าตนควรจะอย่างไรดี คุโรโกะจึงโค้งให้ แล้วยิงหมัดสุดท้ายใส่
“ผมคงต้องขอพึ่งพาคุณโมโมอิหน่อยแล้วล่ะครับ”
มันอาจจะเป็นเพราะหนุ่มๆที่อยู่รอบๆนั้นสูงมาก แต่การที่คุโรโกะโค้งตัวเช่นนี้ทำให้เขาดูเหมือนสัตว์น้อยน่ารัก หัวใจโมโมอิเต้นแรงขึ้น ความดื้อดึงอันแน่วแน่เมื่อครู่ถูกโยนทิ้งไปข้างทางเรียบร้อย
“ก..ก็ได้จ้ะ แค่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้นนะ! หลังจากถ่ายเอกสารเสร็จ เราต้องกลับบ้านทันทีเลยนะ!”และแม้ว่าเธอจะพูดเช่นนั้น โมโมอิก็รู้สึกได้ว่าแก้มของเธอร้อนขึ้น
“งั้นก็ไปกันเถอะ”สิ้นคำบอกของอาโอมิเนะทุกคนก็เริ่มเคลื่อนย้ายตัวกันอีกครั้งหนึ่ง
รู้สึกเหมือนถูกหลอกเลยแหะ....
โมโมอิใช้มือพัดตัวเองให้เย็นลง ขณะที่ตามพวกหนุ่มๆไปด้านหลังติดๆ มิโดริมะที่อยู่ท้ายแถวจู่ๆก็หันหลังกลับมาหาโมโมอิ
“โมโมอิ เธอให้อาโอมิเนะยืมสมุดจดของเธอก่อนสอบตลอดเลยเหรอ?”
“เห? อื้ม ใช่จ้ะ”
มิโดริมะลดความเร็วลงมาเดินข้างโมโมอิ
“เธอดูแลหมอนั่นมากเกินไปแล้ว”
“อืม.. ชั้นก็คิดแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่ถ้าไม่ให้หมอนั่นอ่านล่ะก็ ยังไม่ต้องให้อาโอมิเนะคุงเข้าไปนั่งสอบก็รู้แล้วล่ะว่าคงตก”
“ถ้างั้น.. หรือก็คือ.. อาโอมิเนะจะสอบผ่านหลังจากที่ได้ดูสมุดจดของเธอเท่านั้นสินะ”
“อย่างงั้นเหรอ?”
“โมโมอิเธอจดโน้ตยังไง”
“เอ๋? จดยังไง...?”
เพราะถูกถามแปลกๆ โมโมอิจึงเผลอตอบคำถามด้วยคำถามอย่างไม่ตั้งใจ มิโดริมะจ้องโมโมอิด้วยสีหน้าจริงจัง
“เธอใช้ดินสอกด ปากกาสี ไม่สิสมุดจดแบบไหนที่เธอใช้น่ะ? มีสมุดแบบไหนที่เธอเจาะจงเอาไว้ใช้สำหรับเป็นสมุดจดสำหรับเล่มเตรียมสอบหรือเปล่า!?”
“นี่ นี่ เดี๋ยวนะ พูดช้าลงหน่อยสิ มิโดริน!”
โมโมอิแสดงท่าทางเพื่อบอกให้มิโดริมะใจเย็นลง ส่วนมิโดริมะที่พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองยิงคำถามรัวเป็นชุดก็กระแอมเล็กน้อยเพื่อทำทีกลบเกลื่อน
“ฉันคาใจนิดหน่อยน่ะ”
“คาใจ? เกี่ยวกับสมุดจดของชั้นเหรอ?”
มิโดริมะไม่ตอบแต่มองตรงไปข้างหน้าของตัวเอง
“ทั้งปีนี้หลังจากอยู่ห้องเดียวกับอาโอมิเนะมาชั้นไม่เคยเห็นหมอนั่นตื่นขึ้นมาเรียนเลยแม้แต่คาบเดียว ถึงอย่างนั้น แม้หมอหมอนั่นจะไม่ได้คะแนนสูงเลยสักวิชาแต่ก็ยังคงสอบผ่านทั้งหมด ชั้นก็เลยเดาว่าเคล็ดลับที่ทำให้อาโอมิเนะผ่านก็คือสมุดจดของเธอ”
“เคล็ดลับ? มันไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า...”
“การไม่ปล่อยแม้แต่ความเป็นไปได้เดียวไป นั่นล่ะคือความหมายของการทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้”
ได้ยินมิโดริมะพูดเช่นนั้น โมโมอิก็คิดบางอย่างออกขึ้นมา “หรือว่า....”
“มิโดริน ถ้าไม่รังเกียจล่ะก็ จะถ่ายเอกสารสมุดจดชั้นไปด้วยไหมจ้ะ”
“อะไรนะ! จริงเหรอ!!”
ดวงตาของมิโดริมะเป็นประกายวูบหนึ่ง แต่เจ้าตัวก็รีบซ่อนมันด้วยการทำเป็นขยับแว่น
“ม..ไม่ใช่เพราะว่าชั้นตั้งใจที่จะถ่ายเอกสารสมุดเธอหรอกนะ”
“อื้ม ชั้นเป็นคนเสนอให้เธอยืมเองล่ะ”
“อา...”
มิโดริมะหรี่ตาเล็กน้อยด้วยความสับสน นั่นทำให้โมโมอิหลุดขำ
“ถ้าเคล็ดลับที่ทำให้อาโอมิเนะคุงสอบผ่านอยู่ในสมุดจดของชั้นละก็ชั้นเองก็อยากจะรู้ให้แน่ใจเหมือนกัน มิโดริน หลังจากที่นายได้ลองดูสมุดจดของชั้นก็คงจะสามารถบอกได้ใช่ไหมล่ะว่าเคล็ดลับที่ว่ามันคืออะไร”
“อา...อืม นั่นสินะ”
มิโดริมะพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นก็สบายใจได้เลย ฉันช่วยดูให้อย่างละเอียดเลยล่ะ”
เมื่อเห็นมิโดริมะยังคงทำท่าทีเคร่งขรึมด้วยคำพูดทั้งที่แอบดีใจ โมโมอิก็แอบยิ้มขัน
”การสอบครั้งนี้.... ถ้าเธอเอาชนะอาคาชิคุงได้ก็คงดีสินะ”
“อื้ม! ครั้งนี้ชั้นจะต้องชนะอาคาชิให้ได้!”
มิโดริมะไม่ทันรู้ตัวถึงคำพูดดักของโมโมอิและเผลอพูดสิ่งที่ตัวเองคิดจริงๆออกมา
แม้ว่ามิโดริมะจะจริงจังกับการเรียนมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยชนะอาคาชิในการสอบแม้แต่ครั้งเดียว แน่นอนว่านิสัยภูมิใจในตัวเองนั้นทำให้ตัวเขาไม่พอใจกับสภาพปัจจุบันแบบนี้ โมโมอิยังได้ยินมาอีกว่ามิโดริมะจะลองใช้วิธีต่างๆเพื่อให้ชนะอาคาชิ และดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะเลือก”สมุดโน้ตที่ทำให้อาโอมิเนะไม่สอบตก”มาเป็นยุทธวิธีในครั้งนี้
สำหรับโมโมอิมันยากที่จะคิดจินตนาการว่าอาคาชิจะพ่ายแพ้ต่อใครไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม แต่มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจส่วนบุคคลเวลาจะเลือกว่าจะสนับสนุนใคร
“ถึงจะเพื่อการค้นหาเคล็ดลับที่ว่าก็เถอะ ฉันก็รู้สึกไม่ดีนิดหน่อยที่ต้องขอยืมสมุดจดของเธอไปเอกสาร ชั้นจะใช้หนี้บุณคุณให้ทีหลังแน่นอน”
โมโมอิยิ้มให้กับมิโดริมะซึ่งแสดงความสุภาพให้เห็น แล้วส่ายหัวอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรจ้า แค่ถ่ายเอกสารสมุดเอง ดูอย่างอาโอมิเนะสิ ตานั่นนะ ไม่เคยจะขอบคุณชั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว”------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Free Talk : สวัสดีค่ะ Tori ค่ะ ขอโทษที่ลงช้าค่ะ เราลืม 55555 จะโดนคนแปลฆ่าตายอยู่แล้วที่ลืม 55555 คนที่รออ่านก็อย่าจ้องรอฆ่าเราอีกคนนะ 55555
มิโดริมะเราเด่นแล้ว เย้ คนอื่นจะโฟกัสที่ใครไม่รู้ แต่สำหรับเรามิโดริมะเด่น 5555 อาคาชิที่เราอวยอีกคนก็ออกมาพูดแค่เนี้ย คุณท่านคะ จะบทน้อยไปไหน
ใครอยากให้แปลพาร์ทไหนก่อนก็รีเควสมาได้นะคะ เดี๋ยวไปสั่งคนแปลให้ 55555 เจอกันคราวหน้าพาร์ท 4 นะคะ สวัสดี
ความคิดเห็น