ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Replace - kuroko no basuke novel แปลไทย

    ลำดับตอนที่ #1 : Replace I เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค Part 1

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 57


    คนแปล: Omaew
    คนเช็คคำ: Tori
    แปลEng: mocopersonal [tumblr]
    *****นิยายเรื่องนี้แต่งโดยทาง Officail เอง เราแค่นำมาแปลและปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อความสะดวกในการอ่านเท่านั้น*****

    _______________________________________

    เกมที่หนึ่ง:เรื่องราวหลังเลิกเรียนของโรงเรียนม.ต้น เทย์โค


                  
                  
    Part 1

                  

                    ชมรมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนเทย์โคเป็นแชมป์การแข่งขันบาสเก็ตบอลม.ต้นระดับประเทศได้ถึงสามสมัยติดต่อกัน นอกเหนือจากสถิติอันรุ่งโรจน์นี้ ยังมีเหล่าอัจฉริยะที่ผู้คนต่างกล่าวขานกันว่าสิบปีจะมีครั้งหนึ่ง เกิดขึ้นถึงห้าคน
      พวกเขาแข็งแกร่งที่สุดและเป็นที่รู้จักกันในชื่อเจเนอเรชั่นปาฏิหารย์พวกเขาคือ เจเนอเรชั่นปาฏิหารย์ผู้สามารถทำให้คติประจำเทย์โคที่ว่า รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งเป็นจริงขึ้นมาได้ อัจฉริยะทั้งห้าคนนั้นคือ อาคาชิ มิโดริมะ มุราซากิบาระ คิเสะ อาโอมิเนะ และอีกคนหนึ่งที่อัจฉริยะทั้งห้าให้การยอมรับ ผู้เล่นมายาคนที่หก คุโรโกะ เท็ตสึยะ

                    เรื่องราวเหล่านี้ จะเป็นเรื่องราวก่อนที่พวกเขาจะถูกเรียกเป็นปาฏิหาริย์และเป็นที่กล่าวขานไปทั่วประเทศ เรื่องราวก่อนที่พวกเขาจะค้นพบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเอง

     
     

                    “เธอปฏิเสธไปยังงั้นเหรอ!?

                    “น..นี่ อย่าเอะอะไปสิ ชู่!!

                    โมโมอิ ซัทสึกิ รีบวางนิ้วลงที่ปากของเธอเองเป็นเชิงเตือนให้เพื่อนร่วมชั้นของเธอ อิสึมิ ยาโยอิ ลดเสียงลง อิสึมิเองก็รีบเอาสองมือปิดปาก ก่อนจะหันมองดูรอบๆ

                    หลังคาบเรียนที่หกจบลง ทั้งชั้นเรียนต่างสงเสียงอื้ออึง แบ่งเป็นสองกลุ่มคือพวกที่เตรียมตัวจะกลับบ้าน กับพวกที่เตรียมตัวไปทำกิจกรรมชมรมต่อ ไม่ได้มีใครสนใจทั้งสองคนที่กำลังแอบคุยกันอยู่หลังห้องเลย

                    อิสึมิ กับ โมโมอิ ต่างวางมือไว้ทาบอกอย่างโล่งใจ ก่อนที่โมโมอิจะตรงไปที่ประตูของห้องเรียน และพูดเจือยิ้มทำเหมือนเมื่อครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอิสึมิว่า

                    “ชั้นมีกิจกรรมชมรมต่อ เพราะงั้น...

                    “เดี๋ยวสิ!

                    ทันทีที่เห็นโมโมอิฉีกยิ้มขณะออกจากห้อง อิสึมิรีบคว้ามือขอเธอเอาไว้ ก่อนที่จะวางมือทั้งสองลงบนบ่าของโมโมอิ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วถามเสียงค่อย

                    “จริงๆเลยนะ ทำไมเธอถึงต้องปฏิเสธด้วยล่ะ คนที่มาสารภาพรักก็เป็นถึงกัปตันทีมวอลเลย์บอลเลยนะ หน้าตาดีมาก แถมยังมีแฟนคลับอีก เธอบอกปฏิเสธคนแบบนั้นไปได้ยังไงกัน!

                    “ก..ก็ชั้นยังไม่รู้จักเขาดีพอ

                    โมโมอิกวาดสายตาลงกับพื้นรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย อิสึมิจึงเขย่าไหล่ที่จับอยู่อย่างระอาใจ

                    “เธอก็ค่อยๆทำความรู้จักเข้าไปหลังคบกันก็ได้เสียดาย! น่าเสียดายจริงๆซัทสึกิ นี่มันก็คนที่หกแล้วนะที่มาสารภาพรักกับเธอในปีนี้!

                    อึสึมิยังคงเขย่าตัวโมโมอิต่อไป ก่อนที่จู่ๆก็หยุดกะทันหัน

                    “ซัทสึกิ... อย่าบอกนะว่า....

                    ดวงตาของเธอเป็นประกาย

                    “หรือว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว?

                    “อ้ะ!?

                    แก้มของโมโมอิเปลี่ยนเป็นสีแดงแวบนึง ซึ่งแน่นอนว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาของอิสึมิไปได้ เธอยึดไหล่โมโมอิไว้แน่นก่อนที่แสดงท่าทีมั่นใจราวกับจะบอกว่าหึ จับได้แล้วล่ะ

                    “โอ๊ะ โอ๋ ไม่น่าล่ะ คนคนนั้นเป็นใครกันอาโอมิเนะคุงเหรอ!?

                    “ไม่ใช่หรอกน่า! ตานั่นเป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กเท่านั้นล่ะ เป็นเพราะตานั่นชอบทำตัวไร้ระเบียบ ชั้นเลยจำเป็นต้องคอยดูแล.......ไม่มีทางมีเหตุผลอะไรอีกแน่นอนจ๊ะ! [//คนแปล:ใจร้ายยยยยย]

                    อย่างง้านเหรอ เพื่อนสนิทสมัยเด็กที่ต่อมาวันนึงกลายเป็นคนรัก โรแมนติกจัง เพอร์เฟคมาก แบบนี้เอาไปตีพิมพ์ใน MA ยังได้"

                    “MA? มันคืออะไร?

                    “นิตยสารชื่อ Margaret น่ะ เรียกย่อๆว่า MA 

                    อิสึมิถอนหายใจแบบเซ็งนิดๆ ก่อนที่จะตีหน้าผากโมโมอิเบาๆ

                    “ซัทสึกิ เธอควรจะอ่านโชโจวมังงะ(การ์ตูนสาวน้อย)สักหน่อยนะ เอาแต่อ่านแต่หนังสือที่เกี่ยวกับบาสเก็ตบอลอยู่ได้ ขนาดดูทีวีเธอยังดูแต่เทปทีมบาสโรงเรียนใช่ไหมล่ะ เธอควรจะอ่านโชโจวมังงะ บ้างนะ คาดหวังในความรักให้มากขึ้นอีกสักนิดนึง โดนสารภาพรักเยอะขนาดนี้ จะไม่สนใจเรื่องความรักเลยได้ยังไงกัน?

                    “ชั้นก็ไม่ได้...ไม่สนใจเรื่องความรักเลยซักหน่อย

                    โมโมอิเอ่ยเสียงอ่อย เธอรู้ตัวว่าหน้าของตัวเองตอนนี้เป็นสีแดงไปแล้วจึงเบือนหน้าหนีและผละออกจากการจับกุมของแขนอิสึมิเพื่อไม่ให้เจ้าตัวจับได้

                    “ถ้าไม่ไปตอนนี้ต้องสายแน่ๆเลย... ชั้นไปก่อนล่ะจ๊ะหลังจากโบกมือและบอกลาให้อิสึมิ  โมโมอิรีบมุ่งหน้าไปยังโรงยิมทันที

                    วันนี้เป็นวันพิเศษสำหรับชมรมบาสเก็ตบอล

                    ไม่ใช่เพราะมีการจัดการแข่งขันกับโรงเรียนอื่นแต่เป็นเพราะ อาทิตย์หน้าเป็นอาทิตย์ก่อนสอบกลางภาคของโรงเรียนม.ต้นเทย์โค ต่อให้มีความสามารถทางกีฬามากมายขนาดไหนก็ตาม พวกเขาก็ยังเป็นแค่นักเรียนและต้องเข้าสอบด้วย วันนี้จึงถือเป็นการรวมตัวกันครั้งสุดท้ายของแต่ละชมรมก่อนจะมีการสอบ

                    หากรวมวันสอบทั้งหมดสี่วันเข้ากับช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนสอบก็จะเป็นเวลาทั้งหมดถึง11วัน ที่ห้ามทำกิจกรรมชมรมใดๆ สำหรับสมาชิกชมรมที่ชื่นชอบการเล่นบาสเก็ตบอลเป็นชีวิตจิตใจแล้วถือเป็นช่วงเวลาที่แสนทรมาน กิจกรรมวันนี้จึงมีความสำคัญกับพวกเขาอย่างยิ่ง

                    ด้วยเหตุนี้ โมโมอิ ที่เข้ามาในยิมแล้วได้ยินจากรุ่นพี่ปี 3 ว่า วันนี้จะมีแค่การฝึกซ้อมพื้นฐานจึงเบิ่งตาด้วยความประหลาดใจ

                    “มีแค่การฝึกซ้อมพื้นฐาน... แค่นั้นพอหรอคะ

                    โมโมอิคิดว่าเธอได้ยินที่รุ่นพี่พูดผิดจึงถามซ้ำเพื่อความแน่ใจ รุ่นพี่ทำเพียงพยักหน้าและตอบว่าใช่

                    “อาคาชิคุงเป็นคนบอกเองว่าวันนี้จะซ้อมแค่พื้นฐาน*(Basics)น่ะ[การฝึกซ้อมพื้นฐาน จะได้แก่ วิ่งรอบสนาม การวิ่งซอยเท้า วิ่งส่งลูกสามคนอ้อมหลัง วิ่งไปกลับ ฯลฯ ซึ่งมักเป็นการวอร์มก่อนการซ้อมจริง//คนแปล]

                    “อาคาชิคุง?

                    โมโมอิมองไปยังเหล่าสมาชิกชมรมที่กำลังฝึกซ้อมและมองเห็นอาคาชิอยู่ในกลุ่มที่กำลังวิ่งรอบสนามบาส อาคาชิยังคงฝึกซ้อมอย่างจริงจังเหมือนกับทุกครั้ง

                    “ถ้าอาคาชิว่าอย่างนั้น เขาก็คงมีเหตุผลล่ะนะ

                    “นั่นสินะ

                    หลังจากได้ยินพวกรุ่นพี่พูดคุยกันเช่นนั้น โมโมอิ ก็ยอมรับการตัดสินใจนั้น แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นสิ่งที่อาคาชิเสนอมา เธอก็ไม่คิดจะคัดค้านใดๆ

                    สิ่งที่อาคาชิเสนอมักอยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคน ทว่าทุกครั้งทุกคนก็จะรู้สึกขอบคุณกับความเหมาะสมของผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนั้นอยู่เสมอ

                    ตัวอย่างที่ดีที่สุดคงเป็นเมื่อครั้งที่อาคาชิค้นพบผู้เล่นมายาคนที่ 6 ของเจเนอเรชั่นปาฏิหาริย์

                    “นั่น... เกี่ยวข้องกับการสั่งให้ผมออกมานั่งสังเกตการซ้อมหรือเปล่านะครับ

                    โมโมอิสะดุ้งด้วยความตกใจกับเสียงที่ดังขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

                    “คุณโมโมอิ เป็นอะไรรึเปล่าครับ?

                    “เท็ตสึคุง!?

                    คนที่พูดเมื่อครู่นี่คือ คุโรโกะ เท็ตสึยะ ซึ่งโมโมอิกำลังหาอยู่นั่นเอง

                    คุโรโกะกำลังยืนอยู่นอกสนาม สวมชุดปกติสำหรับซ้อม ข้างๆโมโมอิ ทำเพียงแค่สังเกตการฝึกซ้อมเท่านั้น

                    “ท..เท็ตสึคุง ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะจ๊ะ อ..เอ๋!? สังเกตการซ้อม!?

                    อารามตกใจ โมโมอิจึงหลุดถามออกมาเสียงสูง ซึ่งก็ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่แปลกอะไร หากจู่ๆคนที่คุณหาอยู่ก็โผล่ออกมาตรงหน้าของคุณ

                    “วันนี้อาคาชิคุงบอกให้ผมสังเกตการณ์ฝึกเพียงอย่างเดียว ทำไมกันนะครับ...คุโรโกะพึมพำ

                    ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะมีใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์เช่นเคย แต่น้ำเสียงก็บ่งบอกได้ว่า เจ้าตัวกำลังไม่พอใจ

                    “อาคาชิคุง สั่งให้สังเกตการซ้อมเหรอ?โมโมอิที่หายตกใจแล้วถาม

                    “ใช่ครับคุโรโกะตอบ

                    “ถ้าอาคาชิคุงว่าอย่างงั้น  นายก็นั่งสังเกตการซ้อมไปเงียบๆเถอะ

                    รุ่นพี่แตะบ่าคุโรโกะเบาๆก่อนจะออกไปซ้อม

                    “แต่วันนี้เป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนการสอบทั้งที

                    คุโรโกะถอนหายใจเล็กน้อย

                    ในเมื่อพวกรุ่นพี่ต่างพูดเช่นนั้น การตัดสินใจครั้งนี้จึงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุโรโกะจึงทำได้อยู่แค่นั่งข้างๆโมโมอิ แล้วคอยดูคนอื่นฝึกซ้อมเท่านั้น

                    โมโมอิมองไปรอบๆสนาม แต่ก็ยังคงให้ความสนใจกับสมาชิกมายาคนที่ 6 ของเจเนอเรชั่นปาฏิหาริย์คนนี้อย่างมาก เธอหวนนึกถึงคำพูดของอิสึมิ

                    “หรือว่าเธอมีคนที่อยู่ชอบแล้ว?

                    โมโมอิเหลือบมองคุโรโกะซึ่งกำลังจ้องมองไปยังสนามแบบไม่กะพริบตา

                    บางทีเธออาจจะชอบคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆเธอ.... เด็กหนุ่มผู้ที่ตัวตนช่างแสนจืดจาง...

                    หากจะให้ว่ากันตามตรง ตัวเธอก็พึ่งเริ่มจะสนใจคุโรโกะเมื่อไม่นานมานี้เอง เรื่องเริ่มจากเหตุการณ์เล็กๆ เมื่อ 2- 3 วันก่อน หลังเลิกกิจกรรมชมรม เหล่าสมาชิกชมรมบาสพากันแวะที่ร้านสะดวกซื้อตามปกติ  โมโมอิเองก็อยู่ด้วย แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จึงไม่สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหนุ่มๆได้

                    เธอจึงทำได้แค่มองอยู่ห่างๆ ใบหน้าของเธอในตอนนั้นคงกำลังแสดงสีหน้า ถึงอย่างงั้นก็เหอะ.. น่าอิจฉาพวกเขาจังเลยอยู่แน่ๆ

                    ในตอนนั้นเองที่คุโรโกะโผล่มาอยู่ตรงหน้าเธอ

                    “ผมไม่ต้องการมันแล้ว... รับไว้ด้วยเถอะครับ

                    “เอ๋!?

                    คุโรโกะส่งแท่งไม้ของไอติมที่ทานแล้วให้เธอ ด้วยความที่มันกะทันหันมาก โมโมอิจึงไม่ทันได้โต้ตอบอะไรและรับแท่งไม้นั้นมาอย่างงๆ

                    “อะไรเนี่ย...เธอจดจ้องมองดูแท่งไอติมอย่างสงสัยก่อนที่จะเจอกับคำว่าไม้ฟรี
                    เหตุการณ์นั้นเองที่สปาร์คหัวใจของโมโมอิ

                    ทุกๆการกระทำของคุโรโกะช่างดูสมบูรณ์แบบในสายตาของโมโมอิ เขาสังเกตได้ถึงอารมณ์ของเธอในตอนนั้น และทำให้เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มได้อย่างไม่ยากเย็น ไม่ใช่เพียงเท่านั้น คุโรโกะกลับไม่แสดงท่าทีว่าเธอเป็นหนี้บุญคุณเขาแต่อย่างใด

                    หากจะว่ากันตามจริง ไม่มีใครรู้ว่าคุโรโกะคิดอะไรอยู่ในตอนนั้น แต่ตัวโมโมอิก็เลือกดื้อที่จะเชื่อในแบบเธออยากจะเชื่อ

                    นั่นเป็นเหตุให้เธอเริ่มสนใจในตัวคุโรโกะ

                    ตั้งแต่เธอเริ่มให้ความสนใจคุโรโกะ เธอก็ค้นพบหลายๆเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทันสังเกต เช่น ระหว่างการแข่ง ท่าทีของคุโรโกะจะเปลี่ยนไปอย่างมาก จากที่ดูอ่อนแอไปเป็นคนที่น่ายำเกรง ทุกครั้งที่เธอเห็นคุโรโกะที่เป็นแบบนั้น ความสนใจในตัวเขายิ่งมากขึ้น

                    หรือว่านี่... หรือว่านี่จะเป็นความรัก?

                    ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่า ความรู้สึกนี้เรียกว่าความรักได้หรือเปล่า การจะบอกว่าแท่งไม้จากไอติมแท่งหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นของความรัก ช่างดูน่าขันแม้กับตัวเธอเอง

                    ถ้าอิสึมิรู้เรื่องนี้เข้า เธอคงจะบอกว่า เธอน่ะคิดมากไปแล้ว! แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โมโมอิรู้สึกสนใจในตัวผู้ชายคนนึง ซึ่งเป็นความรู้สึกครั้งแรกที่ควรทะนุถนอมเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงต้องตัดสินใจเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง
                    เธอจึงเห็นความจำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ตรงหน้า และถึงแม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอสัมผัสกับความรู้สึกที่ทำให้หัวใจเต้นไม่หยุด โมโมอิก็จะใช้ความสามารถเฉพาะตัววิเคราะห์คนตรงหน้า
                    เสียงเฮจากสนามดึงโมโมอิออกจากห้วงความคิด

                    “โอ้โห!!

                    การฝึกซ้อมกำลังอยู่ในช่วงฝึกส่งลูก ผู้เล่นสามคนจะต้องสปริ้น(วิ่งแบบเร่งเร็ว)และส่งลูกให้กันจากฝั่งหนึ่งของสนามไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วจึงชู้ต จังหวะเมื่อครู่เป็นลูกชู้ตของอาโอมิเนะซึ่งอยู่ในตำแหน่งหลังแป้นบาส หันหน้ามาทางโมโมอิ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะทำแต้มได้จากการชู้ตลูกอ้อมจากข้างหลังแป้นกลับไปลงห่วง

                    “ตานั่นยังทำเป็นเล่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

                    “แต่เขาก็เก่งจริงนะครับ

                    คุโรโกะเอ่ยราวกับจะตอบรับคำพูดลอยๆที่โมโมอิพูดกับตัวเอง

                    “อาโอมิเนะคุงนี่แข็งแกร่งมากจริงๆ

                    คุโรโกะพูดก่อนที่จะเอียงตัวก้มเก็บลูกบาสทีกลิ้งมาอยู่ข้างๆเขา

                    จังหวะนั้นเองที่โมโมอิรู้สึกว่าเธอพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมอาคาชิถึงสั่งให้คุโรโกะสังเกตการณ์ฝึกอยู่นอกสนาม..


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Free Talk : ดีจ้าทุกคน มือใหม่หัดแปล Omaew ขอรับ เรียกโอเฉยๆก็ได้ 
    ขอบคุณที่อ่านจบพาร์ทแรกจ้า บอกตามตรงว่าใช้เวลานั่งคิดคำไทยที่เหมาะสมนานอยู่เหมือนกัน 
    เพราะศัพท์บางตัวมันแทนคำตรงๆไม่ได้ แถมภาษาอังกฤษไม่ค่อยมีคำลงท้าย อ่ะ นะ ครับ เล่นเอาต้องคิดเองซะวุ่น 
    ใครที่อ่านฉบับญี่ปุ่นได้แล้วเห็นว่าควรปรับปรุงตรงไหนบอกได้น้าา 
    อ้อ! เกือบลืมโปรเจ็คนี้สำเร็จไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ Tori คอยช่วยเกลาสำนวนให้ลื่นไหลและคอยจัดวางหน้ากระดาษให้ 5555+ 
    เดี๋ยวจะพยายามปั่นแปล อัพพาร์ทใหม่เรื่อยๆ ช่วยติดตามกันต่อด้วยนะขอรับ ^W^b 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×