ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[ ♥...PASSIVE VOICE...♥ ]] ผมหน่ะ! ฝ่ายถูกกระทำ (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : ...Passive...2

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 56


    passive...2

    ไม่เคยพบใครที่ทำให้ใจฉันหวั่นไหว....

     

     

     

     

     

    เอ่อ...ครับ กำลังจะมาแล้วครับ ไอ้นั่นจะมาแล้วครับ เกริ่นให้ฟังก่อนว่าอันที่จริงแล้ว ผมเนี่ยไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไร พูดน้อย หยิ่ง มาดนิ่ง อันที่จริงมันก็มีหยาบคายไปตามกาลเทศะและบุคคลกันบ้าง แต่เมื่ออยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หรือต่อหน้าคนที่ไม่รู้จักเนี่ย มันก็ต้องมีบ้าง พื้นฐานก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนพูดเก่ง ผมมักจะพูดอะไรๆ ออกไปแค่เพียงพยางค์เดียว หรือสั้นๆ แต่จะมีวาห์นี่แหละครับ ที่ผมคิดว่าเค้าอ่านใจผมและทุกคนๆออก จะคอยแปลให้คนอื่นๆเข้าใจเสมอมา.....

     

     

     

     

     

    เหอะๆ ตื่นเต้นชิบหาย คันไม้คันมือโว้ยยย แหม่ ผมก็ไม่ใช่คนปิดตัวอยู่ในโลกแคบอะไร อยากมีเพื่อนมีฝูงบ้าง งั้นผมขอเกริ่นฆ่าเวลาที่รอพูห์เขียนใบขอเข้าพบ แล้วก็ต่อสายหาไอ้นั่นด้วยละกัน จริงๆแล้ว ถึงจะเห็นผมเป็นคนแบบนี้ ผมหน่ะไม่ได้   หยาบคายเสมอไปหรอกนะครับ แต่มันก็ต้องมีบ้างไปตาม       อารมณ์หน่ะ ปล่อยไปตามหัวใจจ~~

    "เล้ง เสร็จแล้ว มึงรอแปปนะ" เสียงของพูห์เพื่อนของผมหน่ะครับ ที่เคยเล่าให้ฟังไง คงจำกันได้เนอะ

     

     

    ติ๊ดๆๆ

     

     

    "ต่อสายถึงคุณนิชฌานครับ พิชาพูดสายครับ กัญจน์กวินท์มาขอเข้าพบแล้วครับ เอ่อ ครับ ครับ ได้ครับ"

     

    "ไปกันเหอะ เล้ง คุณนิชฌานให้เข้าไปละ เดี๋ยวเราไปส่ง หวังว่ามึงจะไม่ก่อเรื่องอีกนะไอ้เชี่ยเล้ง เพื่อนรัก"

     

    มันพูดเสร็จ มันก็กอดคอผม แล้วลากผมเข้าไปเลย

     

     

     

     

     

    เฮ้อ ว่าไปก็รู้สึกคุ้นๆชื่อนิชฌานเนอะ เหมือนเคยได้ยิน หรือว่า... ชื่อมันโหล ช่างเถอะ ได้เวลาลุยกับเล็บขบแล้ว

     

     

     

    "เฮ้ยยยย!"

     

     

     

    ผมตกใจไม่ใช่น้อย นอกจากนั้น พูห์กะไอ้คนที่บอกว่ามันชื่อวาห์ก็ตกใจด้วยเมื่อเห็นว่าผมตกใจขนาดนี้ มีแต่คนที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ประธานที่ยกมุมปากขึ้นพอใจกับท่าทีของผม ยกแรกผมแพ้มันหรอ อย่าเลยน่าาา นี่มันก็แค่เริ่มต้น

     

     

     

    "ออก" ออกอะไรอะไรคือออก พูดจบพูห์กะวาห์ก็เดินออกนอกห้อง ผมเพิ่งเข้าใจว่ามันให้สองคนนั้นออกไป ว่าแต่มันจะพูดยาวๆไม่ได้หรอ มาแค่คำเดียว เหอะ ผมเหลียวซ้าย แลขวา   ไปเจอกะวาห์ที่กำลังจะเดินออกไป มันขยิบตาให้ผม ขยิบตาทำไม หรือมันเป็นนัยๆว่าต่อไปนี้ผมต้องแปลอะไรด้วยตัวเอง

     

     

     

     

    "นั่ง" อ่ะอืมมม เข้าใจคำนี้เข้าใจ มันสั่งให้ผมนั่ง

     

    หะ สั่งผม

     

     

    "มึงสั่งกูหรอ"

    "หึ  หยาบ" หะ อะไรหยาบ มันด่าผมหรอ ผมเนี่ยนะหยาบไม่หรอก

     

    "ไม่รู้จัก ห้ามหยาบ"

    อ๋อ จะสอนผมว่างั้น ไม่ก็ไม่ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน เก็บมือไว้ใช้คราวหน้า คราวนี้คงได้ต่อยกันทางอารมณ์แน่

     

     

    "สาย"

    สายพ่อมึงดิ อะไรของมึงครับ อะไรสาย กูสาย มึงสาย อ๋อ ทำไมกูถึงสายว่างั้น ยาวกว่านี้สองคำแม่มึงจะนมยานขึ้นหรอ

     

     

    "กูปล่าวสาย มึงอ่ะเช็คแถวเร็วเอง"

     

     

     

     

     

    เหอะ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าตัวจริงหน่ะปากร้ายขนาดนี้ แหม่ งานนี้คงสนุกแล้วสิครับ เหมือนเค้าจะรู้สึกขัดหูขัดตาลุคของผมซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะมาด จะการพูดการจา มันทำให้ผมนึกจะทำอะไรสนุกๆแล้วสินะ...

     

     

    "เรียบร้อย" ผมบอกเค้าว่าให้เค้าหน่ะ แต่งตัวให้เรียบร้อย       ผมอยากรู้เสียจริงๆ ว่าคู่กรณีผมเนี่ย จะทำยังไง

     

    "โอย มึงจะอะไร หนักหนา ร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว กูไม่ได้อยู่ห้องแอร์เหมือนมึงนะ"

    ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ผมคงต้องสอนเด็กหยาบคายแบบไร้กาลเทศะแบบนี้ซักที

    "กัญจน์กวินท์!!"

    "มึงเรียกกูทำไ... เอ้ย คุณเรียกผมทำไม"

    "กัญจน์กวินท์รู้มั้ยว่าแบบนี้หน่ะ บ้านผมเค้าเรียกว่า'ทราม'"  อึ้ง เหอะถึงกับอึ้ง คงงงสินะว่าอันที่จริงหน่ะ ผมก็พูดประโยคยาวๆเป็นเหมือนกัน

     

     

    อยากรู้จริงๆ ว่าจะทำยังไงต่อ อยากจะรู้นั... เฮอะเฮ้ยยย เหมือนผมกำลังถูกกระชากเน็คไทไป ฉุดผมไปให้เข้าใกล้ใบหน้า     เข้ารูปสวยของอีกคนนึง

    "ก็แต่งให้ผมหน่อยไม่ได้หรอครับ คุณประธาน แค่ติดกระดุม   ผูกไทด์ แล้วก็..... เอาเสื้อใส่ในกางเกง" อีกฝ่ายพูดพลาง     จับแขนของผม ไปจับไว้ที่สะโพกของเขา ผมนิ่งค้างเหมือนจะกลายเป็นหุ่นให้อริเชิดไปเสีย

     

    ตาของผมเผลอไปสบกับนัยน์ตายั่วยวนเชิงกลั่นแกล้งคู่นั้นเข้ามันทำให้ผมรู้สึกหวั่นเล็กๆ คนอะไรเหมือนผู้หญิงเป็นบ้า

     

     

     

     

    น่ารัก

     

     

     

     

    ผมคิดอะไรออกไปเนี่ย เหอะ คิดว่าผมจะไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้หน่ะ มันตั้งใจจะยั่วกันชัดๆ ผมคงยอมให้เขาเป็นฝ่ายคุมเกมไม่ได้แล้วล่ะ ผมค่อยๆเคลื่อนย้ายมือจากสะโพกของเขา ย้ายมาแตะไหล่บางของร่างเล็ก แล้วผลักลงกับโซฟาในท่าที่ทุกคนมโนได้ ซึ่งอยู่ในบริบทที่ผมจะกลายเป็นฝ่ายรุก....

     

    ผมเริ่มค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง แล้วเริ่มติดกระดุมทีละเม็ดๆ โดยที่พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่าน แต่ถึงยังไงแล้ว ผมก็คงจะไม่คิดอะไรหรอกเพราผมหน่ะ ยังเป็นผู้ชายแมนทั้งแท่งอยู่ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าในอนาคตอันไม่แน่นอนนี้

     

     

     

     

    ผมจะพูดได้อย่างเต็มปาก เต็มคำหรือป่าว  

     

     

    "นี่ แค่ติดกระดุมเอง ทำไมต้องมือไม้สั่นด้วยหล่ะหืม~ คุณเอม" เหอะ จะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นฝ่ายคุมเกม มันเร็วไปสิบปีนะ     ไอ้น้อง

     

    "ปลุก" ในที่สุด เจ้าของใบหน้าเปื้อนเหงื่อและมืออันสั่นเทา ก็ได้พูด คำนึงออกมาซึ่งผมฟังไม่ชัดนัก แต่พอจับใจความได้ ปลุกงั้นหรอ ว่าแต่ปลุกอะไรหล่ะ ปลุกอารมณ์ เหอะ งั้นคงเข้าทางของชาเล้งสุดหล่อแล้วหล่ะ

    "อย่าเพิ่งคิดอะไรเกินเลยเชียวนาาา เพราะคนที่จะทำเสียเรื่องมันอาจจะเป็นตัวคุณเอง" ดูสิ พูดอยู่ว่าปลุก แต่พยายามฝืนทำหน้าให้เรียบเฉย ผมว่าไปมือก็พลางคลอเคลียไล้ไปตามใบหน้าของอีกคน

    "ใกล้จะลุก" หะ อะไรนะ ใกล้จะลุก มันพูดเชี่ยอะไรออกมาเนี่ย สามพยางค์แต่คงตีความหมายได้ไม่กี่อย่างนัก ผมจึงผละตัวออกจากประธานมาดเก๊ก มันรู้ตัวรึป่าวว่า พูดแบบนี้หมายความยังไง

     

     

    "พูดเชี่ยไรของมึงเนี่ย"

     

     

     

     

     

    "อ่าา...." เสียงครางอันโหยหวนได้หลุดรอดออกมา มันไม่ใช่ของผม แล้วมันเป็นของใครกันละนี่ ถ้าไม่ใช่...

     

     

    TBC

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×