ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บางสิ่งที่หายไป...กับใจบางคน

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 “ต้นเหตุ”

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 55


    “เลย์…ตั้มผูกคอตาย” นี้คงเป็นต้นเหตุของเรื่องต่างๆที่กำลังจะเกิดกับผม แต่ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรกับผมบ้าง “เลย์…มึงฟังอยู่เปล่า” ไอนัทเพื่อนผมตะโกนด่าผมทางโทรศัพท์
    “อำแล้วมึง…” ผมยังนิ่งอยู่
    “อำห่าไรหล่ะ” ไอนัทยังเล่นต่อ
    “มึงจะคุยกับตั้มไหม” ผมถามเพื่อให้มันรู้ว่าผมชนะ มันอำผมไม่สำเร็จหรอก
    “ตั้มไหน…” ไอนี้ ยังไม่เลิกเล่นอีก ผมคิดในใจ สายตาผมก็ยังมองตั้มเพื่อนรักผมที่นั่งอยู่บนอัฒจรรย์
    ถ้าจะว่าไปผมกับเพื่อนก็มักจะมีอะไรแกล้งกับบ่อยๆ ทำให้บางครั้งอาจจะเกิดความล้ำเส้นระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องหลอก
    ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ไม่กี่คน ไอตั้มผมรู้จักกับมันมาได้ถ้านับจนถึงปัจจุบันก็ 5 ปีแล้ว ส่วนไอนัทรู้จักหลังจากเป็นเพื่อนกับตั้มได้ไม่นานเพราะมันสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน และผมก็มีเพื่อนสนิทมากๆ อีกคนหนึ่ง คนนี้เป็นคนที่ช่วยผมทุกๆ เรื่องที่มันสามารถทำให้ผมได้ แต่ตอนนี้เพื่อนผมคนนี้ไปอยู่อังกฤษแล้วหล่ะครับ คนนี้มันชื่อว่า แม็ค

    สมัยที่ผมยังเป็นเด็กอยู่ (หมายถึงเด็กประถมนะครับ ไม่ใช่เด็กดูดนม) ผมมักจะเป็นคนที่โดนเด็กตัวโตๆ ในห้องแกล้งอยู่เรื่อย อาจเป็นเพราะว่าผมตัวเล็ก และเป็นคนโปรดของคุณครู ก็มันช่วยไม่ได้นิครับ คุณครูชอบผมเอง แต่ถึงจะโดนแกล้งยังไงไอแม็คก็จะเป็นคนเข้ามาช่วยผมทุกครั้ง ถึงแม้ว่า ตัวผมกับไอแม็คจะพอๆกัน แต่เด็กตัวโตๆ ก็จะกลัวมัน เพราะมันจะบอกคนที่จะมาแกล้งผมว่า “จะฟ้องแม่” ก็แม่มันเป็นครูใหญ่ที่โรงเรียนนี้นิครับ อิอิ
    ชีวิตในช่วงประถมของผมไม่มีอะไรมาก คือไม่มีอะไรจริงๆ เรียนไปวันๆ เล่นไปวันๆ มันน่าเบื่อนะครับ ที่เห็นเด็กรุ่นเดียวกัน เล่นกีฬากันแบบสนุกสนานและเอาเป็นเอาตาย แต่ผมก็เล่นอะไรกับเค้าไม่ได้ เพราะเค้าไม่อยากให้ผมเข้าทีมด้วย เดี๋ยวจะทำให้ทีมเค้าแพ้ ก็มีแค่ไอแม็คอะครับที่เล่นเป็นเพื่อนผม เวลาเบื่อๆ ก็ไปนั่งคุยกับเพื่อนผู้หญิงบ้าง ทำให้โดนเด็กผู้ชายล้อว่าเป็น ตุ๊ด ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าตุ๊ดคืออะไร แต่มันเป็นคำที่ฟังแล้วเจ็บแปลกๆ เหมือนกัน

    “เลย์…จบแล้วเธอจะไปต่อที่ไหน” ไอแม็คถามผม
    “ไม่รู้เหมือนกัน แล้วแต่พ่อกับแม่” ที่บอกไปคือไม่รู้จริงๆครับ ชีวิตผมทั้งชีวิต พ่อแม่ผมจะเป็นคนกำหนดให้เอง ผมแทบไม่มีสิทธิ์เลือกเลย
    จุดมุ่งหมายของเด็กจบประถม 6 ในตอนนั้น ส่วนใหญ่ก็ต้องการเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดกันทั้งนั้น คงมีแต่ผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับชาวบ้าน
    “แม่ให้ฉันไปต่อโรงเรียน…..” แม็คบอกผม
    “แม่ฉันให้หาเพื่อนหนึ่งคน” แม็คยิ้มบอกผม
    “หาทำไม” ผมถามแบบสงสัย
    “แม่ฉันฝากได้สองคน สนใจเปล่า” แม็คกระซิกบอกผมแบบเบาที่สุด เพราะตอนนี้เริ่มมีคนในห้องพยายามสอดรู้แล้ว
    “ไม่รู้ ขอถามพ่อก่อนได้เปล่า” ผมบอกแม็คแบบหน้าเสียๆ เด็กฝากหรอ ผมกลัวคำนี้จังครับ
    “ฉันบอกชื่อเธอกับแม่แล้ว” แม็คมันบอกผม แต่มันนิ่งมากกับคำพูดของมัน
    ตอนนั้นผมกลัวครับ กลัวทางบ้านจะดุ กลัวคำว่าเด็กฝาก กลัวไปหมดทุกอย่างเลยครับ
    กลับบ้านผมนั่งทานข้าวกับพ่อแม่ตามปกติ ที่บ้านมีผมเป็นลูกเพียงคนเดียว พ่อผมเป็นข้าราชการ แม่เป็นแม่บ้าน ด้วยเหตุที่ว่า พ่อรับราชการทำให้ที่บ้านจะเคร่งในเรื่องระเบียบกับลูกมาก
    “พ่อกับแม่จะให้เลย์ไปต่อที่ไหนครับ” ผมถามแบบกล้าๆ กลัวๆ
    “แล้วแต่ลูกสิ” พ่อผมบอก (อ้าว….ผมได้แต่คิดในใจ)
    “แล้วเลย์อยากจะไปต่อไหนหล่ะลูก…” แม่ผมถามครับ
    “ไม่แน่ใจครับ” จริงๆ แล้วไม่รู้อะครับ
    “พ่อว่าโรงเรียน…ก็ดีนะ” พ่อผมพูดชื่อโรงเรียนที่ไอแม็คจะไปต่อมัธยมที่นั่น
    ตอนนั้นผมได้แต่ยิ้มอยู่ในใจ มันโล่งใจยังไงไม่รู้ครับ ความคิดเด็กๆ ตอนนั้นมันเป็นอะไรที่รู้สึกผิดมากถ้าทำอะไรที่นอกเหนือคำสั่งพ่อกับแม่
    “ถ้าอย่างนั้นผมจะไปต่อโรงเรียน…นะครับ” ผมบอกไปและผมเลือกที่จะไม่บอกเรื่องเด็กฝากกับพ่อและแม่
    และในที่สุดผมก็ได้ไปต่อโรงเรียนเดียวกันกับไอแม็ค ที่นี้เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่ใหญ่และดีที่สุดของจังหวัดที่ผมอยู่

    วันแรกที่โรงเรียนเปิดเด็กใหม่ หมายถึงเด็ก ม.1 หลายๆ คนก็จะไปที่อาคารกีฬากันและผมก็ไปกับเค้าด้วย เผื่อจะเจอไอแม็ค
    อาคารกีฬาใหญ่มากครับ มันเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นลานกว้างๆ ชั้นบนเป็นสนามบาส ตอนนี้มีเด็กเล่นบาสกันเยอะมาก ผมเองจะยืนนิ่งๆ อยู่ก็อายครับ ใจมันสั่นๆ ยังไงๆไม่รู้ กล้าๆ กลัวๆ ผมเลยตัดสินใจลงไปเล่นบาสเหมือนเด็กคนอื่นดูบ้าง พอดีมีลูกบาสลูกหนึ่งกลิ้งมาทางผม ผมเลยก้มลงเก็บจะลองชูตดู พอยืนขึ้นเท่านั้น
    “ตุบ……” คือลูกบาสครับ มาจากไหนไม่รู้ กระแทกหน้าผมอย่างจัง
    “เฮ……..” เสียงคนที่เห็นเหตุการณ์ เฮขึ้นพร้อมกัน
    จะว่าไป ตอนนั้นผมไม่เจ็บนะครับ แต่อายมาก โคตรอายเลย รู้งี้ยืนดูอยู่ข้างบนอัฒจรรย์ ก็ดีแล้ว ตอนนั้นผมชาไปหมดทั้งตัว จะก้าวเท้าออกมาก็ยังยากเลย ไม่รู้จะไปทางไหน
    “เฮ้ย…..มึงเป็นไรเปล่า” มีใครบ้างคนมาถามผม
    ผมได้แต่คิดในใจ ใครอะพูดไม่เพราะเลย
    “ฮา ฮา ….ขอโทษนะโว้ย ฮา ฮา…” ผมรู้แล้วหล่ะครับว่าใครเป็นเจ้าของลูกบาสเมื้อกี้
    แต่มันโมโหตรงที่ว่ามันหัวเราะนี้แหละครับ คือไม่สำนึกผิดเลย แถมยังหัวเราะผมอีก
    เวลานั้นผมได้แต่จำหน้ามันไว้ครับ จำแบบขึ้นใจเลย
    “ขอให้นักเรียนทุกคน มาเข้าแถวที่สนามฟุตบอลในเวลา แปดนาฬิกาด้วยครับ ขอบคุณครับ” เสียงประชาสัมพันธ์ของโรงเรียนประกาศ
    ผมก็ค่อยๆ เดินมาที่สนามฟุตบอล คิดในใจว่า คนคงจำผมไม่ได้หรอกว่าเมื่อกี้ผมโดนลูกบาสกระแทกหน้า ในระหว่างเดินไปสนามฟุตบอล ก็มีรุ่นพี่ทั้งหญิงชายมองผมแบบยิ้มๆ
    “สงสัยเราน่ารักมั้ง” ผมได้แต่คิดในใจแบบเข้าข้างตัวเอง คือผมเป็นคนตัวเล็กครับ ความขาวได้จากแม่ที่เป็นคนเชียงใหม่ ถ้าใครไปเชียงใหม่จะพอได้เห็นครับ เด็กดอยกับเด็กญี่ปุ่นหน้าตาใกล้เคียงกันมาก และผมก็ได้แม่มาเยอะมากทีเดียว
    “เลย์…หาตั้งนาน” เสียงของไอแม็คเรียกผมจากทางด้านหลัง
    “อ้าว…แม็คฉันหาเธอเหมือนกัน” ผมหันหน้าไปหาไอแม็ค
    “ฮา ฮา ฮา ไปทำอะไรมา ฮา ฮา ฮา…..” มันหัวเราะชอบใจใหญ่เลยครับ
    “เป็นไรอ่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย
    มันเปิดกระเป๋าแล้วเอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า ส่งมาให้ผมทั้งๆ ที่มันยังขำอยู่
    “อ่ะ…ดูซะ” มันบอกผมครับ
    “เฮ้ย……...” ผมร้องออกมาจากสิ่งที่เห็นในกระจก
    ตอนนี้ผมเริ่มร้อนแล้วครับ ร้อนที่หน้าตรงรอยแดงๆ ที่เป็นวงกลางหน้าผม รู้สึกเลยว่าเส้นเลือดที่หน้ามันเต้นตุบๆ ไปหมด รู้แล้วว่าคนมองผมทำไม ฮือ ฮือ
    วันแรกของผมกับโรงเรียนใหม่ไม่สนุกเลยครับ บอกได้อย่างเดียวว่าอยากกลับบ้านมากๆ กลับบ้านแล้วขุดหลุมฝังตัวเองไม่ต้องให้ใครเจอไม่ต้องอายใครอีก
    ถ้าไม่มีไอรอยแดงที่หน้าผม ที่เป็นตราบาปทำให้ผมเป็นตัวตลกของวันนั้น ผมคงจะสนุกกว่านี้
    “จำเอาไว้นะ ไอเจ้าของลูกบาส” ผมได้แต่คิดในใจ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×