ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาร์มรัก [Thisis LOVE]

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 57


    บทที่ 3

    “นี่ไอ้ภูผา นู๋มิลล์ของมึงนี่น่ารักหว่ะ ข้านะอยากได้ลูกน่ารักๆ อย่างนี้มั่งจังวะ บ้านข้าน่ะมีแต่คนหล่อเต็มไปหมดเลย เบื่อละๆ ฮ่ะๆๆๆๆ” ลุงพัต หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ นราภัทร สัทธบริวารกุล หรือก็คือตาลุงที่กวนโอ๊ยผม พ่อไอ้เค้กน่ะแหละครับ เล่นมองหน้าผมปุ๊ป ซัดมุกใส่ปั๊ปตลอด แถมหัวเราะดังลั่นชนิดที่แบบว่า ไม่เกรงกลัวใครเลย ผมได้แต่บุ้ยหน้าใส่ลุงพัต แต่ขอโทษครับ ลุงแกกลับชอบซะงั้น เอ่อ กูรับมือไม่ไหวละนะ

     

    ใช่แล้วครับ พี่ท่านทั้งสองยังไม่เสด็จกลับไปไหนเลยครับ บอกว่าเช่าโรงแรมอยู่ ซึ่งมันไม่ได้หนีไปไหน จะรีบกลับทำไม แถมพ่อกับแม่ก็เต็มใจชนิดแบบว่ามีอะไรขนมาปาร์ตี้ให้หมด มิน่าล่ะเห็นของในครัวตอนที่แม่ซื้อมานี่ เต็มตู้เย็นเลยครับ แถมมื้อนี้พ่อบอกให้จัดเต็มเลยครับ ซึ่งตอนกลางวันมันแค่เตรียมพวกเนื้อที่ปิ้งย่างเฉยๆ ไม่ได้จัดเต็มอะไรมาก มื้อนี้ผมเลยต้องโชว์ฝีมือกับแม่กันสุดฤทธิ์ทั้ง ปลาทับทิมนึ่งมะนาว แซลมอนสามรส กุ้งอบวุ้นเส้น ผัดเต้าหู้ทรงเครื่อง ไก้อบสมุนไพร ปลาหมึกราดพริก น้ำตก ลาบหมูและน้ำพริกหนุ่ม สามอย่างหลังนี้ฝืมือไอ้มิลล์ล้วนๆ ครับ

     

    พออาหารและกับแกล้มเสร็จก็ทยอยกันมาจนเต็มโต๊ะครับ วันนี้ปาร์ตี้นอกบ้านกันครับ คือนอกบ้านจริงๆ นะ ก็แค่ยกโต๊ะมาจัดไว้หน้าบ้านอ่ะ นอกบ้านรึยังครับ อิอิ ซึ่งพ่อท่านบอกว่ามันได้บรรยากาศดี แต่รู้ไหมว่ามันลำบากผมนะที่ต้องขนของออกมาด้วยเนี่ย แต่ผมเห็นพี่ท่านขนเบียร์มากันสามลังแน่ะ กินกันแค่สามสี่คนเนี่ยนะ กระผมขอแอบจิกเก็บไว้หน่อยนะสักสามขวดละกัน  (ชู่ว์ อย่าบอกพ่อล่ะ หุหุ)

     

    “อาหารอร่อยดีหว่ะ คุณนายทำอาหารอร่อยดีจริงเลยครับ” ลุงพัตชมคุณแม่ และยกนิ้วโป้งให้ครับ

    “ก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ทำพอไปวัดไปวาหรอกค่ะ”

    “แม่ครับ อันนี้อร่อยจัง มันคืออะไรหรอครับ” ไอ้เค้กถามแม่ผมขณะที่มันกำลังตักน้ำตกใส่จานของมันอีกครั้ง แถมยิ้มให้อีก แบบว่ามึงตอแหลมากกก ชิส์

    “อ๋อ น้ำตกน่ะจ๊ะ อันนี้น่ะ อาหารจานเด็ดของตามิลล์เลยนะ อร่อยจริงๆ แม่คอร์นเฟิร์มเลยค่ะ” คือแบบแม่พูดจบ ไอ้เค้กครับมันหันควับมาทางผม มองแบบว่า น้ำหน้าอย่างมึงจะทำเป็นหรอ อะไประมาณนั้น

    “น่ารักแล้วยังทำอาหารเก่งอีกนะนู๋มิลล์ อย่างนี้มีหนุ่มๆ มาจีบมั่งป่าวเนี่ย ฮ่ะๆๆๆ”

    “อึ๊กก....” ช่วยข่อยแน่ กุสำลักข้าว

    “น้ำคับ” มือหนาส่งน้ำให้ผม แถมช่วยลูบหลังให้ เอ่อ ค่อยยังชั่วครับ ขอเช็ดน้ำตาน้ำลายก่อนนะครับ อายมากนะเวลานี้ เล่นปล่อยโครตไก่ซะเต็มโต๊ะเลย

    “ขะ...ขอบ......คุณ”  คือกำลังหันไปหาคนที่ช่วยลูบหลังครับ คือลืมไปว่าเป็นไอ้เค้กนั่นเองที่มันนั่งถัดจากผม และช่วยผมเมื่อกี้ แต่....ความดีใจหายวูปเลยครับ แล้วผมก็หันกลับมากินต่อ 

    “อะไรกันนู๋ ถามแค่นี้ถึงกับสำลักเลย สงสัยจริงๆ” คือยังครับ ยังไม่จบประเด็น ลุงพัตยังถามต่ออีก

    “ก็มั....”

    “แหม อย่าไปพูดไปพูดถึงนะไอ้พัต เมื่อก่อนตอน ม.ต้น น่ะ หลังจากไอ้มิลล์ออกจากค่ายลูกเสือมานะ สงสัยมันไปโชว์ฝีมือจนเพื่อนติดใจละมั้ง มีคนมาสารภาพรักหน้าบ้านนี่เลย ฮ่ะๆๆๆ”ผมกำลังจะอ้าปากตอบนะ แต่พ่อน่ะสิดันตอบแทนผม แถมเล่าซะผมอายเลย หน้ากูจะเหลืออะไรให้อายมั่งไหมเนี่ย

    “พ่อ อย่าไปบอกเค้าสิ” ผมบอกพ่อ แต่ท่านพ่อหาได้ฟังอะไรเลย เสมือนเสียงตดที่จางหายไปกับสายลมน่ะแหละครับ

    “แต่รู้ไหม ว่าไอ้เด็กที่มาสารภาพรักไอ้มิลล์น่ะ โดนไอ้มิลล์ต่อยซะปากแตกเลยหว่ะ ฮ่ะๆๆ” อันนี้ผ่านครับ หุหุ เห็นผมอย่างนี้นะ อย่ามาแหมเชียวล่ะ ไม่รู้ซะแล้วว่าไอ้มิลล์เป็นใคร ฮ่าๆๆๆ

    “นู๋มิลล์เนี่ยนะ โอ้ว โหดเหมือนกันนะเรา”ผมนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจครับ ขอกู้หน้ามะกี้หน่อยละกัน

    “แต่..........ที่แม่จำได้นะพ่อ เด็กที่ว่านั่น ดูเป็นเด็กเรียนหนิมๆ ติมๆ จะไปสู้ใครได้ล่ะคะ” แม่ท้วงพ่อครับ แต่แม่ครับ ช่วยลืมไปหน่อยก็ได้นะ แถมความภาคภูมิใจเมื่อกี้มะลายหายไปราวกับไม่มีอะเกิดขึ้นเลย จะขอเท่ห์ๆ สักนิดก็ไม่ได้ ชิส์

    “หึ” ไม่ใช่เสียงใครไหนเลยครับ เสียงไอ้คนข้างๆ นี่แหละ เห็นเงียบมาตั้งนานละ นึกว่าลืมมันไปซะละ แถมหันมาแค่เสี้ยวองศา แบบว่ามองด้วยหางตามาทางผม ถ้าจะเอาซ้อมจิ้มตามัน จะผิดไปป่าว

    “พอๆๆๆๆ  มันเรื่องตอนเด็กๆ แล้ว อย่าไปพูดถึงเลยน่า กินข้าวดีกว่าครับ” เป็นอันต้องออกโรงเองละครับ มิฉะนั้นผมว่า หน้าบางๆ อย่างผมคงไม่มีพื้นที่จะอายละ ขนาดพื้นที่ทับซ้อนยังไม่มีเลย ฮือๆๆๆ

     

     

    “เอ้อ นี่มิลล์กับเค้กเรียนคณะเดียวกันไม่ใช่หรอ” แม่ถามขึ้นมาครับ หลังจากยุติเรื่องของผมไปได้สักพัก

    “ใช่ครับ แต่เรียนคนละเอก เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่” ไอ้เค้กชิงตอบก่อนครับ

    “ตามนั้นละครับ” ผมตอบไปมั่ง ถึงจะไม่ได้มีสาระเพิ่มขึ้นแม้แต่ขี้เล็บอะไรก็เหอะ แหะๆๆ ไอ้เค้กมันหันมามองผมอีกละ

     

    “นี่พี่พัตรู้ไหม เจ้ามิลล์น่ะ ได้รางวัลเรียนดีของเทอมที่แล้วด้วยนะ” แม่ผมบอกครับ ผมได้แต่ยิ้มครับ ขอยืดด้วยละกัน เอาวะขอกู้หน้าอีกครั้ง

    “เก่งเหมือนกันนะเรา ไอ้เค้ก แกไปมัวทำอะไรมา ไม่เห็นได้อย่างนู๋มิลล์บ้างเลย” ลุงพัตมองผมครับ แล้วก็หันไปว่าไอ้เค้ก แต่แบบว่า ไม่ได้จริงจังอะไรเลยกันเลยพ่อลูกคู้นี้ ไอ้เค้กก็ไม่เห็นจะสะทกสะท้านอะไรเลย

    “เอาน่าพ่อ ก็วิชาส่วนใหญ่มันวิชาหมวดศึกษาทั่วไปนิน่า ผมไม่ค่อยชอบเลย แถมหน่วยกิจก็เยอะ มาฉุดเกรดผมหมดเลย” ไอ้เค้กแก้ตัวตัวครับ แล้วมันก็กินของมันต่อไป คือดูไม่ซีเรียสอะไรเลยนะมึง

     

    “งั้นเอางี้มะ ไหมๆ ก็รู้จักกันแล้ว” จู่พ่อผมก็ลั่นขึ้นมาแบบไม่มีปีมีขลุ่ย หลังจากท่านมัวแต่เปิดเบียร์ขวดใหม่อยู่ เล่นเอาซะทุกคนหันมาทางพ่อหมดเลย คือผมก็สงสัยเหมือนกัน

     

    “เห้ยย อย่ามาจ้างทางนี้หมดสิ ก็จะบอกว่า ไหนๆก็รู้จักกัน มีอะไรก็แบ่งกัน แนวข้อสอบอะไรงี้ หรือไม่ก็ติวให้ลูกเค้กไปเลย ดีไหม

     

    “มะ...ไม่”

    “ดีเหมือนกันครับ ผมว่าเราจะได้รู้จักกันมากขึ้นด้วยครับ” คือผมกำลังจะตอบว่าไม่ดี ไม่อยากไปช่วยมัน หมั่นใส้ แต่มันสิดันปากไวกว่า แถมเออออสรุปเอาเอง กูไม่อยากจะรู้จักมึงหรอกโว๊ยยย นั่นคือความคิดนะครับ แหะๆ ขอแสดงออกทางการยักคิ้วสองทีละกัน ขืนพูดไปคงไม่งามหน้าแน่ๆ

     

    “ว่าไงล่ะไอ้มิลล์ ทำหน้าอะไรแบบนั้น เอ๋อเฉียบพลันรึไงน่ะ” พ่อถามผมเล่นเอาสะดุ้งเลยครับ ก็เพราะมัวแต่คิดฟุ้งซ่านนั่งยักคิ้วอยู่น่ะแหละ เอาไงดีๆ แล้วผมก็หันไปมองไอ้เค้ก ซึ่งมันกำลังทำหน้ายิ้มตอแหลกินน้ำตกอยู่นั่นแหละ ชิส์ๆๆ เห็นเพราะว่าผมเป็นคนหล่อใจบุญละกันวะ แถมรู้สึกออร่าจากท่านพ่อท่านแม่มันช่างรุนแรงซะเหลือเกิน ผมยกแก้วน้ำดื่มจนหมดแก้ว แต่เอ๊ยยย นั่นมันแก้วเบียร์ไอ้เค้กนี่หว่า

    เพล้ง!! ไม่ใช่เสียงแก้วแตกอันใดหรอกครับ หน้าผมนี่ มันคงไม่เหลือพื้นที่ให้สิ่งที่เรียกว่าความอายได้สิงสถิตละมั้ง ไอ้เค้กก็มองหน้าผมแบบงงๆ เหมือนกัน ประดุจว่า มึงเป็นอะไรมากไหมเนี่ย

     

    “ได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้ลุงพัต กะว่าครั้งนี้แหละ ขอให้ได้มีความหล่อบังเกิดขึ้นมั่งละว๊า

    “โอเค เชื่อใจหนุ่มหล่อได้เลย อ่ะแก้ว” ผมบอกไอ้เค้ก แล้วตบหลังเบาๆ ทีหนึ่ง และอาศัยความมั่วๆ นี่แหละคืนแก้วมันไป มันถึงกับงงกว่าเดิมเลยครับ แต่ก็รับแก้ไป แล้วก็รินเบียร์ใส่ใหม่

     

    แล้วปาร์ตี้ก็ดำเนินไปจนถึงสามทุ่มครับ คือไม่ใช่อะไรหรอกแค่เบียร์มันหมดพอดี เลยหยุดปาร์ตี้ ฟังดูดีป่ะครับ ฮ่ะๆๆ ที่จริงก็คือมันดึกแล้วตะหาก จะกินอะไรกันหนักหนาห๊ะ แต่รู้ไหมครับว่า ปลาแซลมอนที่ว่าแพงๆ น่ะ ถึงกลับต้องชิดซ้ายว่ายน้ำหนีไปถิ่นฐานบ้านเกิดที่สวิตเซอร์แลนด์(ใช่รึ) เมื่อต้องมาเจอคู่แข่งอย่างน้ำตกของผม จะให้ดีนะเอาไว้ให้ปลาแซลมอนว่ายน้ำตกเล่น ฮ่ะๆๆ ว่าไปนั่น เล่นเอาพ่อลูกคู่นี้ถึงกับเปรมกันเลยทีเดียว แถมลุงพัตยังบอกว่า “ปลาแซลม่อนไม่เห็นจะสู้อาหารบ้านเราได้เลย อันซีนไทยแลนด์วู๊” คือไม่รู้ว่าท่านไปอยู่ไหนมาน่ะ ไม่รู้จักว่าน้ำตกก็เป็นอาหารไทยเหมือนกัน

     

    พอมื้อเย็นผ่านไป ก็ถึงเวลาเก็บของ ที่พากันขนออกมานอกบ้านนั่นแหละครับ อันนี้ดีหน่อยที่พ่อให้พี่ๆ คนงานมาช่วยเก็บของกัน ส่วนผมหรอ ถูกเนรเทศมายังที่ประจำครับ นั่นก็ถือห้องครัวไง เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีมาช่วยผมล้างจานอีกคน ส่วนพ่อ แม่และลุงพัตน่ะหรอ นั่งคุยกันที่ห้องรับแขกกันต่อ รอให้เก็บกวาดของไง สบายป่ะล่ะ

     

    “ไอ้เตี้ย มึงไปมุดหัวอยู่ไหนกันวะ ไม่เคยจะเจอมึงที่คณะเลย”

    “เชี่ยเค้ก กูชื่อมิลล์ เรียกชื่อกูดีๆ ด้วย” ผมไม่ตอบคำถามมันครับ เรียกเตี้ยอยู่นั่นแหละ

    “เออ ไอ้มิลล์ แล้วมึงไปอยู่ไหน” มันเรียกชื่อผมละ เอ.. ดูเชื่องเหมือนกันแหะ ไม่เห็นจะกวนอย่างที่คิดเลยนิ

    “กูไปชมรม” ผมตอบมันแค่นั้นครับ สั้นไปป่ะวะ แต่ก็โอเคนะ ครูสอนว่าให้สั้น กระชับ ได้ใจความ

     

    แล้วผมก็ล้างจานต่อไป โดยที่ไอ้เค้กน่ะหรอ นั่งเช็ดจานอยู่ที่โต๊ะ เพราะบอกว่าไม่อยากเปียกน้ำ กูนึกว่ามึงเป็นโรคกลัวน้ำซะอีก  แถมเช็ดไปกระดิกตีนไป ท่าทางมึงสบายเกินไปละ น่าหมั่นไส้มาก

     

    มันก็ทำส่วนของมันไป ผมก็ล้างจานไป ฮัมเพลงเบาๆไป ไม่รู้จะคุยอะไรกับมัน คือแบบว่านอกจะไม่ได้สนิทสนมอะไรกันแล้ว มันยังกวนประสาทท่านมิลล์สุดหล่ออีก เลยขอไม่คุยจะดีกว่า

     

    แถมขณะล้างจานอยู่ดีๆ มันรู้สึกเกร็งๆ บอกไม่ถูก อึดอัดด้วย สงสัยไอ้โจรหน้าหล่อข้างหลังที่กำลังนั่งกระดิกตีนอยู่ ร่ายมนต์ดำใส่กูรึป่าวฟร่ะ รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ชั่งมันเหอะ เพราะท่านมิลล์มีของที่แรงกว่า ฮ่ะๆๆๆ

     

    “เออ ไอ้มิลล์ มึงพักที่ไหน” จู่ๆ มันก็ถามขึ้นมาหลังจากนั่งเงียบไปสักพักแล้ว กูตกใจหมดเลย กะลังบริกรรมคาถาเขมรอยู่ เอ๊ย ไม่ใช่ๆๆ ละ ผมก็บอกที่อยู่ของผมแลกกับของมันครับ

    หอมันน่ะไม่ได้ไกลจากหมู่บ้านของผมเลย ซึ่งอยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านผมพอดีเป๊ะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ก็ไม่เคยเจอมันสักครั้งเหมือนกันนะครับ

     

    “กูไม่เคยเจอมึงเลย งั้นกูไปบ้านมึงละกัน เผื่อว่างๆ ทำอาหารให้กูด้วย” คือมึงไม่เคยเจอกูหรือว่า มึงไม่รู้จักกูหรือไม่ได้สนใจอะไรมากกว่าวะไอ้ฟาย  

    “เชี่ยเค้ก กูพูดตอนไหนว่าจะทำอาหารให้มึง บ้านกูไม่ใช่ร้านอาหารนะเว๊ย อยากแดรกก็ไปร้านหน้าหอมึงดิ โครตใกล้เลยเหอะ แค่กูติวให้ก็ถือว่าใจดีแค่ไหนแล้ว คนหล่อๆ ใจดีอย่างกูหาได้ยากนะสมัยนี้” ด่ามันเสร็จก็ยิ้มแบบผู้เหนือกว่าครับ ฮ่าๆๆๆ

     

    “หึ” คือมันไม่ตอบครับ แต่ผมรู้สึกอายขึ้นมา ประมาณว่ากูพูดเองเออเองยังไม่รู้ เอาจานขว้างหัวมันจะดีไหมวะ ไม่เอาๆๆ เสียดายจานว่ะ

    “โอเค งั้นตามนั้นแหละ เช็ดจานเสร็จแล้วให้เอาเก็บไว้ไหน” ผมชี้มือไปที่ตู้เก็บจานครับ

    “ปกติมึงเก็บจานเองป่ะ”

    “เก็บเองดิ มีไร”

    “ก็ตู้เก็บจานน่ะสิ” คือผมสงสัยครับว่ามันพูดถึงอะไรของมันนักหนากะแค่ตู้เก็บจานเนี่ย ผมเลยหันไปดู แล้วมันก็ชี้ตู้เก็บจานครับ มันมีสามชั้น ซึ่งชั้นบนสุดอ่ะ ผมเปิดไม่ถึง มันเป็นชั้นเก็บแก้วครับ ผมต้องใช้แท่นไม้เหยียบขึ้น และไอ้เค้กกำลังชี้ชั้นนั้นแหละครับ แถมทำหน้าตอแหลสงสัยด้วย

    “สัดเค้ก นั่นมันชั้นแก้วโว๊ย ตาบอดรึไง จานน่ะเก็บไว้ชั้นล่างสุดเลย”

    “เอ๊าหรอ พอดีมันมองไม่เห็นน่ะ สงสัยกูจะเตี๊ยเกินไปละ” หึ่ยๆๆๆ ถ้าไม่เสียดายจานนะ มึงได้เห็นจานบินอาวกาศบนหัวมึงแน่ นึกว่ามันจะไม่กวนตีนแล้ว กูคิดไปเองสินะ

     

     

     

    สักพักงานส่วนของผมก็เสร็จ ส่วนไอ้เค้กนะหรอ เสร็จตั้งแต่ที่มันเอาจานไปเก็บนั่นแหละ แต่มันยังนั่งกระดิกตีนอยู่ที่เดิม ก้มหน้าก้มตาเล่นไอโฟนสีทองของมันน่ะแหละ คือมึงจะเป็นลัทธิชาวก้มหน้าจิ้มจอรึป่าววะเนี่ย

    “เออ เสร็จละ เชิญ” ผมบอกไอ้ค้กพร้อมกับชี้นิ้วไปทางห้องรับแขกครับ

    “ป่ะ”

    “เอ๊ยยย” มันคว้ามือผมลากไปกับมัน แถมกูยังไม่ได้ถอดผ้ากันเปื้อนอีก แกล้งกูชัดๆ แถมแรงมันน่ะหมีความชัดๆ แกะก็ไม่ออกด้วย มึงต้องเป็นหมีความผสมปลากหมึกใช่ไหมเนี่ย

     

    ผมโดนไอ้หมีควายลากมาครับ กูอุตส่าห์โวยวายมาตามทางแล้วนะ แต่ก็เหมือนกระแสลมอันน้อยนิดที่หาได้มีใครสนใจ แถมยังใส่ชุดกันเปื้อลายรีลัคคุมะตัวโปรดด้วย คือว่าถึงผมจะชอบก็เหอะนะ แต่ออกไปทั้งแบบนี้ผมก็อายลุงพัตเหมือนกันนะ เดี๋ยวหาว่าแบ๊วอีก

     

     

    “งานห้องครัวเสร็จละครับ” ไม่ใช่เสียงผมครับ แต่เป็นไอ้เค้กที่บอกทุกคนที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรสกันเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวนะ มันบอกยังกะมันเป็นคนทำงานแน่ะ มึงแค่นั่งเช็ดจานตะหากเถอะ

    “เออดี ของข้างนอกก็เก็บเสร็จละเหมือนกัน” พ่อหยุดพูดกับลุงพัตแล้วหันมาบอกพวกผม ส่วนลุงพัตน่ะหรอ ตามคาดเลยครับ เอาแต่มองผมแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ผมไม่ชอบเลยสายตาเจ้าเล่ห์อย่างนั้น เหมือนกำลังโดนล้ออยู่เลยง่ะ ผมก็เลยขอตัวไปถอดเสื้อกันเปื้อนที่ห้องครัวก่อน ก็ไอ้เค้กนั่นแหละลากมาไม่ดูเวลาเล้ย เลยต้องกลับเข้ามาในครัวอีกรอบเนี่ย คนหล่อถึงกับเซ็งเลย

     

     

     

     

    “งั้น วันนี้แค่นี้ละกัน สนุกมากเลยทีเดียว เดี๋ยวต้องหาเวลาว่างๆ มาเยี่ยมใหม่ละกันนะไอ้ภูผา”

    “อืมๆ มาเมื่อไหร่ก็บอกละกัน ข้าอยู่นี่ตลอดแหละ”

    “ยังไงก็ขอบคุณมากๆ นะครับคุณเพียงดาวสำหรับอาหารวันนี้ แล้วก็นู๋มิลล์ด้วย น้ำตกแซ่บมาก”

    “ยินดีค่ะ”

    “ขอตัวกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับลุงภูผา น้าเพียงดาว” ไอ้เค้กไหว้พ่อกับแม่ผมแล้วก็ขอตัวพาพ่อมันกลับโรงแรม ส่วนผมก็สวัสดีลุงพัตเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมทำสงครามกับเพื่อนๆ ในเกมส์ออนไลน์ดีกว่าครับ 

     

     

     

    “ก๊อกๆๆ”

    “ตามิลล์ แม่เข้าไปนะ” แล้วแม่ก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับนมอุ่นๆ หนึ่งแก้ว

    “อย่าลืมดื่มนมล่ะ เผื่อว่ากระดูกมันจะยืดขึ้นมาอีกสักนิดสักหน่อย” แม่นะแม่ จะมีใครบ้างเนี่ยที่จะไม่กวนผมเลย น้อยใจละ ฮือๆๆๆ (ขอหยอดน้ำตาเทียมแปบ)

    “โด่ววว แม่ อายุขนาดนี้แล้วมันไม่สูงขึ้นหรอก แค่นี้ก็หล่อจะตายละ ฮ่ะๆๆ”

    “จ้าพ่อหนุ่ม”

    “นี่รู้ไหมตามิลล์ ลุงพัตบอกว่า ถ้ามีสะใภ้แบบแกนะ เค้ารักตายเลย อิอิ”

    Booooom” แล้วแม่ก็เดินออกไปเลย ปล่อยให้ผมเงิบอยู่หน้าจอ ผมยังไม่ทันได้ท้วงอะไร เสียงเกมส์ก็ดังลั่น บอกถึงผมแพ้น่ะสิ แม่นะแม่ หุ่ยๆๆ จะบ้าหรอ ผมผู้ชายนะครับ แถมหล่อด้วย จะไปเป็นลูกสะใภ้ใครที่ไหนเล่า เดี๋ยวจะพาสะใภ้เข้าบ้านเลยนี่ อย่าหาว่าผมออกตัวแรงละกัน หึหึ

     

    ว่าแล้วก็ไปขอคอเล็คชั่นสาวๆ ญี่ปุ่นที่ไอ้ข้าวดีกว่า รายนั้นมีเป็นฮาเร็มเลยครับ ขอนิดขอหน่อยละกัน แล้วผมก็เปิดเฟสบุ๊คขึ้นมา แต่เชี่ยข้าวดัน off line ซะงั้น เซ็งเลย มันจะมีประโยชน์สักตอนไหมเนี่ย

     

    แล้วผมก็ไล่เช็คสตัสเรื่อยเปื่อย จู่ๆ ก็มีอินบ๊อกมาครับ ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่มันน่าสั่งระเบิดลงบ้านซะจริง คือ มันเป็นภาพน้ำตกที่ไหนสักที่แหละ แล้วก็มีคำๆ นึงตัวโตๆ อยู่กลางภาพที่เห็นแล้วอยากกระทืบจริงๆ

     

    “นู๋เตี๊ย”

     

    ผู้ส่ง : This’s K-ON

     

    สงสัยเหมือนผมใช่ไหมว่ามันเป็นใคร ผมเลยเปิดเข้าไปดูในโปรไฟล์ของคนที่ส่งมา รูปหน้าปกโชว์หราเลยครับ รูปชายหนุ่มหน้าตาดีกำลังถือขนมเค้กน่าตาน่าทาน สาวๆคงอยากมีคนป้อนอย่างนี้กันใช่ไหมฮะ แต่นั่นมันไม่ใช่ประเด็นครับ ประเด็นก็คือมันรู้จักเฟสผมได้ไง ไปหามาจากไหน ซึ่งเร็วขนาดนี้ แถมยังกวนตีนอีกต่างหาก ผมเลยส่งรูปศิลปะที่คิดว่าบรรเจิดที่สุดคับ ฝ่าเท้าสีดำได้ถูกส่งกลับคืนให้มัน หึหึ กวนตีนนัก เอาตีนไปเลยมึงไอ้เค้กเน่า

     

    ส่งเสร็จแล้วก็อารมณ์ดื่มนมดีกว่า หุ่ยยย ทำไมมีแต่คนกวนประสาทได้ทุกวี่ทุกวันวะเนี่ย ทั้งลุงพัต ไอ้เค้กเน่า พ่อ และก็แม่ด้วย “โว๊ยยยยย คนหล่อเซ็ง” พอดื่มเสร็จก็ลงเอาแก้วไปเก็บและไปแปรงฟันด้วย แต่เอ๊ะ มะกี้ซะแว๊ปเห็นอะไรสักอย่างตกอยู่ใต้เก้าอี้ห้องครัว เลยเดินมาดูครับ หึหึ เจออะไรสนุกๆ ละ แท่นแท๊นนน มันคือบัตรนิสิตครับ แต่ว่าไม่ใช่ของผมนะ

    ชื่อนิสิต นายกรณ์ สัทธบริวารกุล

    คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์

    มหาวิทยาลัย XXXXXXXX

    หึหึ มิน่าล่ะ วิธีการทางเทคโนโลยีมันถึงรวดเร็วซะ เอกคอมนี่เอง เก็บเอาไว้แกล้งมันคืนดีกว่า ฮ่ะๆๆ คิดแล้วก็หัวเราะไปครับ (เหมือนคนบ้าเลยแห๊ะ)

     

    This’s K-ON ส่งคำขอเป็นเพื่อน

     

    พอมาถึงห้องก็เจอคำขอจากไอ้เค้ก แต่ฝันไปเหอะมึง รอไปสักสิบชาติก่อนนะ โทษฐานกวนประสาทผม ชิส์ แล้วผมก็ปิดคอม ปิดไฟ ปิดห้อง ไปนอนดีกว่า

    ฝันดีราตรีสวัสพี่น้องชาวไทย

    ขอให้ตื่นมาหน้าตาหล่อเหลาเหมือนท่านมิลล์คนนี้นะขอรับ กิกิ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×