เพียงความเข้าใจ
เรื่องราวของคนสองคน ที่บางครั้ง ไม่จำเป็นต้อง พูด หรือบอกว่า เราคบกันแบบไหน ขอเพียงเรามีความรู้สึกดีดีต่อกัน และมีความเข้าใจก็เพียงพอแล้ว...
ผู้เข้าชมรวม
117
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ฉันสูง 150 เซนติเมตร ส่วนเขาเหรอ สูงเกือบ 180 เซนติเมตรได้มั่ง เรารู้จักกันมานานแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ชินกับความสูงของเขาสักเท่าไร คงเพราะทุกครั้งที่เขาต้องก้มตัวลงมาฟังสิ่งที่ฉันพูด มันทำให้ฉันอดรู้สึกไม่ได้ว่า "ตัวเขาสูงจัง สูงกว่าฉันมาก เขาจะเบื่อไหมน่า ที่จะต้องก้มตัวลงมาคุยกับฉัน" ไม่รู้ เพราะฉันก็ไม่เคยถาม
แต่ถ้าถามว่า แล้วฉันชอบ "คนตัวสูงไหม?" ข้อนี้ตอบแบบไม่ต้องคิดนานเลยว่า "ชอบ" ออกจะชอบมากด้วย เป็นสเปคอันดับต้นๆ ที่คิดไว้ ประเภท "สูง ขาว ตี๋" นี่ใช่เลย เซย์เยสทันที และฉันก็คิดว่า สเปคนี้ คงเป็นสเปคยอดนิยมสุดสุด ซึ่งเขาเองก็เข้าข่ายตรงตามสเปคของฉันแบบสุดสุดซะด้วย
อย่างที่บอกว่า เรารู้จักกันมานานแล้ว ตอนแรกๆ ที่รู้จักกัน ฉันออกจะไม่ค่อยชอบขี้หน้า "หมอนี่" สักเท่าไร (แม้ว่าจะตรงสเปคทุกอย่าง) เพราะความที่เขาชอบทำตัวแปลกๆ แปลกเกินพอดี เวลาที่เราเจอหน้ากัน เราเลยเสวนากันได้ไม่นาน คุยกันได้ไม่กี่คำ ก็ เซย์กู๊ดบาย กันไป ฉันเคยคิดว่า เราจะคุยกันได้เกิน 15 วินาทีไหม
จนกระทั่งวันหนึ่ง...เราเดินสวนทางกันริมฟุตบาธ ระหว่างที่ฉันกำลังจะเดินกลับออฟฟิศหลังจากไปกินข้าวกลางวัน เขากำลังเดินไปกินข้าวกลางวันกับเพื่อนฉัน เราเลยทักทายกันตามประสาคนรู้จัก ด้วยความปากดี ฉันเลยพูดไปลอยๆ ว่า "ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ" ฉันไม่คิดจริงๆ ว่า แค่คำพูดคำนั้นคำเดียวจริงๆ ที่จะกลายเป็นที่มาของเรื่องราวมากมายเกินกว่าที่ฉันได้คาดคิดไว้ สงสัย "กามเทพตัวน้อย" เพิ่งหันมาเจอฉันกับเขาเดินสวนทางกัน เลยลองแกล้งแผลงศรลงมาเล่นๆ
ฉันแวะห้องสมุดของออฟฟิศอยู่นาน ก่อนเดินขึ้นชั้น 3 ในอาณาบริเวณเขตทำงานของฉัน และก็ต้องแปลกใจพอสมควร ที่เห็น "ถุงขนมใบโต" วางอยู่บนโต๊ะของตัวเอง ใจฉันคิดว่า อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ อยากกินขนม ขนมก็มา ไม่น่าจะใช่ นางฟ้า หรือ แม่มดน้อยมาเสกไว้แน่ ต้องเป็นใครสักคน และคนคนนั้น จะต้องเป็น....แต่เอ จะใช่หรือเปล่าน้าาาา ก็พูดเล่นๆ อยู่นะ
ไม่ได้การละ จะมาค้างคาใจแบบนี้ไม่ดีแน่ พาลจะนอนไม่หลับ ฉันเลยเริ่มปฏิบัติการ "สืบ" แบบ "เนียนสนิท" ด้วยการเริ่มออน msn คุยกับเพื่อนของฉันที่ไปกินข้าวกับเขา ขออีเมล์ msn ของเขา แล้ว add เขาไปคุยด้วย
อ้าาาาาา เจอแล้ว เขากำลังออนพอดีเลย
"ขนมที่วางอยู่บนโต๊ะเรา ใช่ของนายรึป่าว" ฉันเริ่มต้นแบบตรงไปตรงมาสุดสุด
"ใช่ เราซื้อมาฝาก เห็นบอกว่าอยากกินขนม" ไม่รู้ทำไม ใจฉันเริ่มเต้นเล็กน้อย
"ซื้อมาทำไมละ เราล้อเล่น ไม่ได้พูดจริงจังซะหน่อย เกรงใจ" อันนี้พูดด้วยใจจริง
"ไม่เป็นไร ถือว่าเราซื้อมาฝากจริงๆ ละกัน"
"อึม ขอบคุณนะ" ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมถึงแอบเผลอยิ้มออกมา แล้วก็เริ่มทบทวนความเป็นเขา สูง ขาว ตี๋ ว้ายยยย สเปคฉันเลยนี่นา ปล่อยให้หลุดลอยไปได้ไงเนี่ย
หลังจากวันนั้น เราก็คุยกันทาง msn บ่อยๆ บ่อยขึ้น บ่อยจนกลายเป็นเรื่องปกติ กลายเป็นความเคยชิน จนเวลาออน msn ทีไร ต้องมองหา "นายตัวสูง" ของฉันก่อนเป็นคนแรกทุกที และแค่เห็นชื่อเอ็มประหลาดๆ ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของเขาสุดสุด ฉันก็เผลอยิ้มออกมาซะแล้ว
เย็นๆ ของบางวัน เขาก็จะเอ็มมาถามฉันว่า "ไปกินข้าวเย็นกันไหม" ฉันก็จะประมาณว่า ถึงแม้จะไม่อยากกินข้าวเย็น ก็จะแหกกฎตัวเอง ตอบไปว่า "อึม ไปสิ" เราก็จะไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน แล้วเขาก็จะไปส่งฉันที่ป้ายรถเมล์ หรือบางเย็น เขาก็จะถามฉันว่า "ไปเทศกาลอาหารไหม ไปเดินเล่นที่นั่นไหม ไปที่นี่ไหม" ก็แล้วแต่อารมณ์ "คนตัวสูง" จะอยากพาไป
อยู่ๆ บางวัน นึกครึ้ม ก็ถามฉันว่า "ไปงานกาชาดไหม" จนฉันคิดว่า จะมีผู้ชายคนไหน ชวนผู้หญิงไปเดทที่สวนอัมพรบ้างรึป่าวนะ แต่จริงๆ แล้วทุกที่ที่เขาพาไป ก็เป็นที่ที่ฉันปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่อยากไป คงเป็นเพราะเราชอบอะไรคล้ายๆ กันมั่ง
เวลาฉันไปไหนมาไหนกับเขา ฉันรู้สึกว่า ฉันสบายใจมาก ไม่ต้องแอ๊บสวย ไม่ต้องแต่งตัวดี ไม่ต้องเป็นคนอื่น นอกจากเป็นตัวเอง ดูเขาจะรับได้ในความเป็นฉันทุกอย่าง (ตอนนั้นฉันก็ไม่คิดอะไรไง คือ ถ้าคิด ฉันคงแอ๊บตลอดเวลา)
ผู้หญิงตัวเล็กๆ เหมือนพ็อคเกจบุ๊คฉบับพกพาอย่างฉัน (บางคนแอบเถียง) เสื้อยืด กางเกงยีนส์ สะพายกระเป๋าข้าง และรองเท้าผ้าใบเก่าๆ กับผู้ชายตัวสูงๆ ใส่เสื้อเชิ้ตเนียบๆ กางเกงสแล็ค รองเท้าขัดมัน เราเลยดูแตกต่างกันสุดขั้ว
แต่ฉันว่า เราเหมือน "ขั้วบวก" กับ "ขั้วลบ" ยิ่งแตกต่าง "ยิ่งใกล้ชิดกัน"
เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็น "คนแคระลำดับที่ 8" เลย แต่จะทำให้ฉันรู้สึกว่า ตัวเองเท่ากับเขาเสมอ ถ้าต้องเดินบนถนนต่างระดับด้วยกัน เขาจะเดินบนถนน ให้ฉันเดินบนฟุตบาธ ตัวเราจะได้เท่ากัน ซึ่งมันทำให้ฉันรู้สึกดีเป็นบ้า ไม่เคยมี "คนตัวสูงคนไหน" ยอมเดินให้เท่าฉันสักคน มีแต่ "คนตัวสูงคนนี้" ที่ทำให้เราเท่ากันเสมอ
แล้วถ้าต้องเดินบนถนนระดับเดียวกัน เขาจะก้มตัวลงมาฟังสิ่งที่ฉันพูด จนบางที ฉันก็แอบคิดว่า "เขาจะรำคาญบ้างไหมหนอ? ที่ต้องก้มตัวลงมาคุยกับฉันทุกครั้งแบบนี้" หรือบางที ที่ฉันเผลอพูดตอนที่เขายังไม่ก้มตัวลงมา เขาก็จะถามฉันเสมอว่า "อะไรนะ พูดใหม่สิ" ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะแกล้งปล่อยให้ผ่านไป ฉันเลยยิ่งรู้สึกว่า เขาใส่ใจในทุกเรื่องที่ฉันอยากพูดกับเขา
ใช่ เราไม่เคยตกลงกัน เราไม่เคยบอกว่า เราคบกันแบบไหน ดูเราออกจะเป็นเพื่อนกัน ที่สำคัญ...ไม่มีใครในออฟฟิศรู้เลยว่า เราสนิทกัน เราไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เลยไม่มีใครมากดดันถามว่า เราเป็นอะไรกัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีสุดสุด มันดูลึกลับ และดูเป็นเรื่องราวที่มีเสน่ห์ดีเวลาที่อยากเปิดเผยว่า "เราเป็นอะไรกัน" นั่นฉันคิดไปเองเรื่อยเปื่อยเท่านั้นแหละ เพราะเรายังไม่เป็นอะไรกันเลย
แล้วกามเทพตัวน้อยที่แผลงศรไปนานแล้ว คงเพิ่งนึกได้ เลยเริ่มแผลงฤทธิ์อย่างเป็นทางการ ตอนที่ฉัน ย้ายงานไปออฟฟิศใหม่ ตอนแรก เขาแค่แหย่ฉันเล่นว่า "ย้ายงานไม่บอกเลยนะ" ฉันก็ได้แต่ยิ้ม แล้วบอกเพียงแค่ว่า "ก็กำลังจะบอก พูดมาก่อนเองนิ"
ตัวเราห่างไกลกันมากขึ้น แต่เพียงแค่ระยะทางระหว่างออฟฟิศเรากั้นเท่านั้น เพราะเรายังคุยกันทาง msn เสมอ แต่เป็นการคุยกันเรื่องเปื่อย ดูเหมือนไม่มีอะไร เขาเพียงบ่นๆ ว่า เสียดายที่ฉันไม่ได้อยู่ใกล้ๆ แล้ว จะได้ชวนไปโน่นไปนี่ที่ที่เราชอบไปด้วยกันบ่อยๆ อีก มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ที่ฉันยิ้มให้จอคอมพิวเตอร์
แล้วฉันก็ต้องยิ้มแก้มแทบแตกให้กับจอคอมพิวเตอร์กลางใจเมืองอีกครั้ง เมื่อบ่ายๆ ของวันพฤหัสวันหนึ่ง
เขาถามฉันในเอ็มว่า
"มีแฟนรึยัง" ฉันเงียบไปนาน เพราะมัวแต่ยิ้ม และคิดว่าจะตอบยังไงดี ให้ดูไม่เปิดเผยจนเกินไป ในที่สุด ฉันก็ตอบไปว่า
"ถามทำไมละ" อะต้องเล่นตัวนิดหนึ่ง จะตอบทันทีไม่ได้หรอก ของแบบนี้
"เอาไว้เป็นข้อมูลเก็งเลข 2 ตัว งวดหน้า"
"พูดไปนั่น แต่ถ้าถูกหวยกินก็อย่ามาโทษเจ้าแม่อย่างเรานะ" อ๊ะ เขินคะเขิน เลยเสตอบเรื่องอื่นไปแทน
"รู้สึกว่าคำตอบนี้จะไม่ใช่คำตอบของคำถามที่เราถามนะ"
"ให้เหตุผลดีดีสักข้อก่อนสิ ว่าอยากรู้ไปทำไม แล้วจะบอก" นี่ มันต้องมีชั้นเชิงกันหน่อย ก็แหมไม่ได้ถามต่อหน้านิ ถามในเอ็ม ก็ต้องขึ้นคำสวยหรู เหมือนแต่งนิยายได้สิ
"thing for the future" อ๊ายยยยยยย กรี๊ดสลบ แก้มจะแตกอยู่แล้ว จนต้องรีบตบแก้มให้หน้าบานน้อยลงหน่อย อายคนข้างๆ เขา เลยรีบตอบไปว่า
"future for you or for me" ถามไปเพื่ออนาคตระหว่างเรารึป่าว นั่นแหละที่ฉันอยากถามไป แต่ดูมันจะออกนอกหน้าเกินไป เลยได้แต่ถามว่า ถามไปเพื่ออนาคตใคร ระหว่าง เขา หรือ ฉัน
"for me" แน่อยู่แล้ว ก็ต้องถามเพื่ออนาคตเขาสิ "มิกล้าถามเพื่ออนาคตใครหรอก ตกลงจะตอบได้รึยัง" เขาถามย้ำอีกรอบ สงสัยจะเริ่มรำคาญ
ฉันเลยตอบไปว่า "เคยมี" นั่นนนนเป็นไงละ ดูไม่เปิดเผยมากนัก แต่ความหมายชัดเจน
"past tense" เขาคงอยากถามฉันว่า มันเป็นอดีตไปแล้วใช่ไหม แต่เล่นคำพอกันไง
"yes! past tense not present tense" อึม ไม่ต่างกัน ใช่ มันเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันยังโสดสนิทจ๊ะ
"แล้ววางกลยุทธ์อนาคตไว้ไงละ"
"ยัง เพราะว่าเพิ่งออกจากไอซียู เลยกำลังเข็ด คิดว่าคงไม่มีมาชอบคนหน้าตาขี้เหร่อย่างเราหรอกอีก" คือ อยากบอกเขาว่าเพิ่งอกหักมา ถ้าจะมาช่วยดามหัวใจให้ก็จะยินดี
"ใครว่า เราว่าเธอ น่ารักดีออก คืนนี้จะโทรไปฟังนิทานก่อนนอนนะ" อึมมมม และจะเป็นครั้งแรกที่เราจะได้คุยกันผ่านช่องทางอื่น นอกจากเจอหน้ากัน และ msn
แล้วคนอยากฟังนิทานก่อนนอน ก็โทรหาคนเล่านิทานอย่างฉัน 3-4 วันต่ออาทิตย์ บางอาทิตย์หายไปหลายวัน กลับมาอีกที ก็พูดเพียงว่า "จะโทรมารายงานว่ายังมีชีวิตอยู่"
บางครั้งที่เขาไปต่างจังหวัด เขาจะโทรมาแต่เช้าเพื่อบอกว่า "พระอาทิตย์ที่นี่สวยมาก อยากให้ได้เห็นจัง" หรือบางที เขาก็จะตื่นมาแต่เช้าของวันธรรมดา เพียงเพื่อบอกว่า "อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าครับผม"
บางที ก็ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มีเพียงคำพูดลอยๆ ที่ว่า "วันนี้ไปจ่ายตลาดกับแม่ นึกถึงเธออยู่เหมือนกันว่าจะชอบเดินตลาดไหม"
เวลาฝนตกหนัก ก็จะมีเสียงส่งผ่านมาว่า "วันนี้ฝนตกหนักน่าดู ลืมเอาร่มมาอีกละสิ ทำไมเธอไม่ชอบพกร่มนะ"
วันไหนกลับบ้านเร็ว มีเวลาเดินเอื่อยๆ ริมถนน ก็จะโทรมาบอกว่า "ฉันซื้อเกาลัดกลับบ้าน เห็นเธอบ่นอยากกิน เดี๋ยวฉันกินแทนละกัน ก็เราอยู่กันคนละบ้านนิ"
วันไหนที่ฉันไม่สบายใจ "คนตัวสูง" จะฟังสิ่งที่ฉันอยากพูด อยากระบาย และบอกเพียงว่า "คนเราไม่เหมือนน้ำ ไม่ชอบตกจากที่สูง แต่ทำไมมองน้ำ แล้วสบายใจ เพราะมันเย็นดี ถ้ารู้สึกว่ากำลังจะพ่ายแพ้ ตกจากที่สูง ลองหลับตา นึกว่าตัวเองเป็นน้ำ ต้องตกจากที่สูงอยู่ดี หล่นลงมาแล้ว ก็สบายใจ ไม่ได้แย่ หรือแพ้อย่างที่คิด" ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แค่เพียงได้ยิน ก็รู้สึกเย็นที่หัวใจแล้ว เหมือนมีคนมารดน้ำให้ใจได้ชุ่มฉ่ำ "คนตัวสูง" ใจเย็นเหมือนกัน อยู่ด้วยแล้วสบายใจจริงๆ
คนตัวสูง ไม่เคยก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ไม่เคยห้ามสิ่งที่ฉันอยากทำ มีเพียงคำพูดที่ว่า "ถ้าทำแล้วดีก็ทำไป แต่ให้นึกก่อนว่า ทำแล้วผลจะออกมาเป็นยังไง ถ้าผลออกมาไม่ดี ก็ไม่น่าทำ"
บางวันที่ฉันเล่าว่า "ไปกินเหล้ากับเพื่อนมา เพื่อนอกหัก" เขาจะพูดเพียงว่า "ได้ข่าวว่าคอทองแดง แต่ตับนี่สิ ไม่รู้ว่าทองแดงด้วยรึป่าว"
ฉันถามกลับไปว่า "พูดเหมือนตัวเองไม่กิน" เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า "ไม่ใช่ไม่กิน แต่ไม่รู้ว่าทำไมคนเราจะต้องหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างเวลาอยากกินเหล้า เรายังหาเหตุผลมาอ้างไม่ได้ เลยไม่กินดีกว่า"
แล้วค่ำๆ วันหนึ่ง ก็จะโทรมาอะไรมากมายก่อนทิ้งท้ายว่า "วันนี้ไปวิ่งรอบสวนสาธารณะมา วันหลังมาวิ่งด้วยกันนะ"
ฉันยิ้มกับปลายสาย ไม่ได้ตอบกลับไป เพียงแค่คิดในในว่า... แน่นอน แล้วฉันจะไปวิ่งกับนาย ไปกินข้าวกับนาย ไปเดินเล่นกันนาย ไปหัวเราะกับนาย ไปยิ้มกับนาย และไปยืนข้างๆ นาย....
จากวันนั้นที่เราเดินสวนทางกันจนถึงวันนี้...ฉันเป็นมากกว่าคนที่เขาอยากซื้อขนมมาฝาก แม้ว่าเราจะไม่เคยตกลงกันว่า "เราเป็นอะไรกัน" ไม่เคยพูดว่า "คิดถึงกัน" ไม่เคยพูดว่า "รักกัน" ทุกอย่างยังคงเป็นอะไรที่เรียบง่าย แต่ให้ความรู้สึกดีที่สุดสำหรับฉัน ไม่จำเป็นต้องบอกว่า "เราคบกันแบบไหน" ไม่จำเป็น ต้องบอกว่า "รักกันทุกวัน"
เพราะฉันไม่อยากรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน เพราะฉันรู้ว่าเขาคิดถึงฉันทุกครั้งที่ห่างหายไป และเพราะฉันสัมผัสได้ว่า เรารู้สึกดีดีต่อกันมากเกินกว่าที่จะบรรยายได้เป็นเพียงคำพูดลอยไปในอากาศ
และไม่ว่าอนาคตข้างหน้าเรื่องระหว่างเราจะเป็นเช่นไร เราจะยังคงเดินข้างๆ กันอยู่ไหม หรือห่างกันออกไปตามกาลเวลา
ฉันจะถือว่าวันนี้เป็นหนึ่งช่วงวันเวลาดีดีสำหรับฉัน และฉันจะเก็บวันเวลาดีดีเหล่านี้ไว้ในความทรงจำของฉันตลอดไป...
ผลงานอื่นๆ ของ BoBiz ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ BoBiz
ความคิดเห็น