ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดท้ายหัวใจก็อยู่ที่เธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : เป็นเพื่อนกันอีกนะ

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 50


                    “เอ๊ะ แมว กลายเป็นแมวไปแล้ว เป็นไปได้ยังไงเนี่ย ฟางชูมือข้างหนึ่งที่กำลังอุ้มแมวสีส้มขึ้นมามองอย่างสงสัยราวกับเธอไม่เคยเห็นแมวมาก่อน

                    หรือเป็นเพราะฉันไปชนจุดสำคัญอะไรเข้ารึไง ถึงได้กลายเป็นแมวไปแบบนี้ ฟางอุทานร้องเสียงดังอย่างตกใจ ก็เมื่อกี้ยังเป็นเด็กผู้ชายอยู่เลย แล้วกลายมาเป็นแมวไปได้ยังไงเนี่ย

                    ต้องพาไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ ฟางอุ้มแมวสีส้มให้มาอยู่อ้อมกอดพลางเดินไปอย่างไม่ระมัดระวัง จึงทำให้เผลอเดินไปเหยียบเศษไม้ที่ร่วงลงมาจากหลังคาเข้าพอดี ลื่นไปชนเข้ากับเอฟและผักที่ยืนอยู่ไปไกลกันนักเข้า

                    อุ๊ย ป๊อปๆ

                    และแล้วร่างของสุนัขและหนูก็อยู่ในอ้อมกอดตรงหน้าของฟางพอดี แทนที่จะเป็นเอฟกับผักยืนอยู่ ฟางทำหน้าเหวอ นิ่งอึ้งไปนานพอสมควร เมื่อมารู้ตัวเอาตอนที่เสียงกริ๊งดังขึ้นทำงายความเงียบชั่วขณะ

                    ติ๊งต๊อง เสียงกริ๊งแสดงว่ามีคนมาดังขึ้น ฟางรีบวิ่งลงไปข้างล่างแทบจะพร้อมๆกับเสียงกริ๊งหยุดไปพอดี พลางอุ้มทั้งสุนัข หนูและแมวลงไปด้วย

                    สวัสดีครับ โออิชิเดลิเวอลี่ ผมมีอาหารที่คุณสั่งมาส่งครับ เอ่อ คุณครับ พนักงานส่งอาหารหนุ่มเอ่ยทักทายคนภายในบ้านโดยมิได้ดูเลยสักนิดว่าไม่มีผู้ใดอยู่ตรงหน้า ในขณะที่กำลังชะเง้อหน้าเข้าไปภายในตัวบ้านโดยที่ตนเองก็ไม่ทันระวังเจอหญิงสาวผู้หนึ่งวิ่งออกมา

                    แย่แล้วค่ะ เป็นสัตว์กันไปหมดเลย ฟางวิ่งหน้าตั้งออกมาตามที่ได้ยินเสียงกริ๊งของผู้มาเยือน

                    เอ่อ ก็ใช่สิครับ ก็เป็นสัตว์หมดนี่ครับ ว่าแต่บ้านนี้เขาเลี้ยงสัตว์กันด้วยเหรอ แปลกจังนะครับ ตามปกติแล้วจะไม่มีสัตว์อยู่เลยสักตัวนะครับ พนักงานส่งอาหารตอบกลับไปอย่างงงๆ

                    เอ่อ ทั้งหมด 750 บาทครับ

                    เมื่อเอ่ยจบ สุนัขตัวนั้นที่น่าจะเป็นเอฟคาบเงินจำนวนพอดีกับราคาค่าอาหารญี่ปุ่นไว้ในปากยื่นกลับไปให้กับพนักงานส่งอาหารคนนั้น ถ้าไม่คิดว่านั่นคือคนที่แปลงร่างเป็นสัตว์ได้นะ มันคงจะดูน่ารักพิลึกเลย แต่ว่า.......

                    หมาฉลาดจังเลยนะครับ ขอบคุณที่ใช้บริการของทางเรา โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ พนักงานหนุ่มเดินออกไปจากบ้าน

                    ฟางซึ่งรับอาหารญี่ปุ่นเอาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง ยังรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยหายไปไหนก็ไม่รู้

                    พวกนายเป็นแบบนี้แล้ว คงไม่ฟังฉันอยู่ดีใช่ไหม ถ้าฉันจะเถียงน่ะ แมวสีส้มเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบไปชั่วแวบหนึ่งจึงทำให้ฟางหันหน้ามาที่ต้นเสียง

                    เมื่อกี้คนที่ไม่ระวังทำให้มันเป็นแบบนี้นายไม่ใช่รึไง ไอ้แมวบ้า หนูสีเทาเอ่ยตอบกลับไป

                    ฟางซึ่งนั่งฟังอยู่ก็ตกใจที่ได้ยินในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้จนได้ พูดภาษาคนได้ด้วยเหรอเนี่ย ฟางคิด มันจะเป็นไปได้ยังไงที่คนเราจะกลายเป็นสัตว์ไปแบบนี้ มันก็มีแต่ในหนังเท่านั้นนี่นา

                    พอได้แล้วทั้งสองคนนั่นล่ะ ช่วยไม่ได้นะถึงปิดบังกันไปมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา หมาสีดำสั่งให้ทั้งสองคนหยุดทะเลาะกันซะที ก่อนที่จะหันหน้ามาที่ฟางซึ่งยังตกใจไม่หายอยู่ข้างๆ ขณะที่ฟางก็วางกล่องอาหารญี่ปุ่นลงกับพื้นบ้าน หันกลับมาเผชิญอยู่กับสัตว์ที่พูดภาษาคนได้

                    สรุปก็คือ ฉันเป็นปีหมา ผักเป็นปีหนู แล้วส่วนเอกน่ะเป็นปีแมว เอฟเริ่มต้นเล่าให้ฟางฟัง

                    พวกเราน่ะถูกปีศาจสิงอยู่ นอกจากนั้นคนในตระกูลยังมีอีก 10 คนที่โดนปีศาจสิงอยู่เหมือนกัน ทั้งวัว เสือ กระต่าย มังกร งู ม้า แกะ ลิง ไก่และหมูป่า ใช่แล้วล่ะ มันเหมือนกับใน 12 นักษัตรนั่นล่ะ เอฟหยุดเล่าเพื่อหยุดหายใจสักพักพลางเงยหน้าขึ้นมองฟางที่แสดงให้เห็นว่าครึ่งหนึ่งเชื่อ แต่อีกครึ่งหนึ่งยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก และเริ่มอ้าปากเล่าต่อ

                    ตระกูลนี้นะมีมาตั้งแต่สมัยอดีตหลายร้อยปีแล้วล่ะ ที่มีปีศาจ 12 ชนิดตามจักรราศีมาสิงอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้มีอำนาจวิเศษอะไรมากมายนักหรอก มันก็แค่แปลงร่างจากคนเป็นสัตว์ชนิดนั้นๆ กับแรงปรารถนาของสัตว์ ร่างกายก็จะอ่อนแอบ้าง และแปลงร่างก็ต่อเมื่อมีเพศตรงข้ามเข้ามากอดเท่านั้น แล้วพอเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งก็จะกลายร่างเป็นคนตามเดิม

                    ป๊อป

                    พูดยังไม่ทันขาดคำ ทุกคนก็แปลงร่างจากหมา หนู และแมว กลับเป็นคนดังเดิม แต่ทว่าทุกคนแปลงร่างกลับในร่างที่เปลือยเปล่าไม่มีอะไรห่อหุ้มอยู่เลยสักชิ้น ฟางตกใจสุดขีดเผลอร้องออกมา รีบเบือนหน้าหนีจากภาพที่ไม่ควรเห็นอย่างรวดเร็ว

                    โทษทีนะ เวลากลายร่างน่ะมันจะเป็นร่างโป๊พอดี เอฟเอ่ยขอโทษ

                    หลังจากที่สวมใส่เสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าฟางก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองอีก กลัวว่าจะมีเรื่องที่เหนือความคาดหมายให้ได้รับรู้อีก

                    สัตว์จาก 12 นักษัตรมาสิง นี่ฉันมารู้เรื่องที่ไม่ควรจะรู้เหรอเนี่ย ผักคงไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ ก็แน่ล่ะ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อนี่นา ถึงบอกใครไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก ถึงว่าเรื่องที่ปลาเล่าให้ฟังนั่นนะ ผักเขาถึงผลักผู้หญิงคนนั้นซะกระเด็นก็เพื่อจะปิดบังเรื่องนี้สินะ ฟางคิดในใจอย่างเข้าใจ พลางผยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดตนเอง

                    นี่ ฟาง เธอเคยบอกว่าอยากเกิดปีแมวใช่ม่ะ พอเธอเห็นอย่างนี้แล้ว เธอยังอยากเกิดปีแมวอีกไหม เอฟยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฟางกระซิบถามเพื่อไม่ให้เอกได้ยิน

                    จริงด้วยสินะ เขาเป็นแมวนี่นา ฟางคิดในใจ

                    เขาเป็นคนยังไงเหรอค่ะ ฟางหันหน้าไปถามเอฟ

                    เป็นคนบ้าไง 555 เป็นคนที่ต่อสู้เก่งนะ แต่มักจะเจอคนที่เก่งกว่าเสมอเลย ไม่รู้เป็นไงเหมือนกัน เอฟตอบพลางหัวเราะเยาะเย้ยเอกที่ตอนนี้กำหมัดแน่น แต่สุดท้ายก็คลายออกดังเดิม

                    ถามหน่อยเถอะบ้านนี้มีผู้หญิงมาอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เอกตะโกนถามเสียงดังเหมือนคุยกันอยู่คนละบ้าน

                    ทำไงดีล่ะ เขาโกรธเราแล้ว ฟางคิด

                    นายนั่นน่ะ หยุดไปเลย บ้านนี้จะมีผู้หญิงหรือไม่มี มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับนายตรงไหนเลยนี่ นายมันก็แค่คนนอก ผักตอบกลับไปด้วยสีหน้าเย็นชา ตาของเขาขวางราวกับเกลียดมาแต่ชาติปางก่อน

                    หนอย หนวกหูน่า นายคิดว่านายเป็นใครถึงได้มาพูดแบบนั้น เอกเถียงกลับไป

                    พวกนายเนี่ยหนา ทะเลาะกันหยังกะเด็กไปได้ เอกห้ามทัพเอาไว้

                    เออ จริงสิ ต้องไปเรียนนี่ สายแล้ว ฟางเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบไปชั่วขณะ

                    แต่ว่าชุดนักศึกษาของเธอ มันยับยู่ยี่เลยไม่ใช่เหรอ เอฟถามด้วยความสงสัย ก็เมื่อวานตอนที่ช่วยกันขนข้าวของของฟางกลับมาด้วย ของส่วนใหญ่มันเปื้อนดินเกือบหมด เจ้าของหอเขาก็ใจร้ายจังเลยนะ จับโยนๆอย่างเดียวเลย

                    อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่บอกว่าฉันนั่งทับมัน ก็หมดเรื่องแล้ว ฟางตอบพร้อมกับรอยยิ้มส่งไปให้

                    ไม่ไหวมั้ง เอฟกับผักพูดออกมาพร้อมกัน

                    ขอโทษนะค่ะ ที่พอดีเจอเหตุการณ์แบบนี้ แต่ถึงยังไงฉันก็อยากจะไปเรียนอยู่ดีนั่นล่ะค่ะ ฟางบอกกับเอฟ

                    ตามที่เธอสัญญากับคุณแม่เอาไว้สินะ แต่ก่อนอื่น ในฐานะที่เป็นหัวหน้าครอบครัวของตระกูลนี้ ฉันคงต้องรายงานไปบ้านใหญ่ เพราะเธอดันมารู้ความลับสุดยอดของตระกูลเราเข้าพอดี เอฟบอกฟาง พลางส่งรอยยิ้มให้กำลังใจไปให้

                    หัวหน้าครอบครัวของตระกูลเหรอค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันไปนะค่ะ ฟางพูดจบพร้อมกับส่งยิ้มตอบกลับไปให้เอฟ แล้วก็เดินออกไปจากบ้านเพื่อไปเรียนก่อนที่มันจะสายไปมากกว่านี้

                    นายคิดว่าเขาคงจะเอาเรื่องของเราไปพูดให้ใครต่อใครฟัง แต่ถึงยังไงเราคงต้องทำลายความทรงจำของฟางเหมือนอย่างเมื่อก่อนอยู่ดีนั่นล่ะ ฉันคิดว่านายคงเข้าใจนะผัก แต่ว่าเรื่องในตอนนั้น เราไม่มีทางเลือก เพราะมีคนรู้มากเกินไป เอฟหันหน้าไปบอกผักที่ยืนอยู่ข้างหลังไปไม่ไกลนัก ทันเห็นผักทำหน้าเหมือนกับเจ็บปวดด้วยอะไรบางอย่าง พร้อมกับเบือนหน้าหนี เดินขึ้นไปบนห้องเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเตรียมตัวไปเรียนก่อนที่จะสายเช่นเดียวกัน

                    หลังจากที่ผักเดินออกไปจากบ้านเพื่อไปเรียน เอฟเตรียมจะเดินเข้าไปในบ้านตามเดิม ก็หันไปเห็นว่าเอกยังนั่งอยู่ที่เดิม ราวกับเมื่อกี้นี้เอกล่องหน เพราะไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน

                    เอก วานนายช่วยเฝ้าบ้านทีได้ไหม อย่าหายไปไหนล่ะ แล้วตอนเย็นอย่าลืมขอโทษฟางเขาด้วยนะ เอฟหันไปบอกเอก

                    นายอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน เอกพูดจบหันหน้าเดินเข้าห้องของตนทันที

     

                    ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง.............

                    โชคดีจังเลยนะ ที่สุให้ฉันยืมเสื้อน่ะ ขอบใจมากเลยนะจ๊ะ ฟางเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว พลางพูดขอบใจสุไปด้วย

                    เธอเนี่ยใจเย็นจริงๆเลยนะ ล้มอีท่าไหนกันล่ะ ปลาบ่น

                    ใกล้เวลาเลิกเรียนแล้ว เธอจะกลับเลยรึเปล่า สุหันหน้าเย็นชาของเธอมาถาม

                    ก็จ๊ะ ฟางตอบสั้นๆ

                    วันนี้เธอคงต้องกลับคนเดียวนะ ฉันต้องไปซื้อของกับสุเขาน่ะ กลับคนเดียวได้นะฟาง ปลาบอกภายในใจเป็นห่วงเพื่อนตนเองอย่างสุดซึ้ง

                    หลังจากแยกกันกับปลาและสุเรียบร้อยแล้ว ฟางก็เดินไปเก็บของที่กระเป๋าของตน กำลังจะเดินออกมาจากห้องก็เจอกับผักเข้าซะก่อน เขายืนพิงกำแพง ใบหน้ามองเหม่อออกไปข้างนอกหน้าต่างซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาพอดี พลางเหลือบมาเห็นว่าฟางกำลังเดินออกจากห้องเขาจึงเข้าไปทักเธอ

                    ฟาง เธอยังไม่ได้บอกใครใช่ไหม เรื่องของฉันน่ะ ผักถาม

                    หา ใช่จ๊ะ ฉันยังไม่ได้พูด หรือว่าฉันทำให้ไม่สบายใจอยู่ ฉันน่ะจะไม่พูดเด็ดขาดเลย คุณแม่ฉันน่ะสอนฉันบ่อยๆนะว่า การที่เราเอาเรื่องของคนอื่นไปพูดต่อน่ะมันไม่ดี ฟางละล่ำละลักใหญ่

                    คือว่า ไม่ใช่อย่างนั้น

                    สาบานก็ได้ จะด้วยเลือดหรืออะไรก็ได้แม่เคยบอกฉันไว้น่ะ ฟางละล่ำละลักพลางชูแขนข้างหนึ่งขึ้น แถมยังจะหยิบปากกาจากช่องเล็กๆในกระเป๋าขึ้นมา ทำท่าจะกรีดแขนตัวเอง

                    ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกนะ ผักรีบห้ามเอาไว้ ไม่งั้นอาจจะได้เห็นเลือดตกยางออกก็คราวนี้แน่เลย

                    แม่ของเขาเป็นคนยังไงกันแน่นะ ถึงได้สอนให้ลูกสาวมากรีดข้อมือตัวเองแบบนี้กันน่ะ แปลกคนจริงๆเลยนะ แม่ลูกคู่เนี่ย ผักคิด

                    ฉันน่ะต้องขอบใจเธอถึงจะถูกสิ ที่เธออุตส่าห์จะรักษาความลับของตระกูลให้ฉัน แต่ว่าฉันก็ต้องขอโทษเธอด้วยนะ บางทีเธออาจจะโดนลบความทรงจำก็ได้ ผักบอกด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด เอ๊ะ ใบหน้านี้เหมือนเคยเห็นมาก่อนแล้วครั้งนึงนะ ทำไมกันนะ เขาถึงได้ชอบทำหน้าแบบนั้นด้วย

                    ถูกลบก็เหมือนกับการสะกดจิตนั่นล่ะ เมื่อก่อนนะ ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ตอนนั้นฉันอยู่ ม.2 ฉันกับเพื่อนๆเล่นกันอยู่ที่สนามหญ้าในบ้าน มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาโดนตัวฉันเข้าโดยบังเอิญ ทำให้ฉันไม่ทันได้ระวัง แต่ผลสุดท้ายคนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดก็ถูกลบความทรงจำ ผักเล่าเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตให้กับฟางฟัง ฟางอึ้งไปพักใหญ่ นี่เขาต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ

     

                    เก่ง ที่นายพยายามปกปิดเรื่องนี้เต็มที่ มันเป็นเพราะฉัน แปลก กว่าคนอื่นเหรอ ? ’

                    อืม แปลกสิ คนที่กลายร่างเป็นหนูได้ มันก็ต้องแปลกอยู่แล้ว ถ้าคนธรรมดารู้เข้า เขาคงจะรู้สึกกลัวและไม่อยากเข้าใกล้ แล้วก็อยากอยู่ห่างๆ เกลียดและกลัวเราไง

     

                    ผัก ฟางเรียกผักหลังจากที่เขาเงียบไปนานพอสมควร เขาเป็นอะไรไปนะ ใบหน้าของเขามันช่างเต็มไปด้วยความเหงา เศร้าเหลือเกิน

                    ความจริงฉันก็ไม่อยากให้เก่งเขาลบความทรงจำของเธอหรอกนะ แต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันต้องเชื่อฟังเขา ฉันขอโทษจริงๆ ผักบอกพลางเบือนหน้าหนี

                    ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาของตระกูลเราแบบนี้ เลยพลอยทำให้เธอเดือดร้อนไปด้วย ผักพูดจบก็กำลังเดินออกไปพอดี

                    ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะที่เป็นห่วง ฉันน่ะดีใจมากๆเลย ฉันสบายดี ฉันว่ามันก็ช่วยไม่ได้ที่ดันมารู้ความลับสุดยอดของพวกเธอเข้า เพราะฉะนั้นพวกเธอเลือกทางที่สบายใจที่สุดเถอะ ฟางพูดให้กำลังใจผักพลางส่งยิ้มให้กับเขาด้วย

                    ถึงแม้ว่าการลบความทรงจำ มันจะทำให้ฉันเสียใจมากก็ตาม แต่การที่พวกเธอรับฉันมาอยู่ที่นี่แทนที่จะให้ฉันเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่ มันก็ทำให้ฉันดีใจมากๆเลย แต่ฉันจะอดทนนะ ฟางคิดพลางยิ้มให้ผัก ทำให้ผักอึ้งไป

                    ถึงจะโดนลบความทรงจำ แต่เราก็มาเป็นเพื่อนกันอีกนะ ฟางบอกผัก เขาส่งยิ้มครั้งแรกให้กับฟาง เวลาเขายิ้มมันยิ่งทำให้เขาดูดีมากๆเลย เขาน่ายิ้มบ่อยนะ

                    วันนี้ เรากลับด้วยกันไหม ผักชวนฟาง

                    จ้า กลับกันเถอะ ฟางตอบรับ

     

                    ระหว่างทางกลับบ้านทั้งสองแทบจะไม่ได้คุยกันเลย สุดท้ายคนที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก็เป็นผัก เขาเดินเคียงข้างไปกับฟาง

                    ฟาง รู้ไหมสมัยตอนที่ฉันอยู่บ้านใหญ่ ฉันเหมือนอยู่ในกรงที่อยู่เฝ้ามองจากพวกของเก่งและจากบ้านใหญ่ ฉันเลยอยากมีชีวิตแบบธรรมดาที่ห้อมล้อมไปด้วยคนธรรมดา ก็เลยออกจากบ้านไปเรียนโรงเรียนที่คนธรรมดาเขาเรียนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ออกจากกรงอยู่ดี ต้องมาอยู่ในบ้านของตระกูล เลยทำให้คบกับคนธรรมดาไม่ได้ ฉันไม่ได้กำลังต่อต้านอะไรอยู่หรอก แต่ยังไงๆบางอย่างมันก็แปลกๆอยู่ดี ฉันพยายามไม่ก้าวเข้าไปลึก กลัวว่าวันนึง ถ้าฉันเข้าไปลึก ฉันจะหาทางออกไม่ได้

                    เพราะว่าฉันเป็นแบบนี้ เลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกต่ำต้อยหรือกลัว สำหรับฉันการมีร่างกายปกติและคบกับคนธรรมดาดีกว่าการสนิทกับพวกในนักษัตรซะอีก เธอรู้ไหมเอกน่ะเขาอยากเข้ามาอยู่ในนักษัตรมากเลยนะ ในขณะที่ฉันเองอยากจะออกจากมันเต็มทนแล้ว ผักเล่าความรู้สึกให้กับฟางฟัง

                    ผักรู้ไหมเธอก็มีเสน่ห์ดึงดูดให้คนมาสนิทได้เหมือนกันนะ แล้วอีกอย่างก็มีหลายคนนะที่ชอบเธอ เขาพูดกันว่าเธอใจดีด้วย ฟางปลอบใจผัก

                    เพราะฉันอยากให้คนมาชอบ ฉันเลยแกล้งทำเป็นใจดีกับทุกคนไง มันก็เหมือนกับการแจกขนมให้กับเพื่อนๆ เพื่อให้พวกเขามาชอบเรา เพื่อจะได้เข้ากลุ่มได้ เห็นแก่ตัวเองเลยแกล้งทำเป็นใจดี ฉันน่ะมันจอมลวงโลก

                    ผัก ฟางเรียกเขาเบาๆ เมื่อเห็นเขาเริ่มทำหน้าเศร้าอีกแล้ว

                    ฟางรู้ไหม เธอก็ใจดีเหมือนกันนะ

                    หา เพิ่งเคยมีคนพูดกับฉันแบบนั้นครั้งแรกเลยนะ ฟางตอบอย่างตกใจพลางหน้าแดงไปด้วย

                    ดีใจจังเลย เอ๊ะ แต่ว่าฉันอาจจะแกล้งทำเป็นดีให้คนชอบฉันก็ได้

                    ไม่จริงหรอก เธอใจดีจริงๆนะ

                    แต่คุณแม่น่ะก็เคยบอกว่า จงเชื่อดีกว่ามัวสงสัย เพราะคนเราไม่ได้จิตใจดีมาตั้งแต่เกิด คุณแม่บอกว่า สิ่งที่มีมาตั้งแต่เกิดมีแต่ความอยากได้ ทั้งอยากได้อาหาร อยากได้สิ่งของ สรุปง่ายๆก็คือ มันเป็นสัญชาตญาณไงล่ะ จิตใจที่ดีงามจะเจริญเติบโตได้เหมือนกับร่างกาย คุณแม่บอกว่า มันจะเติบโตอยู่ในตัวเรา เพราะฉะนั้นแต่ละคนก็จะมีรูปร่างรูปทรงของจิตใจที่ดีงามนี้แตกต่างกันไป ฟางบอกผักพลางนำมือข้างหนึ่งมาจับที่หน้าอกแสดงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่ดีงาม ผักแลเห็นหน้าของฟางที่แสดงถึงจิตใจที่อ่อนโยนอย่างมาก ส่งมาให้กับเขาอย่างจริงใจ ไม่มีสิ่งใดเจือปนมาด้วย

                    อาจจะกลมบ้าง เหลี่ยมบ้าง พอคิดว่าจิตใจที่ดีงามนี้จะมีรูปทรงที่แตกต่างกันออกไปและมีสีต่างๆ มันทำให้ฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะ ฉันว่า ความใจดีของผักเหมือนกับแสงเทียนนะ ที่จุดประกายสว่างไสวอย่างรวดเร็ว ความใจดีของเธอทำให้ฉันยิ้มอย่างมีความสุข และคนอื่นๆด้วยนะ

                    ว่าแล้วเปรียบกับเทียนเนี่ยมันแปลกๆรึเปล่า ฟางถามผักอย่างสงสัย หลังจากพูดจบพลางส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนไปให้เขา

                    อ๋อ ไม่หรอก ขอบคุณนะ

                    ยิ่งผักเล่าเรื่องของตัวเองให้ฉันฟัง ฉันก็ยิ่งเข้าใจเธอมากขึ้น ฟางบอก

                    ลูกต้องเชื่อใจเขาคนนั้นนะ ถ้าเราเชื่อใจคนอื่น คนอื่นเขาก็จะเชื่อใจเราเช่นกัน และอีกอย่างมันจะเป็นกำลังใจให้กับเขาคนนั้นได้อีกด้วย

    และแล้วผักก็ยิ้มออกมาจนได้ เขายิ้มให้ฟางอย่างเต็มใจเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่เขาไม่ได้ยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว มันเหมือนกับมีคนมาเติมเชื้อเพลิงให้เราได้ขับเคลื่อนอีกครั้ง เหมือนเราเดินหลงทางอยู่ทางที่เรามองไม่เห็นมืดสนิท ไม่รู้จะไปทางไหนดี แต่จู่ๆก็มีแสงสว่างส่องเข้ามา มันทำให้เขาสามารถยิ้มได้อีกครั้ง และทั้งสองคนก็เดินกลับบ้านด้วยกัน ฟางเดินขึ้นมาบนห้องเพื่อขอเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็เจอเข้ากับเอกที่กำลังปีนบันไดขึ้นไปเอาเทปปิดหลังคาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าฟางมาถึงแล้ว เอกรีบลงจากบันได้ทันที

    นี่ซ่อมแบบชั่วคราวเอาไว้ก่อน คราวหลังค่อยเรียกช่างมาซ่อม ตอนนี้เอาแค่กันแดดกันฝนไปก่อนแล้วกัน เอกบอก

    เฮ้อ อุตส่าห์เจอแมวแล้วเชียว แต่ท่าทางเขาจะเกลียดเรา ฟางคิดพลางถอนหายใจ

    นี่เธอ คือว่าเรื่องเมื่อวานนั่นน่ะ ฉันต้องขอ......... เอกพูดได้แค่นั้น เพราะเสียงของเอฟดังแทรกขึ้นมาซะก่อน

    กลับมาแล้ว เอก ผัก ฟาง ฉันกลับมาแล้ว เอฟตะโกนเสียงดังขึ้นมา ทำให้เอกทำหน้าไม่ถูก เมื่อฟางหันหน้ามาจ้องมอง ราวกับจะถามว่าเมื่อกี้กำลังจะพูดอะไร

    ไม่มีอะไร ช่างมันเถอะ เอฟบอกเสร็จจึงเดินออกจากห้อง เพื่อจะลงไปข้างล่าง ฟางเดินตามไปติดๆ ก็เห็นว่าเอฟอยู่ในชุดสบายๆสไตล์ของเขาเหมือนอย่างเมื่อวาน ผักยืนอยู่หน้าประตู เราจึงเดินไปสมทบด้วยการยืนอยู่ข้างๆผัก

    คือว่า ฉันมีข่าวดีจะบอก ถ้าฟางเธอสามารถรักษาความลับเอาไว้ได้ เธอก็อยู่ที่นี่ได้นะ เอฟบอก

    เอ๊ะ ฉันไม่ต้องโดนลบความทรงจำแล้วเหรอค่ะ ฟางถามอย่างสงสัย

    แต่เธอต้องช่วยทำความสะอาดบ้านให้พวกเราเพื่อตอบแทนนะ เอฟบอก

    ค่ะ ฟางตอบรับ

    ดีจังเลย ไม่ต้องโดนลบความทรงจำแล้ว ฟางคิด

    แล้วก็อีกอย่างนึงนะ เอกก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วยตามคำสั่งของเก่ง เอฟบอก

    เฮ้ย นายจะให้ฉันอยู่ชายคาเดียวกับไอ้ผักงั้นเหรอ เอกตอกกลับหลังจากเงียบอยู่นาน

    เก่งสั่งมา ห้ามขัดเด็ดขาด เอฟสั่ง

    อะไรว่ะ ไอ้บ้าเก่ง เอกตะโกนลั่นบ้านพร้อมกับเดินออกไปอย่างไม่พอใจ

    เอฟ ไม่ใช่ว่าเก่งเขามีแผนการอะไรอยู่หรอกนะ ผักถามอย่างรู้ทัน

     

    เชื่อใจฟางเขาเถอะ ผักด้วย เอกด้วย บางทีมันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีก็ได้

    ผักเนี่ยมีลางสังหรณ์ดีจริงๆเลย

    ผักนายต้องรู้จักหัดเชื่อใจคนอื่นเขาบ้างแล้วนะ เอฟบอก

    เอ่อ คือว่ามันอาจจะแปลกที่พูดช้าไปหน่อย แต่ฉันอยากจะพูดนะค่ะ ขอรบกวนด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะ ฟางบอกกับเอฟและผัก

    อืม ผักตอบพลางหน้าแดง

     

    วันรุ่งขึ้น วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ฉันจึงไม่มีเรียน แต่ก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมอาหารให้กับพวกเขาทาน แต่พอตื่นขึ้นมาก็เจอกับเอฟที่เขากำลังจะออกจากบ้านพอดี เขาบอกว่าจะไปทำธุระ เย็นๆจึงจะกลับ ให้ฉันเตรียมอาหารเย็นเผื่อเขาด้วย

    โอ้โห เธอทำให้ครัวเน่าๆ กลับมาสะอาดได้ด้วย ผักร้องทัก

    จ้า อาหารเย็นเสร็จแล้วนะ ฟางบอกเขา

    เอ๊ะ บ้านนี้มีหม้อหุงข้าวด้วยเหรอ ผักถามพลางเดินเข้ามาหาหม้อหุงข้าวพร้อมกับเอามือจับดู เหมือนกับไม่เคยเห็นมาก่อน

    อ๋อ จ้า ฉันขุดขึ้นมาน่ะ

    ฉันตัดสินใจแล้วว่า ฉันน่ะจะมาอยู่ที่บ้านของผักเขาไปก่อน จนกว่าคุณปู่จะต่อเติมบ้านเสร็จ ฉันถึงจะกลับไปอยู่กับบ้านคุณปู่ดังที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก การที่ฉันมาอยู่ที่บ้านของพวกเขานั้น ฉันก็ไม่ได้อยู่ฟรีๆหรอกนะ ฉันกลายมาเป็นแม่บ้าน เป็นการตอบแทนค่าห้องพักให้กับพวกเขา ฉันซาบซึ้งจริงๆ ฉันจะพยายามทำตัวให้มีประโยชน์ที่สุดเลยล่ะ

    อืม อร่อยจัง ผักตอบหลังจากทานเข้าไปแล้วหลายคำ และหลังจากที่เขานั่งเงียบมานาน เพราะไม่เคยต้องอยู่สองต่อสองกับผู้หญิงมานานแล้ว

    จริงเหรอ ไม่จืดไปหน่อยเหรอ ฟางถามอย่างไม่แน่ใจ

    ไม่ล่ะ ฉันว่ากำลังดีเลยนะ อาหารแบบนี้ฉันไม่ได้กินมานานแล้ว

    โชคดีจัง ที่เธอถูกปาก ฟางบอกอย่างดีใจ

    เอ๊ะ แล้วไอ้แมวบ้ากับเอฟเขาออกไปไหนกันหมด ตั้งแต่เช้าฉันไม่เห็นพวกเขาเลย ผักร้องถาม ยังไม่ทันขาดคำ ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกอย่างแรงราวกับมีแรงอะไรบางอย่างมาฉุดกระชากมันเปิดออกอย่างนั้น

    นายทำอย่างนี้ได้ยังไงน่ะเอฟ เอกร้องตะโกนอย่างไม่พอใจ

    ฟังหน่อยดิเอก ฉันไม่ได้แกล้งนายนะ แค่ทำตามที่เก่งเขาสั่งมาก็เท่านั้นเอง เอฟบอกพลางถอดร้องเท้า

    กลับมาแล้วค่ะ ข้าวเย็นเสร็จแล้ว จะทานเลยไหมค่ะ ฟางหันหน้ามาถามเอก

    ไม่กิน เอกตะโกนบอกเสียงดังอย่างไม่พอใจจึงทำให้ฟางหน้าเสียไปทันที

    ห้ามพูดไม่ดีกับฟางนะเอก เข้าบ้านแล้วก็ถอดรองเท้าด้วยเอฟบอกเอก แต่ทว่าไม่ทันซะแล้ว เพราะเขาเข้าไปในห้องของตนเอง และปิดประตูดังปังใหญ่

    เอฟ นายเนี่ยไม่มีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมคนเอาซะเลย ผักบอก

    แล้วทำไมเอกเขาถึงได้โมโหขนาดนั้นล่ะค่ะ ฟางถามเอฟอย่างสงสัย

    ก็ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เอกเขาจะไปเรียนที่เดียวกับพวกเธอไงล่ะ แถมห้องเดียวกันด้วยนะ เอฟบอก

    พอเลย นายไม่ต้องกินแล้ว ออกไปเลย ผักบอกอย่างโกรธจัด

    ว่าแล้วเชียวว่าต้องโกรธ เอกน่ะ เขาไม่ได้ไปเรียนที่เขาสอบเข้าได้ใกล้บ้านเขาหรอกนะ แล้วจู่ๆเขาก็หายตัวไปอย่าลึกลับตั้ง 4 เดือน ทั้งฉันและผักก็ไม่มีใครรู้ว่าเอกเขาหายไปไหนมา แต่วันนี้เอกมันบอกฉันว่า ไปฝึกวิชาต่อสู้ในป่า เพื่อเอาชนะนายไงล่ะผัก เอฟเล่า

    ไร้สาระ ผักบอกด้วยสีหน้าเย็นชา

     

    ฝึกวิชาเพื่อล้มผักงั้นเหรอ อย่างกับเรื่องในอดีตที่แมวแค้นใจ เพราะโดนหนูหลอกเลย แต่ทำไมทุกคนถึงทำเหมือนว่าเอกเป็นคนผิดอยู่คนเดียวเลยล่ะ แต่ยังไงฉันคิดว่าเอกเขาจะต้องเกลียดฉันแน่เลย รู้สึกแย่จัง ทั้งที่อุตส่าห์ได้เจอแมวในจักรราศีแล้วเชียว ฟางคิด

     

    เช้าวันจันทร์ที่เราทุกคนจะต้องไปเรียนกัน ฉันก็ออกไปพร้อมกับผักและเอก เมื่อเพื่อนๆเห็นว่ามีผู้มาใหม่ ทุกคนจึงตื่นเต้นกันมาก ก็จากวันที่ผักมาเรียนวันนั้นทั้งวันก็มีแต่คนพูดถึงแต่ผักกันทั้งนั้น ก็ผักน่ะ เขาเป็นที่รักของทุกคนเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้ทุกคนเอาแต่เข้าไปรุมล้อมเอกอยู่ เพราะทุกคนเขารู้ว่าเอกน่ะมาจากตระกูลเดียวกับผักเขา ยิ่งทำให้เขาดังในหมู่เพื่อนๆหนักกว่าเดิมซะอีก จนเอกเขาอึดอัดจนจะทนไม่ไหวขึ้นมา เพราะจู่ๆก็มีเด็กผู้หญิงภายในห้องเข้าไปทำท่าจะแตะตัวของเอกเข้าพอดี แต่เอกเขารู้ตัวเสียก่อน จึงจับแขนของผู้หญิงคนนั้นมาไขว้ไว้ข้างหลัง จึงทำให้ทุกคนตกใจกันมากเลย หลังจากนั้นเอกก็วิ่งออกไป ฉันก็วิ่งตามไปด้วย

    เอกมาหาที่นั่งเงียบๆอยู่แถวหลังตึกหนึ่ง แต่ผักก็โผล่เข้ามาทำให้เอกตกใจสะดุ้งไปช่วงขณะหนึ่ง ก่อนที่เอกจะเอ่ยอะไรออกมา ผักก็แซงหน้าพูดก่อน

    นี่ นายน่ะเวลาจะทำอะไรหัดคิดเสียบ้างเถอะ ที่นายทำบ้าๆไปเมื่อกี้นี้น่ะ มันทำให้ฉันต้องเดือดร้อนรู้ไหม ผักบอกอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

    นายพูดจริงเหรอ ทำไม นายถึงได้มาเรียนอยู่ที่ที่มีผู้หญิงเรียนด้วยเยอะอย่างนี้ล่ะ ต้องคอยมาระวังไม่ให้กลายร่าง มหาวิยาลัยที่เก่งเลือกให้ดีกว่าเยอะไม่ใช่เหรอ เอกถาม

    ฉันน่ะอยากจะหนีออกจากบ่วงของนักษัตรเนี่ยสักนิดก็ยังดี ส่วนนายกลับอยากจะเข้ามาในบ่วงนักษัตรที่ฉันอยากจะออก คนอย่างนายคงไม่เข้าใจฉันหรอก

    แก หนูอย่างแกจะมาเข้าใจฉันได้ยังไง ก็แกไม่ใช่เหรอที่ทำให้ฉันต้องเป็นแบบนี้ ยังไงซะ ฉันต้องชนะนายให้ได้ ฉันต้องชนะแกแน่ ฉันต้องชนะและเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของนักษัตรให้ได้ พอกันทีสภาพแบบนี้ ฉันจะทำให้คนอื่นยอมรับฉัน.ให้ได้ เอกบอกอย่างมุ่งมั่น

    อย่านะ อย่าทะเลาะกันเลยนะ ฟางวิ่งเข้าไปตั้งใจจะห้ามพวกเขาเฉยๆ แต่ดันเดินไม่ระวังไปสะดุดก้อนหินเข้า จึงทำให้ไม่ทันระวังเข้าไปกอดเอกเข้าพอดี ไม่ทันไรเขาก็..........

    ป๊อป

    แมวตัวสีส้มจมอยู่ในกองเสื้อผ้าของตนที่เพิ่งใส่เมื่อตะกี้นี้ ฟางทำหน้ารู้สึกผิดที่ตนเองซุ่มซ่ามอีกแล้ว

    ถึงจะโกรธกันแต่ห้ามทะเลาะกันนะค่ะ ฟางบอกห้ามเอก

    หนวกหูน่า คนอย่างเธอจะมารู้อะไรล่ะ ไม่ต้องมายุ่งเลย เกะกะขวางลูกตาจริงเฟ้ย เอกพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจ

    ฟางเดินออกไปโดยไม่หันไปมองข้างหลังอีก ก็เขาเกลียดเราขนาดนั้น แล้วเราจะพูดอะไรได้อีก ฉันทำให้เขาโกรธฉันขนาดนั้นเลย เขาเกลียดฉันมากเลยเหรอ น้ำตาเม็ดใสๆก็หยดลงอาบแก้มสีชมพูอ่อนๆ

     

    ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะเกิดปีแมวแทนปีจอ คำพูดคำนั้นฉันหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ น้ำตามันไหลออกมาจริงๆ

    เวลาที่ในป่าอันไกลโพ้นมีงานสังสรรค์กันของเหล่าสัตว์นานาชนิดมากมายในนักษัตรอย่างสนุกสนาน ทุกครั้งที่ฉันคิดว่าแมวคอยฝันถึงงานสังสรรค์ในวันพรุ่งนี้ที่จริงๆแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วจากนี้ไปเราจะทำยังไงล่ะ ฉันน่ะปลื้มแมวขนาดว่า ถ้ามีปีแมวแฟนคลับ ฉันต้องเป็นสมาชิกแน่ แต่นี่ฉันถูกเขาเกลียดเข้าให้แล้วสิ ฉันเนี่ยบ้าจริงๆเลย

     

    ณ บ้านของตระกูล..............

    อะไรกัน นายโดดเรียนตั้งแต่วันแรกที่ไปเรียนเลยเหรอเนี่ย แพ้ผักอีกรึไง เอฟถาม

    ฉันอยากไปจากที่นี่ เอกบอก

    เพิ่งจะแค่ 3 วันเองนะ นายก็คิดซะว่ามาฝึกวิชาความอดทนที่นี่สิ หรือว่านายพูดไม่ดีกับเขาอีกน่ะหา วันนี้นายก็ตวาดใส่เขาอีกล่ะสิ ถ้านายทำแล้วต้องมานั่งเสียใจอยู่ตรงนี้ ก็ไม่ต้องทำอย่างนั้นสิ

    เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันน่ะ ไม่ชอบไปสุงสิงกับใคร

    ที่นี่ก็มีคนแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ แต่ในกรณีของนายมันก็แค่เพราะมีประสบการณ์ไม่พอมันก็เท่านั้นเอง อย่างนายน่ะแค่ใช้กำปั้นเดียวทุบโต๊ะให้หักก็ยังได้ แต่นายก็สามารถหยุดกำปั้นนั้นได้เช่นกัน นั่นเป็นเพราะนายรู้จักวัดความสามารถของตัวนายเองได้ ก็เหมือนกับผลที่ได้รับจากการไปฝึกต่อสู้กับหมีในป่านั่นล่ะ เอฟแซว

    ไม่ได้สู้กับหมีเว้ย

    นายรู้ไหมการรู้จักกับการคบคนก็เหมือนกันนะ เพียงแต่การฝึกฝนนี่ ไม่ต้องไปฝึกท่ามกลางป่าเขา แต่ต้องฝึกในเมืองที่มีคนอยู่ ต้องคบคนอื่น อาจจะมีบ้างที่คนอื่นเขาไม่ชอบเรา เราจึงต้องเรียนรู้การที่เราจะเข้ากับคนอื่นได้ พร้อมๆกับการเรียนรู้ตัวเองไปด้วยนะ นี่ไม่ใช่หมายความว่า จะกลายเป็นคนที่ต้องทำตามใจคนอื่นไปซะทุกเรื่องหรอก เรื่องการต่อสู้นายก็ได้สายดำไม่ใช่เหรอ แต่การคบคนน่ะนายได้สายขาวเองนะ ถ้าเมื่อไหร่มีคนมาบอกว่าชอบนาย นายก็ต้องให้ความสำคัญกับเขาด้วยนะ นายก็อย่าเอาแต่หนีล่ะ ฉันก็บอกนายได้แค่นี้ล่ะ นายเอาไปคิดดูนะ เอฟบอกเสร็จก็ลุกออกไปทิ้งให้เอกยังนอนคิดเรื่องที่เอฟเพิ่งพูดไปเมื่อกี้ต่อ

     

    เฮ้อ วันนี้ทำงานหนักอีกตามเคยนะเรา ทุกคนคงจะนอนกันไปหมดแล้วล่ะ ฟางบ่นกับตัวเองคนเดียว

    เอกก็คงไม่ได้กินข้าวเย็นอีกตามเคยแน่เลย คงโกรธเราอยู่ หรือว่าออกจากบ้านไปแล้วก็ไม่รู้ แย่จังเลย คุณแม่หนูจะทำยังไงดีล่ะค่ะ

    ฟางก็เป็นอย่างฟางเป็นไงลูก อย่าลืมนะ

    นั่นสินะ ค่ะคุณแม่ หนูจะไม่ย่อท้อ ฟางพูดกับตัวเอง แต่ก็ต้องหยุดไปแค่นั้นเมื่อได้ยินเสียงต้นไม้ไหว เหมือนมีคนเดินตามเธอมาด้วย เมื่อได้ยินเสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คิดแล้วว่าจะต้องเป็นโจรมาข่มขืนเป็นแน่เลย จึงหันหลังไปโดยไม่ได้ดูว่าเป็นใครพร้อมกับฟาดกระเป๋าไปโดนคนที่เดินตามมาอย่างแรง เต็มหน้าเลย

    แล้วเราจะบอกเขาได้ยังไงล่ะว่าเราเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิต ก็เราออกจะเสียมารยาทไปขนาดนั้นนี่นา ฟางคิด

    เอ่อ พอดีฉันลองเหวี่ยงกระเป๋าเล่นแก้เซ็งน่ะ เอ่อ วันนี้อากาศดีเนอะ เอกนายมาเดินเล่นเหรอ ฟางถามตะกุกตะกัก

    ฉันขอโทษนะ ที่ฉันพูดไม่ดีกับเธอไป มันคงทำให้เธอไม่สบายใจมากสินะ เอกขอโทษ

    เอ๊ะ นี่เขากำลังขอโทษเราเรื่องที่เขาพูดไม่ดีกับเรางั้นเหรอ ตอนนั้นที่เขาซ่อมหลังคาห้องให้เรานั่น อาจจะคิดอยากขอโทษเราก็ได้

    เอ่อ คือ ขอโทษนะคือที่ฉันเหวี่ยงกระเป๋าเนี่ย เพราะฉันนึกว่าคุณเป็นพวกโรคจิตน่ะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่พอใจนะ แต่ตรงข้ามเลยตะหาก ฉันน่ะชอบแมวในนักษัตรมากที่สุดเลยล่ะ จริงๆนะ ฉันยังอยากเกิดปีแมวเลย เพราะฉะนั้น ฉันอยากเป็นเพื่อนด้วย ฟางบอก

    ถ้ามีคนมาพูดอย่างนั้น นายจะทำยังไง ถ้ามีผู้หญิงมาบอกชอบนายน่ะ

    บ้าน่า ไม่ใช่เรื่องดีหรอก ปีแมวน่ะ เอกเขินจนหน้าแดงจึงรีบเดินหนีไป

    ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจเอกบ้างแล้วล่ะ ว่าเขาขี้อายมากๆเลย ความจริงเขาต้องใจดีแน่ๆ ฟางคิด

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น เช้าวันใหม่ที่แจ่มใสอีกวัน ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส พูดง่ายๆว่าเป็นวันฟ้าใสอีกวันเลยล่ะ เอ๊ะหรือว่าเมื่อวานจะมีอะไรดีดีเกิดขึ้น ท้องฟ้าถึงได้เป็นใจขนาดนี้กันนะ

    เมื่อวานเอกเขาบอกเองล่ะว่าจะไปรับฟาง หลังเลิกงานน่ะ เอฟฟ้องฟาง

    เอก จอมทะลึ่ง เอฟแซว

    หุบปากไปเลย เอกว่า

    เมื่อวานน่ะพิเศษ ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้ว ไม่มีครั้งที่ 2 แล้วนะ เอกหันไปบอกฟางที่ยิ้มส่งให้กับเขาอย่างเต็มใจ เพราะรู้สึกดีที่อย่างน้อยเขาก็ไปรับเธอเมื่อวานนี้ และยังทำให้สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ทำให้เช้าวันใหม่วันนี้ จึงเป็นเช้าที่สดใสอีกวัน เพราะเอกเขาไม่ค่อยจะตวาดใส่ฟางมากเท่าเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าไอ้เช้าวันใหม่ที่สดใสนี้ กำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นซะแล้ว เมื่อเสียงๆหนึ่ง ทำให้ทุกคนหยุดพูดคุยกัน เพื่อหันไปดูที่ต้นเสียงที่หน้าบ้าน

    เดี๋ยวฉันออกไปดูเองค่ะ ฟางบอกทุกคน พลางเดินออกมาที่หน้า ชะเง้อหน้ามองมาที่ประตูหน้าบ้าน แต่เอ๊ะ ไม่เห็นจะมีใครอยู่เลยสักคน

    เอ่อ สวัสดีค่ะ คุณคือ ธนัชชาใช่ไหมค่ะ ผู้มาใหม่ซึ่งเป็นหญิงสาวที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อนร้องทักฟาง

    ฉัน ลลิดา หรือจะเรียกว่าปุ๋ยก็ได้ค่ะ เอ่อ ที่นี่ใช่ที่เอกเขามาอยู่ใช่ไหมค่ะ หญิงสาวผู้มีนามว่า ลลิดาเอ่ยถาม

     

     

    โปรดติดตามตอนต่อไป 

                                                                                                                                                                      เร็ว ๆ นี้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×