ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สุดท้ายหัวใจก็อยู่ที่เธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : ความทรงจำสีจาง

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 50


                    สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ ธนัชชา หรือที่เพื่อนๆเรียกฉันว่า ฟาง คุณคงสงสัยว่าฉันเป็นใคร มาจากไหน ฉันน่ะเหรอค่ะ? ฉันก็เป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเองแหละค่ะ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฉันได้เจอกับข่าวร้ายที่ร้ายที่สุดในชีวิตของฉันเลยค่ะ คุณแม่ของฉันที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่ฉันเกิด ท่านได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะยังไงฉันก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาดค่ะ คุณแม่ของฉัน ท่านสอนฉันอยู่บ่อยๆค่ะ ว่า ถ้าเราไม่ทำให้ถึงที่สุดก็อย่าเพิ่งยอมแพ้ค่ะ และตอนนี้ฉันก็ไม่เคยท้อต่อปัญหาที่อยู่ตรงหน้าฉันเลยค่ะ

                    อา.....วันนี้อากาศท่าจะดีอีกวันนึงนะ

                    โอเค ไม่ลืมของอะไรแล้วนะ ถ้างั้นหนูไปก่อนนะค่ะแม่ ฟางหันหน้าไปบอกรูปถ่ายของแม่ฉัน ก่อนจะปิดประตูลง เดินออกไป

                    ฟางเดินไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางลัดไปโรงเรียน ซึ่งต้องผ่านบ้านหลังหนึ่ง แต่เอ๊ะ ฉันไม่เห็นจะเคยเห็นบ้านหลังนี้เลยนะ ฉันเดินเข้าไปที่หน้าบ้าน ผ่านประตูบ้าน บ้านหลังนี้เงียบสงบจังเลยนะ แล้วสายตาของฉันก็ไปหยุดอยู่ที่ตุ๊กตาน่ารักๆที่วางอยู่ที่เทอเรซหน้าบ้านหลังนั้น

                    ว้าว น่ารักจังเลย

                    มีผู้หญิงมาอยู่ที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย เสียงใครบางคนดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันจึงหันกลับไปมอง ว้าว หล่อจังเลย หน้าตาคมเข้ม ผมยุ่งเล็กน้อย เหมือนคนเพิ่งตื่นนอน เขาใส่ชุดนอน ไม่ได้ติดกระดุม ถือหนังสือพิมพ์อยู่ในมือ

                    สวัสดีค่ะ ขอโทษนะค่ะที่เข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ขอโทษค่ะ

                    เชิญเลย เชิญเลย ผมกำลังตากแห้งอยู่น่ะ ผมเพิ่งปั้นเมื่อคืนนี้เอง เขาพูดพลางโบกมือให้ฉันเข้าไปดูใกล้ๆ มันเป็นตุ๊กตาปั้นดินรูปสัตว์ต่างๆ ดูน่ารักจังเลย

                    ไม่น่าเชื่อว่าวัยรุ่นอย่างเธอจะชอบดูของแบบนี้ด้วย มันไม่น่าสนใจเท่าไหร่หรอก

                    ไม่หรอกค่ะ ฉันชอบนะค่ะ น่ารักดีค่ะฉันบอกเขาพลางเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา หล่อจริงๆเลย

                    เอ๊ะ มี12ตัวเหรอค่ะ

                    อ๋อครับ ผมปั้น 12 ราศีน่ะครับ

                    เมื่อตอนฉันยังเด็กคุณแม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับ 12 ราศีให้ฉันฟังค่ะ แต่ตอนนี้............ ฉันพูดแล้วเสียงฉันก็หายไป

                    เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ ฟาง เสียงใครบางคนดังขึ้นทำให้ฉันตกใจ รีบหันกลับไปดูว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นของใครกันแน่ อ้าว ผักนี่ หรือนัชชานนท์ เขาเป็นเพื่อนฉันเองค่ะ ที่โรงเรียน เราไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่หรอก เขาเป็นคนที่ฮ็อตที่สุดในห้องฉันเลยค่ะ เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะในขณะที่เขาเป็นคนที่ฮ๊อตที่สุดในห้อง ฉันก็เป็นที่ไม่มีบทบาทมากที่สุดในห้องเช่นเดียวกัน

                    ผัก นายอยู่ที่นี่เหรอ ฉันถามเขาพลางเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา ปกติเขาจะเป็นคนที่ไม่ค่อยให้ใครเข้าใกล้เขาหรอก เพราะจะเข้าใกล้ได้ไง ในเมื่อเขามีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังได้ทั้งวันน่ะสิ

                    ก็ที่นี่บ้านเรานี่ ว่าแต่ฟางเถอะ มาได้ไง บ้านเธออยู่แถวนี้เหรอ เขาถามฉัน ดูไม่น่าเชื่อเลยนะที่เขาจะคุยกับฉันด้วย ปกติฉันกับเขาเหมือนเราอยู่กันคนละโลกเลยด้วยซ้ำ

                    อ๋อจ๊ะ ฉันเช่าห้องพักอยู่แถวนี้น่ะจ๊ะ

                    อ้อใช่ ฉันลืมแนะนำ นี่เอฟนะ ธนพัฒน์หรือจะเรียกว่า เอฟก็ได้ เป็นลูกพี่ลูกน้องของเราเองแหละ เขาแก่กว่าเรา 4 ปีนะ เอฟนี่ ฟาง เพื่อนที่มหาลัย อยู่ห้องเดียวกันน่ะ ผักแนะนำฉันให้รู้จักกับเอฟ เอฟยิ้มมาให้ฉัน ยิ่งเวลาเขายิ้ม เขาหล่อจังเลย

                    สวัสดีค่ะ ฉันยกมือไหว้เอฟ คุณแม่ฉันสอนมาว่าให้ฉันเป็นคนที่มีสัมมาคารวะกับผู้ที่อาวุโสกว่าตัวเรา

                    ว่าแต่เอฟเขาทำอะไรเธอรึเปล่าน่ะ

                    เปล่านี่จ๊ะ เราแค่คุยกันเฉยๆน่ะ

                    นี่นายอย่าทำเหมือนว่าฉันเป็นพวกโรคจิตไปหน่อยเลย เอฟทำหน้าเบ้ให้กับผัก

                    เออ ช่างเถอะ จะสายแล้วนะ ถ้างั้นเราไปมหาลัยพร้อมกันนะ ผักหันหน้ามายิ้มให้กับฉัน เขาช่างมีรอยยิ้มที่สดใสจังเลย แต่ทำไมเขาชอบทำหน้าเศร้าจังเลยนะ แล้วเราก็เดินไปมหาลัยด้วยกันสองคน

     

                    ที่มหาวิทยาลัย...........

                    ฟาง เธอมากับผักได้ยังไง บอกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ เจนเพื่อนร่วมห้องเดินตรงเข้ามาถามฉัน

                    บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมเธอถึงมามหาลัยกับผักได้ อธิบายมาให้กระจ่างเดี๋ยวนี้เลยนะ เจนถามซ้ำจนฉันทำหน้าไม่ถูกแล้ว ฮือๆ อะไรกันเนี่ย

                    คือว่า มันบังเอิญน่ะจ๊ะ

                    นี่เธอบังเอิญแน่นะ

                    นี่ เสียงดังขึ้นข้างหลังฉัน เจนเงยหน้าขึ้นมาผู้มาเยือนรายใหม่ เพื่อนฉันเองค่ะ ปลากับสุค่ะ ศศธรกับสุริยง เขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งนานแล้วค่ะ

                    ฟาง เขาก็บอกแล้วไงว่ามันบังเอิญ เลิกหาเรื่องฟางเขาได้แล้วนะพวกเธอน่ะ ปลาพูดด้วยท่าทางน่ากลัวจังเลย

                    อย่าคิดนะว่าจะขู่ฉันได้น่ะ เจนหันหน้ามาประจันหน้าปลาตรงๆ

                    เดี๋ยวฉันก็แช่งเธอซะเลย สุหันหน้าอันน่ากลัวมาทางเจน พลางหยิบตุ๊กตาที่เอาไว้ใช้ในการแช่งออกมาจากกระเป๋า

                    เจนเห็นท่าไม่ดีจึงเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว

                    แหม เรามาช่วยทันเวลาเลยแฮะ กำลังแย่เลยเนอะ นี่สุ เธออย่าแช่งใครจริงๆนะ ปลาเดินตรงเข้ามาหาฟาง พลางหันไปบอกสุที่กำลังจะหยิบตุ๊กตา

                    ว่าแต่ว่า เมื่อเช้านี้เธอมากับผักไม่ใช่เหรอ ไอ้เจนมันเลยเข้ามาถามเธอแบบนั้น ปลาถามด้วยท่าทางสงสัย

                    อือ จ๊ะ ผักเขาหล่อนะ จนฉันเนี่ยสั่นสะท้านเลยล่ะ ฟางพูดด้วยท่าทางเขิน นั่งบิดไปบิดมาอยู่บนเก้าอี้ห้องทำอาหาร ในวิชาคหกรรม อ้อ ใช่ วันนี้เรามีวิชาคหกรรมกันค่ะ

                    ฉันว่า ฉันสามารถสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในตัวของผักเขานะ สุเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางเย็นชาเหมือนปกติ อ้อใช่ ฉันลืมบอกไปว่าสุน่ะ เขามีเซ้นต์เรื่องเหนือธรรมชาติ

                    นั่นไง เอาอีกแล้วนะสุ เรื่องแปลกๆ อย่างนี้เธอชอบจังเลยนะ ปลาบอกฉัน ขณะมือหยิบจานที่อยู่ข้างๆขึ้นมา จัดเตรียมของมาวางไว้บนโต๊ะ เนื่องจากวันนี้อาจารย์ให้เรานำอาหารมาจัดในชั่วโมงเรียนค่ะ เสียงภายในชั่วโมงเรียนเต็มไปด้วยเสียงเพื่อนๆ พูดคุยกัน บ้างก็เสียงทะเลาะว่าต่างคนต่างก็ทำถูกต้องตามที่อาจารย์สั่ง

                    แปลกเหรอ แปลกยังไงอ่ะ ฟางหันมาถามปลาด้วยความสงสัย

                    นั่นฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ สุตอบไปพลางส่ายศีรษะ มือก็พลางหยิบผ้ามาเช็ดมีดของตนเองอยู่

                    แต่ฉันว่ามันน่าจะมีเงื่อนงำอยู่นะเรื่องนี้น่ะ แต่เค้าก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดเรื่องตัวเองเท่าไหร่เลยนี่ ความจริงนะฉันก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกนะ แต่เมื่อก่อนนี้น่ะ มีผู้หญิงห้อง 2 คนนึงเข้ามาจะบอกรักผัก แล้วก็คุณเธอก็โผเข้ากอดเขา เท่านั้นล่ะ อะไรเกิดขึ้นรู้ไหม ผักก็ผลักผู้หญิงคนนั้นซะกระเด็นเลยน่ะสิ ปลาเล่าเรื่องของผักให้ฟางฟังอย่างละเอียด เป็นเรื่องที่ฟางไม่เคยรู้มาก่อนเลย

                    นะ นั่น ฉันไม่เคยรู้มาก่อน ว่าแต่ว่าทำไมเขาถึงทำยังงั้นล่ะ

                    ฉันว่านะ ผักเขาจะชอบไปจุดประกายอะไรบางอย่างในใจผู้หญิงซะเหลือเกินนะ ถึงขนาดมีแต่คนมารักแบบนี้

                    นี่พวกเธอสามคนนั่นน่ะ อย่ามัวแต่คุยกันอยู่สิ หัดทำกันซะบ้างสิ ฉันสั่งพวกเธอว่าไง อาจารย์สาวสวย แต่ปากร้ายเดินเข้าต่อว่า ตาก็ก้มมองงานที่ตนเองสั่งให้ลูกศิษย์ทำ เห็นว่ามีอาหารจัดใส่จาน ตักข้าว อะไรเรียบร้อยหมดแล้ว

                    เอ๊ะ อ้าว อาจารย์สาวทำหน้างงสุดฤทธิ์

                    อะไรจารย์ ก็ทำเสร็จแล้วไง หัดดูบ้างเหอะ ปลาพูดออกไปโดยไม่คำนึงถึงว่าพูดอยู่กับใคร

                    อะไรย่ะ ทำเป็นพูดดี ทั้งหมดเนี่ย ธนัชชาเขาเป็นคนทำทั้งหมดไม่ใช่เหรอย่ะอาจารย์สาวยังคงต่อว่าลูกศิษย์ของเธอต่อไป พวกเธอน่ะ หัดสนใจทำอะไรให้เหมือนกับเพื่อนเธอบ้างสิ แล้วอาจารย์สาวก็เดินไปด้วยความโมโห

                    เออ แล้ววันนี้ตอนกลับ เราต้องแวะไปซื้อของกับสุเขาน่ะ แล้วฟางล่ะ วันนี้ต้องทำงานพิเศษหรือเปล่า ปลาหันหน้ามาถามเพื่อนของตน

                    จ๊ะ วันนี้ก็ต้องทำ

                    ลำบากหน่อยนะ เธอสัญญาไว้กับคุณปู่ใช่ไหมว่าจะจ่ายค่าเรียนเองน่ะ ปลาถาม

                    แต่แค่ค่าเรียน เธอก็ไม่น่าจะต้องทำงานพิเศษทุกวันอย่างนี้เลยนี่นา

                    แต่ถ้าเรียนจบแล้ว เราก็อยากจะออกไปอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยต้องทำงานเก็บเงินตั้งแต่ตอนนี้น่ะสิ ฟางว่า

                    ฮือ ๆ แหม มันเป็นเรื่องเศร้าจังเลยเฟ้ย กินซะฟาง จะได้มีกำลังทำงาน ชามนี้เรายกให้เลย ปลาพูดไปจะร้องไห้ไปพลางยกชามข้าวที่เต็มไปด้วยข้าวให้กับฟาง

                    ฟาง ตอนนี้เธอยังอาศัยอยู่บ้านคุณปู่ ญาติทางพ่อของเธออยู่ใช่ไหม สุถาม

                    อ้อ จ๊ะ ฟางตอบอย่างไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไง

                    พวกเขาทำกับข้าวให้เธอกินดีไหม เธอคงไม่ต้องให้เงินจากที่ไปทำงานพิเศษหรอกนะ ปลาถาม

                    ฟางตกใจ ทำหน้าไม่ถูกไม่รู้ว่าจะพูดยังไงออกไปดี ในใจไม่อยากเลยที่จะต้องโกหกเพื่อนที่เธอรัก และเพื่อนทั้งสองคนเขาก็ห่วงเธอเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นชามข้าวที่บรรจุข้าวไว้เต็มจนแทบจะล้นออกมา แต่ฉันก็คิดนะว่า เพื่อนทั้งสองคนนี้เขาช่างเป็นห่วงฉันจังเลย แต่ฉันกลับกำลังโกหกพวกเขาอยู่ว่า ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่บ้านคุณปู่ ทั้งๆที่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด แต่ฉันก็พุดไม่ออกเหมือนกันนะ ถ้าฉันขืนบอกพวกเขาไปว่า ตอนนี้ฉันมาเช่าหอถูกๆ เก่าๆ อยู่ล่ะก็ มีหวังปลากับสุคงจะโกรธเราแน่เลย แล้วอาจจะไปถล่มบ้านคุณปู่เลยก็ได้ที่ปล่อยให้ฉันต้องมาอยู่คนเดียวแบบนี้ หลังจากนั้นไม่นานนัก กริ๊ง ช่วยชีวิตฉันได้ทัน ฉันจึงลาเพื่อนฉันสองคนกลับก่อน เพราะยังต้องไปทำงานพิเศษต่ออีก เดี๋ยวจะไปสาย

                    อุ้ย ฟางอุทานเมื่อเดินออกมาจากห้องเรียน เมื่อไปถึงก็เจอผักกำลังเก็บของที่ตนทำตกอยู่ เขากำลังเก็บของใหญ่เลย หนังสือหลายเล่มตกอยู่ที่พื้น เขาเต็มมันใส่กระเป๋าไว้ตามเดิมที่มันควรอยู่ วันนึงเรียนแค่ไม่กี่วิชา ทำไมถึงต้องพกหนังสือเยอะขนาดนั้นด้วยนะ

                    ผักจ๊ะ เมื่อเช้าต้องขอบคุณมากเลยนะ ที่เดินมาเป็นเพื่อนเราน่ะ

                    ไม่เห็นจะต้องขอบใจเลยนี่ เราต่างหากล่ะที่ต้องขอโทษฟาง เรื่องที่เอฟมันไปยุ่งๆกับฟางน่ะ

                    โอ๊ย ไม่ต้องขอโทษเราหรอก เราว่าเอฟเขาก็เป็นคนดีออกขนาดนั้น แถมเขายังใจดีให้เราดูตุ๊กตา 12 นักษัตรอีกแน่ะ ฟางรีบบอก จะออกแนวงงๆด้วยซ้ำไปที่อยู่ๆเขาก็มาขอโทษเราซะอีก แล้วฉันก็เดินออกมาข้างนอกกับผักสองคน ผักเขาไม่พูดอะไรเลยจนกระทั่ง

                    เราเห็นฟางคุยอะไรกับเอฟนะ พวกเรื่องปีแมวอะไรพวกนี้เหรอ

                    เอ่อ จ๊ะ เราก็เป็นคนประหลาดๆแบบนี้แหละ

                    อืม แมวน่ะมันบ้า แถมนิสัยก็ไม่ดี ผักเดินไปขณะที่กำลังพูดกับฟาง ฟางได้ยินดังนั้นก็หยุดเดิน แต่ผักก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้สนใจคนที่หยุดเดินเลยแม้แต่น้อย ฟางเดินตามมาในที่สุด เงยหน้ามองผักอย่างสงสัย ฟางรู้ไหม ว่านักษัตรน่ะ ความจริงแล้ว มันใช้สำหรับการนับลำดับ จำนวน หรือใช้เป็นนาฬิกา หลังจากนั้นก็เกิดเป็นหยินหยาง และก็นำมาใช้สำหรับการพยากรณ์ไงล่ะ

                    อ้าวเหรอ แล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับสัตว์เลยน่ะสิ

                    อือ และที่สัตว์เข้ามาเป็นพื้นฐานของนักษัตร ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้แจ้งหรอก แล้วแมวน่ะก็ไม่ถูกนับรวมอยู่ในนักษัตรตั้งแต่เริ่มแรกอยู่แล้วด้วย แต่เราว่านะ อย่างนั้นมันก็ดีแล้ว แมวมันบ้า ที่อยากจะเป็น 1 ในนักษัตรกับเขาด้วย

                    เอ๋ งั้นก็แสดงว่าผัก เธอเกลียดแมวเหรอ

                    ผักหันหน้ามาหาฟางทันทีที่พูดจบประโยค ใบหน้าที่เขามองมานั้น ฉันก็ไม่เข้าใจนักหรอกนะ ทำไมเขาต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย เขายิ้มให้ฉัน แต่มันเป็นยิ้มที่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มันไม่ชอบมาพากลอย่างนั้นแหละ ใบหน้านั้นก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาตามเดิม

                    อุ๊ย ถึงเวลางานแล้วล่ะ ขอโทษนะผัก เราต้องไปทำงานพิเศษแล้วล่ะ มันจะสายแล้ว พอก้มหน้าดูนาฬิกา ตายแล้ว เรากำลังจะสายหรือนี่ ฟางจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับผักทันที

     แต่ทว่าทันใดนั้น ผักยื่นมือที่ได้สัดส่วนมาทางใบหน้าของเธอ เขาหยิบใบไม้แห้งสีออกน้ำตาลที่ร่วงหล่นจากต้นไม้แถวนั้นบนศีรษะของหญิงสาว ด้วยการจู่โจมที่ไม่ทันตั้งตัวทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติของฟางแดงขึ้นบนใบหน้า แล้วผักก็เข้ามาประชิดตัวของฟางอย่างรวดเร็ว เขาเอามือมาแตะบริเวณหน้าผากของฟาง

                    เมื่อเช้าก็นึกแล้วเชียว สีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลยนะ อากาศร้อนอย่างนี้ ฟางควรดูแลรักษาตัวด้วยนะ ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ

                    พูดอะไรน่ะ งงจัง

                    ฟางควรดูแลรักษาตัวด้วยนะ คำพูดของเขาช่างต่างจากใบหน้าที่แสดงออกมาซะจริงๆเลย ผัก เธอช่างเป็นคนที่ลึกลับจริงๆเลยนะ

                    แต่ฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะที่เราจะไม่ฟังเธอน่ะ ที่ไม่สามารถทำตามที่เธอบอกได้ ผักเธอรู้ไหม แม่ของฉันน่ะ เขาต้องลำบากมากขนาดไหน ลำบากกว่าฉันตั้งหลายเท่า ตอนฉัน 3 ขวบ พ่อเกิดล้มป่วยไม่สบายมาก แล้วท่านก็จากฉันไป หลังจากนั้นแม่ของฉันก็เอาแต่ทำงานอย่างหนัก ก็เพื่อจะเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอด แม่ที่คอยดูแลคุ้มครองฉันมาตลอด แม่ที่ร่าเริงแข็งแกร่งทุกเมื่อ ไม่น่าเชื่อว่าจะจากฉันไป แค่เพราะอุบัติเหตุรถชนได้ แล้วปัญหาที่ตามมาเมื่อแม่ของฉันจากไป ฉันมีปัญหาว่าใครจะรับเลี้ยงฉันต่อ แต่ทว่าทุกคนที่เป็นญาติของฉันได้แต่เกี่ยงกันว่าใครจะรับเลี้ยงฉัน ทุกคนคิดว่าฉันจะเป็นภาระให้กับครอบครัวของเขาทั้งนั้นเลย แต่ในที่สุดคุณปู่ก็รับเลี้ยงฉันต่อ ฉันต้องไปอยู่บ้านคุณปู่ แต่ฉันก็พยายามไม่เป็นภาระให้กับคุณปู่ที่ท่านอาศัยอยู่ด้วยก็เงินบำนาญ  หลังจากที่ท่านเกษียณตัวเองออกจากงานเรียบร้อยแล้ว และฉันก็สัญญากับท่านว่า ฉันจะจ่ายค่าเรียนกับค่ากินค่าอยู่เอง

                    แต่ว่าหลังจากนั้นอีก 4 เดือน นั่นมันก็เหตุการณ์ตอนเดือนพฤษภาคมนั่นแหละ คุณปู่ท่านตัดสินใจว่าจะไปอยู่บ้านของลูกสาวกับลูกเขย แล้วก็บอกว่าบ้านหลังนี้จะต่อเติมแล้วให้คุณป้ากับสามีเขาและลูกๆมาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้ ช่วงเวลาที่กำลังซ่อมแซมบ้าน คุณปู่จะไปอยู่บ้านของคุณป้าก่อน แล้วท่านยังขอโทษฉันด้วยว่าให้ฉันไปค้างอยู่ที่บ้านเพื่อนก่อนได้ไหม แต่ว่าห้องของปลาก็แคบ แค่ปลาอยู่คนเดียวก็เต็มจะแย่อยู่แล้ว ถ้าฉันไปอยู่ด้วยปลาต้องแย่แน่ ส่วนบ้านของสุก็อยู่กับครอบครัวเขา ซึ่งก็มีตั้ง 5 คนเข้าไปแล้ว แล้วบ้านหลังนี้ของคุณปู่กว่าจะเสร็จตั้งกี่เดือนก็ไม่รู้ แล้วจะให้ฉันไปรบกวนเขาอยู่ได้ยังไงกัน ถึงแม้ว่าเพื่อนๆของฉันเขาจะเต็มใจก็ตาม ฉันก็ทำไม่ได้หรอก แต่ไม่เป็นไรค่ะ คุณปู่ หนูเข้าใจแล้วค่ะ ยังไงก็ตามสักวันหนึ่งฉันก็ต้องอยู่คนเดียวอยู่ดี เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นโอกาสทองแล้วที่ฉันจะฝึกความอดทนต่อความยากลำบาก ตอนนี้ฉันจึงต้องมาอยู่ที่หอเก่าๆ ไกลหน่อย แต่มันถูกและฉันต้องหาเงินมาจ่ายค่าห้องเองอย่างนี้ด้วยแล้ว ไม่ว่าห้องมันจะเก่าขนาดไหนฉันก็ต้องอยู่ได้สิ ยังไงก็ตามฉันจะต้องไม่ท้อเป็นอันขาดกับปัญหาแค่นี้เอง ฉันจะต้องผ่านมันไปให้ได้

     

                    กลางดึกในวันนั้น…………….

                    ดวงจันทร์บนผ้าสีดำลอยเด่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อยู่บนพื้นสีดำ ส่องแสงเพียงเล็กน้อยมาจากเศษเสี้ยวนั้น แต่ตัวมันเองก็ยังสามารถส่องแสงมาให้คนในตอนกลางคืนสามารถมองเห็นกันเองได้ เอฟกับผักกำลังเดินกลับบ้านด้วยกันสองคน

                    เอ้อ มืดแล้วเหรอเนี่ย มันก็มืดเร็วเหลือเกิน เอฟเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืน ทุกวันนี้อาหารเย็น ถ้าเราไม่สั่งมากิน ก็ต้องออกไปกินข้างนอกอย่างนี้ทุกวัน น่าเบื่อจะตายอยู่แล้ว

                    เอฟ ถ้างั้น นายก็ทำเองสิ ผักเอ่ยขึ้นมาอย่างทนไม่ได้

                    ถ้าฉันทำ นายก็บ่นอีกนั่นแหละ

                    ก็มันมีที่ไหนบ้างที่เขาเอาแตงกวาไปใส่ในแกงกะหรี่น่ะหา จะมีใครเขาไม่บ่นบ้างล่ะ

                    ผักเวลาเรียนนายก็หัวดีเหมือนกันนะ แต่ทำไมงานบ้านงานเรือน นายถึงไม่ได้เรื่องเลยนะ ยังไงๆผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันอย่างเราเนี่ย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีผู้หญิงมาช่วยบ้างนะ

                    แล้วใครเขาจะมาช่วยล่ะ ไอ้บ้า

                    เอ๊ะ นั่นที่เดินอยู่ใช่ฟางรึป่าว เอฟหันหน้าไปอีกทางไปเจอเข้ากับคนๆ หนึ่งกำลังเดินอยู่ทางข้างๆ

                    เรื่องจำชื่อผู้หญิงของนายเนี่ย แม่นเชียวนะ ผักหันไปว่าเอฟ

                    แหม ไม่ต้องชมฉันขนาดนั้นก็ได้นะ

                    แต่ว่า ทำไมมาเดินเอาป่านนี้ เวลาอย่างนี้อ่ะนะ หรือว่าเขาจะอยู่แถวนี้จริงๆ เอฟเอ่ยขึ้นพลางหันไปถามผัก

                    ได้ยินมาว่า แม่เขาเสีย หรือว่าย้ายบ้านมาเนี่ยแหละ ผักตอบด้วยท่าทางครุ่นคิดพลางหันหน้าไปปะทะกับเอฟพอดี ในขณะเดียวกันอีกด้านนึง............

                    เฮ้อ เหนื่อยจัง ฟางพูดขึ้นมา ขณะเดินมาถึงห้องของตนในหอเก่าๆ แถวนั้นแทบจะไม่มีคนอยู่แล้ว

                    เอ๊ะ อะไรอ่ะ ทำไมมันเปิดไม่ออกล่ะ ฟางพยายามเปิดประตูห้องของตน แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ ฟางจึงวิ่งไปที่ห้องของเจ้าของหอนั้น

                    คุณป้าค่ะ ทำไมถึงเข้าไม่ได้ล่ะค่ะ ฟางถามด้วยหน้าตาตื่นตกใจ ตาของฟางก็ไปเห็นเข้ากับกองของของตนที่กองอยู่หน้าประตูห้องของคุณป้าเจ้าของหอนั้น นี่มันอะไรกันค่ะ ทำไมของๆหนูถึงมาอยู่นี่ล่ะค่ะ

                    ป้าต้องขอโทษหนูจริงๆนะ แต่ในวันอาทิตย์หน้า ตึกนี้ก็จะทุบทิ้งแล้วล่ะจ๊ะ ป้าขายให้กับนายทุนไปเรียบร้อยแล้ว แล้วอีกอย่างนะ หนูก็ไม่ได้จ่ายค่าห้องมา 2 เดือนแล้วนะจ๊ะ คุณป้าเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวหน้าตาน่ารักตรงหน้าที่มีสีหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตอนนี้

                    แล้วหนูจะไปอยู่ที่ไหนล่ะค่ะ หนูไม่มีที่จะไปแล้วนะค่ะคุณป้า ฟางถามด้วยสายตาอ้อนวอน

                    ป้าขอโทษจริงๆจ๊ะ ป้าเอาของๆหนูออกมาทั้งหมดแล้ว หนูต้องไปคืนนี้เลยจ๊ะ ป้าขอโทษจริงๆนะ เมื่อคุณป้าพูดจบก็ปิดประตูห้องลง โดยไม่สนใจเด็กสาวหน้าห้องเลยแม้แต่น้อยว่า เด็กสาวจะรู้สึกอย่างไร

                    ฟางเริ่มคิดในใจแล้วว่า คืนนี้เราจะไปนอนที่ไหนดี ในเมื่อเธอไม่มีที่จะไปเช่นนี้ เธอขนของที่มีอยู่ไม่มากนักออกมาข้างหอที่เธอเคยอยู่ เธอวางของลงกับพื้น เอามือมากุมขมับของตนเอง ภายในใจคิดถึงแม่ของเธอที่จากไปแล้ว แต่อีกใจก็คิดว่าเราไม่ควรย่อท้อต่อปัญหาเป็นอันขาด เดี๋ยวทางออกมันก็มีเองแหละ แต่ทว่าเธอได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฟางเงยหน้าขึ้นดูผู้มาใหม่ตรงหน้าของตน

                    ก๊าก ฮะๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ เอฟหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

                    เอฟ นายหัวเราะมากไปแล้วนะ ผักพูดอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

     

                    ณ บ้านหลังหนึ่ง.........

                    เหรอ เธอมาอยู่ที่หอนั่นเองเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ผักถามฟางขณะที่กำลังนั่งอยู่ในบ้านของตน ตรงหน้าเป็นเพื่อนสาวที่อยู่ห้องเดียวกัน เขาตัดสินใจพามาที่บ้าน และได้ฟังเรื่องต่างๆ จากฟางว่า ที่ตนมาอยู่ที่นั่นก็เพราะไม่มีเงินจึงต้องอยู่ไปก่อนชั่วคราว ระหว่างรอให้คุณปู่ซ่อมแซมบ้านให้เสร็จ

                    ประมาณ 2 เดือนได้แล้วล่ะ ฟางตอบขณะนั่งก้มหน้ามองขาตัวเองอยู่ตรงหน้าเพื่อนสุดหล่อของเธอ

                    เราก็ว่ามันแปลกอยู่นะ ที่ฟางบอกว่าอยู่แถวนี้ เพราะว่าแถวนี้เป็นของคนในตระกูลของเราทั้งหมดเลย แต่ยกเว้นหอนั้นที่อยู่นอกเขตบ้านตระกูลเราพอดีผักอธิบายให้ฟางฟัง

                    แล้วในเมื่อโดนไล่ที่แบบนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ คิดไว้รึยัง เอฟหันมาถามหลังจากหัวเราะหยุดแล้ว

                    ยังเลยค่ะ ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ฟางตอบอย่างเศร้าๆ

                    นายหยุดหัวเราะแล้วเหรอ ฟางยังไงตอนนี้เธอก็มาอยู่บ้านหลังนี้ไปก่อนก็แล้วกันนะ ผักเอ่ยปากชวน

                    จะดีเหรอค่ะ จะให้เรามาอยู่เฉยๆอย่างเดียวมันก็น่าเกลียดแย่เลย ฟางบอก

                    ไม่เป็นไรหรอกเอฟบอก

                    ถ้าคุณปู่ซ่อมแซมบ้านเสร็จเมื่อไหร่ เราจะรีบย้ายออกไปทันทีเลย แต่ว่าตอนนี้เงินก็ยังไม่มี แต่เราจะช่วยจ่ายค่ากินค่าอยู่นะ

                    ไม่ต้องหรอก แค่ช่วยทำกับข้าว ทำงานบ้านให้เท่านั้นก็พอแล้วล่ะ ผักบอกพลางชวนให้อยู่

                    งั้นก็ได้ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะผัก ฟางกล่าวขอบคุณ แต่ยังไม่ทันขาดคำดี ฟางก็ล้มลงไปกองกับพื้นทันที หน้าแดงก่ำ ตัวร้อนจี๋ บ่งบอกว่าเป็นไข้สูง

                    อ๊ะ ฟาง มีไข้นี่ ถึงว่าทำไมวันนี้สีหน้าไม่ดีเลย ผักเข้าไปพยุงฟางพลางเอามืออังที่หน้าผากของฟาง และมือก็ได้สัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงเกินคนปกติทั่วไป

                    เดี๋ยวฉันจะเอาน้ำมาให้แล้วกันนะ ผักบอก พลางเดินออกไป โดยไม่หันหน้ามามองเลยแม้แต่น้อย

                    ฟาง ตอนนี้ผักมันไปหาน้ำแข็งมาให้อยู่นะ บางทีเธออาจจะเหนื่อยเกินไปนะฟาง เอฟบอกพลางวางกะละมังใส่น้ำไว้เต็มวางลงข้างๆฟาง

                    ขอโทษนะค่ะ ที่ต้องทำให้ทุกคนลำบากเพราะฉันแท้ๆ บ้านของฉันหายไปอีกแล้ว ฟางพูดด้วยเสียงที่ฟังแล้วสะเทือนใจ เสียงสั่นๆนั้นแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดอยู่ลึกๆ

                    รู้สึกแย่มากเหรอ เอฟนั่งลงข้างๆฟาง พร้อมกับถามด้วยเสียงที่อ่อนโยน

                    แต่ก็เคยมีเรื่องที่ขมขื่นกว่าการเสียบ้านอีกค่ะ

                    เรื่องอะไรเหรอ ถามได้ไหม เอฟถาม

                    ค่ะ แค่เพียงไม่กี่คำ ทำไมวันนั้นฉันไม่พูดไปนะ ตอนเช้าวันนั้น วันที่แม่เกิดอุบัติเหตุรถชน แล้วจากฉันไป เพราะว่าก่อนวันนั้นฉันมีสอบจนถึงเย็น วันรุ่งขึ้นฉันถึงตื่นสาย วันนั้นเป็นวันเดียวที่ฉันไม่ได้พูดกับแม่ ทั้งๆที่ทุกวันฉันจะพูด และฉันเคยคิดว่าไม่อยากจะไปเลยโรงเรียน และคิดว่าอยากจะทำงาน แต่แม่บอกว่า แม่ก็อยากจะได้รับปริญญาสักใบเหมือนกันนะ แม่ก็เลยอยากให้ลูกสนุกกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยแทนแม่นะลูก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม แม่จะทำงานเพื่อฉัน จนในที่สุดฉันก็เข้าใจ แต่ฉันก็ไม่ได้บอกลาแม่เลยสักคำ ฉันได้เห็นแต่ข้างหลังที่แม่เดินออกไปทำงานวันนั้น บ้าจริงๆเลยใช่ไหมค่ะ ไม่ว่าจะยังไง แต่เพื่อคุณแม่ที่เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต เพื่อคุณแม่ที่หวังอยากจะเรียนปริญญา ฉันจะต้องเรียนให้จบให้ได้ค่ะ ดังนั้นฉันจะไม่ยอมแพ้กับพิษไข้แค่นี้หรอกค่ะ เมื่อพูดจบก็หลับไปด้วยพิษไข้

                    หลับรึยัง ผักถามในมือถือผ้าส่งให้เอฟชุบน้ำหมาดๆวางให้บนหน้าผากของผู้ที่เป็นไข้

                    เมื่อกี้ได้ยินหมดเลยสินะ เอฟหันมาถาม

                    ไม่น่าเชื่อเลยนะ ตอนเขาอยู่มหาลัย ทุกทีเขาจะดูร่าเริง ดูไม่ออกเลยว่าเขาเจ็บปวดขนาดไหน ยอดคนจริงๆ

                    ยอดคนยังไง

                    ก็ฉันน่ะเคยตั้งใจจะออกจากบ้านของตระกูลนี้น่ะสิ แต่สุดท้ายฉันก็อยู่ที่บ้านของตระกูลอยู่ดี ความจริงถ้าไม่ชอบฉันน่าจะไปอยู่หออย่างฟางก็ได้ หรือไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครหาเจอก็ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้ทำ

                    อย่าคิดมากน่า สุดท้ายก็เป็นคุณชายอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ ต่างกับฟางที่มีจิตใจเข้มแข็ง

                    ฉันจะเอาของๆฟางไปไว้ข้างบนนะ ผักพูดจบก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบน

     

                    ลูกมีไข้อีกแล้วนะ แม่บอกแล้วไงว่าไม่ต้องฝืนช่วยทำงานบ้านหรอก

                    ฟางก็เป็นอย่างที่ฟางเป็นสิ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปสิลูก

                    น้ำตาหยดนึงไหลออกมาจากดวงตาคู่หนึ่งที่ได้รับการนอนอย่างเต็มอิ่มแล้ว รู้สึกเหมือนกับแม่ไม่เคยจากไปไหน แม่ยังอยู่ใกล้ๆเสมอ วันนั้นวันที่ฉันหลงทาง ฉันเดินไปเรื่อยๆ เพื่อหาทางกลับบ้าน แต่แล้วฉันก็เจอกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาเอาหมวกมาสวมให้กับฉัน แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงก็เลยวิ่งตามเขาไป จนมาถึงในที่ๆคุ้นเคย แม่ยืนรอฉันอยู่ที่หน้าบ้านอย่างกระวนกระวาย ฉันก็วิ่งเข้าไปกอดแม่ น้ำตาฉันไหลไม่หยุด ดั่งกับว่ามันเป็นสายน้ำสายหนึ่งที่น้ำไหลไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุดนิ่งอย่างนั้นแหละ ภาพความทรงจำเหล่านั้นมันยังชัดเจนอยู่ในหัวสมองของฉันตลอดเวลา เหมือนกับมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

                    เอ๊ะ ฉันอุทานออกมาหลังจากลืมตาตื่นขึ้นเห็นรูปแม่ฉันตั้งอยู่ข้างๆที่ฉันนอนอยู่

                    นี่ไม่ใช่เวลานอนนี่นา ฉันต้องไปเอาของ

                    หวัดดีตอนเช้านะ อาการเป็นไงบ้าง ผักเข้ามาพอดีกับที่ฉันกำลังจะเดินออกไป เขาทักฉันด้วยรอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

                    หวัดดีจ๊ะ ฉันพูดตะกุกตะกัก

                    เราจะบอกว่า ของทั้งหมดเราเอาขึ้นไปให้ข้างบนทั้งหมดแล้วนะ บ้านสกปรกหน่อย แล้วก็มีแต่ผู้ชาย แต่พอดีว่าห้องชั้นสองว่างอยู่ ฟางอยู่ที่นี่จนกว่าบ้านจะซ่อมเสร็จก็แล้วกันนะ

                    ไม่ได้หรอก ฉันตกใจสุดฤทธิ์ ตายแล้วฉันได้อยู่บ้านเดียวเจ้าชายเหรอเนี่ย อยากจะเป็นลม

                    ทำไมล่ะ ห้องมีกลอนนะ

                    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพียงแต่ว่า........

                    ฟาง เธอชอบทำงานบ้านไหมล่ะ เอฟโผล่มาข้างหลัง

                    ชอบค่ะ ทำไมเหรอ

                    ขอต้อนรับสู่บ้านหลังนี้นะ ห้องปิดอยู่ ผักนายช่วยไปเปิดให้ทีนะ

                    ไม่ได้หรอก ฉันเอ่อ.....เกรงใจอ่ะ

                    ฟาง พวกเราเป็นคนชวนเธอเองนะ อย่าคิดว่ารบกวนสิ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่มีที่ไปด้วยนี่ ผักพูดพลางชวนแกมจี้ใจดำ

                    เอ่อ ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกกฎของบ้านหน่อยสิ

                    ได้สิ แค่ฟางเป็นอย่างที่ฟางเป็น ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป เท่านั้นก็พอแล้ว ผักพูด พลางดันหลังให้ฟางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปเรียนกันก่อนที่จะไปเรียนสาย

                    จริงๆเลยนะ ใครบอกว่าสบายๆ จะให้เขาอยู่ด้วยจริงๆเหรอ นั่นเขาเป็นผู้หญิงนะ เอฟเข้ามาถามผัก

                    มาถึงป่านนี้แล้วยังจะให้พูดอะไรอีกล่ะ ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่กอด.......

                    นั่นแหละ ช่างมันเหอะ ผักบอกอย่างไม่สนใจอะไรนัก แต่ทว่าสีหน้ากลับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

     

                    อย่างกับฝันไปแน่ะ ได้อยู่บ้านเดียวกับผักเนี่ยนะ คนดังของมหาลัยเลยเชียวนะ

                    ผักเดินเข้ามาในห้อง พลางยิ้มให้กับฟางอย่างที่เขาไม่เคยยิ้มให้กับใครแบบนั้นมาก่อนเลยสักครั้ง ฟางยิ้มตอบให้กับเขา และแล้ว

                    โครม

                    คอยฉันอยู่รึเปล่า ไอ้หนูสกปรก ผู้มาใหม่เอ่ย

                    จริงๆเลยนะนาย มาทีไรบ้านพังทุกที เลิกทำตัวแบบนี้สักที นายน่ะมันอ่อน ผักว่า

                    แก หนอยแล้วแกจะได้รู้รสที่แกได้ทำกับฉันไว้ วันนี้แหละฉันจะทำให้หน้าสวยๆของแกเสียโฉม คอยดู

                    เอาล่ะนะ ผู้มาใหม่ว่าไม่ว่าเปล่า พร้อมตรงดิ่งไปที่ผักทันที แต่ไม่ทันสังเกตว่ายังมีอีกคนนึงอยู่ข้างหลังด้วย

                    เดี๋ยวก่อน ฉันตะโกนสุดเสียงแต่ดันลื่นไปกอดเข้ากับร่างที่สมส่วนของผู้มาใหม่

                    ป็อบ

                    ผักเมื่อกี๊เสียงอะไรน่ะ เอกมาเหรอ เอฟเดินเข้ามาในห้องเพื่อหาต้นตอของเสียง

                    ขอโทษน่ะค่ะ เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ ฉันละล่ำละลักจับตัวเขาเพื่อดูว่าเขาเจ็บตรงไหนรึเปล่า แต่เอ๊ะ ทำไมเหลือแต่เสื้อล่ะ แล้ว

                    แมวตัวนี้มาได้ยังไงเนี่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×