[SF] คำบอกรัก (love word) - #YugMark #YuMark
เมื่อเพื่อนอยากบอกรัก จะแสดงมันออกมายังไงน้าาา
ผู้เข้าชมรวม
1,319
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Title: คำบอกรัก
“ อาจจะมีเรื่องราวดีๆ มากมาย ที่จะกลายเป็นเสียงหัวเราะที่สวยงาม
อาจจะมีคำพูดเป็นพัน หมื่นข้อความ ส่งเป็นคำถามความรักจากใคร “
“เห้ย ยูคมึงมาดูศัพท์คำนี้ให้หน่อยซิ มันอ่านว่าไรวะ?” นั่นคือเสียงของ มาร์ค ต้วน เพื่อนสนิทของผมที่พึ่งรู้จักกันเมื่อตอนขึ้นม.4นี่เอง มันเป็นคนไต้หวัน สัญชาติอเมริกา มันถูกพ่อแม่ส่งมาอยู่เกาหลี ผมเห็นมันครั้งแรกแม่มโคตรขี้เก๊กอะ ตอนนั้นกะว่าจะไปแกล้งทักมันเล่นๆ เห็นมันนั่งอยู่คนเดียว ไปๆมาๆยังไงไม่รู้คุยกับมันถูกคอเฉย ผมกับมันคบกันมาได้จนถึงทุกวันนี้ และยังสนิทกันมากอีกต่างหาก แต่มันคงจะดีกว่านี้ครับถ้าความรู้สึกของผมไม่พยายามออกนอกลู่นอกทางจากคำว่าเพื่อน...อ่า เข้าใจถูกแล้วครับ ผมแอบรักเพื่อน เพื่อนที่ชื่อว่า มาร์ค ต้วน คนนี้นี่แหละ
“คำไหนวะ?” ผมเดินไปนั่งโต๊ะข้างๆมันพร้อมโน้มตัวลงไปดูศัพท์บนหน้าจอโทรศัพท์ไอโฟน
“저는 … …씨를 사랑해도 돼요? “
เมื่อเห็นข้อความ ผมถึงกับสตั๊นเลยครับ หน้าร้อนผ่าว ใจนี่เต้นไม่เป็นจังหวะ...
“ยูค”
“ยูคยอม”
“คิม ยูคยอม”
“ไอ้ยูค”
“ไอ้เชี่ยยูค!!” พึ่ง ! หลุดจากภวังค์ในทันที กูกำลังเคลิ้มเลย พวกห่านี่!
“มึงจะตะโกนทำเชี่ยอะไรเนี่ย ไอ้เตี้ย” ผมหันไปหาต้นเสียงที่ตะโกนเรียกผมเมื่อสักครู่ ไอ้เตี้ยที่ผมพูดถึงนี่ก็คือไอ้แบมแบมเพื่อนสนิทของผมอีกคน แต่ก็ไม่เท่ามาร์คนะครับ
“โห! ไอ้คุณยูค กูเรื่องมึงเป็นร้อยๆล่ะเนี่ย มัวแต่มโนเชี่ยไรอยู่ แล้วใครเตี้ยไม่ทราบเขาเรียกว่าคนกำลังเติบโตเว้ย มึงนี่แม่มไม่เข้าใจเลย กูบอกหลายรอบแล้วนะ”
“มึงนั่นแหละมโน ถ้ามึงเรียกทำไมกูจะไม่ได้ยิน โด่ววว แล้วไอ้เรื่องเจริญเติบโตเนี่ยกูได้ยินมึงพูดมาตั้งแต่ม.2 แล้วเมื่อไหร่มึงจะโตซักที”
“เออใครจะไปโตเร็วแบบมึงล่ะ เดี๋ยวกูจะสูงกว่าให้ดู สึด อ่อแล้วมึงก็ลองถามมาร์คดูด้วยนะว่ากูเรียกมึงกี่ครั้งแล้ว” แบมพูดพร้อมเพยิดหน้ามาทางคนที่นั่งอยู่ข้างๆผม ผมหันมาจ้องหน้ามันแล้วเอียงคอเล็กน้อยเชิงเป็นคำถาม
“อืม เรียกหลายครั้งแล้วตั้งแต่ชื่อเล่นยันชื่อจริง แถมมีเชี่ยข้างหน้าชื่อด้วยนะ แต่ไม่ถึงร้อยครั้งหรอก” เท่านั้นแหละพากันฮากร๊ากเลย โอ๊ย มันจะซึนไปไหนเนี่ย บอกระเอียดยิบ ดีนะไม่บ้าจี้นับตามคำที่ไอ้เตี้ยมันพูด ฮ่าาาา
“แล้วนั่นมึงทำไรกันวะ จะสิงมาร์คหรอ ใกล้ขนาดนั้นรวบร่างเลยไหม” นี่เป็นเสียงของไอ้ตี๋ยองแจ มันก็พูดเว่อร์ไปป่าวว่ะก็แค่นั่งข้างๆกันเนี่ย ลองหันมามองอีกที ก็แค่ปลายจมูกจะชนกันแล้วแค่นั้นเอง ดะ..เดี๋ยวนะ ปลายจมูกชน เอาอีกแล้วอาการแบบนี้ อาการเหมือนตกอยู่ในภวังค์.. มึงเป็นอะไรเนี่ยยูค อยากจะตบหน้าตัวเองสักล้านครั้ง โถ่เว้ยย -/-
“เห้ย มึงเป็นไรป่ะเนี่ยทำไมจู่ๆหน้าแดง ไม่สบายหรอ” ไม่พอเอามือมาแตะหน้าผากกูอีก โอ๊ย ยูคจิบ้า T///T
“ปะ...ป่าวๆ คำไหนนะที่มึงถามอะ”
“คำนี้” ตัวหนังสือมันจะเล็กไปไหนวะ กูจ้องจนตาจะหลุดแล้วเนี่ย โอ๊ย ใกล้หนักเขาอีก ใครก็ได้ช่วยกูที ใจจะหลุดออกมาเต้นของนอกแล้ว อยู่กับมันมาตั้งปีกว่าไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย วันนี้มันอะไรเนี่ย T///////T
“ อาจจะจริงว่าที่ใครๆ ต่างพูดกัน ถ้าหากว่าฉันมีเธอเคียงข้างกาย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิด ก็คงจะมีความหมาย กลายเป็นเรื่องราวดีๆ ขึ้นทุกวัน “
“ตี๋กูว่ามันสองคนจะรวมร่างกันจริงๆแล้วนะ ดูหน้าไอ้เชี่ยยูคดิหน้าอย่างฟินอะ หูงี้ หน้างี้ แดงแจ๊เลย มาร์คมันไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอวะ?”
“คิด..... คิดว่าไม่สบายอ่ะ ฮ่าาาาาาา”
“มึงว่ามาร์คมันจะทำตามที่เราบอกป่ะ"
“หืม? มันก็ทำอยู่นิ?"
“จริงสินะ แล้วมึงว่าจะคิดเกมือนกันป่ะ?”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงกูก็แอบสงสารมันสองคนนะ อีกคนก็บ้าชิบหาย อีกคนก็ซึนลืมโลก” ไอ้เชี่ยพวกนี้นินทากูระยะประชิด หัวเราะกันสนุกเชียวมึง เกรงใจกูหน่อย กูก็ไม่ได้อยากหน้าแดง ไม่ได้อยากหูแดง กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้นะ มันเป็นเองจะให้กูทำงายยยย TT
“อ่านว่า ชานึน .... ชี่รึล ซารังแฮโด ทเวโยะ?” โอ๊ย ทำไมต้องประโยคนี้
“ขออีกรอบ ทีละคำ ช้าๆ ชัดๆ” หน้ามึงตั้งใจไปไหมสึด จ้องกูขนาดนี้
“ชานึน”
“อะหะ”
“ชี่รึล”
“อ่า”
“ซารังแฮโด”
“อืม”
“ทเวโยะ?”
“รวมกันเป็น?”
“ชานึน .... ชี่รึล ซารังแฮโด ทเวโยะ?” ทำไมต้องให้ย้ำ
“อะไรนะ? ฟังไม่ทัน –O-“ ไอ้มาร์คมึงแกล้งกูป่าวเนี่ย กูเขินจะบ้าแล้ว -///////-
“ชานึน! .... ชี่รึล! ซารังแฮโด! ทเวโยะ?!” ตะโกนเลยกู ตีปากตัวเองแปป ไอ้สองตัวนั้นได้ยินแล้วแน่ๆ ล้อกูอีกแน่ๆ ทำไมทำกับคนหล่อแบบนี้ TT
รีแอ็คชั่นมันสองคนเป็นไปตามคาดเลยครับ
ขำจนจะบ้า ส่วนผมนี่แทบมุดดิน มาร์คนี่นั่งงงเลยครับ อารมณ์ประมาณว่าพวกมึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย
“ หากมันบังเอิญเป็นจริงดั่งนิยาย ที่มีสุดปลายทางเป็นเหมือนฝันไป
ก็อยากจะขอให้เรื่องราวมันเกิด จากความรักทั้งสองใจ “
“พวกมึงเป็นไรกันเนี่ย ประโยคนี่มันเป็นอะไร? ทำไมต้องขำ? แล้วมึงเป็นอะไรเนี่ยยูค?” ผมหรอตอนนี้นี่กึ่งนั่งเก้าอี้ กึ่งนั่งพื้นเลยครับ อยากมุดหนีมาก หน้าโคตรแดง แถมร้อนมาก เอาไงดีวะ ไม่กล้ามองหน้ามันเลย
“เอ่อ ไม่มีไรหรอก กูเก็บดินสอ”
“แหลอีกละ” เสียงไอ้ตี๋ สอดจริงมึงเนี่ย ผผมหันไปค้อนใส่มันทีนึง แล้วมันก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กลับมา กวนทีน -__-+
“ตรงนี้เว้นไว้ทำไมวะ?”
“เอาไว้ใส่คำว่า ‘มาร์ค’ มั้ง”
พูดเสร็จลอยหน้า ลอยตา โอ้โหพวกมึงงงงงงงงง
“ชื่อกู ใส่ชื่อกูทำไม?” เกลียด เกลียดหน้าสงสัยของมัน มันน่ารักจนอยากจะดิ้น
“ก็ประโยคนั้นมันแปลว่า...” ไม่ทันให้ไอ้เตี้ยพูดจบ ผมก็พูดแทรกทันที
“มาร์ค มึงจะรักกูได้ไหม?” ผมพูดมันออกไปแล้ว...
“ มีคำบอกรักเป็นร้อยเป็นล้านหมื่นคำ ที่ไม่เคยให้กับใครอื่น
(นั้นเป็นเพราะฉันมีไว้ให้เธอผู้เดียว)
คือคำว่ารักที่มีคุณค่ามากมาย ให้เธอได้ซึ้งตรึงใจ
เธอได้ยินไหม เสียงหนึ่งจากใครสักคน
และเป็นเสียงที่เธอไม่เคยได้ยิน นั่นคือคำที่ฉันไม่เคยพูดสักที “
เยี่ยม! รู้สึกว่ามันสองคนมีประโยชน์ก็คราวนี้แหละ ขอบคุณที่เปิดเพลงบิ้วต์ กลบทุกอารมณ์ เว้นช่วงให้กูคิดว่ากูควรทำไงต่อ แต่เปิดให้กูสั้นไปไหม หนีกูไปดื้อๆเลยพวกห่านี่ ตอนนี้ผมพอจะคิดทางเลือกออกแล้วครับ เท่าที่คิดได้ตอนนี้คือ
เผ่น
เผ่น
เผ่น
เผ่น
เผ่น
เผ่น
แล้วก็เผ่นครับ!
ไม่เอาแล้วขอไปทำใจก่อน อาศัยช่วงที่เงิบนี่แหละ บายครับบาย T/////T
แต่...
ขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นวิ่ง
มันก็...
จับแขนผมไว้ T^T
อยากจะบอกมันว่า
‘มาร์ค กูขอทำใจก่อน กูไม่กล้าสู้หน้ามึงเลย T^T’
แต่มันแมร่ง
เจือกพูดว่า
“ก็เอาดิ”
เชี่ย
ช็อค
ไม่ได้หูแว่วใช่ไหม ผมตัดสินใจหันกลับมามองหน้ามัน หน้ามันงี้แดงไม่ต่างจากผมเลย แถมรอยยิ้มแบบเขินๆแบบนั้น โอ๊ยจะบ้า แม่จ๋าช่วยยูคที T///T
“มะ...มึงพูดว่าไงนะ?”
“ก็เอาดิ” มาองมาเอาอะไร สึด ตอบแค่ตกลงก็พอมั้ง นี่กูคิดนะ จิตใจกูฟุ้งซ่านไปแล้ว ชอบหน้ามันตอนนี้จัง มันดีอะ หน้าตาเขินๆ ผสมกับหน้าซึนๆ ♥
“กอดนะ?”
“อือ ./////.” ได้ยินคำตอบดังนั้นผมก็ดึงมันเข้ามากอดทันที ถึงไม่ให้ผมก็จะกอดอะ ดีใจ แบบนี้ดีใจเลยครับ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้เลย ฟินจังครับ ขอกรี๊ดได้ไหม กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด (ใครอนุญาต -_-?)
“ประโยคเมื่อกี้อะ” มันเงยหน้าขึ้นมาจากอกผมเล็กน้อย มองผมด้วยสายตาอ้อนๆ มันกำลังจะทำให้ผมบ้าตายนะ มันรู้ตัวไหมเนี่ย!
“ประโยคเมื่อกี้ทำไม?”
“จริงๆกูรู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร” กรพริบตาปริบๆ ‘ ‘
“หมายความว่าไง?”
“แบมกับแจมันบอกให้กูลองทำวิธีนี้ดู มึงจะได้ตบะแตกซะที ‘ ‘ “
“ว่าไงนะ!? แล้วมึงก็เชื่อมันด้วย?” มันพยักหน้างึกๆแล้วก็เอาหน้าซบลงบนอกผม เพื่อหนีความผิด มึงทำขนาดนี้แล้วใครจะไปโกรธมึงลงวะ กะจะให้กูหลงมึงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยช้ะ? แต่เอาเถอะถึงวิธีมันจะแปลกๆ แต่มันก็ดีมากอะนะ J
“ หากฉันมีโอกาสสักครั้ง หากว่าเธอจะลองเชื่อใจ
จะทำทุกวินาที บอกรักเท่าที่ฉันมี เพื่อเธอคนดีคนนี้ ที่ฉันนั้นรักมากมาย “
“มึงคบกับกูนะ”
“นี่คำตอบกูยังไม่ชัดอีกหรอ?”
“ตอบกูก่อน”
“อืม คบ ^^”
“ไอ้เชี่ย มึงแมร่งชอบทำให้กูใจสั่น กูใจจะวายตายเพราะยิ้มของมึงแล้วเนี่ย อย่าไปยิ้มให้ใครง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนนะมึงอะ กูอดทนไม่เป็นเจ้าของมึงมาตั้งปีหนึ่ง คราวนี้กูไม่ยอมให้ใครยุ่งกับมึงแล้วนะ”
“กูทำไรผิดเนี่ย แล้วมึงเรียกแฟนว่าเชี่ยหรอ?” มันคลายอ้อมกอดออกจากผมแล้วมันก็ยืนกอดอก ทำหน้าหาเรื่อง เอาสิ ค้อนกูอีก เบะปากใส่กูอีก เอากับมันสิอะ
“มึงคิดว่ามึงนั่กมากป่ะทำแบบเนี่ย?” ยัง ยังไม่หยุด
“เออ น่ารักมาก จนกูจะเป็นบ้าแล้ว พอใจมึงยัง?” อารมณ์เปลี่ยนเร๊วเร็ว ตอนนี้แมร่งยิ้มหน้าบานเลย กอดผมอีกด้วย อืม เอาที่มึงสบายใจเลย -//-
“พอใจมากอะ”
ฟอด
สติกูหลุดรอบที่ล้าน ปากนิ่มๆของมันประทับลงบนแก้มของผม ให้ตายสิ!? กด่าดสาหกสดวด
แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ ผมต้องเอาคืน
จุ๊บ
จุ๊บที่ปากแดงไปหนึ่งที ยั่วกูดีนัก หึหึ
“แล้วเรื่องเรียกชื่อนี่จะให้กูเรียกที่รักหรือไง? กูไม่เอาด้วยนะเลี่ยน -_-;”
“กูก็ไม่เอา -_-; อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เชี่ยกับสึด โอเค๊?”
“โอเคค้าบบบ”
อ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
คำบางคำ
คำว่ารัก
“กูรักมึงนะ ^^♥”
“กูก็รักมึง ^^♥”
ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด นอกจากทั้งสองคนที่จดจำมันได้เป็นอย่างดีแล้ว
ยังมีอีกสองคนที่จำได้ไม่ลืมแน่ๆ นั่นคือ
“แบมแบมและยองแจ”
----------------------------------------------------------------
Special Part
“ไอ้เชี่ยเตี้ย ไอ้เชี่ยตี๋มึงมาเคลียร์กับกูให้รู้เรื่องเลย”
“มึงนี่ยังไงกูก็บอกแล้วว่ากูกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโตไง เมื่อไหร่มึงจะเข้าใจเนี่ย - -“
“ประเด็นคือมึงคิดแผนเชี่ยไรของพวกมึงเนี่ย ห๊ะ?”
“กูบอกแล้วว่าอย่าออกมา มึงอะ” ยองแจพูดพร้อมกับผลักหัวแบมแบมหนึ่งที
“ช้าหรือเร็วพวกมึงก็โดนกูดาอยู่ดี”
“อย่ามาปากดี ถ้าไม่มีพวกกูมึงจะได้คบกันไหม? แล้วนี่บอกเลยว่าภาพวันนั้นกูสองคนเมมไว้ในหัวหมดแล้ว พร้อมแสดงสดทุกเมื่อนะครัช” เกลียดชิบ ทำไมมันทำตัวโง่เหมือนหน้าตาว่ะ (ยองแจ: ด่ากูอีก สึด)
“เออ ช่างแม่เถอะ มันผ่านไปละ ว่าแต่เตี้ย เมื่อวันนั้นมึงจะถามอะไรกูนะ?”
“โห นี่มึงยังจำได้อีกหรอเนี่ย? กราบงามๆเลย -/\-“
“กราบสิกูรออยู่”
“พ่อง ฝันปเถอะ กูพูดไปงั้นแหละ” อ้าว ไอ้นี่ - -
“เอาเหอะแต่ไงก็ขอบใจพวกมึงมาก ถ้าไม่มีพวกมึงกูก็คงไม่ได้เป็นเหมือนทุกวันนี้”
“ดีมาก เพราะงั้นข้าวมื้อเที่ยง” นี่คือเสียงของยองแจ
“และมื้อเย็น” เสียงของแบมแบม ไอ้พวกตะกละ -____-;
“ด่ากูอยู่ล่ะสิ อย่าคิดว่าไม่รู้”
“ด่าว่าตะกละล่ะสิ มีไรเคลียร์กันตรงๆ สายตามึงมันสื่อสารกับกูได้นะแจ๊ะ”
“แจ๊ะ พ่องสิ เอ้อ แล้วก็ขอบคุณเรื่องเพลงด้วยนะ”
“เพลง?” ประสานเสียงเชียว
“ที่เปิดตอนนั้นให้กูวันนั้นอะ”
“อ่อ กูไม่ได้เปิดนะ”
“กูก็ป่าวนะ” อ้าวเห้ย...เงิบ....
“แต่มันกดไปโดนพอดีนะ คิคิ”
ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยย พวกมึงนี่มัน หึ่ยยยยยยย คิดว่าผีหลอก สึด -*-
----------------------------------------------------------------
#SFbyminemark
จบแล้วค่ะ เย้!
เป็นเรื่องแรกที่แต่ง ติชมได้นะคะ อาจจะมีข้อผิดพลาดค่อนข้างมาก เพราะแต่งสดด้วย ขออภัยด้วยนะคะ
หวังว่าจะชอบนะคะ เกิดจากฟิลลิ่งล้วนๆ 5555555555555555
พยายามแต่งให้สอดคล้องกับเพลง มันสอดคล้องกันบ้างไหม? 55555555
เจอกันเรื่องหน้าถ้ามีอากาสค่ะ ^^
ปล.คำบรรยายน้อยมากเพราะว่าคิดไม่ออก TT' ศัพท์เกานี่เอามาจากปู่กูนะคะ ไม่มั่นใจเลย ถ้าผิดบอกหน่อยน้า -/\-
ผลงานอื่นๆ ของ minemark ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ minemark
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น