ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : มันเริ่มจากบทความ บทความเดียว
จะว่าไป ก็ยอมรับว่าเป็นคนค่อนข้างประมาท+ขี้เกียจมากๆ
ไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้อยากจะเข้ามากจริงๆหรือขี้เกียจกันแน่
ดังนั้น แม้ว่าอีก 1 อาทิตย์จะต้องไปสอบเภสัชที่ม.ขอนแก่นก็ยังไม่อ่านหนังสือ
อ้างกับตัวเองว่า ไม่รู้จะอ่านอะไร
(มันเป็นรอบเกรด 3.5 ขึ้นไป สอบแต่ความถนัดอย่างเดียว)
สุดท้ายก็เลยไม่ติด - -a ร้องห่มร้องไห้เสียใจใหญ่ 555+
เพื่อนก็นึกว่าเสียใจที่ต้องจากเพื่อนแล้ว(วันประกาศผลเป็นวันจบพอดีเลย)
ทีนี้พอกลับมาบ้าน ก็มานั่งดูคณะ ดูคะแนน เล่นเด็กดีไปด้วย
ก็เข้าไปอ่านบล็อกของเวบมาสเตอร์ปอนปอนสะงั้น ตอน"คุณเคยมีจุดผกผันในชีวิตหรือไม่"
โห...ไม่น่าเชื่อ มันทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาจริงๆว่า เราชอบจริงหรือเปล่า
ไอเภสัชเนี่ย จะไหวเหรอ ทั้งที่เกลียดการอ่านหนังสืออย่างกะอะไรดี
มาเริ่มทบทวนตัวเอง ว่าที่ผ่านมาเราต้องทนกับอะไรมาบ้าง
ตอนเรา ม.3 เราสอบติด รร.วิทย์ ด้วยความที่ตอนนั้นชอบวิทยาศาสตร์ก็อยากจะเข้า
ขอแม่เข้าให้ได้ ค่าเทอมก็เป็นหมื่นทั้งที่ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีอะไร
แต่สุดท้ายแม่ก็ยอมให้เรียน ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริงๆ
มันทรมานกับการเรียนมาก วิชาฟิสิกส์กับเลขเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก
กว่าจะผ่านไปได้แต่ละครั้ง ในความรู้สึกมันทรมานเหลือเกิน ประกอบกับการอยู่ห้องคิง
มันกดดัน เราไม่ได้เก่งอะไรมากมายเกือบจะโหล่ในห้องก็มักจะโดนดูถูกหรือมองข้ามเสมอ
ด้ายวิชาการนี่เพื่อนในห้องจะไม่ค่อยเชื่อถือเรา 555+
ก็เครียดจริงๆ เพราะเพื่อนในห้องที่อยู่ด้วยกัน มันเก่งไง ถึงมันไม่พูดเราก็พอรู้อยู่
ว่ามันคิดยังไง T^T
ก็เริ่มถามตัวเองว่า มหาลัยมันเจอคนเก่งกว่านี้ มันยากกว่านี้แล้วเราจะไหวเหรอ
และ "เราชอบจริงหรือเปล่า"
เล่นน็ตไปๆมาๆ เจอคณะนฤมิตศิลป์ของจุฬาเข้า ก็สงสัยว่ามันคืออะไรฟะ -*-
เสิร์ชเลย ก็เจอว่ามันคือคณะที่เกี่ยวกับการออกแบบ
แต่ว่า...มันต้องใช้คะแนนวิชาเฉพาะซึ่งเราไม่ได้สอบเลย ก็ยื่นคะแนนไม่ได้
ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ไปเจอคณะศิลปกรรม คอมอาร์ต รังสิตเข้า
เอาล่ะทีนี้ ต้องสู้รบกับพ่อแม่ กับตัวเองและคนรอบข้างแล้ว
ยังคงต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ยังมอง ม.เอกชนเป็นที่ของคนเอนท์ไม่ติด
แม้ว่าเค้าจะคุณภาพดี จบมามีงานทำก็ตาม
แต่ว่าเราก็ตัดสินใจแล้วในตอนนั้นว่าอยากเรียนคอมอาร์ตรังสิต
ต้องเข้าให้ได้ ไม่เอามันแล้วเภส่งเภสัช (แต่อีกใจมันก็ยังคิดว่า ถ้าติดเภสัชคงลบคำสบประมาท
แล้วก็ทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้อยู่)
แต่ในขณะเดียวกัน พ่อกำลังไปสมัครสอบเภสัชหัวเฉียวให้อยู่ (เป็นโควต้า โอกาสได้เยอะ)
ตอนนั้นก็เครียดมากเลย ตายห่*แล้วตรู เกิดได้ต้องเรียนเภสัชขึ้นมาทำไง
เพราะพ่อเราเป้นประเภทหัวชนฝา พูดไม่ค่อยฟังเท่าไหร่ ยิ่งเป็นรังสิตก็ยิ่งไม่ฟังแน่นอน
เอาแล้ววว...อนาคตตรู จะเป็นไงฟะเนี่ย
ไม่รู้ว่าเพราะไม่ได้อยากจะเข้ามากจริงๆหรือขี้เกียจกันแน่
ดังนั้น แม้ว่าอีก 1 อาทิตย์จะต้องไปสอบเภสัชที่ม.ขอนแก่นก็ยังไม่อ่านหนังสือ
อ้างกับตัวเองว่า ไม่รู้จะอ่านอะไร
(มันเป็นรอบเกรด 3.5 ขึ้นไป สอบแต่ความถนัดอย่างเดียว)
สุดท้ายก็เลยไม่ติด - -a ร้องห่มร้องไห้เสียใจใหญ่ 555+
เพื่อนก็นึกว่าเสียใจที่ต้องจากเพื่อนแล้ว(วันประกาศผลเป็นวันจบพอดีเลย)
ทีนี้พอกลับมาบ้าน ก็มานั่งดูคณะ ดูคะแนน เล่นเด็กดีไปด้วย
ก็เข้าไปอ่านบล็อกของเวบมาสเตอร์ปอนปอนสะงั้น ตอน"คุณเคยมีจุดผกผันในชีวิตหรือไม่"
โห...ไม่น่าเชื่อ มันทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาจริงๆว่า เราชอบจริงหรือเปล่า
ไอเภสัชเนี่ย จะไหวเหรอ ทั้งที่เกลียดการอ่านหนังสืออย่างกะอะไรดี
มาเริ่มทบทวนตัวเอง ว่าที่ผ่านมาเราต้องทนกับอะไรมาบ้าง
ตอนเรา ม.3 เราสอบติด รร.วิทย์ ด้วยความที่ตอนนั้นชอบวิทยาศาสตร์ก็อยากจะเข้า
ขอแม่เข้าให้ได้ ค่าเทอมก็เป็นหมื่นทั้งที่ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ดีอะไร
แต่สุดท้ายแม่ก็ยอมให้เรียน ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริงๆ
มันทรมานกับการเรียนมาก วิชาฟิสิกส์กับเลขเป็นอะไรที่ปวดหัวมาก
กว่าจะผ่านไปได้แต่ละครั้ง ในความรู้สึกมันทรมานเหลือเกิน ประกอบกับการอยู่ห้องคิง
มันกดดัน เราไม่ได้เก่งอะไรมากมายเกือบจะโหล่ในห้องก็มักจะโดนดูถูกหรือมองข้ามเสมอ
ด้ายวิชาการนี่เพื่อนในห้องจะไม่ค่อยเชื่อถือเรา 555+
ก็เครียดจริงๆ เพราะเพื่อนในห้องที่อยู่ด้วยกัน มันเก่งไง ถึงมันไม่พูดเราก็พอรู้อยู่
ว่ามันคิดยังไง T^T
ก็เริ่มถามตัวเองว่า มหาลัยมันเจอคนเก่งกว่านี้ มันยากกว่านี้แล้วเราจะไหวเหรอ
และ "เราชอบจริงหรือเปล่า"
เล่นน็ตไปๆมาๆ เจอคณะนฤมิตศิลป์ของจุฬาเข้า ก็สงสัยว่ามันคืออะไรฟะ -*-
เสิร์ชเลย ก็เจอว่ามันคือคณะที่เกี่ยวกับการออกแบบ
แต่ว่า...มันต้องใช้คะแนนวิชาเฉพาะซึ่งเราไม่ได้สอบเลย ก็ยื่นคะแนนไม่ได้
ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ ไปเจอคณะศิลปกรรม คอมอาร์ต รังสิตเข้า
เอาล่ะทีนี้ ต้องสู้รบกับพ่อแม่ กับตัวเองและคนรอบข้างแล้ว
ยังคงต้องยอมรับว่าคนส่วนใหญ่ยังมอง ม.เอกชนเป็นที่ของคนเอนท์ไม่ติด
แม้ว่าเค้าจะคุณภาพดี จบมามีงานทำก็ตาม
แต่ว่าเราก็ตัดสินใจแล้วในตอนนั้นว่าอยากเรียนคอมอาร์ตรังสิต
ต้องเข้าให้ได้ ไม่เอามันแล้วเภส่งเภสัช (แต่อีกใจมันก็ยังคิดว่า ถ้าติดเภสัชคงลบคำสบประมาท
แล้วก็ทำให้พ่อแม่ภูมิใจได้อยู่)
แต่ในขณะเดียวกัน พ่อกำลังไปสมัครสอบเภสัชหัวเฉียวให้อยู่ (เป็นโควต้า โอกาสได้เยอะ)
ตอนนั้นก็เครียดมากเลย ตายห่*แล้วตรู เกิดได้ต้องเรียนเภสัชขึ้นมาทำไง
เพราะพ่อเราเป้นประเภทหัวชนฝา พูดไม่ค่อยฟังเท่าไหร่ ยิ่งเป็นรังสิตก็ยิ่งไม่ฟังแน่นอน
เอาแล้ววว...อนาคตตรู จะเป็นไงฟะเนี่ย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น