ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [HunMin]Hauntedhouse ft. EXO

    ลำดับตอนที่ #4 : 4..

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 59


        


                 ตอนนี้มีคำถามวนเวียนอยู่ในหัวของเขาเต็มไปหมด ร่างเล็กเดินออกมาจากตึกคณะวิทยฯ โดยระหว่างนั้นก็พิมพ์ข้อความบนโทรศัพท์ไปด้วย

     

    'ทำไมถึงห้ามไม่ให้ไปกับพวกนั้นล่ะ'

     

    หลังจากก้มลงดูข้อความ เซฮุนเงยหน้าขึ้นมองไปตรงหน้า"ผมคงหาทางกลับร่างไม่สะดวก"

    มินซอกเลิกคิ้วหน่อยๆ

     

    'ยังไง'

     

    ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรอีก ทั้งที่เห็นคำถามแต่กลับเดินสบายๆเช่นเดิมอย่างไม่คิดจะพูดอะไร พอเห็นอย่างนั้น มินซอกก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อและจึงเลิกสนใจเรื่องนี้ไปก่อน ถึงจะเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว ทำไมเจ้าเด็กนี่ชอบทำตัวมีความลับทุกทีเลยนะ

     

    เขาขยับนิ้วพิมพ์ข้อความใหม่'แล้วเตะจื่อเทาทำไม'ตอนที่สองคนนั้นโดนเตะเพราะพูดเรื่อง...ปลุกเจ้าชายนิทราอะไรนั่นเขาพอจะเข้าใจ แอบเห็นด้วยนิดๆด้วยซ้ำ แต่เขาสงสัยเรื่องที่จื่อเทาโดนเตะตอนแรกมากกว่า

     

    "หมั่นไส้มันน่ะ"

     

    มินซอกหันไปมองหน้าร่างสูงแบบไม่เข้าใจ เหตุผลแค่นี้มันง่ายไปรึเปล่า

     

    "แค่นั้นแหละครับ" พูดแล้วก็ยิ้มออกมา

     

    เออดี หมั่นไส้ใครก็เตะ...มินซอกกลอกตา ก่อนจะก้มลงพิมพ์ข้อความต่อ 'จะไปตอนนี้เลยมั้ย'

     

    "โรงพยาบาลน่ะเหรอครับ"

     

    'ใช่'

     

    "ฮยองไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า เที่ยงนี้ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะครับ"

     

    พอได้ยินอย่างงั้น มินซอกก็เพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าเขายังไม่ได้ทานข้าวเที่ยงจริงๆ ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่าๆแล้ว

     

    แต่เขาคิดว่าการไปโรงพยาบาลนั้นก็ยังสำคัญกว่าอยู่ดี

     

    'เดี๋ยวฉันไปหาอะไรกินแถวนั้นดีกว่า เห็นบอกของอร่อยเพียบจริงๆนี่ล่ะมั้งที่สำคัญ

     

    เซฮุนพยักหน้าให้ ตอนนี้มินซอกหยุดยืนรอรถเมล์ตรงป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย พวกเขาสามารถนั่งรถเมล์เพียงต่อเดียวก็ถึงโรงพยาบาลนั้นได้เลย

     

    ร่างเล็กเหม่อมองไปข้างหน้าระหว่างรอรถ เซฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเช่นกัน อยู่ๆก็รู้สึกว่าบรรยากาศดำเนินไปอย่างอึดอัด มินซอกไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรดี ปกติแล้วเซฮุนจะเป็นคนชวนคุยตลอดเลยพอมาเจอตอนเงียบก็ทำเอามินซอกถึงกับทำอะไรไม่ถูก บางทีเขาควรชวนเซฮุนคุยหรือควรยืนตามปกติเหมือนไม่มีร่างสูงอยู่ข้างๆดี

     

    ถือเป็นโชคดีที่ปวดหัวได้ไม่นานนักรถเมล์ที่รอก็จอดลงตรงหน้า ทำให้ถอนหายใจออกมา เพราะนี่ยังไม่ใช่เวลาเลิกงานรถเมล์จึงมีที่ว่างให้นั่งเต็มไปหมด มินซอกเลือกนั่งแถวๆเบาะหลังติดริมหน้าต่าง ร่างสูงรอจนเขานั่งเรียบร้อยแล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา

     

    การเดินทางนี้ช่างหน้าเบื่อหน่าย ถึงการจราจรจะลื่นไหล แต่ระยะทางจากที่นี่ไปยังโรงพยาบาลแห่งนั้นใช้เวลาพอสมควรเนื่องด้วยระยะทางที่แลนสายวไกล แถมยังเสริมด้วยบรรยากาศเงียบจากการที่ต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไร ในที่สุดมินซอกจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาฟังเพลง

     

    "ฟังอะไรอยู่เหรอครับ" เซฮุนที่เหลือบมองมายิ้มๆเอ่ยถาม บรรยากาศอึดอัดเบาบางจางลงไป

     

    ยังไม่ทันที่มินซอกจะได้ตอบ เซฮุนเอาหูของตัวเองแนบลงมากับหูซ้ายของเขาที่เสียบหูฟังเอาไว้จนมินซอกสัมผัสได้ถึงแก้มเนียนของอีกฝ่าย

     

    ถึงจะไม่ได้รู้สึกอะไร แต่การทำแบบนี้มัน...

     

    ทำเอาใจเต้นไม่ปกติขึ้นมา

     

    "อ๋อ เพลงนี้..." ยิ่งได้รับรู้ได้ถึงการขยับเคลื่อนไหวของใบหน้าข้างๆก็ยิ่งทำให้ความคิดหยุดชะงัก

     

    เมื่อรู้สึกตัว มินซอกที่นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นผละใบหน้าออก แล้วเบิกตากว้ามองเซฮุน

     

    "ทำอะไรของนาย" กดเสียงตัวเองให้เบา เอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่อมากขึ้นเล็กน้อย

     

    "ฟังเพลงน่ะครับ ไม่ได้เหรอ..." เซฮุนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดราวกับมันเป็นการกระทำที่ธรรมดาเหมือนที่เวลาเราหิวก็ต้องกิน ง่วงก็ต้องนอน

     

    "ได้ แต่ทำไมต้องวิธีนี้"

     

    "ทำไมล่ะครับ"

     

    เขาถามคำถามย้อนกลับที่ทำไมมินซอกถึงกับตอบอะไรไม่ได้ ใบหน้าคมเงยขึ้นสบตาเพื่อคาดคั้นคำตอบ

     

    ก็มันน่าอายไม่ใช่เหรอ...

     

    มินซอกที่เห็นคนสองสามคนบนรถเริ่มหันมาตามเสียงของเขา ใบหน้ากลมก้มหน้างุดหยิบโทรศัพท์มากด

     

    'มันตลก'

     

    ดูข้อความเสร็จก็ขมวดคิ้ว"ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย....อ้ะ! หรือฮยองเขิน"แล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกกมา คำพูดนั้นทำเอาคนฟังผงะสุดตัว

     

    'เขินบ้าอะไรนี่ถ้าพูดได้เขาจะด่าร่ายยาวเลยทีเดียว เขาแทบอยากจะลุหขึ้นยืนโวยวาย ฟาดสั่งสอนเจ้าเด็กนี่มักสองสามทีไปแล้ว มาพูดจากวนอย่างนี้ได้ยังไง เขาเป็นพี่นะ

     

    แต่ทำไม่ได้ไง

     

    "ฮั่นแน่ อย่าอายสิครับ หน้าแดงไปหมดแล้ว"

     

    เป็นอย่างที่เซฮุนพูด ตอนนี้ใบหน้ากลมที่กำลังเบิกตากว้างขึ้นสีแดงเถือกพร้อมกับอุณหภูมิร้อน ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของตนกระแทกนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์

     

    'ไม่ได้เขิน'

     

    "ถ้าไม่เขินแล้วทำไมผมฟังด้วยไม่ได้ล่ะครับ"

     

    มินซอกชะงักนิ้ว ใช่...ทำไมเขาถึงไม่ให้เซฮุนฟังด้วยนะ แต่แล้วก็ขยับนิ้วอีกครั้ง

     

    'ปกติใครเขาทำแบบนี้กัน'

     

    "คนที่เขาเป็นแฟนกันล่ะมั้งครับ" คนที่ตอบกลั้วหัวเราะไม่ได้สังเกตเลยว่ามันทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าแดงยิ่งกว่าเก่า ลามขึ้นจนใบหู

     

    'งั้นไม่ต้องฟังเลย'

    "ผมล้อเล่นนะครับ ผมไม่ใช่คนผมไม่ถือหรอก"เซฮุนโบกมือเป็นพัลวัน คำพูดนั้นทำเอาคนฟังสะอึกไปเล็กน้อย มันทำเอาร่างกายของเขาเริ่มทำงานช้าลงตามเดิม"ผมเบื่อแย่เลยนะ ถ้าฮยองจะฟังเพลงแล้วทิ้งผมไว้อะ"เซฮุนทำหน้าเว้าวอนสุดฤทธิ์แบบที่ว่าคนมองรู้สึกขอร้อยให้ล้าน ขอบ้านแถมรถยังไงยังงั้น

     

    เม้มปากก่อนจะพิมพ์อีกครั้ง'จะทำอะไรก็ทำไป'เป็นข้อความที่หลังจากเห็นก็ทำเอายิ้มออกม่จนดวงตาจะกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวแล้วแนบหูลงไปกับหูของอีกคนตามเดิม

     

    เป็นเวลานับชั่วโมงกว่าจะมาถึง พวกเขาเดินยังตลาดใกล้ๆเพื่อให้มินซอกได้หาอะไรทานก่อนที่จะไปยังโรงพยาบาลต่อ

     

    เนื่องจากเป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆตลาดจึงค่อนข้างว่างเพราะพวกคนที่ทำงานอยู่แถวนี้ถึงเวลาเข้างานกันหมด ร้านขายอาหารที่รายล้อมอยู่รอบตัวทำเอามินซอกรู้สึกปลื้มปริ่ม

     

    ขณะที่กำลังหยิบตะเกียบขึ้นคีบเส้นจาจังมยอนที่ตนเองซื้อมาเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้

     

    'ลืมของเยี่ยมไข้'เขาโชว์โทรศัพท์มือถือของตน หลังจากอ่านเซฮุนพูดตอบทันที

     

    "ไม่ต้องหรอกครับ"

     

    'ต้องสิ มันเป็นมารยาท'

     

    "เปลืองเงินฮยองนะ"เซฮุนห้ามอย่างเกรงใจ

     

    มินซอกนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนจะพิมพ์ตอบในทันที 'ไว้ฉันจะเก็บนายทีหลัง'

     

    "งั้นก็แล้วแต่เลยครับ"  ใบหน้าคมพูดเสียงกลั้วหัวเราะ

     

    มินซอกใช้เวลาไม่นานในการเลือกซื้อของฝาก ถึงไม่รู้ว่าจะต้องซื้ออะไรไปเป็นของฝากแก่คนที่เป็นเจ้าชายนิทรา แต่เพราะต้องมีคนเฝ้าอยู่ตลอดเวลาจึงเลือกที่จะซื้อของไปฝากแก่บุคคลนั้นมากกว่า

     

    ตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าโรงพยาบาลที่เทาและจงอินบอกว่าเซฮุนอยู่ที่นี่ คลี่แผ่นกระดาษออกดูหมายเลขห้องอีกครั้ง

     

    มินซอกเอื้อมมือไปเคาะประตูอยู่สองสามทีก็ได้ยินเสียงขานรับ เขายืนรอจนกระทั่งประตูเปิดออก ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันปรากฎสู่สายตา เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าหวาน ส่วนสูงไม่มากนักแต่ก็มากกว่าเขาอยู่เล็กน้อย เซฮุนที่ยืนอยู่ข้างๆชะงักไปในทันที...จนเขารู้สึกได้

     

    "สวัสดีครับ มีอะไรเหรอครับ"ชายหนุ่มยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร

     

    "อ่า...ผมอยู่มหาลัยเดียวกัน มาเยี่ยมเซฮุนน่ะครับ"มินซอกที่เหล่มองร่างสูงแล้วจึงหันกลับมามองร่างบางของคนตรงหน้า

     

    "อ้อ เชิญครับๆ"เขายิ้มเชิญชวนผายมือออก มินซอกโค้งหัวให้เล็กน้อย พร้อมกับยื่นถุงผลไม้ที่เขาซื้อมาให้

     

    "นี่ของฝากครับ"

     

    "โห ผมชอบกินแอปเปิ้ลมากเลยหละ ขอบคุณมากครับ"มินซอกคลี่มุมปากเล็กน้อยยิ้มตอบกลับไปเมื่อเห็นคนตรงหน้ายิ้มกว้างจนปากเป็นรูปสี่เหลี่ยมมาให้ ก่อนจะเดินเข้าไปสู่ห้องพักผู้ป่วยสีขาวสะอาดตา เห็นร่างที่ลักษณะเหมือนกับร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆเขาอย่างกับถอดแบบกันมานอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ เขารู้สึกชาวาบขึ้นมา ตารีหันกลับมามองร่างสูงข้างๆฉับพลับ

     

    ตอนนี้ใบหน้าของเซฮุนสงบนิ่งมากจนมินซอกไม่กล้าทัก

     

    "ทานกาแฟมั้ยครับ"เสียงของเด็กหนุ่มดังขึ้นขัดความคิด เขาถามขึ้นขณะที่กำลังจะเปิดประตูตู้เย็นออก

     

    "อ่า...ขอบคุณครับ"จริงๆเขาต้องการทีจะปฏิเสธไป แต่เพราะเขาคิดจะสำรวจสักนิดหน่อยจึงตอบตกลงไป เพื่อเบนความสนใจของแบคฮยอนไปอยู่ที่กาแฟ มินซอกเดินไปหยุดอยู่ข้างๆเตียงผู้ป่วยมองใบหน้าคมที่อยูภายใต้หน้ากากออกซิเจน ไม่นานนักเด็กหนุ่มก็เดินมายื่นถ้วยกาแฟให้พร้มกับชวนไปนั่งที่โซฟา

     

    "คุณเป็นอะไรกับเซฮุนเหรอครับ"หลังจากที่จิบกาแฟไปเล็กน้อย เด็กหนุ่มคนนั้นก็ถามขึ้น

     

    มินซอกนิ่งไปอย่างคิดไม่ทัน เด็กหนุ่มเห็นร่างเล็กเงียบไปก็คิดว่าตัวเองเสียมารยาท "เอ่อ...ผมชื่อ บยอนแบคฮยอน น่ะครับ "ร่างบางตอบพลางเกาศีรษะอย่างเหนียมอาย "เป็น...ครอบครัว...น่ะครับ" พูดพลางเหลือบมองไปยังร่างที่อยู่บนเตียงแล้วหันมายิ้มให้ เป็นยิ้มที่ทำให้มินซอกรู้สึกแปลกๆ เซฮุนขมวดคิ้วเป็นปมทันที

     

    "ผมคิมมินซอก เป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยน่ะครับ"

     

    "อ้ะ!" จู่ๆแบคฮยอนก็ส่งเสียงร้องออกมา มินซอกมองงงๆ "คุณแก่กว่าผมเหรอเนี่ย" เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ

    "...ครับ" นึกว่าตกใจอะไรซะอีก

     

    "โห... ผมอยู่ปีหนึ่ง คิดว่าคุณเป็นเพื่อนเขาซะอีกแหนะ" ร่างบางยังคงทำตาโตอย่างตกใจ "คุณหน้าเด็กสุดๆ รู้ตัวมั้ยเนี่ย"

     

    "...ขอบคุณครับ" มินซอกที่ไม่รู้ว่าควรจะดีใจกับคำชมนี้ดีหรือไม่ ตอบรับกลับไปเสียงเบา

     

    เพียงครู่เดียวเสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับแรงสั่น แบคฮยอนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดูก่อนจะกดรับ

     

    "ฮัลโหล" เขารับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงปกติของเขา แต่มินซอกสัมผัสได้ว่ามันมีความรำคาญหน่อยๆแฝงอยู่ในน้ำเสียง

     

    "ไม่เอา กลับไปเหอะ" ขณะที่คุย แบคฮยอนกดเสียงให้เบาลง

     

    "ก็ได้ ถ้างั้นฉันลงไปเอง" คราวนี้ฟังดูหัวเสีย มินซอกได้แต่ทำเป็นสนใจละเมียดกาแฟในแก้วของตน โดยที่แอบฟังบทสนทนาฝ่ายเดียวของแบคฮยอนอยู่ ขณะเดียวกันก็หันไปมองทางเซฮุนด้วย แต่ร่างสูงไม่มีท่าทีสนใจสิ่งใดเลยแม้แต่น้อยในที่สุดมือเล็กก็กดตัดสายไป

     

    "ผมขอตัวสักครู่นะครับ ฝากคุณดูเซฮุนหน่อยนะ"

     

    "ได้ครับ" มินซอกพยักหน้าหนักแน่น แบคฮยอนรีบขอบคุณก่อนจะรับโทรศัพท์แล้วก้าวเร็วออกจากห้องไป มินซอกมองตามหลังของเด็กหนุ่มจนกระทั่งประตูปิดลง นึกแปลกใจที่เขากล้าฝากเซฮุนทิ้งไว้กับตนทั้งๆที่เพิ่งจะรู้จักกันแท้ๆ แล้วจึงหันกลับมายังเซฮุนที่ยืนอยู่ตรงของเยี่ยมไข้

     

    ร่างสูงไล่พลิกดูป้ายชื่อผู้ส่งไปเรื่อยๆ

     

    "ทำอะไรอยู่น่ะ" เมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีใครจึงพูดกับเซฮุนตามปกติ

     

    "เปล่าครับ"

     

    ...อีกแล้ว

     

    "เหรอ" แต่ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขาที่จะต้องเข้าไปยุ่มย่ามให้น่ารำคาญ ทั้งที่เห็นอยู่ชัดๆแท้ๆว่าเขากำลังหาอะไรบางอย่างอยู่ แต่ตอบเลี่ยงแบบนี้ก็ทำเอาร่างเล็กรู้สึกหงุดหงิด "ญาตินายนี่ไม่เหมือนนายเลยนะ" ในหลายๆความหมายน่ะนะ

     

    "ไม่ใช่" เซฮุนโพล่งออกมาทันที

     

    "หือ" มินซอกหันขวับไปมองเซฮุน รู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศของคนตรงหน้าไม่เหมือนเดิม...แต่เขาคงไม่ควรจะไปซักไซ้อะไรเช่นเดิม

     

    ตอนนี้มินซอกเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ใบหน้าซีดที่ดวงตาปิดสนิทราวกับว่านอนอยู่ปรากฎแก่สายตา ช่างเหมือนกับอีกคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาอย่างน่าใจหาย

     

    "อ่ะ เข้าไปสิ" มินซอกมองหน้า ชี้ไปยังร่างที่นอนอยู่บนเตียง

     

    "ไม่ได้ครับ" ใบหน้าคมส่ายไปมา

     

    "ทำไมล่ะ" ร่างเล็กขมวกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้เซฮุนเงยหน้าขึ้นมาแล้วสบตาเข้ากับเจา

    "ไม่รู้ครับ แต่ผมกลับเข้าไปไม่ได้" มินซอกเดินมาอยู่ข้างๆเขาถลึงตาจ้องหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาก็ยังคงเป็นใบหน้าไม่สะทกสะท้านเช่นเคย

     

    "นี่ล้อเล่นรึเปล่า"

     

    "เรื่องจริงครับ"

     

    "ฉันไม่เชื่อหรอก นี่จะแกล้งฉันเหรอ"

     

    "ไม่ใช่นะครับ" ตอนนี้เซฮุนยิ้มออกมาแล้ว ...ถึงจะเป็นยิ้มแบบอ่อนใจก็เถอะ

     

    มินซอกเบ้ปาก ทำท่าจะกดเซฮุนลงไปยังร่างของเขาเอง แต่กลับวูบผ่านไป จนทำให้ร่างเล็กเสียหลักล้มลงไปบนเตียง

     

    "ฮยองจะลักหลับผมเหรอครับ" ร่างสูงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นว่าตอนนี้มินซอกกำลังคร่อมร่างของเขาอยู่ในลักษณะล่อแหลม มินซอกหน้าแดง รีบเด้งตัวขึ้นมาทันที

     

    "ลักหลับบ้าอะไร" หันค้อนไปมองใบหน้าที่หล่อที่กำลังอมยิ้มขำ

     

    "ผมอนุญาตครับ จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ" เซฮุนทำท่าผายมือเป็นเชิงอนุญาต

    "เซฮุน!!" มินซอกที่ตอนนี้หน้าแดงเถือกยิ่งกว่าเดิมขึ้นเสียงดัง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนข้างหน้าจะหยุดหัวเราะเลยสักนิด เขาเม้มปากก่อนจะเดินไปอีกทางเพื่อสงบสติอารมณ์ ตอนนั้นเองที่ประตูก็เปิดออก

     

    "ขอโทษนะครับ" แบคฮยอนกลับมาแล้ว  เขากลับมาในสภาพหอบหายใจเหนื่อยเห็นได้ชัดว่าคงรีบวิ่งมา

     

    ในตอนนั้นเซฮุนหุบยิ้มลงทันที

     

    ปกติคนทั่วไปคงไม่ได้ไว้ใจขนาดที่กล้าฝากญาติตัวเองเอาไว้กลับคนที่ไม่ได้รู้จักหน้าค่าตาหรอกกแต่เขาคงจะต้องไปทำอะไรสักอย่างที่มันสำคัญมากๆ สองมือเขาถือถุงน้ำและขนมกินจุกจิกอีกนิดหน่อย  "พอดีเพื่อนซื้อขนมมาฝาก ทานด้วยกันมั้ยครับ" พูดพร้อมเปิดถุงดูข้างใน "โห้ย! มีพุ้ดดิ้งสตรอเบอร์รี่ด้วยนะครับ!"

     

    บางทีเขาอาจคิดมากไปเอง

     

    "พอดีจะกลับแล้วน่ะครับ" มินซอกยกมือขึ้นปฏิเสธ "ขอโทษที่มารบกวนนะครับ"

     

    "ไม่เป็นไรครับ" เขายิ้มหวานตอบกลับมา ทำเอามินซอกอดอิจฉาคนที่มียิ้มสดใสขนาดนี้ไม่ได้เลย

     

    ร่างเล็กผงกหัวแล้วปิดประตูลง ตอนนี้เซฮุนที่เดินอยู่ข้างๆ ใบหน้าที้นิ่งจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่นั้นทำเอามินซอกไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา

     

    "ฮยอง" ในที่สุดความเงียบก็ถูกทำลาย เซฮุนเรียกเขาเอาไว้ตอนที่เดินออกมาจากตึก มินซอกพยักหน้าให้เล็กน้อย

     

    "ตอนนี้อากาศดีนะครับ"

     

    มินซอกชะงักไปครู่เดียว เพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ใบหน้ายังคงมองแน่วแน่ไปตามทางเดินเช่นเดิม

     

    "อืม" ตอบรับแค่ในลำคอ

     

    สองคนก้าวอย่างเชื่องช้าไปตามทางออกสู่ถนนใหญ่

     

    "ฮยองแวะกินข้าวเย็นเลยมั้ยครับ"

     

    ร่างเล็กหยิบโทรศัพท์ของตนออกมา'ก็ดี'

     

    หลังจากแวะกินร้านข้างทานเสร็จโดยแทบไม่ได้มีบทสนทนาอะไรกันเลย พวกเขาจึงเดินมารอที่ป้ายรถเมล์

     

    โชคดีที่ใช้เวลาไม่นาน รถเมล์มาแล้ว คนตัวเล็กหันไปสบตากับเซฮุน แต่ราวกับเขามองบางสิ่งอยู่

     

    อีกฟากของถนน เขายืนนิ่งงันไม่แม้แต่จะหันมา นั่นทำให้มินซอกต้องหันไปมองตามแต่รถเมล์กลับแล่นเข้ามาจอดก่อน บดบังจนไม่อาจมองไปฝั่งตรงข้ามได้

     

    ในขณะที่มินซอกรีบวิ่งไปขึ้นรถเมล์ เซฮุนก็ยังคงยืนค้างอยู่ที่เดิม จึงต้องเปลี่ยนไปส่งเสียงเรียกร่างสูงนั้นเบาๆ

     

    เขาสะดุ้งแล้วหันมาสบตามินซอก สายตานั้นทำเอาคนที่เห็นรู้สึกกังวล

     

    เซฮุนตกใจอะไรบางอย่างอยู่...

     

    แต่ยังถามไม่ได้ เซฮุนรีบวิ่งขึ้นรถเมล์ตามหลังเขามา

     

    ตอนนี้รถไม่มีที่ว่าง มีคนยืนอยู่ประมาณสองสามคน มินซอกเดินไปจับเสาตรงใกล้ทางออกแล้วปักหลัก

     

    "..ฮยอง" ในตอนที่รถเริ่มขยับตัวออก ร่างสูงก็เรียกเขาเสียงแผ่ว

     

    น้ำเสียงเซฮุนเต็มไปด้วยความ...ประหลาดใจ แปลกใจ ตกใจ หรืออาจทั้งหมดนั้น มันมากขนาดที่มินซอกไม่คิดว่าจะได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ดังออกมาจากปากของร่างสูงได้

     

    มินซอกเบนหน้าหันไปมองทันที เห็นเซฮุนกำลังขมวดคิ้ว แววตาเต็มไปด้วยความ เขาพึมพำออกมาเสียงเบา แต่ก็ดังมากพอที่มินซอกจะได้ยิน

     

     

     


    "มีคนเห็นผม"

     

     

     

     

     

     

     



    "...เขายิ้มให้ผม"














    ---------------------------------------------------------

     

     





     

    หายไปนาน(มาก)TT ขอโทษจริงๆนะคะ

    ตอนนี้มีตัวละครใหม่มาเพิ่มแล้วววววววววววว

    แฮ่

     

    :)  Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×