คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 3..
แสงแดดเบาบางที่สาดเข้ามาในห้องปลุกเขาตื่นขึ้นมาตอนเจ็ดโมงเช้าสภาพขอบตาดำคล้ำและหัวรกรุงรัง
ถ้าไม่ติดว่ามีเรียนตอนแปดโมงเขาจะนอนไม่ตื่นเลยเลยคอยดู
...แต่เขามีเรียน
มินซอกหยัดตัวขึ้นมาจากเตียงนุ่ม ปรือตามองไปยังเตียงอีกฝั่ง ถึงแม้จะอยากให้เรื่องเมื่อคืนเป็นแค่ความฝันมากขนาดไหน แต่หลักฐานกลับปรากฏให้เห็นชัดเจนเต็มๆตา จนทำให้ต้องถอนหายใจออกมา
โอเซฮุนกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงข้างๆ ใบหน้ายามหลับของเขาดูไร้พิษภัยผิดกับตอนตื่นจริงๆ
เขาถอนหายใจยาวอีกครั้ง เมื่อคิดถึงพิษสงของเจ้าเด็กตรงหน้า ใบหน้ากลมเอามือขยี้ตาเมื่อรู้สึกว่าตนเองยังไม่ตื่นดี อากาศยามเช้าชวนให้ผ่อนคลาย สายลมของฤดูใบไม้ผลิพัดแผ่วเบาเข้ามาในห้องทำผมของคนตัวเล็กปลิวลู่ตาม เขายกมือขึ้นวางบนหัวแล้วขยี้เบาๆ
มินซอกที่เป็นคนรักสะอาดนึกได้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้อาบน้ำ รู้สึกว่าตัวเองชักจะสกปรกแล้ว จึงคว้าผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าเดินเขาห้องน้ำไป
ใช้เวลาอาบเพียงไม่นานนักร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำมองคนที่ยังคงนอนหลับอยู่อีกครั้ง เขาเพิ่งรู้ว่าวิญญาณก็หลับได้ แถมยังสนิทอีกต่างหาก
มินซอกจ้องใบหน้าหล่อเหลาอยู่สักพัก ชั่งใจว่าเขาควรจะปลุกดีหรือไม่ สุดท้ายตัดสินใจไม่ปลุกดีกว่า แล้วจึงหยัดตัวลุกขึ้น เดินออกจากห้องไปสักพักจึงมายืนหยุดที่หน้าอีกห้องหนึ่ง"คริส ลู่หาน จะเปิดเข้าไปนะ"สิ้นเสียงเขาก็เปิดประตูเข้าไปทันที ประตูถูกเปิดออกอย่างง่ายดายจนทำให้เหนื่อยใจ เจ้าพวกนี้นี่จริงๆเลย ไม่มีการล็อคสักนิด ไร้การระมัดระวังตัวเองสุดๆ
สิ่งแรกที่เห็นคือลู่หานกำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตอยู่ทำให้สังเกตเห็นแผงอกขาวได้เล็กน้อย ร่างโปร่งเงยหน้ามาสบตา"อรุณสวัสดิ์ คริสล่ะ"มินซอกยกมือขึ้นทักทาย
"อาบน้ำอยู่น่ะ"เขาตอบแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางประตูที่ปิดอยู่ "ทำไมเมื่อคืนไม่มานอนนี่" ลู่หานถามขึ้นขณะที่จัดเสื้อให้เข้าที่
"รู้สึกอยากนอนห้องนั้นน่ะ"ร่างเล็กยกมือขึ้นเกาท้ายทอย มินซอกไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตอบอะไรกลับไปดี
"อะไรของนายเนี่ย"เขาขมวดคิ้วให้กับคำตอบ
มินซอกหัวเราะแห้งๆ แต่แล้วสายตาพลันเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง เขาเห็นความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
สภาพเตียงยับยู่ยี่ ผ้าห่มระเกะระกะของคนทั้งสอง ทำเอามโนธรรมด้านการรักษาความสะอาดของเขาเจ็บแปล้บไปหมด มินซอกเอื้อมมือขึ้นหยิบผ้าห่มเตียงฝั่ขวาขึ้นมา
"ไม่ต้องจัดหรอก ฉันจัดเองน่า"ลู่หานดึงผ้าห่มออกมาจากมือเล็กแล้วก้มลงจัดเตียง มินซอกเวลาที่เข้ามาเห็นพวกเขาไม่ได้จัดเตียง ทิ้งขยะไว้ระเกะระกะ หรือ ทิ้งเสื้อผ้า
เอาไว้ตามพื้น ก็มักจะช่วยจัดการให้ตลอด นี่มันสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ชัดๆ ระหว่างนั้นคริสที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดประตูออกมา
เขาสบสายตาเข้ากับใบหน้ากลม
"มินซอกกกกกกก" คริสโผตัวเข้ากอดร่างเล็กเข้าเต็มรัก คนถูกกอดยังสัมผัสถึงความชื้นบนตัวเขาได้อยู่เลย"ถ้าไม่ได้พวกนาย ซูเปอร์ต้องหายแน่ๆ"
"นายจะกอดทำไมฟะ" ลู่หานยกมือขึ้นเขกหัวคริสทันทีที่วิ่งเข้ามากอดมินซอก แล้วเอาแก้มตัวเองถูกับแก้มกลม จนทำให้มินซอกต้องหลับตาปี๋
"นายก็ด้วย ลู่หานน" คริสที่ยังคงไม่ยอมปล่อยร่างเล็ก เพิ่มเป้าหมายโดยเอาแขนอีกข้างกอดลู่หาน คนที่ไม่ทันระวังตัวทำได้แค่ผงะและถูกจู่โจมเขาเต็มๆ
"ปล่อยนะโว่ย ไอ้ยักษ์นี่"
สภาพตอนนี้เลยกลายเป็นคนตัวเล็ก(เมื่อเทียบกับคริส...)ทั้งสองคน ถูกคริสกอดเอาไว้ด้วยแขนคนละข้าง
มินซอกหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นลู่หานพยายามดิ้นเต็มแรง หลังจากอยู่อย่างนั้นสักพัก จู่ๆคริสก็ปล่อยทั้งคู่ทำให้คนที่ดิ้นตั้งตัวไม่ทันล้มลง โชคดีที่มินซอกคว้าศอกของลู่หานไว้ได้ทัน
"เป็นอะไรมั้ย"เขาดึงลู่หานให้กลับมายืนตามปกติ พวกเขากำลังสบสายตากันอยู่
แทนที่จะขอบคุณ ใบหน้าสวยกลับเชิดไปอีกทาง พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก" ฉะ...ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า เจ้าอ้วน!" แต่ขึ้นเสียงดังในสองคำสุดท้าย
"ว่าใครอ้วนฮะ" มินซอกหน้าบึ้งทันที นี่เขาอุตส่าห์ช่วยนะ ไม่ขอบคุณแล้วยังมาว่ากันอีก
"นายนั่นแหละเปาจื่อออออ" ลู่หานหันหน้ากลับมาทำท่าแลบลิ้นปลิ้นตาใส่"อ้วนจนจะเป็นซาลาเปาแล้ว"
ทนไม่ไหวแล้วววว
มินซอกวิ่งไล่เตะลู่หานไปรอบห้อง
"ฮือออ ซุปเปอร์กลับมาสู่อ้อมอกพ่อมา" คริสยังคงเอาแก้มถูไปมากับพวงกุญแจอันนั้น
"ลงไปกินข้าวกันเถอะ" ลู่หานที่วิ่งวนไปมารอบตัวคริสเพื่อหนีอีกคนตะโกนขึ้น นั่นทำให้คนวิ่งไล่หยุดชะงัก แล้วมองไปยังคนที่บอกว่าจะเลี้ยงข้างเขาฟรี
เขาไม่ลืมหรอกนะ
"ไปโรงอาหารเดี๋ยวนี้เลย" มินซอกกับลู่หานช่วยกันลากคอคริส
ไม่นานนักพวกเขาก็เดินมาถึงโรงอาหารของคณะอักษรฯซึ่งเป็นคณะที่อยู่ใกล้หอพักที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช้เวลาเดินกันประมาณสิบนาทีอยู่ดี
มินซอกไอออกมาเบาๆ รู้สึกแน่นหน้าอก
"เจ็บคอเหรอ" ลู่หานหันมอง
"อืม นอนไม่พอมั้ง"
"งั้นวันนี้รีบๆนอนด้วยล่ะ" ร่างโปร่งกำชับ
"พวกนายจะกินอะไรกัน" คริสทำตามอย่างว่าง่าย แค่เขาได้พวงกุญแจ... ซุปเปอร์แมนรุ่นสเปเชียลลิมิเต็ดอิดีชันของเขาคืนเขาก็ดีใจจะแย่แล้ว
"ข้าวห่อไข่/จาจังมยอน" มินซอกกับลู่หานตอบขึ้นพร้อมกัน
"เอ่อ...กินเหมือนกันจะซื้อง่ายกว่านะ" คริสยิ้มแหยๆเสนอขึ้น
"งั้นยังไงก็ได้" เจ้าของใบหน้าสวยยักไหล่ยักไหล่
"เยส" ร่างเล็กชูแขนขึ้นอย่างอารมณ์ดี "งั้นข้าวห่อไข่นะ"แล้วก็โบกมือไปมา
คริสพยักหน้า แล้วเดินออกไปซื้อกับลู่หาน โดยให้มินซอกนั่งจองโต๊ะเอาไว้ ไม่นานนักทั้งสองคนก็กลับมาพร้อมข้าวห่อไข่สามจาน โคล่าหนึ่งแก้ว และกาแฟอีกสองแก้ว
ลู่หานนั่งลงข้างมินซอก ส่วนคริสนั่งฝั่งตรงข้าม
"กินน้ำอัดลมแต่เช้าเดี๋ยวก็ปวดท้องหรอกคริส"ใบหน้ากลมที่กำลังจะตักข้างเข้าปากเอ่ย
คนที่ถูกเตือนแค่ยักไหล่"ช่วยไม่ได้ มันเป็นสไตล์"ขณะที่ดื่ม คริสก็ยกมือเสยผมไปข้างหลัง ทำเอาทั้งสองคนตรงข้ามรู้สึกเพลีย
"เออ กินให้กระเพราะทะลุไปเลย"ลู่หานกรอกตาไปมา แล้วก้มหน้าลงตักข้าวเข้าปาก
"พวกนาย..."กินมาได้สักพักหนึ่ง มินซอกก็เอ่ยขึ้นมา"พอจะรู้เรื่องเด็กวิทย์ที่เป็นเจ้าชายนิทรารึเปล่า"
"ที่เข้าไปในบ้านหลังนั้นน่ะนะ"
"เรื่องมันนานแล้วหนิ" คริสขมวดคิ้วหน่อยๆ
"ปกตินายไม่ค่อยสนเรื่องลึกลับไม่ใช่เรอะ..."ลู่หานที่รู้สึกสงสัยเอ่ยถามออกมา
"แหะๆ พอดีอยากรู้นิดหน่อยน่ะ"มินซอกเกาหัวเก้อๆ
ร่างโปร่งยังคงทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ แต่ก็ขยับปากพูดออกมา " ..เหมือนกับรุ่นพี่คณะวิทย์น่ะพาพวกเด็กใหม่ไปรับน้องที่บ้านหลังนั้นกันทุกรุ่นใช่มั้ยล่ะ แล้วไม่รู้ไปรับอีท่าไหนกัน เด็กคนนั้นก็เลยกลายเป็นเจ้าชายนิทรา"พูดสร็จ ลู่หานก็ยกแก้วขึ้นดูดกาแฟ
"เหมือนเขาพูดกันว่าตกบันไดนี่" คริสเสริมเรื่องราว
"แต่ฉันว่าไม่ใช่หรอก เฮี้ยนขนาดนั้น ไปรับน้องที่นั่นใช้อะไรคิดวะ"
"เออ ยังจำได้อยู่เลยว่าตอนที่เข้าไปเว่ย ฉันเจอผู้หญิงคนนึง" คำพูดนั้นทำเอาสองคนที่เหลือเงยหน้าขึ้นมองทันที
"หือ" มินซอกรู้สึกสงสัยขึ้นมา ใช่คนเดียวกับที่อยู่ในเรื่องของเซฮุนรึเปล่านะ
"ลงบันไดไปปุ้ป เจอปั้ป เป็นผู้หญิงชุดขาว ที่ดูยังไงก็ไม่ใช่คนอะ" คริสลูบแขนของตัวเองเมื่อเล่าจนถึงตอนนี้ รู้สึกขนลุกขึ้นมา "เธอพึมพำอะไรไม่รู้ แล้วฉันก็สลบไปเลย"
"ไมตอนแรกไม่เห็นเล่าวะ" ร่างโปร่งขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน
"ก็กลัวนี่หว่า แถมถ้าเล่าพวกแกก็คงไม่ไปช่วยฉันหาซุปเปอร์ด้วย" คริสเอานิ้วชี้ทั้งสองข้างเขี่ยกันไปมา คงเป็นท่าทางที่ดูน่ารักหากคนทำเป็นเด็กห้าขวบไม่ใช่เจ้ายักษ์นี้
"ไอ้คริส..." ลู่หานหรี่ตามอง โดยมีมินซอกร่วมสนับสนุนขบวนการพิพากษาโทษด้วยสายตาอีกคน
"แฮ่..ฉันขอโทษ เรื่องเด็กคนนั้นน่ะถ้าอยากรู้ก็ถามพวกปีหนึ่งสิ คณะนั้นฉันรู้จักอยู่คนนึง รู้สึกมันจะเลิกเรียนประมาณเที่ยงครึ่งล่ะมั้ง" คริสเปลี่ยนเรื่องทันที
"งั้นเหรอ" คนตัวเล็กตอบรับพลางครุ่นคิด
พอข้าวในจานหมด มินซอกเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ดูดกาแฟที่เหลืออยู่
บางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลัน
"แค่กๆๆๆ" ร่างเล็กเอามือปิดปากไอ
ใบหน้าคนๆหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทำเอาเขาสะดุ้งจนแทบสำลักน้ำออกมา
"นายเป็นอะไรน่ะ" ลู่หานถามขึ้นด้วยใบหน้ากังวลขณะที่ลูบหลังให้
"ปะ...เปล่า" มินซอกตอบ พยายามกลืนน้ำลงคอไป มือเช็ดน้ำกาแฟที่เลอะอยู่มุมปากเล็กน้อย โดยที่ยังไม่ละสายตาจากภาพข้างหน้า
เซฮุนที่จู่ๆก็โผล่มาตรงหน้าในสภาพลอยกลับหัวพลิกตัวกลับมาเป็นปกติ แล้วลอย(เขาควรใช้คำนี้ล่ะมั้ง)ลงนั่งที่ว่างข้างๆคริส ใบหน้าบูดบึ้ง
แน่นอน...คริสมองไม่เห็น ลู่หานก็ไม่เห็น ไม่มีใครเห็นเซฮุนสักคน ยกเว้นเขา
"ทำไมฮยองไม่ปลุกผม" เซฮุนยกแขนขึ้นพาดบนไหล่คริส ส่วนคนที่ถูกวางแค่บ่นว่ารู้สึกปวดไหล่
มินซอกจนปัญญา ถ้าเขาเขาตอบ คงกลายเป็นเขาพูดคนเดียวในสายตาคนอื่น อีกสองคนต้องไม่แคล้วหาว่าเขายังคงหลอนจากเรื่องเมื่อคืนจนสติหลุดแล้วพูดคนเดียว หรือไม่ก็จับเขาส่งห้องพยาบาล
ทำเป็นไม่สนใจไปละกัน
มินซอกดูดน้ำกาแฟที่เหลือพลางคุยเล่นไปกับคริสและลู่หาน นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าที่บึ้งตึงอยู่แล้วยิ่งขมวดคิ้วมู่ทู่เข้าหากันไปใหญ่
เซฮุนลุกขึ้นเดินมายืนข้างๆมินซอก เบะปากออกมาอย่างไม่พอใจแล้วก็เอาแต่เขี่ยไรผมบริเวณหูของมินซอกเล่น ทำเอารู้สึกจั้กจี้ขึ้นมาทันที
ร่างเล็กหันขวับกลับไปมองค้อน ส่งสายตาบอกให้หยุดได้แล้ว
แต่แค่นี้น่ะเหรอจะหยุดเขาได้ เซฮุนก้มหน้าลงมาใกล้หูของมินซอก ลมหายใจที่เป่าออกมาโดนหูและลำคอเล่นเอาใบหน้ากลมหดคอกลับไป เซฮุนอมยิ้มออกมาน้อยๆ กระซิบเสียงเบา ”ถ้ายังไม่ตอบผมจะทำมากว่านี้นะครับ”
ร่างเล็กผุดลุกขึ้นทันที "ฉันไปเข้าเรียนก่อนนะ" แล้วก็วิ่งออกไปเลย โดยที่ทั้งสองคนยังไม่ทันจะตั้งตัว
"ทำไมมันรีบงั้นอะ" คริสถามขึ้นงงๆ
ลู่หานที่ยังคงอ้าปากค้างกับท่าทีรีบร้อนของเพื่อนได้แต่ส่ายหน้าไปมา
หลังจากวิ่งมาได้สักพัก รอบด้านเป็นสวนหย่อมเงียบสงบ
เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีพื้นที่มาก จึงมีที่ว่างพอให้ทำสวนและปลูกต้นไม้เต็มไปหมด อีกอย่างนี่ก็ใกล้ช่วงเวลาเข้าเรียนแล้ว จึงไม่ค่อยมีคนมานั่งชิลรับแดดยามเช้า เมื่อเห็นว่ารอบข้างไร้ผู้คน จึงหยุดฝีเท้าลง
"นายเล่นอะไรน่ะ ถ้าฉันสำลักน้ำตายไปจะทำไง"
"ก็มาอยู่เป็นเพื่อนผมไง" โอเซฮุนตอบ สงสัยเพราะเห็นมินซอกดูอารมณ์เสีย เขาถึงได้เลิกทำหน้าบูดบึ้งแล้วเปลี่ยนมายิ้มเป็นยิ้มที่ถ้าผู้หญิงคนไหนได้เห็นเข้าคงพากันกรี๊ดกร้าดกับความหล่อของผู้ชายคนนี้ แต่ในสายตาของคิมมินซอก รอยยิ้มนี้มันช่างดูอ่อนโยนราวกับฆาตกรสิบศพจริงๆ
ใบหน้ากลมกรอกตา
"ทำไมเมื่อเช้าไม่ปลุกผมละ"ครั้งนี้เขาถามอย่างอารมณ์ดี
มินซอกยิ้มกลับไปให้"เห็นนายนอนดูสบายดีน่ะ เลยคิดว่าถ้านายไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยคงจะดี"
เซฮุนมุมปากกระตุกเล็กน้อย แต่ก็กลับมายิ้มสดใสจนดูโอเว่อร์เช่นเดิม"ผมตื่นขึ้นมาแล้วนี่ไงครับ จะตามฮยองไม่ให้ห่างเลย"
มินซอกหุบยิ้ม การเถียงกับเจ้าเด็กนี่ให้ชนะเป็นเรื่องยากชะมัด
"วันหลังจะปลุกแล้วกัน" มินซอกออกเดินต่อ เมื่อเห็นว่านี่มันใกล้เวลาเข้าเรียนมากแล้ว "เวลาฉันเรียนช่วยอยู่เงียบๆด้วยล่ะ"
"ยังไงก็ไม่มีใครได้ยินผมอยู่แล้วนี่ครับ" เซฮุนพูดออกมาด้วยใบหน้าใสซื่อ
"ฉันไง..." เขารู้สึกเหนื่อย...จริงๆนะ
"ฮะๆ ตั้งใจเรียนนะครับ"เขาหัวเราะเล็กน้อย"เดี๋ยวผมไปเดินเล่นละกัน ฮยองเลิกกี่โมง เดี๋ยวผมกลับมา"
"ประมาณเที่ยงๆ นายรู้เวลาเหรอ"
"ดูข้อมือคนอื่นไงครับ" เซฮุนยกนิ้วเรียวเคาะข้อมือว่างเปล่าของตัวเอง มินซอกคิดในทันทีว่าถ้าเจ้าเด็กนี่ไม่ไปเล่นอะไรแผลงๆก็คงจะดี..
พวกเขาเดินมาจนถึงหน้าห้องเรียนของมินซอก ตอนนี้ทั้งระเบียงเงียบไร้ซึ่งผู้คน
"โอเค อย่าไปเล่นซนละ"มินซอกเอ่ยกำชับก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าชั้นเรียนที่เต็มไปด้วยเพื่อนนักศึกษา
ใบหน้าคมมองตามแผ่นหลังมินซอกจนกระทั่งประตูปิดลง ตอนนี้เขายืนอยู่คนเดียวบนระเบียงที่ว่างเปล่า
เขาควรทำอะไรดี
เซฮุนถีบพื้นลอยตัวขึ้น ทำท่าเดินเล่นบนอากาศอย่างเซ็งๆ แล้วก็เดินทะลุออกนอกอาคารไปยังสวนด้านหน้า ร่างสูงหยุดยืนกลางท้องฟ้า
เนื่องจากยังอยู่ในช่วงฤดูร้อง อากาศในยามเช้าจึงทั้งสดใสและสดชื่น
นกตัวเล็กๆบินผ่านหน้าของเขาไป เขาเคยได้ยินมาว่าพวกสัตว์จะสามารถมองเห็นในสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถรู้ได้
เซฮุนลอยตัวลงใกล้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีนกเกาะอยู่บนนั้น ท่าทางของมันที่ตกใจรีบบินหนีอย่างรวดเร็ว ทำเขาหัวเราะออกมาน้อยๆ
เซฮุนฮัมเพลงเบาๆ สักพักหนึ่งเขาก็หยุดลอยลงตรงม้านั้งหินอ่อนที่อยู่ไม่ไกลจากตึกคณะของมินซอก
ต้นไม้ใหญ่เหนือหัวให้ความรู้สึกเย็นชื้น รอบข้างเป็นแปลงดอกไม้และพุ่มไม้ต่างๆกระจายตัวอย่างสวยงาม
ร่างสูงปิดเปลือกตาลลงแล้วผลอยหลับไป
"เรียนเสร็จสักที" หลังจากที่มินซอกยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจแล้วจึงเริ่มเก็บของๆตนใส่กระเป๋า
"เช้านี้นายดูง่วงนะ" ร่างโปร่งที่นั่งข้างๆเขาเอ่ยทัก
เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลา รอยยิ้มมุมปากที่มีลักยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เขาดูอ่อนโยน
เลย์เป็นนักเรียนที่มาจากคนจีนเช่นเดียวกับคริส ชื่อจริงๆของเขาคือจางอี้ชิง ส่วนคริสชื่ออู๋อี้ฟาน ที่เรียกอย่างนี้เพราะจะทำให้สะดวกกว่า
ส่วนลู่หานถึงจะเกิดและเติบโตที่เกาหลี แต่ที่มีชื่อเช่นนั้นเนื่องจากพ่อที่เป็นคนจีนตั้งให้
"มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ" มินซอกพูดพลางยักไหล่
"งั้นเหรอ แล้วคริสเขาเป็นไงบ้างละ ได้ยินมาว่าเขาถูกผีหลอก" เลย์ที่ได้ยินข่าวจากการบอกเล่าของรูมเมทเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"หมอนั่นสบายดีจนน่าโมโหเลยล่ะ" ใบหน้ากลมแค่นหัวเราะ คำตอบที่ได้ยินทำเอาอีกคนหัวเราะออกมา
"งั้นก็ดี นี่เที่ยงแล้ว ไปหาอะไรกินกันมั้ย" เลย์เอ่ยชักชวน ตอนนี้นักเรียนทยอยกันออกนอกห้องไปหมดแล้ว พวกเขาลุกขึ้นเดินคุยกันไปที่ประตู
"วันนี้คงไม่ได้ ฉันติดธุระนิดหน่อยน่ะ" มินซอกเกาศีรษะพลางหัวเราะแหะๆ
"งั้นไม่เป็นไร แล้วเจอกันนะ" เลย์ยิ้มโบกมือให้ มินซอกโบกมือกลับไปหยอยๆมองเขาเดินไปอีกทาง มินซอกที่ยังคงยืนอยู่หน้าห้องเรียนมองซ้ายขวา
เจ้าเด็กเซฮุนล่ะ?
เขาเดินลงบันไดไปเรื่อยๆ ระหว่างกันนั้นก็มองซ้ายขวาไปด้วย เซฮุนหายไปไหนกันนะ
"แว่.." เสียงทุ้มดังขึ้นเบาๆทันทีที่เค้าเลี้ยวเมื่อเดินมาจนสุดทาง
เซฮุนกระโดดออกมาจากทางแยกทำท่าเหมือนผีหลอก ทั้งๆที่ใบหน้าอมยิ้ม เสียงหลอกหลอนตะกี้ก็เหมือนหมาน้อยที่คิดจะขู่แต่กลับน่าเอ็นดูเมื่อกี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย มินซอกหรี่ตามองการกระทำเหล่านั้น
"ทำอะไรน่ะ"
"แกล้งหลอกฮยองน่ะครับ แต่เหมือนจะไม่น่ากลัว" เซฮุนเกาท้ายทอย พูดออกมายิ้มๆแล้วปิดท้ายด้วยการหัวเราะแห้งๆ
มินซอกออกเดินต่อด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย การกระโดดหลอกเหยงๆเหมือนไม่เต็มใจแบบนี้ยังทำให้เด็กสองขวบสะดุ้งไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
"ไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นผีอย่างแรงเลยนะนาย"
เซฮุนหัวเราะขำกับคำพูดนั้นเสร็จแล้วจึงถามขึ้น "นี่ฮยองจะไปไหนต่อเหรอครับ"
"กำลังจะไปตึกวิทย์น่ะสิ เพื่อนฉันบอกว่าคณะนายใกล้เลิกแล้ว"
"ครับ...ว่าแต่ฮยองไม่รู้สึกอะไรเหรอ" ใบหน้าคมอมยิ้ม
ตอนนี้เองที่ร่างเล็กเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังซุบซิบกันแล้วมองมาทางพวกเขา...ไม่สิเขาคนเดียวมากกว่า
แล้วมินซอกก็คิดอะไรได้
ในสายตาคนเหล่านั้นเขากำลังพูดคนเดียวอยู่...
ได้ยินเสียงเซฮุนหัวเราะอยู่ข้างๆ
เขาเดินมาที่ตึกของคณะวิทยาศาสตร์อย่างห่อเหี่ยว นี่คงยังไม่มีใครมาจับเขาเข้าโรงพยาบาลใช่มั้ย ไม่สิ... อัจฉริยะกับคนบ้าต่างกันแค่เส้นบางๆ
พวกเขาอาจจะแค่มองมินซอกเป็นนักศึกษาอัจฉริยะที่มานั่งคุยกับต้นไม้ใบหญ้า ฝุ่นละอองที่ลอยอยู่บนอากาศ และแบคทีเรียตามพื้นเฉยๆก็เป็นได้
สุดท้ายร่างเล็กก็ถอนหายใจ เมื่อคิดได้ว่าเขามัวเพ้อเจ้ออะไรอยู่
มินซอกคิดว่าการคุยกับเซฮุนน่าจะคุยกันในที่ลับ(?)กว่านี้ซะแล้ว
หลังจากเห็นมินซอกขมวดคิด ใบหน้าจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง เสียงทุ้มจึงดังขึ้น
"เวลาฮยองคุยกับผมพิมพ์ในมือถือสิครับ"เซฮุนเอ่ยขึ้นหลังจากสังเกตท่าทางคนข้างๆมานาน
"เออจริงด้วย" แล้วก็รีบปิดปากลงทันที เมื่อคนรอบข้างเริ่มหันมา เขายกมือถือขึ้นมา กดเปิดสมุดบันทึกแล้วพิมพ์ข้อความลงไป
'ฉลาดเหมือนกันนี่'
"แน่นอนครับ" ตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย โดยไม่สะทกสะท้านกับใบหน้ากลมที่เหลือกตามอง ก้มมองจอโทรศัพท์อีกครั้งเขาเพิ่งสังเกตเห็นสายที่ไม่ได้รับลู่หาน และคริสโทรมาหาเขา
นิ้วเรียวกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรกลับไป เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงจากอีกฝั่ง
'มินซอก! นายอยู่ไหน จะไม่มากินข้าวเที่ยงเรอะ ฉันกับคริสรอมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ'เสียงลู่หานจากปลายสายดังขึ้น เขารู้สึกหูตัวเองอื้อไปเล็กน้อย
"พอดีมีธุระด่วนน่ะ เดี๋ยวหากินเอง บอกคริสด้วยว่าจะกลับไปเบิกตังค์กับมัน"
'ธุระเหรอ' น้ำเสียงฟังดูสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรให้มากความ ลู่หานค่อยๆเอ่ยขึ้น 'อืม ทีหลังก็โทรมาบอกก่อนล่ะ เดี๋ยวบอกมันให้ แล้วเจอกัน'
มินซอกตอบรับเล็กน้อยก่อนจะตัดสายไป
เซฮุนที่ลอบมองคนตัวเล็กอยู่ หันกลับไปมองทางทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมา
มินซอกกดกลับไปที่สมุดบันทึก แล้วเริ่มพิมพ์
'เจอเพื่อนนายแล้วบอกด้วย' หลังจากก้มมองข้อความร่างสูงพยักหน้า
พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของเซฮุน อยู่ๆร่างสูงข้างๆก็พูดขึ้น "อ้อ ผมลืมบอกไป พวกมันชอบโดดนะ"
มินซอกหันหน้าไปมองเด็กข้างๆทันที ตั้งใจจะด่าแต่ก็ต้องปิดปากไว้ เพราะยังมีคนอยู่รอบๆ ร่างเล็กเปลี่ยนเป็นกดโทรศัพท์ 'ทำไมไม่รีบบอก'
"ผมลืม" เซฮุนตอบออกไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ใบหน้ากลมกลอกตา ปากพองลมออกมาเล็กน้อยดูเหมือนเวลาที่แฮมสเตอร์อมอาหารไว้ในกระพุ้งแก้มเลย เห็นท่าทางเหวี่ยงน้อยๆของคนตัวเล็กทำให้เซฮุนรู้สึกขำขึ้นมา
"มันอาจจะไม่โดดก็ได้ ใจเย็นก่อนนะครับ"เขาพูดปนหัวเราะ
มินซอกเบ้หน้า นี่เขาใช้เวลาเดินมาที่ตึกวิทย์ตั้งยี่สิบกว่านาที มหาลัยไม่ใช่เล็กๆนะเฟ้ย ตอนแรกพวกเขาทั้งสามคน คริส ลู่หานและมินซอกก็มีจักรยานไว้ใช้ขี่ในมหาวิทยาลัยกันอยู่หรอก แต่ตอนขี่ออกไปซื้อกาแฟสด(ร้านนี้อร่อยมาก)หน้ามหาวิทยาลัย แล้จอดทิ้งไว้ กลับพบว่าเหลือแต่ล้อจักรยานเปล่าๆทิ้งไว้ให้ช้ำใจ
เล่นเอาพวกเขาทั้งสามต้องเดินเข้ามหาลัยกันขาลาก
แม่งเอ้ย ถ้าจะขโมยก็ขโมยไปให้หมดเลยสิฟะ จะเหลือล้อไว้ให้พวกเขากลิ้งเล่นเหรอไง
"นั่นไงพวกมัน" สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ดูหงอยเหงาลงเล็กน้อย
มินซอกมองใบหน้าด้านข้างของเฟซฮุนอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะหันไปตามทางที่นิ้วชี้ไป เห็นชายรูปร่างสูงสองคน พวกเขามีผิวสีเข้มทั้งคู่
ชื่ออะไรนะ...คิมจงอิน?...หวงจื่อเทา?
"เอ่อนี่ พวกนาย" มินซอกเดินไปทักด้วยท่าทางเก้อๆ เขาลืมคิดไปเลยว่าจะต้องพูดยังไง
สองคนนั้นหันกลับมามองร่างเล็กอย่างประหลาดใจ
สมองเริ่มสรรหาบทพูดที่ดีที่สุด
เจ้าวิญญาณเด็กเซฮุนกำลังลอยอยู่ตรงนี้ โรงบาลที่เขาอยู่อยู่ที่ไหนเหรอ...น่ากลัวไป
ฉันอยากเจอเซฮุนเขาอยู่ไหนเหรอ...ก็ห้วนไป
ฉันโดนโอเซฮุนกวนประสาทจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ร่างเจ้าเด็กนั่นอยู่ไหน..ดูข่มขู่ไปไหมนะ
"รุ่นพี่มินซอก"พอได้ยินชื่อของตัวเองที่ดังออกมาจากปากสองคนนั้น ทำเอารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะตัวมินซอกเองก็ไม่ใช่คนที่โด่งดังอะไรในมหาวิทยาลัยเหมือนลู่หานกับคริส อ่อ..ลืมบอกไปเลยคริสน่ะเป็นประธานชมรมบาส สาวงี้กรี้ดหลงติดกันตรึม พวกเธอพูดกันว่าสง่าราวพญาราชสีห์ยามที่พุ่งเข้าไปแย่งลูกบอกจากคู่ต่อสู้ ดูสูงส่งราวมังกรเหินฟ้าเมื่อกระโดดขึ้นไปดั้งค์
ถามหน่อยเถอะไอ้คนที่พูดจาอ้อนงุ้งงิ้งแถมยังส่งท่าทางปุอิ้งปุอิ้งมาให้ ดูแล้วราวกับลูกแมวเล่นไหมหรม แล้วยังชอบถูไถเกาะติดอย่างกับหมีโคอาล่าอย่างนั้นมันสิงโตกับมังกรตรงไหนห้ะ
ยิ่งลู่หานที่เป็นกัปตันชมรมฟุตบอลยิ่งแล้วใหญ่ รายนั้นน่ะไม่ได้มีแค่สาว...แต่มีชายหนุ่มด้วยน่ะสิ ก็หน้าสวยขนาดนั้น แต่เจ้าตัวก็มักจะเหวี่ยงทุกครั้งเวลาที่มีผูชายมาตามจีบ หรือมีคนมาบอกว่าเจ้าตัวสวยมาก ลู่หานบอกว่าเขาน่ะหล่อเหลารูปร่างเพรียวเพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้เกิดมาเป็นซังนัมจาเท่านั้น
จ่ะ..พ่อคนแมน หน้าหวาน ตาโต ปากนิด จมูกหน่อยนั่นหล่อคมเข้มมากก
ส่วนมินซอกน่ะเหรอ เรียกได้ว่าแทบจะไม่เป็นที่รู้จักเลย เวลาที่ได้ยินสาวๆคุยกันเรื่องกลุ่มคริสกับลู่หานก็มักตะเรียกเขาว่านายแก้มกลมคนนั้น...นายแก้มคนนั้น...แก้มกลม
เล่นเอามินซอกละเหี่ยใจจนคิดไดเอททันที แต่ก็ล่มทุกครั้งที่เขาเปิดตู้เย็น
เข้าเรื่องเลย...ทำไมสองคนนี้กลับรู้จักเขา
"พวกนายรู้จักฉันได้ไง"
คนที่มีขอบตาคล้ำเข้ม(...อันที่จริงแล้วก็คล้ำทั้งสองคนแหละ แต่คนนี้อาการหนักกว่าดูเหมือนแพนด้า) หัวเราะขึ้น ทิ้งให้อีกคนข้างๆตอบปนขำ "ก็นิดหน่อยครับ" แต่นั่นไม่ได้ช่วยคลายความสงสัยของเขาเลยสักนิด เป็นการตอบที่ไม่ตรงคำถามขั้นสูงสุด หันไปมองข้างๆ เซฮุนที่ตอนแรกดูหงอยเหงาลงหลังจากได้เห็นสองคนนี้ เปลี่ยนเป็นแผ่บรรยากาศแปลกๆออกมา
"ว่าแต่รุ่นพี่มีอะไรเหรอครับ"
"คือ..เอ่อ..นาย.." ถึงจะรู้ชื่อ แต่เขาไม่รู้ว่าใครเป็นใครน่ะสิ
"ผมคิมจงอิน ไอ้แพนด้าข้างๆนี่หวงจื่อเทาครับ"เด็กหนุ่มที่ชื่อจงอินจัดการแนะนำตัวให้ตนเองและเพื่อนเสร็จสรรพ
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"อืม เซฮุน.." มินซอกพูดออกมาได้แค่นี้ ก็เห็นว่าสองคนนั้นเบิกตากว้าง ปากอ้าค้าง
"รุ่นพี่รู้จักเซฮุนเหรอ" พวกเขาถามพลางเขยิบเข้ามาประชิด ใบหน้าที่ใกล้อย่างกระทันหันเข้ามาทำเอาคนตัวเล็กผงะถอยหลังไปเล็กน้อย
"อืม ตอนเด็กรู้จักกันน่ะ" มินซอกตัดสินใจโกหกออกไปอย่างรวดเร็ว ที่เขาบอกไปแบบนี้เพื่อจะได้ง่ายต่อการตามหาตัวเซฮุนอีกด้วย
"อ๋อ..."
"..เหรอครับ"
น้ำเสียงทั้งสองคนฟังดูไม่เชื่อเท่าไหร่ นั่นรวมไปถึงสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนโดยไม่มีปิดบังสักนิดด้วย
จื่อเทาพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน "แล้วทำไมตอนนั้นไอ้เซ..โอ้ยย!!!" จื่อเทาเอามือจับก้นตัวเอง
ทำไมอยูดีๆก็รู้สึกเจ็บวะ!!
"เป็นอะไรวะ" จงอินถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆของเพื่อนที่ร้องขึ้นมา
แต่ในสายตาของคิมมินซอก เด็กเซฮุนนั่นเตะก้นจื่อเทาไปเต็มๆ
มินซอกลอบส่งสายตาหาวิญญาณตนนั้น
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือยักไหล่พร้อมใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้นทำเอามินซอกทำหน้างงออกมา
"แม่งงง จู่ๆก็เจ็บตูดว่ะ" เทาที่ยังคงถูสะโพกตัวเองไปมาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันโดยไม่รู้ว่าเพราะอะไรด้วยซ้ำนิ่วหน้าพูดออกมา
"อย่าบอกนะว่ามึง.." จงอินอ้าปากค้าง ชี้นิ้วสั่นๆไปทางเพื่อน
"อะไร"
"ผู้ชายจะเจ็บตูดหลังจาก..."
"ไม่ว่ามึงจะคิดอะไร แต่กูขอบอกว่าไม่ใช่"จื่อเทารีบพูดขึ้นตัดคำของจงอิน
มินซอกที่ยืนฟังบทสนทนาเหล่านั้นหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะใสนั่นเรียกให้ทั้งสองคนกลับมาสนใจทันที
"เอ่อ ตะกี้ผมปวดตูดเฉียบพลันน่ะครับ ช่างมัน รุ่นพี่ถามถึงเซฮุนทำไมครับ"ทั้งสองคนส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้สุดๆมาให้ ร่างเล็กก็ได้แต่พูดเสียงตะกุกตะกัก
"เซฮุนเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าเขาเข้าโรงพยาบาล"มินซอกเอ่ยถามออกไปโดยแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้อะไรทั้งสิ้น
พอจบประโยค ทั้งสองคนดูหมองลงไป แต่ชั่วครู่ก็รีบกลับมาตอบเขายิ้มๆ"มันสลบไป ยังไม่ฟื้นเลยครับ"
"หมอบอกว่าไม่รู้สาเหตุเลยครับ"
"อืม..ฉันอยากไปเยี่ยมน่ะ รู้มั้ยว่าเขาอยู่โรงพยาบาลไหน" มินซอกถามออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ไหงทั้งสองคนนั้นกลับมีท่าทีแปลกประหลาดใจราวกับเขาบอกว่าวิญญาณเจ้าเด็กเซฮุนกำลังลอยอยู่เหนือหัวคนทั้งคู่...ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ
"เยี่ยมมันน่ะเหรอครับ" จงอินพูดเสียงหวิว ท่าทางประหลาดใจไม่ต่างกับเพื่อน
"อืม" ร่างเล็กพยักหน้า
"มันอยู่โรงพยาบาลในเมืองน่ะครับ" เทาพูดออกมาโดยที่ยังไม่ละสายตาจากใบหน้ากลม
"ดะ...เดี๋ยวผมเขียนชื่อโรง'บาลกับห้องให้" อีกคนรีบคว้ากระดาษในเป้มาจดอะไรยุกยิกๆ ก่อนจะยื่นมาตรงหน้า มินซอกผงกหัวน้อยๆก่อนรับมา
"มันอยู่ห้องพิเศษน่ะครับ จะมีคนเฝ้าตลอดเวลา"
"อืม" มินซอกส่งเสียงในลำคอขณะมองสิ่งที่เขียนในกระดาษ มันเป็นชื่อของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง "ขอบคุณมากนะ" ใบหน้ากลมเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้ทั้งสองคน
"พวกผมไปเยี่ยมมันทุกวันศุกร์ ถ้ากลัวไปไม่ถูก พี่ไปกับเรามั้ย"จื่อเทาเอ่ยชวน
มินซอกสบสายตาเข้ากับเซฮุนที่ส่งมาเป็นเชิงห้าม ถึงจะสงสัยในสายตานั้นแต่เขาก็เลือกที่ตอบเลี่ยงไป
"ดูก่อนน่ะ วันศุกร์อาจจะไม่ว่าง" พูดแล้วโบกมือลาออกมาแต่ก็ต้องถูกเสียงเรียกเอาไว้
"รุ่นพี่"
"หือ..?"
หันกลับไปเห็นจงอินกับจื่อเทามองหน้ากัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วก็หันมายิ้มให้เขา คนที่มีขอบตาคล้ำพูดขึ้น"ปลุกเจ้าชายนิทราต้องจูบนะครับ"
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดเพราะอยู่ๆก็รู้สึกปวดแปล้บที่หลังดังขึ้นจากทั้งสองคน
----------------------------------------------------------------------------------------
.
กิฟวันละนิดจิตชื่นบาน555555555555555555555
ความคิดเห็น