คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1..
เสียงอีการ้องดังขึ้นเหนือหัว
ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนที่ไร้ซึ่งแสงของดวงจันทร์
ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือบ้านเก่าแก่อายุนับสองร้อยปี
ที่ถูกชาวบ้านละแวกนี้ขนานนามว่าบ้านผีสิง
ความน่ากลัวของที่นี่เป็นที่กล่าวขานไปทั่ว
ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้
...จะยกเว้นก็แต่พวกวัยรุ่นที่คิดจะมาลองดีเท่านั้น
ตรงพื้นที่ด้านหน้าของบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้าขึ้นสูง
เห็นเงาของคนกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงนั้น
"จะเข้าไปจริงๆเหรอ" เด็กหนุ่มเอ่ยถามอีกสองคนที่เหลืออย่างไม่มั่นใจ
"มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ อย่าบอกนะว่าฮยองกลัวน่ะ" คนที่เดินอยู่ด้านหน้าถามลองเชิง
ถึงจะไม่เห็นสีหน้า แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่แน่ๆ
"กลัวบ้าอะไรเล่า ดูคนข้างหลังฉันก่อนดิ"
ว่าแล้วมินซอกก็พยักเพยิดหน้าไปยังคนที่จับชายเสื้อเขาอยู่ทางด้านหลัง
"กลัวเหรอ ลู่หานฮยอง" คนด้านหน้าถามเสียงกลั้วหัวเราะ
"กลัวบ้าอะไร ฉันแค่กลัวมินซอกจะเดินหลงกลุ่ม
เลยจับเสื้อไว้ต่างหาก"ลู่หานส่งเสียงดัง
คำตอบเขาทำเอาจงแดที่เดินนำอยู่หัวเราะออกมาเล็กน้อย
"โอเคๆ งั้นเข้าไปเลยมั้ย" จงแดกดเปิดสวิสต์ไฟฉาย
ทำให้ภาพของบ้านผีสิงหลังนี้ปรากฏชัดในสายตาพวกเขามากกว่าเดิม
บ้านโบราณสองชั้นเก่าแก่ทำจากไม้สีเทาดำ
มีวัชพืชรกชักขึ้นเกาะตามตัวบ้านเต็มไปหมด
ร่องรอยสึกหรอที่ถูกกาลเวลาสร้างขึ้นตามที่ต่างๆซึ่งเพิ่มความน่ากลัวของบ้านหลังนี้มากยิ่งขึ้น
คิมมินซอกรู้สึกได้ว่าแรงที่ดึงชายเสื้อของเขามีมากกว่าเดิม
"นายโอเคจริงๆเหรอ" เขาหันกลับไปถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง
"จะกลัวอาไร๊รร" ลู่หานตอบเสียงหลง ท่าทางดูมีพิรุธขั้นสูงสุด
"บ้านเก่าๆอย่าง..." จู่ๆจงแดก็เอามือมาปิดปากลู่หานทันที
ใบหน้าสวยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความมึนงงผสมไม่พอใจ
"ฮยองจะพูดว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้เด็ดขาด" จงแดพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
"เจ้าของบ้านเขาไม่ชอบ"
ลู่หานที่ดิ้นหลุดออกมาจากมือของจงแดเอ่ยด้วยใบหน้าและน้ำเสียงท้าทาย"ไหนเจ้าของบ้าน"
สิ้นคำพูดของร่างโปร่ง
ลมพัดแรงขึ้น เสียงดังปังเกิดขึ้นในบ้านร้างหลังนั้น
คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าส่ายหน้าเบาๆ
"ผมไม่แน่ใจว่าฮยองอยากจะเห็นเขาจริงๆรึเปล่า"
ลู่หานปิดปากลงด้วยใบหน้าซีดเผือก
จงแดพยักหน้าให้คนทั้งคู่แล้วเดินก้าวขึ้นบันไดไปยังประตู
มินซอกที่เห็นเขาแอบกลั้นขำ ถอนหายใจเบาๆออกมา
แล้วจึงเอื้อมมือไปจับมือชื้นเหงื่อของลู่หานที่เกาะเสื้อเขามากุมไว้
คนถูกกุมบีบมือของเขากลับเบาๆ
"พร้อมนะ" จงแดเอ่ยถาม
"อืม" เสียงตอบรับดังขึ้นมาจากมินซอกเพียงคนเดียว
แล้วเขาก็เอื้อมมือบิดลูกบิดเบาๆ
...แกร๊ก
ประตูที่ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายทำให้จงแดเลิกคิ้วออกมาเล็กน้อย
ตอนแรกเขานึกว่ามันจะต้องเขย่าแรงๆถึงจะเปิดออก มันดูน่าจะมีสนิมขึ้นจนทำให้ใช้งานได้ไม่ดีแท้ๆ
เขาก้าวนำเข้าไปก่อน
โดยมีมินซอกกับลู่หานก้าวตามมาติดๆ
บรรยากาศภายในบ้านทั้งเย็นเยียบและวังเวงจนน่าใจหาย ทั้งๆที่ยังอยู่ในช่วงปลายฤดูร้อน
แต่พวกเขารู้สึกว่าอุณหภูมิช่างหนาวเหน็บ รู้สึกหนาวกว่าอากาศด้านนอกด้วยซ้ำ
สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นหลังจากเปิดประตูเข้ามาคือห้องโถงกว้างๆที่มีบันได
ทั้งลงไปชั้นล่างซึ่งคงจะเป็นห้องใต้ดิน และขึ้นไปยังชั้นสอง
"เดินดูชั้นหนึ่งก่อนละกันนะครับ"
มินซอกนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาสามคนต้องมาผจญอยู่ในบ้านผีสิงหลังนี้
'รู้เปล่า บ้านร้างตรงซอยด้านหลังตรงนั้นน่ะโคตรเฮี้ยนเลยมึง' กลุ่มชายที่ออกมายืนคุยกันตรงทางเดินพูดขึ้น
'อ่อใช่
เห็นว่าเมื่อวานตอนสองทุมไอ้คริสได้ยินเสียงคนร้องไห้เลยจะเข้าไปช่วย'
'ฮีโร่อีกกก'
'เออ แล้วรู้ป่ะ ตอนนี้มันโดนหลอกนอนซมอยู่ที่หอเลยเว่ย'
'โห ท่าจะเฮี้ยนจริงว่ะ'
บทสนทนาทั้งหมดผ่านเข้าหูของซิ่วหมิน
และลู่หาน ทั้งสองหันมาคนสบตากัน
เรียนเสร็จทั้งสองคนก็รีบกลับไปยังหอพัก
พวกเขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่อยู่ห่างออกมาจากบริเวณตัวเมืองไม่ไกลนัก
หอพักของนักศึกษาของที่นี่ตั้งอยู่ในบริเวณรั้วเดียวกันกับตึกเรียนเป็นบริเวณกว้าง
มีเสียงเล่าลือกันว่าบ้านร้างตรงท้ายซอยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักเป็นบ้านผีสิง
'คริส นายเป็นอะไรมั้ย' ลู่หานเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้องพักโดยมีซิ่วหมินก้าวตามเข้ามา
'อย่ามาหลอกฉันนะ! อย่า!!' คริสละเมอสะดุ้งสุดตัวขึ้นมา
แล้วก็ล้มลงไปนอนบนเตียงต่อ
'นายว่าเป็นไปได้มะที่มันแค่อยากโดดเรียน'ลู่หานกลอกตามองคนที่นอนละเมออยู่บนเตียง
แต่ก่อนที่มินซอกจะได้พูดอะไร
คริสก็เพ้อออกมาอีกว่า
'ช่วยที ช่วยเอามาที' เมื่อเห็นท่าชักจะไม่ดีแล้ว
ทั้งสองคนรีบเข้าไปใกล้ๆคริส
'นายเป็นอะไรเนี่ย' ลู่หานเขย่าตัวคนที่นอนดิ้นอยู่เบาๆ
มินซอกจับมือคริสขึ้นมากุมไว้
'ฉัน..ฉัน...ฉัน' ทั้งสองคนกลั้นหายใจรอฟังคำที่คริสจะพูด
เพียงแค่ชั่วอึดใจช่างดูยาวนาน'ฉันทำพวงกุญแจซูเปอร์แมนรุ่นลิมิเต็ดอิดีชั่นหายในบ้านหลังนั้น'
'พวกเราไปนอนกันเหอะ' ลู่หานบอกซิ่วหมินเสร็จก็ยันตัวขึ้นจากพื้นเตียง
เมื่อวานตอนที่คริสกลับหอมา
เขาทั้งตัวสั่นและดูหวาดกลัว เขานอนไปโดยที่ไม่พูดอะไรกลับทั้งสองคนเลยซักนิดเดียว
จนรุ่งเช้าที่คริสมีเรียนก็ไล่ทั้งสองคนให้ไปเรียน โดยที่เขาจะนอนอยู่ที่ห้อง
ลากเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออกมา ทั้งสองคนเห็นคริสไม่ได้ป่วยอะไรมาก
จึงตัดสินใจไปเรียนแล้วจะรีบกลับมาดู
แต่ยังไม่ทันจะได้ยืนขึ้นเต็มตัว
คริสก็คว้าข้อมือของคนทั้งคู่ไว้
'นะ พวกนาย ฉันไม่อยากจะเข้าไปอีกแล้ว' คนที่นั่งอยู่บนเตียงส่งเสียงเว้าวอน
ขณะดิ้นไปมาด้วยท่าทางออดอ้อน
'แล้วฉันอยากเหรอไงฟะ เดี๋ยวซื้อพวงกุญแจเป็ดเหลืองให้ละกันนะ' ลู่หานทำหน้าเซ็งใส่ ขนาดมินซอกยังก้มหน้าลงด้วยความเหนื่อยใจ
'ไม่ได้ดดด ไม่เอาเป็ดเหลือง รุ่นนี้มันไม่มีผลิตอีกแล้วน้าาา' ท่าทางของคนตัวโตที่งอแงเป็นเด็กเล็กๆ ทำให้สองคนที่ถูกรั้งตัวไว้รู้สึกอยากจะกระโดดถีบเขาขึ้นมาตงิดๆ
'ไม่เข้าเฟ้ย ฝันไปเหอะ' ลู่หานปฏิเสธใบหน้าอ้อนวอนของคริสฉับพลัน
ถึงมินซอกจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้สึกเห็นด้วยเป็นที่สุด
'ข้าว...' คริสพูด
เป็นคำที่เรียกความสนใจของทั้งสองคนได้ในทันที 'ฉันจะเลี้ยงข้าวพวกนายอาทิตย์นึง!'
แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดใจของลู่หานให้เขาต้องเข้าไปเดินท่อมๆในบ้านร้างที่มีกิตติศัพท์แสนจะไม่ธรรมดาได้ 'แล้วมันยังไง..' ใบหน้าหวานยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
'ได้! พวกฉันจะช่วยนายหาเอง'
'ฮะ!!!'
'นายก็ต้องไปด้วยกันนะลู่หาน' คนตัวเล็กเอามือข้างที่ไม่ได้ถูกคริสกุมมาจับไหล่ของลู่หาน
'จะบ้าเหรอ' คนที่ถูกจับส่ายหน้าไปมาอย่างแรง
'เยี่ยมมากพวกนาย' คริสเอามือขึ้นมากุมไว้ตรงอก
'ปะ ไปกันนน'
ส่วนจงแดมากับพวกเขาได้ยังไงน่ะเหรอ
พวกเขาที่เป็นรุ่นพี่ปีสามได้ยินคนอื่นคุยกันว่ามีรุ่นน้องปีสองคนหนึ่งมีคาถาอาคม
แถมยังไม่กลัวภูตผีปีศาจอีกต่างหาก
พวกเขาจึงไปขอให้รุ่นน้องคนนั้นซึ่งก็คือคิมจงแด
ให้ช่วยพวกเขาเรื่องบ้านผีสิง
'ได้สิ' เฉินตอบขณะล้วงกระเป๋า
ช่างเป็นเด็กที่ใจบุญจริงๆ
มินซอกและลู่หานรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริง
'นี่ซองผ้าป่าครับฮยอง' ว่าแล้วจงแดก็ยื่นซองผ้าป่าสองใบมาทางพวกเขา
พร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ
'...'
"ผมไม่ได้มีคาถาอาคมหรอกนะครับ ผมแค่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ต่างหาก"
จงแดพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ ตอนนี้พวกเขาหยุดยืนเพื่อวางแผนกันอยู่ตรงห้องโถงเดิมนั่นแหละ
"ฮ่าๆๆ ฉันก็เหมือนกัน" ใบหน้าหวานหัวเราะแห้งๆ
มินซอกเหล่มองลู่หานที่ยังกุมมือเขาเอาไว้แน่นอยู่เลย
ดูเหมือนจะแน่นขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำ
"เอ้อ ว่าแต่พอจะรู้ว่าคริสฮยองทำตกไว้ที่ไหนมั้ยครับ"
คนที่เด็กที่สุด แต่ในตอนนี้ถูกยก(ปนยัดเยียด)สถานะผู้นำแก้งค์ตามล่าพวงกุญแจเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
บ้านหลังนี้ถึงจะมองจากภายนอกแล้วหลังไม่ใหญ่มาก แต่พอได้ลองเข้ามาข้างในแล้ว
รู้สึกชวนให้หลงทางจริงๆ
"อืม เรื่องนี้.." มินซอกส่งเสียงออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก
"คริสบอกว่ามันจำอะไรไม่ได้เลย" ลู่หานกัดฟันตอบด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น
"ใช่ มันบอกว่าพอเข้ามาก็จำอะไรไม่ได้เลย
แต่แน่ใจว่ามันทำหายไว้ที่นี่แน่ๆ" คนตัวเล็กเสริม
"งั้นเหรอครับ" จงแดตอบรับเบาๆ ด้วยใบหน้าครุ่นคิด
"ลองดูกันมาสามห้องแล้วก็ยังไม่เจอ หรือจะลองแยกกันหาดูครับ"
จงแดเสนอขึ้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาพอสมควร
"ไม่เด็ดขาด ถ้ามินซอกหลงทางไปจะทำไง"
คำตอบของลู่หานทำเอาคนที่ถูกยกขึ้นมาอ้างกลอกตาด้วยความเหนื่อยใจ
"แต่ผมว่าถ้าหาอย่างงี้ ทั้งคืนก็หาไม่เจอหรอก"
"แต่.." ลู่หานปล่อยมือขอวเขา แล้วตั้งใจเถียงกันรุ่นน้องเต็มที่ มินซอกปล่อยคนสองคนเถียงกันไป
แล้วเดินสำรวจรอบๆห้องนี้อีกครั้ง ดูท่าห้องนี้จะเป็นห้องนอน
มีเตียงเดี่ยวตั้งอยู่ ผ้าปูและเครื่องนอนถึงจะดูเก่าและซีด
แต่กับดูสะอาดจนทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
" นี่ ฉันว่า.."
มินซอกก้าวถอยหลังออกมาเล็กน้อยความรู้สึกแปลกๆก่อตัวขึ้นกดดันจิตใจของเขา
เขาก้าวถอยไปไม่กี่ก้าว
ก็รู้สึกโหวงที่เท้าจนหน้าตกใจ
พื้นไม้ที่เขาเหยียบพังลงไป
"เห้ย" เขาทำได้เพียงเบิกตากว้าง มองดูทุกอย่างห่างไกลออกไป
"มินซอกกกก!/ฮยองงงง!"
"โอยยย" เขาลูบหัวที่ปวดระบม แล้วยันตัวขึ้นจากสิ่งที่อยู่ภายใต้ร่างของเขา
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว
เขาสำรวจตัวเองเป็นอย่างถัดไป
เพราะตกลงบนโซฟา เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร
จะมีก็แต่หัวที่ยังมึนอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
มินซอกเคาะหัวเบาๆ
ช่างเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายที่สุดจริงๆ
เขาเปิดไฟฉายในมือเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ
เขาส่ายไฟฉายไปมา
เห็นสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์
ของกระจุกกระจิกที่วางอยู่ตามตู้เก็บของ
รวมไปถึงหนังสือกองมหึมานั้นวางอยู่เต็มไปหมด
ดูเหมือนนี่จะเป็นห้องเก็บของชั้นใต้ดิน
เขาคิดว่าอย่างนั้นนะ
คงเพราะพื้นเก่าจึงพังลงมาตอนที่เขาไปเหยียบเข้า
ทำไมถึงโชคร้ายอย่างี้วะเรา
มินซอกตบหน้าผากตัวเองเบาๆขณะที่ทิ้งตัวอยู่บนโซฟา
แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด หวังจะโทรหาสองคนนั้น
แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อมันเปิดไม่ติด "เป็นอะไรอีกเนี่ย"
เขาจำได้ว่าเขาชาร์จแบตมาเต็มแน่ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะตอนที่ตกลงมามันกระแทก เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ
เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมาจริงๆแล้ว
ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งลี้ลับเป็นพิเศษ
แต่สถานการณ์ที่เขาพบเจออยู่ตอนนี้มันชวนให้ตะโกนออกมาจริงๆ
"คงต้องหาบันไดขึ้นไปข้างบนก่อน" คนตัวเล็กบอกกับตัวเอง
พลางลุกขึ้นจากโซฟา
แล้วมองไปรอบๆมีแต่เฟอร์นิเจอร์บดบังทัศนวิศัย
ใครมันสร้างห้องเก็บของให้ใหญ่ขนาดนี้วะแต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือมีของให้เก็บจนเต็มห้องนี่สิ
"อย่าเพิ่งไปสิครับ" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น
มินซอกรู้สึกเกร็งทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านหลัง...ทางที่เขาเพิ่งเดินมา
มันทำให้เขาไม่กล้าจะขยับตัวหรือแม้แต่จะหันไปมอง
ใบหน้ากลมเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
โจร? ผี? ซอมบี้? คนที่เผลอตกลงมาเหมือนกัน?...เป็นไปไม่ได้ที่สุด
นี่เราควรทำยังไงดี
"หันมามองผมสิครับ" เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้มันดังอยู่ข้างๆหูของเขา ใกล้จนรู้สึกถึงลมอุ่นๆ
ใจเต้นดังขึ้นมาราวกับมีใครมาตีกลองในอก "ผมหล่อนะครับ"
...ช่างเป็นประโยคที่ทำเอาคนฟังแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองเลยทีเดียว
อาจเป็นเพราะคำพูดนั้น
คนตัวเล็กจึงรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นช้าลงแล้ว "ไม่เอาอะ ถ้านายเป็นซอมบี้
ฉันคงต้องเห็นเนื้อเละๆเน่าๆ แถมน้ำเหลืองยังไหลอีกต่าง..."
มินซอกกลั้นใจพูดขณะที่หลับตาปี๋
"ฮะๆๆๆ อะไรของคุณเนี่ย"
เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย...
แต่เขาก็ยังไม่กล้าหันไปมองอยู่ดี
"ถ้าไม่หันมาผมจะไปโผล่ตรงหน้าคุณนะครับ"
"หันแล้ว!หันแล้ว!ฉันหันแล้ว!"
หลังจากที่ลองชั่งใจดูศูนย์จุดศูนย์ศูนย์สองวินาที
ว่าเขาควรจะหันไปเผชิญหน้ากับสิ่งลึกลับด้วยตัวเอง หรือ เจอศพในสภาพเน่าเละ
น้ำเหลืองไหล หนอนไชลูกตาโผล่พรวดขึ้นมาตรงหน้า...แบบแรกจึงชนะไปโดยปริยาย
มินซอกชูมือสองข้างขึ้นเหนือหัวแล้วหันมาทันที เหมือนโจรโดนจับ
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคือเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ซอมบี้
และก็คงไม่ใช่โจรด้วย...เอ่อ ผีด้วยละมั้ง
เขาอยู่ในชุดเสื้อยืด
สวมเสื้อกันหนาวมีฮู้ดทับ สวมกางเกงยีนส์ขายาว และรองเท้าผ้าใบ
ดูประมาณอายุยี่สิบไม่น่าเกินไปกว่านี้ ใบหน้าหล่อเนียนของเขานิ่งเฉย
...เขาดูเป็นคนที่ไม่น่าพูดประโยคทีชวนโดนเตะตะกี้ออกมาได้เลยสักนิด
ถึงมันจะจริงก็เหอะ
"โถ่ คนนี่เอง" มินซอกถอนหายใจออกมาเบาๆ
ทำให้ร่างสูงตรงหน้าขำขึ้นอีกครั้ง จากใบหน้าเรียบเฉยปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
"แล้วคิดว่าอะไรเหรอครับ" เขาถามหยั่งเชิง
"อย่าให้ฉันพูดเลย" คนตัวเล็กบอกปัดไป
"ผมโอเซฮุน คุณล่ะครับ" การที่เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
ทำเอาคนถูกถามงงเล็กน้อย
"คิมมินซอกน่ะ"
"อืม มินซอกงั้นเหรอ ถึงคุณจะดูหน้าเด็ก แต่คุณต้องแก่กว่าผมแน่ๆ
เพราะฉะนั้นผมจะเรียกคุณฮยองนะครับ" มินซอกมองชายหนุ่มที่พูดเองเออเอง
เขารู้สึกมึนกับการกระทำของคนตรงหน้า
"แล้วแต่นายเถอะ น่าจะเป็นงั้นแหละ” เขาก็สังเกตว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคงมีอายุประมาณสิบเก้ายี่สิบไม่น่าจะเกินไปกว่านี้
จึงเด็กกว่าเขาที่อายุยี่สิบเอ็ด “ว่าแต่นายรู้มั้ยว่าทางออกอยู่ไหน”
"ช่วยกันหาสิครับ” เขาอมยิ้มมุมปาก
มันดูเป็นยิ้มที่มีเลศนัยมากถึงมากที่สุดในสายตามินซอก
"มาจับมือกันเถอะครับ"
"ห้ะ อะไรนะ" คนถูกชวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไร จีบเขางั้นเรอะ เอ่อ...ไม่ใช่มั้ง
"จับมือกันไงครับ" นั่นไม่ใช่ประเด็นเฟ่ยยย
ว่าแล้วเซฮุนก็ไม่รอคนตรงหน้าอีก
เขาคว้ามือเล็กมากุมเอาไว้
ทำให้คนตัวเล็กอ้าปากเหวอเล็กน้อย...จริงๆมันกว้างจนแมลงวันแทบจะบินเข้าปากเขาได้ทั้งฝูง
แต่เซฮุนกลับไม่สนใจสักนิด
เขาเดินนำมินซอกไปเรื่อยๆ ลัดเลาะไปตามเครื่องเรือนชิ้นต่างๆโดยไม่พูดอะไร
โดยมีมินซอกคอยเอาไฟฉายส่องทางให้
บรรยากาศเงียบจนน่าอึดอัด
เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าห้องเก็บของอะไรจะใหญ่ได้ขนาดนี้
มือที่จูงเขากระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย
เจ้าของใบหน้ากลมรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า
แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับเลือกที่จะเดินตามไปโดยไม่ขัดขืน
"นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง" ร่างเล็กเอ่ยถาม
"ไม่รู้สิครับ รู้ตัวอีกทีก็เห็นคุณอยู่ตรงหน้าแล้ว"
เซฮุนตอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้มินซอกรู้สึกไม่สบายใจ
...นี่มันชักจะแปลกๆอยู่นะ...
ทั้งการกระทำของคนตรงหน้า
...และตัวของเขาเอง
มินซอกเดินตามไป
คำตอบมีนัยบางอย่างแฝงไว้ เขารู้สึกเช่นนั้น
เขาเหม่อมองแผ่นหลังคนตรงหน้าชั่วครู่
แล้วก้มลงมองมือที่ถูกกุมไว้
"มินซอกฮยอง"
คนถูกเรียกโดยไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งเล็กน้อย
ก่อนจะเงยหน้าขึ้น "เจอบันไดแล้วล่ะครับ" เซฮุนส่งยิ้มสดใสออกมา
"อะ..อืม" ความสงสัยในใจทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาเดินก้าวตามเซฮุนขึ้นบันไดไป
"นายตกลงมาตอนไหนเนี่ย"เนื่องจากคนตรงหน้าไม่ยอมบอกว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
เขาจึงลองเดาเอาว่าตกลงมาเหมือนกัน
คนด้านหน้าไม่ตอบอะไร
มินซอกเริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้ง
ที่เขาตัดสินใจสรุปว่าหมอนี่เป็นคนตั้งแต่ที่เจอมันผิดไปรึเปล่านะ
ทุกก้าวที่เขาก้าวเดินรู้สึกเปลือกตามันหนักอึ้งลงทุกขณะ "นี่!เซฮุน"
เขาตะโกนออกมา ด้วยอารมณ์ที่ระเบิดแน่นอยู่ข้างใน
เขาไม่เข้าใจเด็กที่เดินนำอยู่ข้างหน้าว่าทำไมถึงต้องจูงมือเขาเอาไว้ ท่าทางของเซฮุนที่ดูแปลกและไม่ปกติอย่างถึงที่สุด
รวมไปจนถึงตัวเขาที่ไม่ยอมสะบัดมือออก
พอถึงบันไดขั้นสุดท้าย
มินซอกเห็นประตูทางออกอยู่เบื้องหน้า หัวใจที่เอยู่ในอกเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ
สวนทางกับความง่วงงุนที่ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
...และแล้วสติของเขาก็ดับวูบลง
"ขอโทษน้ะครับ มินซอกฮยอง"น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนจะหมดสติไป
-----------------------------------
จบลงไปแล้วกับบทแรก
หุหุ ทุกคนคงงงกับการกระทำของเน่กันล่ะสิ
ทุกอย่างดูไม่มีเหตุผลเลย สมฉายาเน่อินดี้555
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
รักรีดน้ะจ้ะ จุ้บจุ้บ
ความคิดเห็น