ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [HunMin]Hauntedhouse ft. EXO

    ลำดับตอนที่ #1 : 1..

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 59


    เสียงอีการ้องดังขึ้นเหนือหัว


    ท่ามกลางความมืดยามค่ำคืนที่ไร้ซึ่งแสงของดวงจันทร์ ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าคือบ้านเก่าแก่อายุนับสองร้อยปี ที่ถูกชาวบ้านละแวกนี้ขนานนามว่าบ้านผีสิง


    ความน่ากลัวของที่นี่เป็นที่กล่าวขานไปทั่ว ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้


    ...จะยกเว้นก็แต่พวกวัยรุ่นที่คิดจะมาลองดีเท่านั้น


    ตรงพื้นที่ด้านหน้าของบ้านที่เต็มไปด้วยหญ้าขึ้นสูง เห็นเงาของคนกลุ่มหนึ่งอยู่ตรงนั้น


    "จะเข้าไปจริงๆเหรอ" เด็กหนุ่มเอ่ยถามอีกสองคนที่เหลืออย่างไม่มั่นใจ


    "มาถึงขนาดนี้แล้วนี่ อย่าบอกนะว่าฮยองกลัวน่ะ" คนที่เดินอยู่ด้านหน้าถามลองเชิง ถึงจะไม่เห็นสีหน้า แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายต้องยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่แน่ๆ


    "กลัวบ้าอะไรเล่า ดูคนข้างหลังฉันก่อนดิ" ว่าแล้วมินซอกก็พยักเพยิดหน้าไปยังคนที่จับชายเสื้อเขาอยู่ทางด้านหลัง


    "กลัวเหรอ ลู่หานฮยอง" คนด้านหน้าถามเสียงกลั้วหัวเราะ


    "กลัวบ้าอะไร ฉันแค่กลัวมินซอกจะเดินหลงกลุ่ม เลยจับเสื้อไว้ต่างหาก"ลู่หานส่งเสียงดัง คำตอบเขาทำเอาจงแดที่เดินนำอยู่หัวเราะออกมาเล็กน้อย


    "โอเคๆ งั้นเข้าไปเลยมั้ย" จงแดกดเปิดสวิสต์ไฟฉาย ทำให้ภาพของบ้านผีสิงหลังนี้ปรากฏชัดในสายตาพวกเขามากกว่าเดิม


    บ้านโบราณสองชั้นเก่าแก่ทำจากไม้สีเทาดำ มีวัชพืชรกชักขึ้นเกาะตามตัวบ้านเต็มไปหมด ร่องรอยสึกหรอที่ถูกกาลเวลาสร้างขึ้นตามที่ต่างๆซึ่งเพิ่มความน่ากลัวของบ้านหลังนี้มากยิ่งขึ้น


    คิมมินซอกรู้สึกได้ว่าแรงที่ดึงชายเสื้อของเขามีมากกว่าเดิม


    "นายโอเคจริงๆเหรอ" เขาหันกลับไปถามอีกคนด้วยความเป็นห่วง


    "จะกลัวอาไร๊รร" ลู่หานตอบเสียงหลง ท่าทางดูมีพิรุธขั้นสูงสุด "บ้านเก่าๆอย่าง..." จู่ๆจงแดก็เอามือมาปิดปากลู่หานทันที ใบหน้าสวยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความมึนงงผสมไม่พอใจ


    "ฮยองจะพูดว่าบ้านหลังนี้ไม่ได้เด็ดขาด" จงแดพูดด้วยใบหน้าจริงจัง "เจ้าของบ้านเขาไม่ชอบ"


    ลู่หานที่ดิ้นหลุดออกมาจากมือของจงแดเอ่ยด้วยใบหน้าและน้ำเสียงท้าทาย"ไหนเจ้าของบ้าน"


    สิ้นคำพูดของร่างโปร่ง ลมพัดแรงขึ้น เสียงดังปังเกิดขึ้นในบ้านร้างหลังนั้น


    คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าส่ายหน้าเบาๆ "ผมไม่แน่ใจว่าฮยองอยากจะเห็นเขาจริงๆรึเปล่า"


    ลู่หานปิดปากลงด้วยใบหน้าซีดเผือก จงแดพยักหน้าให้คนทั้งคู่แล้วเดินก้าวขึ้นบันไดไปยังประตู มินซอกที่เห็นเขาแอบกลั้นขำ ถอนหายใจเบาๆออกมา แล้วจึงเอื้อมมือไปจับมือชื้นเหงื่อของลู่หานที่เกาะเสื้อเขามากุมไว้


    คนถูกกุมบีบมือของเขากลับเบาๆ


    "พร้อมนะ" จงแดเอ่ยถาม


    "อืม" เสียงตอบรับดังขึ้นมาจากมินซอกเพียงคนเดียว แล้วเขาก็เอื้อมมือบิดลูกบิดเบาๆ


    ...แกร๊ก


    ประตูที่ถูกเปิดออกอย่างง่ายดายทำให้จงแดเลิกคิ้วออกมาเล็กน้อย ตอนแรกเขานึกว่ามันจะต้องเขย่าแรงๆถึงจะเปิดออก มันดูน่าจะมีสนิมขึ้นจนทำให้ใช้งานได้ไม่ดีแท้ๆ


    เขาก้าวนำเข้าไปก่อน โดยมีมินซอกกับลู่หานก้าวตามมาติดๆ


    บรรยากาศภายในบ้านทั้งเย็นเยียบและวังเวงจนน่าใจหาย ทั้งๆที่ยังอยู่ในช่วงปลายฤดูร้อน แต่พวกเขารู้สึกว่าอุณหภูมิช่างหนาวเหน็บ รู้สึกหนาวกว่าอากาศด้านนอกด้วยซ้ำ 



    สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นหลังจากเปิดประตูเข้ามาคือห้องโถงกว้างๆที่มีบันได ทั้งลงไปชั้นล่างซึ่งคงจะเป็นห้องใต้ดิน และขึ้นไปยังชั้นสอง


    "เดินดูชั้นหนึ่งก่อนละกันนะครับ"


    มินซอกนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาสามคนต้องมาผจญอยู่ในบ้านผีสิงหลังนี้









     

    'รู้เปล่า บ้านร้างตรงซอยด้านหลังตรงนั้นน่ะโคตรเฮี้ยนเลยมึงกลุ่มชายที่ออกมายืนคุยกันตรงทางเดินพูดขึ้น


    'อ่อใช่ เห็นว่าเมื่อวานตอนสองทุมไอ้คริสได้ยินเสียงคนร้องไห้เลยจะเข้าไปช่วย'


    'ฮีโร่อีกกก'


    'เออ แล้วรู้ป่ะ ตอนนี้มันโดนหลอกนอนซมอยู่ที่หอเลยเว่ย'


    'โห ท่าจะเฮี้ยนจริงว่ะ'


    บทสนทนาทั้งหมดผ่านเข้าหูของซิ่วหมิน และลู่หาน ทั้งสองหันมาคนสบตากัน


    เรียนเสร็จทั้งสองคนก็รีบกลับไปยังหอพัก


    พวกเขาเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่อยู่ห่างออกมาจากบริเวณตัวเมืองไม่ไกลนัก หอพักของนักศึกษาของที่นี่ตั้งอยู่ในบริเวณรั้วเดียวกันกับตึกเรียนเป็นบริเวณกว้าง


    มีเสียงเล่าลือกันว่าบ้านร้างตรงท้ายซอยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนักเป็นบ้านผีสิง


    'คริส นายเป็นอะไรมั้ยลู่หานเปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปข้างในห้องพักโดยมีซิ่วหมินก้าวตามเข้ามา


    'อย่ามาหลอกฉันนะ! อย่า!!คริสละเมอสะดุ้งสุดตัวขึ้นมา แล้วก็ล้มลงไปนอนบนเตียงต่อ


    'นายว่าเป็นไปได้มะที่มันแค่อยากโดดเรียน'ลู่หานกลอกตามองคนที่นอนละเมออยู่บนเตียง


    แต่ก่อนที่มินซอกจะได้พูดอะไร คริสก็เพ้อออกมาอีกว่า


    'ช่วยที ช่วยเอามาทีเมื่อเห็นท่าชักจะไม่ดีแล้ว ทั้งสองคนรีบเข้าไปใกล้ๆคริส


    'นายเป็นอะไรเนี่ยลู่หานเขย่าตัวคนที่นอนดิ้นอยู่เบาๆ มินซอกจับมือคริสขึ้นมากุมไว้


    'ฉัน..ฉัน...ฉันทั้งสองคนกลั้นหายใจรอฟังคำที่คริสจะพูด เพียงแค่ชั่วอึดใจช่างดูยาวนาน'ฉันทำพวงกุญแจซูเปอร์แมนรุ่นลิมิเต็ดอิดีชั่นหายในบ้านหลังนั้น'


    'พวกเราไปนอนกันเหอะลู่หานบอกซิ่วหมินเสร็จก็ยันตัวขึ้นจากพื้นเตียง


    เมื่อวานตอนที่คริสกลับหอมา เขาทั้งตัวสั่นและดูหวาดกลัว เขานอนไปโดยที่ไม่พูดอะไรกลับทั้งสองคนเลยซักนิดเดียว จนรุ่งเช้าที่คริสมีเรียนก็ไล่ทั้งสองคนให้ไปเรียน โดยที่เขาจะนอนอยู่ที่ห้อง ลากเท่าไหร่ก็ไม่ยอมออกมา ทั้งสองคนเห็นคริสไม่ได้ป่วยอะไรมาก จึงตัดสินใจไปเรียนแล้วจะรีบกลับมาดู


    แต่ยังไม่ทันจะได้ยืนขึ้นเต็มตัว คริสก็คว้าข้อมือของคนทั้งคู่ไว้


    'นะ พวกนาย ฉันไม่อยากจะเข้าไปอีกแล้วคนที่นั่งอยู่บนเตียงส่งเสียงเว้าวอน ขณะดิ้นไปมาด้วยท่าทางออดอ้อน


    'แล้วฉันอยากเหรอไงฟะ เดี๋ยวซื้อพวงกุญแจเป็ดเหลืองให้ละกันนะลู่หานทำหน้าเซ็งใส่ ขนาดมินซอกยังก้มหน้าลงด้วยความเหนื่อยใจ


    'ไม่ได้ดดด ไม่เอาเป็ดเหลือง รุ่นนี้มันไม่มีผลิตอีกแล้วน้าาาท่าทางของคนตัวโตที่งอแงเป็นเด็กเล็กๆ ทำให้สองคนที่ถูกรั้งตัวไว้รู้สึกอยากจะกระโดดถีบเขาขึ้นมาตงิดๆ


    'ไม่เข้าเฟ้ย ฝันไปเหอะลู่หานปฏิเสธใบหน้าอ้อนวอนของคริสฉับพลัน ถึงมินซอกจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้สึกเห็นด้วยเป็นที่สุด


    'ข้าว...คริสพูด เป็นคำที่เรียกความสนใจของทั้งสองคนได้ในทันที 'ฉันจะเลี้ยงข้าวพวกนายอาทิตย์นึง!'


    แต่นั่นยังไม่เพียงพอที่จะดึงดูดใจของลู่หานให้เขาต้องเข้าไปเดินท่อมๆในบ้านร้างที่มีกิตติศัพท์แสนจะไม่ธรรมดาได้ 'แล้วมันยังไง..ใบหน้าหวานยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว


    'ได้! พวกฉันจะช่วยนายหาเอง'


    'ฮะ!!!'


    'นายก็ต้องไปด้วยกันนะลู่หานคนตัวเล็กเอามือข้างที่ไม่ได้ถูกคริสกุมมาจับไหล่ของลู่หาน


    'จะบ้าเหรอคนที่ถูกจับส่ายหน้าไปมาอย่างแรง


    'เยี่ยมมากพวกนายคริสเอามือขึ้นมากุมไว้ตรงอก


    'ปะ ไปกันนน'

     
     

    ส่วนจงแดมากับพวกเขาได้ยังไงน่ะเหรอ พวกเขาที่เป็นรุ่นพี่ปีสามได้ยินคนอื่นคุยกันว่ามีรุ่นน้องปีสองคนหนึ่งมีคาถาอาคม แถมยังไม่กลัวภูตผีปีศาจอีกต่างหาก


    พวกเขาจึงไปขอให้รุ่นน้องคนนั้นซึ่งก็คือคิมจงแด ให้ช่วยพวกเขาเรื่องบ้านผีสิง


    'ได้สิเฉินตอบขณะล้วงกระเป๋า ช่างเป็นเด็กที่ใจบุญจริงๆ


    มินซอกและลู่หานรู้สึกซาบซึ้งจากใจจริง


    'นี่ซองผ้าป่าครับฮยองว่าแล้วจงแดก็ยื่นซองผ้าป่าสองใบมาทางพวกเขา พร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ


    '...'








     

    "ผมไม่ได้มีคาถาอาคมหรอกนะครับ ผมแค่ไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ต่างหาก" จงแดพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ ตอนนี้พวกเขาหยุดยืนเพื่อวางแผนกันอยู่ตรงห้องโถงเดิมนั่นแหละ


    "ฮ่าๆๆ ฉันก็เหมือนกัน" ใบหน้าหวานหัวเราะแห้งๆ มินซอกเหล่มองลู่หานที่ยังกุมมือเขาเอาไว้แน่นอยู่เลย ดูเหมือนจะแน่นขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำ


    "เอ้อ ว่าแต่พอจะรู้ว่าคริสฮยองทำตกไว้ที่ไหนมั้ยครับ" คนที่เด็กที่สุด แต่ในตอนนี้ถูกยก(ปนยัดเยียด)สถานะผู้นำแก้งค์ตามล่าพวงกุญแจเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง บ้านหลังนี้ถึงจะมองจากภายนอกแล้วหลังไม่ใหญ่มาก แต่พอได้ลองเข้ามาข้างในแล้ว รู้สึกชวนให้หลงทางจริงๆ


    "อืม เรื่องนี้.." มินซอกส่งเสียงออกมาอย่างไม่มั่นใจนัก


    "คริสบอกว่ามันจำอะไรไม่ได้เลย" ลู่หานกัดฟันตอบด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น


    "ใช่ มันบอกว่าพอเข้ามาก็จำอะไรไม่ได้เลย แต่แน่ใจว่ามันทำหายไว้ที่นี่แน่ๆ" คนตัวเล็กเสริม


    "งั้นเหรอครับ" จงแดตอบรับเบาๆ ด้วยใบหน้าครุ่นคิด

     

    "ลองดูกันมาสามห้องแล้วก็ยังไม่เจอ หรือจะลองแยกกันหาดูครับ"  จงแดเสนอขึ้นเมื่อเวลาล่วงเลยมาพอสมควร


    "ไม่เด็ดขาด ถ้ามินซอกหลงทางไปจะทำไง" คำตอบของลู่หานทำเอาคนที่ถูกยกขึ้นมาอ้างกลอกตาด้วยความเหนื่อยใจ


    "แต่ผมว่าถ้าหาอย่างงี้ ทั้งคืนก็หาไม่เจอหรอก"


    "แต่.." ลู่หานปล่อยมือขอวเขา แล้วตั้งใจเถียงกันรุ่นน้องเต็มที่ มินซอกปล่อยคนสองคนเถียงกันไป แล้วเดินสำรวจรอบๆห้องนี้อีกครั้ง ดูท่าห้องนี้จะเป็นห้องนอน มีเตียงเดี่ยวตั้งอยู่ ผ้าปูและเครื่องนอนถึงจะดูเก่าและซีด แต่กับดูสะอาดจนทำให้เขารู้สึกแปลกใจ


    นี่ ฉันว่า.." มินซอกก้าวถอยหลังออกมาเล็กน้อยความรู้สึกแปลกๆก่อตัวขึ้นกดดันจิตใจของเขา


    เขาก้าวถอยไปไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกโหวงที่เท้าจนหน้าตกใจ


    พื้นไม้ที่เขาเหยียบพังลงไป


    "เห้ย" เขาทำได้เพียงเบิกตากว้าง มองดูทุกอย่างห่างไกลออกไป


    "มินซอกกกก!/ฮยองงงง!"

     







     

    "โอยยย" เขาลูบหัวที่ปวดระบม แล้วยันตัวขึ้นจากสิ่งที่อยู่ภายใต้ร่างของเขา



    ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว


    เขาสำรวจตัวเองเป็นอย่างถัดไป เพราะตกลงบนโซฟา เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร จะมีก็แต่หัวที่ยังมึนอยู่เล็กน้อยเท่านั้น


    มินซอกเคาะหัวเบาๆ ช่างเป็นความโชคดีบนความโชคร้ายที่สุดจริงๆ


    เขาเปิดไฟฉายในมือเพื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ


    เขาส่ายไฟฉายไปมา เห็นสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ของกระจุกกระจิกที่วางอยู่ตามตู้เก็บของ รวมไปถึงหนังสือกองมหึมานั้นวางอยู่เต็มไปหมด


    ดูเหมือนนี่จะเป็นห้องเก็บของชั้นใต้ดิน เขาคิดว่าอย่างนั้นนะ


    คงเพราะพื้นเก่าจึงพังลงมาตอนที่เขาไปเหยียบเข้า ทำไมถึงโชคร้ายอย่างี้วะเรา


    มินซอกตบหน้าผากตัวเองเบาๆขณะที่ทิ้งตัวอยู่บนโซฟา แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด หวังจะโทรหาสองคนนั้น แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อมันเปิดไม่ติด "เป็นอะไรอีกเนี่ย" เขาจำได้ว่าเขาชาร์จแบตมาเต็มแน่ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะตอนที่ตกลงมามันกระแทก เขาเก็บโทรศัพท์มือถือ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมาจริงๆแล้ว



    ถึงเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งลี้ลับเป็นพิเศษ แต่สถานการณ์ที่เขาพบเจออยู่ตอนนี้มันชวนให้ตะโกนออกมาจริงๆ


    "คงต้องหาบันไดขึ้นไปข้างบนก่อน" คนตัวเล็กบอกกับตัวเอง พลางลุกขึ้นจากโซฟา


    แล้วมองไปรอบๆมีแต่เฟอร์นิเจอร์บดบังทัศนวิศัย


    ใครมันสร้างห้องเก็บของให้ใหญ่ขนาดนี้วะแต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือมีของให้เก็บจนเต็มห้องนี่สิ


    "อย่าเพิ่งไปสิครับ" เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้น


    มินซอกรู้สึกเกร็งทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านหลัง...ทางที่เขาเพิ่งเดินมา มันทำให้เขาไม่กล้าจะขยับตัวหรือแม้แต่จะหันไปมอง ใบหน้ากลมเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว


    โจรผีซอมบี้คนที่เผลอตกลงมาเหมือนกัน?...เป็นไปไม่ได้ที่สุด


    นี่เราควรทำยังไงดี


    "หันมามองผมสิครับ" เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันดังอยู่ข้างๆหูของเขา ใกล้จนรู้สึกถึงลมอุ่นๆ ใจเต้นดังขึ้นมาราวกับมีใครมาตีกลองในอก "ผมหล่อนะครับ"


    ...ช่างเป็นประโยคที่ทำเอาคนฟังแทบจะสำลักน้ำลายตัวเองเลยทีเดียว


    อาจเป็นเพราะคำพูดนั้น คนตัวเล็กจึงรู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นช้าลงแล้ว "ไม่เอาอะ ถ้านายเป็นซอมบี้ ฉันคงต้องเห็นเนื้อเละๆเน่าๆ แถมน้ำเหลืองยังไหลอีกต่าง..." มินซอกกลั้นใจพูดขณะที่หลับตาปี๋


    "ฮะๆๆๆ อะไรของคุณเนี่ย" เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลงเล็กน้อย... แต่เขาก็ยังไม่กล้าหันไปมองอยู่ดี


    "ถ้าไม่หันมาผมจะไปโผล่ตรงหน้าคุณนะครับ"


    "หันแล้ว!หันแล้ว!ฉันหันแล้ว!" หลังจากที่ลองชั่งใจดูศูนย์จุดศูนย์ศูนย์สองวินาที ว่าเขาควรจะหันไปเผชิญหน้ากับสิ่งลึกลับด้วยตัวเอง หรือ เจอศพในสภาพเน่าเละ น้ำเหลืองไหล หนอนไชลูกตาโผล่พรวดขึ้นมาตรงหน้า...แบบแรกจึงชนะไปโดยปริยาย มินซอกชูมือสองข้างขึ้นเหนือหัวแล้วหันมาทันที เหมือนโจรโดนจับ


    ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาคือเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ซอมบี้ และก็คงไม่ใช่โจรด้วย...เอ่อ ผีด้วยละมั้ง


    เขาอยู่ในชุดเสื้อยืด สวมเสื้อกันหนาวมีฮู้ดทับ สวมกางเกงยีนส์ขายาว และรองเท้าผ้าใบ ดูประมาณอายุยี่สิบไม่น่าเกินไปกว่านี้ ใบหน้าหล่อเนียนของเขานิ่งเฉย ...เขาดูเป็นคนที่ไม่น่าพูดประโยคทีชวนโดนเตะตะกี้ออกมาได้เลยสักนิด ถึงมันจะจริงก็เหอะ


    "โถ่ คนนี่เอง" มินซอกถอนหายใจออกมาเบาๆ ทำให้ร่างสูงตรงหน้าขำขึ้นอีกครั้ง จากใบหน้าเรียบเฉยปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา


    "แล้วคิดว่าอะไรเหรอครับ" เขาถามหยั่งเชิง


    "อย่าให้ฉันพูดเลย" คนตัวเล็กบอกปัดไป


    "ผมโอเซฮุน คุณล่ะครับ" การที่เขาเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ทำเอาคนถูกถามงงเล็กน้อย


    "คิมมินซอกน่ะ"


    "อืม มินซอกงั้นเหรอ ถึงคุณจะดูหน้าเด็ก แต่คุณต้องแก่กว่าผมแน่ๆ เพราะฉะนั้นผมจะเรียกคุณฮยองนะครับ" มินซอกมองชายหนุ่มที่พูดเองเออเอง เขารู้สึกมึนกับการกระทำของคนตรงหน้า


    "แล้วแต่นายเถอะ น่าจะเป็นงั้นแหละเขาก็สังเกตว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคงมีอายุประมาณสิบเก้ายี่สิบไม่น่าจะเกินไปกว่านี้ จึงเด็กกว่าเขาที่อายุยี่สิบเอ็ด ว่าแต่นายรู้มั้ยว่าทางออกอยู่ไหน


    "ช่วยกันหาสิครับเขาอมยิ้มมุมปาก มันดูเป็นยิ้มที่มีเลศนัยมากถึงมากที่สุดในสายตามินซอก "มาจับมือกันเถอะครับ"


    "ห้ะ อะไรนะ" คนถูกชวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไร จีบเขางั้นเรอะ เอ่อ...ไม่ใช่มั้ง


    "จับมือกันไงครับ"  นั่นไม่ใช่ประเด็นเฟ่ยยย


    ว่าแล้วเซฮุนก็ไม่รอคนตรงหน้าอีก เขาคว้ามือเล็กมากุมเอาไว้ ทำให้คนตัวเล็กอ้าปากเหวอเล็กน้อย...จริงๆมันกว้างจนแมลงวันแทบจะบินเข้าปากเขาได้ทั้งฝูง


    แต่เซฮุนกลับไม่สนใจสักนิด เขาเดินนำมินซอกไปเรื่อยๆ ลัดเลาะไปตามเครื่องเรือนชิ้นต่างๆโดยไม่พูดอะไร โดยมีมินซอกคอยเอาไฟฉายส่องทางให้


    บรรยากาศเงียบจนน่าอึดอัด เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าห้องเก็บของอะไรจะใหญ่ได้ขนาดนี้


    มือที่จูงเขากระชับแน่นขึ้นเล็กน้อย


    เจ้าของใบหน้ากลมรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับเลือกที่จะเดินตามไปโดยไม่ขัดขืน


    "นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง" ร่างเล็กเอ่ยถาม


    "ไม่รู้สิครับ รู้ตัวอีกทีก็เห็นคุณอยู่ตรงหน้าแล้ว" เซฮุนตอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้มินซอกรู้สึกไม่สบายใจ


    ...นี่มันชักจะแปลกๆอยู่นะ...


    ทั้งการกระทำของคนตรงหน้า


    ...และตัวของเขาเอง


    มินซอกเดินตามไป คำตอบมีนัยบางอย่างแฝงไว้ เขารู้สึกเช่นนั้น


    เขาเหม่อมองแผ่นหลังคนตรงหน้าชั่วครู่ แล้วก้มลงมองมือที่ถูกกุมไว้


    "มินซอกฮยอง"


    คนถูกเรียกโดยไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น "เจอบันไดแล้วล่ะครับ" เซฮุนส่งยิ้มสดใสออกมา


    "อะ..อืม" ความสงสัยในใจทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเดินก้าวตามเซฮุนขึ้นบันไดไป


    "นายตกลงมาตอนไหนเนี่ย"เนื่องจากคนตรงหน้าไม่ยอมบอกว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาจึงลองเดาเอาว่าตกลงมาเหมือนกัน


    คนด้านหน้าไม่ตอบอะไร


    มินซอกเริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้ง


    ที่เขาตัดสินใจสรุปว่าหมอนี่เป็นคนตั้งแต่ที่เจอมันผิดไปรึเปล่านะ ทุกก้าวที่เขาก้าวเดินรู้สึกเปลือกตามันหนักอึ้งลงทุกขณะ "นี่!เซฮุน" เขาตะโกนออกมา ด้วยอารมณ์ที่ระเบิดแน่นอยู่ข้างใน เขาไม่เข้าใจเด็กที่เดินนำอยู่ข้างหน้าว่าทำไมถึงต้องจูงมือเขาเอาไว้ ท่าทางของเซฮุนที่ดูแปลกและไม่ปกติอย่างถึงที่สุด รวมไปจนถึงตัวเขาที่ไม่ยอมสะบัดมือออก


    พอถึงบันไดขั้นสุดท้าย มินซอกเห็นประตูทางออกอยู่เบื้องหน้า หัวใจที่เอยู่ในอกเต้นดังขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับความง่วงงุนที่ก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน


    ...และแล้วสติของเขาก็ดับวูบลง


    "ขอโทษน้ะครับ มินซอกฮยอง"น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด


    นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนจะหมดสติไป




     

    -----------------------------------


     

     

    จบลงไปแล้วกับบทแรก หุหุ ทุกคนคงงงกับการกระทำของเน่กันล่ะสิ
    ทุกอย่างดูไม่มีเหตุผลเลย สมฉายาเน่อินดี้
    555
    ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน รักรีดน้ะจ้ะ จุ้บจุ้บ

    :) Shalunla
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×