ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE FORUM 'E

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER 2 **WITH ME**

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 56


     

    2

     

    With me




    “อื้อ” ฉันขยับตัวไปมาพร้อมกับซุกลงในผ้าห่มอีกครั้ง เมื่อคืนนี้ฉันเจ็บปวดกับมิกเซอร์มากเกินไปแล้ว นับจากวันนี้ฉันจะเป็นคนใหม่ที่ไม่ร้องไห้เพราะเขาอีกแล้ว

                “จะนอนกินบ้านกินเมืองเลยหรือไงแม่คุณ” เสียงหนึ่งดังขึ้น มันทำให้ฉันลืมตาตื่นพร้อมกับสปริงตัวลุกขึ้นในทันที

                “นาย...!” ฉันร้องขึ้นพร้อมชี้ไปที่เขา อีริคยิ้มพร้อมยักคิ้วทักทายฉันนิดๆก่อนจะพูดขึ้นว่า

                “ไง ตื่นแล้วหรอ” ร่างสูงยืนพิงขอบประตูมองมาที่ฉัน แผงอกขาวเนียนพร้อมกับซิกแพคที่บ่งบอกได้ดีว่าเขาดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหนทำให้ฉันอยากจะมุดลงดินหายไปในตอนนี้ “เธอเป็นผู้หญิงที่ตื่นสายมาก ไม่สมกับการเป็นผู้หญิงเลยจริงๆ” ร่างสูงส่ายหัวเบาๆ

                “นี่!!” ฉันหันไปทำตาดุแต่คนตัวสูงยักไหล่พร้อมกับเบ้ปากแบบไม่ใส่ใจ “เดี๋ยวนะ งั้นเมื่อคืนฉันก็อยู่ที่นี่ทั้งคืน” ฉันหันไปถามทันทีที่สมองเริ่มประมวลสิ่งต่างเรียบร้อย

                “ช่ายยยย รู้ไหมเมื่อคืนตัวเธอมันสุดยอดไปเลย” ฉันหันไปมองหน้าเขาแบบอึ้งๆพระเจ้า ฉันคงไม่ได้มีอะไรกับเขาไปแล้วหรอกใช่ไหม ฉันนี่มันโง่จริงๆที่ขึ้นรถมากับคนที่รู้จักกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง ถ้าจะถูกตราหน้าว่าฉันใจง่ายมันก็ไม่ผิดเลยสักนิด “ทำไมทำหน้าแบบนั้น ที่สุดยอดฉันหมายถึงเธอหลับแล้วฉันอุ้มเข้ามา ตัวเธอนี่มันเบาสุดยอดเลย”

                “แล้วทำไมไม่พูดให้จบตั้งแต่ทีแรกเล่า” ฉันหันค้อนนิดๆก่อนจะเดินออกไปทางประตูแต่รางสูงก็ปิดทางไว้ ไม่ยอมให้ฉันไป “หลบ ฉันจะกลับบ้าน”

                “เธอจะกลับยังไง” ร่างสูงก้มหน้าลงมาคุยกับฉัน

                “แท็กซี่ไง ฉันไม่ขอให้นายไปส่งหรอก ไม่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยเพราะฉันแน่ใจว่านายไม่มี” ฉันตอบก่อนจะผลักเขาไปให้พ้นทาง

                “ฉันแน่ใจว่าที่ประจวบไม่มีแท็กซี่นะ” คำพูดนั้นทำให้ฉันชักงักทันที

                “นายพูดใหม่อีกทีสิว่าเราอยู่ที่ไหน” ฉันหันหน้าไปถามเขา

                “เราอยู่กันที่ประจวบ ได้ยินชัดไหม” ไอ้ฝรั่งตรงหน้ากระดกเสียงเสียง ร.เรือให้ฟังชัดจนฉันยังอาย

                “ประจวบ!!!” ฉันร้องลั่น

                “อือ นั่นแหละ” อีริคพยักหน้า

                “นายพาฉันมาที่นี่ทำไมฮะ” ฉันเดินกอดอกเข้าไปผจัญหน้ากับเขา

                “ก็เธอบอกว่าอยากไปไหนก็ไป ฉันอยากมาประจวบก็เลยมา” เขายักไหล่อีกครั้งก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างพร้อมกับเปิดผ้าม่านให้เห็นวิวทะเลแสนสวย “น้ำทะเลสวยดีเนอะ”

                “นายบ้าไปแล้วหรอ พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้” ฉันออกคำสั่ง

                “อยากกลับก็กลับไปเองสิ เดี๋ยวฉันใจดีไปส่งที่ขนส่งก็ได้นะ” แย่ชะมัดที่ฉันไม่เคยนั่งรถเมล์ไกลๆแบบนี้ “แต่ถ้าเขาไม่ให้ขึ้นรถก็อีกเรื่องนะ” ฉันหันไปมองตัวเองในกระจกที่ตั้งอยู่แถวนั้น สภาพฉันตอนนี้มันผีดิบชัดๆ ตาฉันบวม หัวฟู ปากซีดแถมเสื้อผ้าก็ขาดไปนิดๆ ถ้าฉันออกไปสภาพนี้ฉันคงได้ไปลงที่ศรีธันยาแทนที่จะเป็นบ้านแน่ๆ

                “นายจะกลับเมื่อไหร่ล่ะ” ฉันหันไปถามร่างสูงที่กำลังหัวเราะเบาๆอยู่ ตอนนี้ฉันต้องญาติดีกับหมอนี่ไว้ก่อนถึงแม้อยากจะเอากำปั้นเหวี่ยงไปโดนหน้าหล่อๆของเขามากก็เถอะ

                “ไม่รู้สิ พรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนมั้ง” เขาบอก “ไปอาบน้ำแต่งตัวไป เสื้อผ้าในตู้ห้องนั้นเป็นของน้องสาวฉันเลือกใส่เอาละกัน” ร่างสูงเดินออกไปก่อนจะหันกลับมา “อ้อ แล้วทำอาหารเช้าไปเสิร์ฟฉันด้านนอกด้วยล่ะ” เขายักคิ้วให้ฉัน นี่ถ้าฉันมีทางเลือกอื่นนะ ป่านนี้ฉันโยนหมอนี่ทิ้งกลางทะเลไปแล้ว

     

                ฉันยกอาหารเช้าไปวางไว้ด้านนอกตามที่เขาบอก ท่าทางที่นี่จะเป็นบ้านพักตากอากาศของครอบครัวเขาละมั้ง ฉันยอมรับเลยว่าที่นี่อากาศดีมาก แถมวิวทะเลยังสวยมากๆอีกต่างหาก ทั้งสงบ ทั้งสวย ทั้งสบายฉันอยากมีบ้านแบบนี้สักหลังจัง

                “ยืนชมวิวอยู่นั่นแหละ ฉันหิวแล้วนะ” อีริคพูดขึ้น ซึ่งฉันก็ไม่ขัดอะไรเพราะฉันก็หิวแล้วเหมือนกัน

                “อากาศที่นี่ดีจัง”

                “อือ ฉันชอบที่นี่มากเลย พ่อแม่เป็นคนอเมริกา ท่านชอบมาพักร้อนที่ไทย ท่านเลยมาซื้อที่นี่ไว้ ท่านจะพาน้องกับฉันมาทุกปีแหละแต่พอเกิดเรื่อง ฉันกับน้องเลยไม่ได้กลับไปอเมริกาอีก ฉันเลยพูดไทยคล่องแบบนี้แหละ แถมอยู่ที่นี่มานานแล้วฉันรู้ทุกซอกทุกมุมเลย เดี๋ยวฉันพาไปเดินเล่นริมหาดไหม”

                “จริงหรอ ฉันอยากเล่นน้ำด้วย นายเล่นเป็นเพื่อนฉันด้วยนะ” ฉันไปมองเขาพร้อมกับกระพริบตาวิ้งค์ๆใส่เขา อีริคโยกหัวฉันเบาๆก่อนจะหัวเราะออกมา

                “เธอนี่มันเป็นลูกแมวจริงๆเลยแฮะ”

     

                ฉันกับอีริคเดินไปตามหาดทราย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพวิวไว้

                “คิตตี้มานี่ซิ” ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่เขาเรียกฉันว่า คิตตี้ ถ้าให้ฉันเดานะ เขาคงจำชื่อจริงๆฉันไม่ได้มากกว่าแต่ช่างเถอะเพราะหลังจากตอนนี้เราอาจจะกลายเป็นคนไม่รู้จักกันอีกก็ได้

                “มีอะไร”

    แชะ แชะ แชะ

                ร่างสูงถ่ายรูปฉันพร้อมกับหัวเราะออกมา ไม่ต้องดูก็รู้ว่ารูปที่ออกมามันเอ๋อแค่ไหน

                “นายมันนิสัยไม่ดีอ่ะ มาถ่ายด้วยกันดีๆสิ” ฉันคว้าโทรศัพท์เขามาพร้อมกับเปิดกล้องหน้า

                แชะ

                รูปที่ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว เป็นรูปเราทั้งคู่พร้อมกับฉากหลังที่เป็นทะเลสีฟ้า เราทั้งคู่ถ่ายรูปกันเยอะมากระหว่างทางที่เดินบนชายหาด

    จนกลับมาที่บ้านอีกครั้งเราทานอาหารกลางวันพร้อมกับดูหนังเรื่องไททานิค ตอนแรกอีริคกะว่าจะไม่ดูหรอกเพราะเขาดูแล้วแต่เพราะฉันตื้อจนเขาต้องมาดูด้วยจนได้ จนถึงฉากที่แจ๊คเสียสละชีวิตให้กับโรสเท่านั้นแหละน้ำตาฉันก็ไหลออกมาไม่ยอมหยุดจนคนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันหัวเราะออกมา  

    “เธอนี่มันเป็นลูกแมวขี้แงชัดๆ” ร่างสูงโอบฉันจากข้างหลังพร้อมดึงให้ฉันมาซบไหล่ ตอนแรกฉันก็ขัดขืนอยู่หรอกนะแต่หนังมันเศร้านี่นา

     

    หลังจากดูจบเราก็พบว่าอาหารที่มีอยู่ในตู้เย็นคงไม่พอสำหรับมื้อเย็นของเราแน่ๆ อีริคเลยขับรถไปหาห้างในตัวเมือง

                “คิตตี้เย็นนี้กินไรดี”

                “มาทะเลก็ต้องซีฟู้ดเลย” ฉันว่าก่อนจะเดินหาวัตถุดิบจนครบ “แล้วพรุ่งนี้เช้านายอยากกินอะไรไหมล่ะ” ฉันหันถามคนตัวสูงที่ยืนเลือกแอปเปิ้ลอยู่ ถ้าใครมาเห็นมุมนี้ของเขาคงต้องบอกได้เลยว่ามันดูน่ารักมากๆเลยล่ะ

                “ข้าวต้มปลา ฉันชอบกินมากเลย” เขาบอกพร้อมกับยิ้มน่ารักให้ฉัน

                “แล้วจะกลับวันไหนล่ะ ฉันจะได้เตรียมอาหารถูก” ฉันหันไปถาม ร่างสูงนิ่งไปสักพักเหมือนกำลังหยุดคิด

                “ไม่กลับได้ไหม ฮ่ะๆ ล้อเล่น ฉันว่าจะกลับวันมะรืนนี้เช้าๆน่ะ” แทนที่ฉันจะโกรธที่เขาเลื่อนวันไปแต่น่าแปลกคือฉันไม่รู้สึกโกรธเลยสักนิด

                “โอเค งั้นหาอาหารกันดีกว่า อ๊ะ นั่นร้านหนังนี่เดี๋ยวไปหาหนังดูกัน” ฉันหันไปทำตาวิ๊งค์ๆใส่เขาอีกรอบจนอีริคหัวเราะ

                “ได้เลย ยัยคิตตี้” เขาโยกหัวฉันก่อนจะเข็นรถเข็นตามฉัน

                วันนี้เราซื้อของกันเยอะมาก ทั้งอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ แผ่นหนังเรื่องผี หนังรักแล้วก็หนังตลก รวม 3 เรื่อง  แถมเขายังซื้อเสื้อผ้าให้ฉันอีก หลังจากมาถึงบ้านเราก็ไปเล่นน้ำทะเลกันก่อน ฉันกับอีริคช่วยกันสร้างปราสาททรายด้วย มันสวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำมาเลย

                แชะ

     อีริคถ่ายรูปฉันที่ยังเก็บเปลือกหอยมาประดับปราสาทอยู่ ฉันหันไปค้อนเขานิดๆแล้วกลับมาสนใจปราสาททรายต่อ

                “คิตตี้ยิมหน่อย” อีริคตะโกน ฉันหันไปยิ้มแล้วชูสองนิ้วให้เขา

                แชะ

                “อ่า รูปฉันนี่มันดูดีจริงๆเลย” ร่างสูงพึมพำ ฉันเลยปาดทรายไปตรงที่เขานั่งอยู่อย่างงอนๆ ฉันอุตส่าห์ยิ้มพร้อมชูสองนิ้วเขายังจะมาแกล้งอีก “ยัยแมวแสบเอ้ย เสื้อฉันยังไม่เปียกนะ มาให้ฉันจับกดน้ำซะดีๆ” อีริควางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งมาหาฉันทันที

                “อะไรยะ อย่ามาจับฉันนะ อ้ากกก” ฉันวิ่งหนีทันทีที่เขาเกือบจะเข้าถึงตัว

                “จับได้แล้ว” ร่างสูงจับร่างฉันไว้ได้ เขาไม่รอช้าอุ้มฉันพาดบ่าแล้วเดินลงไปที่น้ำทันที ฉันดิ้นไปมาเพื่อหวังให้เขาหมดแรงและปล่อยฉันลงแต่ดูเหมือนว่านั่นจะไร้ผล

                ตู้ม

                ฉันดำลงไปในน้ำและตอนนั้นสมองฉันก็คิดเรื่องแกล้งเขาได้ ฉันดำอยู่ในน้ำไม่ยอมขึ้น ฉันเคยดำน้ำจนได้แชมป์ในโรงเรียนเชียวนะ หึๆ

                “ขึ้นมาได้แล้ว” เขาสะกิดแต่ฉันนิ่ง ร่างสูงเรียกอีกครั้งแต่ฉันไร้การตอบสนองจนในที่สุดเขาก็รีบอุ้มฉันขึ้นจากน้ำ  อีริควางร่างฉันลงบนพื้นทราย เขาปั้มหัวใจฉันแต่ฉันก็ยังไร้การตอบสนอง หึ ต้องรออีกสักพักให้เขากังวลจนเขารู้สึกผิดที่แกล้งฉันแล้วเขาต้องมาคอยรับใช้หวานเย็นคนนี้แน่ๆ “สงสัยต้องผายปอดซะแล้วสิ” ห้ะ ผายปอด ฉันจำได้ว่าการผายปวดมึนก็เหมือนการ.....จูบ

                “หยุด ฉันหายแล้ว” ฉันลืมตาแล้วลุกขึ้นมาก่อนจะพบว่าหน้าของฉันอยู่ห่างจากเขาไม่เกินสิบเซน โอเค ตอนนี้เริ่มแย่ซะแล้วสิ ฉันไม่ควรแกล้งเขาแบบนี้เลยนะแต่ให้ตายสิ ตาสีฟ้าของเขามันดูมีเสน่ห์จริงๆนะ มันเหมือนมีมนตร์ดึงดูดให้เข้าไปใกล้เลย แต่ ฉันห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด         

                ฉันหันหน้าหนีไปอีกทางก่อนที่เราจะเกินเลยไปมากกว่านี้ เสียงทุกอย่างเงียบลงจนเหลือเพียงเสียงคลื่นทะเลคลออยู่เบาๆ

                “อ่า...” อีริคเกาหัวเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

                “เอ่อ...ฉันจะไปอาบน้ำ...แล้วจะลงมาทำอาหารนะ” ฉันบอกก่อนจะเดินหนีไป ฉันไม่ควรหวั่นไหวแบบนี้นะแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธว่าฉันรู้สึกดีล่ะนะ

     

                ฉันใส่ชุดกระโปรงสีขาวเข้ากับบรรยากาศทะเลก่อนจะลงมาทำน้ำจิ้มสำหรับอาหารวันนี้ อีริครออยู่ก่อนแล้วเขากำลังก่อไฟที่เตาอยู่ ผมอีริคยังไม่แห้งทำให้มีน้ำหยดลงมา ร่างสูงใช้มือเช็ดแต่เขาคงลืมไปว่ามือข้างนั้นเขาเคยถือถ่านทำให้ตอนนี้ถ่านติดอยู่บนหน้าผากเขา

                “นี่ ย่อลงมานี่หน่อยสิ” ฉันเรียกคนตัวสูง อีริคไม่ขัดเขาก้มลงจนใบหน้าเกือบอยู่ระดับเดียวกับฉัน ฉันใช้ทิชชู่มาเช็ดให้เขา ร่างสูงมองฉันอย่างยิ้มๆก่อนจะเอาถ่านมาป้ายหน้าฉันบ้าง

                “แมวน้อยเธอติดกับฉันแล้วล่ะ” เขากระซิบที่ข้างหูฉัน “ฉันไม่ได้เอ๋อขนาดที่ลืมว่าฉันเคยถือถ่านไว้ข้างไหน ที่เธอสังเกตก็เพราะเธอสนใจฉันเหมือนกันใช่ไหมล่ะ” ร่างสูงหัวเราะเบาๆ

                “เปล่านะ” ฉันหันไปทำตาดุใส่เขาก่อนจะเดินออกมาทำน้ำจิ้มต่อ

                “แมวน้อย เธอหลงเสน่ห์ฉันแล้วใช่ไหมล่ะ” เขาแซวฉันก่อนจะก้มลงไปก่อไฟต่อ

                ไม่นานเราก็ได้กินกุ้งย่างกับบาร์บีคิว ก่อนจะเอาทุกอย่างเข้าไปกินในบ้านเพราะข้างนอกลมเริ่มเย็นจนหนาวเหมาะที่จะนอนแต่นี่เพิ่งจะสองทุ่มเศษๆเราจึงตกลงกันว่าจะดูหนังกัน

                “ฉันอยากดูหนังตลก” อีริคชูแผ่นหนังตลกขึ้นมา

                “ไม่เอาหนังรักดีกว่าน่า” ฉันบอกพร้อมยกแผ่นหนังรักขึ้นมาบ้าง

                “เราเพิ่งดูไททานิคจบไปตอนกลางวันเองนะ เลี่ยนจะตายหนังตลกหนุกกว่าน่า” เขาบอก

                “นะๆๆ ดูหนังรักกัน” ฉันทำตาวิงค์ๆใส่เขาอีกครั้งแต่ดูท่าครั้งนี้จะไม่ได้ผลเมื่อหมอนี่ไม่สนใจฉันด้วยซ้ำ

                “ฉันเสียใจด้วยนะคิตตี้ เธออ้อนฉันไม่สำเร็จหรอก”  ร่างสูงยักคิ้วให้ฉันก่อนจะเดินไปเปิดแต่มีหรือคนอย่างฉันจะยอม ฉันเดินไปขวางไว้

                “เอางี้ เป่ายิ้งฉุบกันดีกว่า” ฉันเสนอ ร่างสูงส่ายหัวเบาๆก่อนจะเดินมาตรงหน้าฉัน

                ฉุบ ฉุบ ฉุบ ฉุบ ฉุบ

                “เราเสมอกันหลายครั้งแล้วนะ ฉันขี้เกียจเป่าแล้วอ่ะ” ฉันบ่นออกมาหลังจากยังหาผู้ชนะไม่ได้

                “เอางี้ เราดูหนังผีดีไหมไหนๆก็ไม่มีใครชนะแล้วนี่” ฉันอยากจะปฏิเสธนะแต่พอฉันหันไปมองหน้าอีริคที่กำลังรอหัวเราะเยาะฉัน ฉันเลยตอบตกลงในทันที

     

                “กรี๊ดดด” ฉันร้องขึ้นก่อนจะกระโดดกอดคออีริค ตั้งแต่ดูมาฉันได้แต่ร้องกรี๊ดส่วนอีริคก็นั่งหัวเราะ “พอแล้วอ่ะ ไม่ดูแล้ว” ฉันร้องก่อนจะซบลงกับหมอน

                  “มานั่งนี่มา” อีริคกดหยุดแล้วเรียกให้ฉันไปนั่งบนตักเขา ฉันทำจะปฏิเสธแต่ร่างสูงก็ดึงฉันเข้าไปก่อนจะกอดฉันไว้หลวมๆจากด้านหลัง “อยู่แบบนี้ไม่ต้องกลัว ถ้าตอนไหนน่ากลัวก็ซบฉันนี่” อีริคบอกก่อนจะใช้มือขวาตบที่อกเบาๆ เขากดเล่นอีกครั้ง ฉันคิดว่าการดูหนังเป็นเรื่องสนุกไปแล้วล่ะสิ

               

                ในที่สุดหนังก็จบลง ฉันขอร้องให้อีริคตามไปส่งที่ห้อง เขาลูบหัวฉันอีกครั้งตอนที่ฉันทำตาวิ้งค์ๆใส่

    “ฝันดี ระวังผีหลอกนะ” เขาอวยพรก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง โอเค ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้

                กึก กึก กึก

                เสียงกิ่งไม้ครูดกับหน้าต่างทำให้ฉันกลัวจนกระโดดออกมาหน้าห้อง หวานเย็น มันไม่มีอะไร ผีไม่มีในโลก ฉันปลอบตัวเองก่อนจะล้มตัวลงในบนที่นอนอีกครั้ง

                ปัง ปัง ปัง

                เสียงอะไรบางอย่างกระแทกกันจริงๆมันไม่ได้ดังเท่าไหร่แต่ตอนนี้ประสาทหูฉันดีมากจนเหมือนได้ยินมันใกล้ๆ ในที่สุดฉันก็จัดการปัญหานี้ได้

                ปัง ปัง ปัง

                นี่เป็นเสียงมือฉันกระแทกกับประตูห้องของอีริค ฉันรู้ว่ามันไม่ดีที่จะเรียกเขาตอนกลางคืนแบบนี้แต่ว่าความกลัวมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ

                “กะแล้วว่าเธอต้องมา” ร่างสูงกอดอกอยู่หน้าประตูห้อง อีริคใส่แค่กางเกงขายาวตัวเดียว เผยแผงอกกว้างเนียนๆนั่นอีกครั้ง

                “ฉันกลัวนี่” ฉันบ่นก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องเขา “เดี๋ยวฉันนอนพื้น นายนอนข้างบนไปนั่นแหละ” ฉันบอกก่อนจะเอาผ้าไปปูที่พื้นแล้วนอนลง

                “มานอนข้างบนนี่เหอะ” อีริคตบตรงที่นอนเขาเบาๆ

                “ไม่อ่ะ ฉันไม่อยากรบกวนนาย พื้นข้างล่างมันแข็งด้วย”

                “ใครว่าฉันจะนอนที่พื้น ฉันจะนอนข้างบนนี่กับเธอต่างหาก”

                “นายจะบ้าหรอ ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ” ฉันนอนลงที่พื้นต่อ

                “ตามใจ แต่ระวังใครอยู่ใต้เตียงนะ” เขาบอกก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วมานอนบนที่นอน ให้ตายสิ คำพูดนั้นทำให้ฉันไม่กล้าที่จะหันเข้าหาฝั่งเตียงของอีริคเลยเพราะใต้เตียงมันโล่งมองทะลุไปอีกฝั่งได้ ตอนนี้ฉันเมื่อยจนอยากจะหันไปอีกฝั่งแต่ความกลัวก็ทำให้ฉันยังทนอยู่ได้

                ปัง ปัง ปัง

                เสียงนี้มาอีกครั้งแต่คราวนี้ฉันต้องทนให้ได้มากกว่านี้การมาอยู่บ้านผู้ชายที่เพิ่งรู้จักก็ว่าแย่พอแล้วถ้าฉันต้องไปนอนเตียงเดียวกับเขาอีกฉันคงดูแย่กว่าเดิมแน่ๆ

                ปัง ปัง ปัง

                ไม่นะ หวานเย็น แกอย่าขึ้นไปนอนบนนั้นเด็ดขาด ผีไม่มีในโลกร้อกกกกก

                ปังงงงงงง

                หวานเย็นคนนี้ไม่ทันอีกต่อไปฉันกระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงพร้อมคุมโปงเรียบร้อย ถ้าหูฉันไม่แว่วไปเองฉันว่าฉันได้ยินเสียงหัวเราะจากคนข้างๆนี่ด้วยนะแต่ตอนนี้เรื่องความผิดถูกลืมไปก่อนเถอะ ฉันขอนอนก่อนละกันนะ

     

                แสงแดดยาวเช้าลอดผ่านผ้าม่านมาเข้าตา จนฉันต้องลืมตาตื่นขึ้นก่อนจะพบว่าตัวเองได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายตรงหน้า ฉันอ้าปากจะด่าแต่นึกได้ว่าฉันต่างหากเป็นคนที่เข้ามาถึงในห้องเขาแถมยังขึ้นเตียงเขาอีก ฉันนี่มันแย่จริงๆเลย ฉันค่อๆดันแขนของอีริคออกแต่ว่ามันไม่ขยับเขยื้อนออกจากเอวฉันสักนิด

                “ปล่อยฉันนะ” ฉันร้องขึ้นแต่ทุกอย่างยังคงนิ่งสนิท ฉันเลยถอนหายใจยาวๆก่อนจะหันไปพิจารณาคนตรงหน้า เขามีขนตางอนยาวจนฉันอิจฉา จมูกนี่ก็สันเป็นคมสวยจนฉันแอบน้อยใจที่พระเจ้าประธานให้เขาได้สมบูรณ์แบบเหลือเกิน ริมฝีปากของเขานี่แดงน่าจุ้บชะมัด เอ๊ะ ไม่ได้ๆ ฉันคิดบ้าอะไรของฉันเนี่ย แต่จะว่าไปหน้าตาของเขาดูคุ้นมากเหมือนฉันเคยเจอที่ไหน

                “ฉันหล่อใช่ไหมล่ะ” คนตัวสูงลืมตาแป๋วขึ้นมามองฉัน

                “หลงตัวเองชะมัด” ฉันบอก “เอาแขนนายออกไปด้วย” ฉันชี้แขนข้างหนึ่งที่ยังพาดฉันอยู่

                “เบื่อคนรู้ทัน” อีริคขยิบตาให้ฉันแล้วเอาแขนของเขาออกไป เขามันเจ้าเล่ห์ที่สุด ฮึ

                “เดี๋ยวฉันไปทำข้างต้มให้กินละกันนายบอกว่าอยากกินนี่”

                “เธอทำตัวยังกับเป็น...” เขาเว้นวรรคแล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

                “เป็นอะไร...?” ฉันหันไปเอียงคอถาม

                “ก็เป็น..”

                ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด

                ไม่ทันที่อีริคจะบอกเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นก่อน ฉันเลยเข้าห้องไปทำธุระส่วนตัวแล้วกะว่าจะลงไปทำข้าวต้มทีหลัง

                “คิตตี้ๆๆ”

                “ว่าไง”

                “ฉันรีบมากเลย งานฉันมันเร่งด่วนมากเรากลับกันเลยได้ไหม” ร่างสูงพูดขึ้นด้วยใบหน้าสำนึกผิด ฉันพยักหน้าตอบเขาไป ฉันจะได้กลับบ้านไปหาคุณแม่สุดที่รักของฉันสักที ป่านนี้ท่านคงคิดถึงฉันแย่แล้ว ฉันเก็บของบางส่วนที่เป็นของฉันแล้วรีบไปทันที

                เรามาถึงกรุงเทพไม่ถึงบ่ายโมงด้วยซ้ำ เรานั่งเงียบกันมาตลอดทาง บนรถมีเพียงเสียงเพลงจากแผ่นซีดีเล่นเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนรถอึดอัดไปมากกว่านี้

                “เอ่อ...ฉันขอเบอร์เธอได้ไหม” อีริคพูดขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน

                “เราคงไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเจอกันหรอกมั้ง” ฉันตอบ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ฉันรู้สึกแย่แบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าฉันกับอีรีคเราจะไม่เป็นเหมือนเดิมตอนที่เราอยู่ที่ประจวบอีกแล้ว

                “เอามาเถอะน่า หรือว่าเอาเบอร์ฉันไปเผื่อว่าเธอมีปัญหาอะไรก็โทรหาฉันแล้วกัน”

                “ไม่เป็นไร ฉันคงไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องรบกวนนายแล้วแหละ”

                “เผื่อว่าเธออกหักแบบวันก่อนไง”

                “ไม่จำเป็น ฉันคงไม่อกหักแล้วล่ะ” ฉันบอกก่อนจะมองออกไปนอกรถ

                “เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ยคิตตี้” อีริคถามด้วยน้ำเสียงโมโห

                “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกอีริค แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคิตตี้ได้แล้ว นายลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าฉันชื่ออะไร” ฉันตวาดลั่นด้วยความโมโห

                “โอเค ก็จริงที่ฉันลืมชื่อเธอ แต่ว่าเราก็เข้ากันได้ดีไม่ใช่หรอ ทำไมเราไม่ลองคุยกันแบบจริงจังดูล่ะ” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็น

                “หึ จริงจัง? นายรู้จักคำนี้ด้วยหรอ อีริค หรือจะให้ฉันเรียกนายว่า THE FORUM ERIC ดีล่ะ ?” ฉันตอกกลับไป THE FORUM คือคลับของคนเก่ง หน้าตาดี มีชาติตระกูล และรวย พวกเขาจะคอยช่วยเหลือประเทศด้านต่างๆ เขาเป็นเหมือนฮีโร่ เป็นเหมือนดวงดาว เป็นเหมือนเทพเจ้า ถ้าหากเทพเจ้าลดตัวลงมาคบกับคนเดินดินพวกเขาจะไม่เป็นเทพพระเจ้าอีกต่อไป ตอนนั้นมีดาราสาวสวยคนหนึ่งทำท่าจะไปคบกับคนในเดอะ ฟอรัม ทำให้ถูกแอนตี้และรุมประณามจนทุกวันนี้เธอคนนั้นยังไม่สามารถกลับมาที่ประเทศนี้ได้

                “เธอรู้มานานแค่ไหน” เขาผ่อนลมหายใจออกช้าๆ

                “ไม่นานหรอก ฉันเห็นนายที่นิตยสารที่อยู่ในห้องน้องสาวนาย”

                “แล้วเราควรจะทำไงต่อไปดี”

                “ไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ” ฉันตอบไปเป็นเพลง ฉันว่าตอนนี้เพลงนี้เหมาะกับสถานการณ์นี้ที่สุดแล้ว

                “แต่ฉันรู้สึกดีกับเธอจริงๆนะ”

                “ระหว่างเรามันไม่มีอะไร นายเป็นคนเจ้าชู้สนิทกับคนง่าย ส่วนฉันก็เพิ่งอกหักมาเลยอ่อนไหวแต่จริงๆระหว่างเรามันไม่อะไร”

                “เธอแน่ใจหรอว่ามันเป็นแค่นั้นจริงๆ”

                “ใช่ ฉันแน่ใจ หลังจากวันนี้นายก็กลับไปอยู่โลกของนาย ส่วนฉันก็อยู่ในโลกของฉัน แล้วต่อจากนี้เราก็ไม่รู้จักกัน”

                “ก็ได้ถ้าเธอต้องการแบบนั้น” เสียงเขาตอบอย่างแผ่วเบา “แต่ฉันขออะไรอย่างสิ”

                “อะไร” ฉันหันไปมองเขาครั้งแรก อีริคไม่ตอบแต่เขาจอดรถที่ข้างทางก่อนจะมองหน้าฉัน

                “อย่าลืมเรื่องเกี่ยวกับฉัน อย่าลืมเรื่องวันนั้น แล้วก็...” ไม่มีคำตอบใดจากฉันและเขาเพราะอีริคยื่นหน้าเข้ามาจุ้บแก้มฉันก่อนจะพูดต่อว่า

                “อย่าลืมทุกความรู้สึกที่อยู่กับฉัน”

                ฉันไม่มีทางลืมคนเจ้าชู้ เจ้าเล่ห์และขี้โกงแบบเขาแน่ไม่มีวัน   

     

    .....



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×