คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1 **ความจริงที่เจ็บปวด**
ตอนที่ 1
ความจริงที่เจ็บปวด
แสงไฟสลัวๆชวนปวดหัวกับผู้คนมากมายที่กำลังวาดลวดลายโยกย้ายตามจังหวะเพลงบีตส์หนักๆ ทุกอย่างมันช่างไม่เข้ากับ หวานเย็น คนนี้เลยสักนิด เวลาแบบนี้ฉันควรจะไปนอนหลับอยู่บนเตียงอุ่นๆไม่ก็นั่งดูละครภาคค่ำกับคุณแม่ที่บ้านแล้ว
ฉันไม่น่าหลวมตัวตอบตกลงมางานวันเกิดของพี่ชายไอรีนเพื่อนใหม่ของฉันเลยสักนิด ฉันไม่แต่จะรู้จักชื่อของพี่ชายเธอด้วยซ้ำแต่ฉันต้องโดนลากมาเพราะเธอไม่มีเพื่อนแต่ดูตอนนี้ไอรีนทำกับฉันสิ เธอทิ้งฉันไว้และออกไปแดนซ์กับหนุ่มหล่อคนหนึ่ง
ฉันขอบอกเลยว่าพวกเขาทั้งคู่ดูฮอตมากไอรีนเป็นลูกครึ่ง ทุกอย่างขอเธอแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะใบหน้าเฉี่ยวสุดเซ็กซี่หรือบอดี้ที่สุดแสนจะฮอตและนั่นก็ทำให้เธอทำให้ผู้ชายหลายคนละลายได้ทุกทีที่พบแล้วชายหนุ่มที่เธอกำลังเต้นอยู่ด้วยนั้นก็ฮอตไม่แพ้กันเขาไม่ต่างจากพระเอกนิยายที่ฉันอ่านสักนิด ดูตอนที่พวกเขาขยับร่างกายที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คนี่สิพื้นแถวนั้นร้อนระอุจนแทบจะลุกเป็นไฟเลยก็ว่าได้
“เฮ้ ผมขอนั่งด้วยคนสิ” เสียงหนึ่งทำให้ฉันหยุดมองพวกเขาสองคน
“อ่า ค่ะ” ฉันตอบก่อนจะคว้าเครื่องดื่มของตัวเองมาดื่มแก้กระหาย
“ไม่คิดเลยนะว่าคุณจะชอบดื่มเหมือนกัน” เขาพูดขึ้นพลางยกแก้วน้ำหลากสีขึ้นมาโชว์
“ฉันไม่ได้ดื่มนะ นี่เป็นน้ำผลไม้ไม่มีแอลกอฮอล์” ฉันตอบก่อนจะโชว์ให้เขาดูบ้าง
“ที่นี่ไม่มีน้ำผลไม้ที่ไม่มีแอลกอฮอล์หรอกนะครับ อย่าบอกนะว่าคุณดื่มมันโดยที่ไม่รู้ว่ามันมีแอลกอฮอล์เนี่ย” เขาทำหน้าฉงนจนน่าหมั่นไส้
“เพื่อนฉันบอกว่ามันไม่มีนี่” ฉันตอบอย่างลังเลหรือต่อให้มันมีฉันก็คิดว่าฉันคงไม่เมาจนไร้สติแน่ๆ
“ท่าทางคุณจะโดนต้มแล้วล่ะ ผมชักจะสนใจคุณแล้วสิฮะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอ” เขาหันมาทำตาหวานใส่ฉัน โอเค ฉันยอมรับนะว่าคนตรงหน้าฉันหล่อพอๆกะดาราฮอลีวู้ดแต่ขอบอกไว้ก่อนว่าฉันมีแฟนแล้วและก็รักแฟนมากด้วย >///< ถึงแฟนฉันจะไม่หล่อมาเท่าหมอนี่แต่เราก็คบกันมาตั้งแต่ ม.5 จนตอนนี้เราอยู่ปี 1 กันแล้วเรายังรักกันดีอยู่เลย ฉันไม่มีทางทิ้งเขาไปหาคนเจ้าชู้แบบนี้หรอกไม่มีวัน
“ฉันชื่อหวานเย็น”
“ผม อีริค ครับ” เขายื่นมือมาจับแต่ฉันก็พนมมือไหว้แบบไทยตอบกลับไป อีริคส่ายหัวนิดพร้อมกับยิ้มให้กับท่าทางของฉัน “หวานเย็นอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกด้วยกันไหมครับ” อีริคถามฉัน
“ไม่ล่ะ ฉันจะกลับบ้านแล้ว” ฉันบอกก่อนทำท่าจะเดินออกไป
“ให้ผมไปส่งไหมครับ” เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน ถ้ามีใครคนอื่นมาทำแบบนี้ฉันขอบอกได้เลยว่าเขาจะดูน่าเกลียดมากแต่เชื่อเถอะว่าผู้ชายตรงหน้าฉันไม่มีแววจะส่อถึงคำนั้นเลยสักนิด ท่าทางของเขาทำให้เขาดูเป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ไปอีกแบบ ถ้าฉันไม่มีแฟนนะฉันคงตอบตกลงให้เขาไปส่งแล้วล่ะ กรี๊ดดด ทำไมฉันใจง่ายแบนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวแฟนฉันมารับ” ฉันตอบก่อนจะหันไปยิ้มอย่างผู้มีชัย ก่อนจะเดินหนีออกมา บางทีฉันควรจะโทรหามิกเซอร์(แฟนฉันเอง) ก่อนว่าเขาอยู่ไหนเพราะเห็นเขาบ่นๆอยู่เหมือนกันว่าจะมารับ
เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ
ฉันกดโทรออกอีกครั้งแล้วผลที่ได้ก็เป็นแบบเดิม บางทีฉันน่าจะให้ไอรีนไปส่งบ้านแล้วค่อยโทรไปขอโทษมิกเซอร์ก็ได้นี่ ฉันเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปหาไอรีนที่ฉันคิดว่าเธอกำลังแดนซ์อยู่กลางฟลอร์ฉันคิดว่าตรงนี้เสียงดังเกินกว่าฉันจะได้ยินอะไรหูฉันมันอื้อไปหมดแล้วหากมิกเซอร์โทรมาฉันคงไม่ได้ยินฉันจึงเลือกที่จะกำโทรศัพท์ไว้ที่มือเผื่อว่ามิกเซอร์จะโทรกลับมา
ฉันเบียดผู้คนมากมายจนสุดท้ายได้มาอยู่กลางฟลอร์สมใจ ฉันหันไปเห็นไอรีนแต่ฉันไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ ไม่ใช่เพราะเสียงเพลงที่ดังเกินไปหรือผู้คนมากมายจนฉันไม่กล้าพูดแต่นั่นเป็นเพราะสิ่งที่ไอรีนกำลังทำอยู่ต่างหาก ฉันรู้ว่าไอรีนเป็นลูกครึ่งในความคิดเธอการจูบของเธอเป็นเรื่องธรรมดามากซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ขัดอะไรถ้าคนที่เธอกำลังจูบอยู่ไม่ใช่คนเดียวกับคนที่ฉันเรียกว่าแฟน
ใช่ ไอรีนกำลังจูบกับมิกเซอร์ พวกเขากำลังจูบกันท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเป่าปากร้องเชียร์อย่างสนุกและตื่นเต้นแต่นั่นไม่ใช่ฉัน ฉันอยากจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้แต่ขาสองข้างฉันไม่มีแรงพอที่จะเดินไหว ไม่สิ แม้แต่การยืนอยู่เฉยๆตอนนี้ฉันกลับรู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน
“จูบอีก จูบอีก จูบอีก จูบอีก” เสียงผู้คนโห่ร้องด้วยความสนใจในสิ่งที่พวกเขาทำ ใช่ พวกเขาอาจเห็นว่ามันเป็นเรื่องสนุกแต่นั่นไม่ใช่สำหรับฉันเดินหาพวกเขาก่อนจะดึงมิกเซอร์ออกมา มิกเซอร์มองฉันด้วยความตกใจ
“หวานไม่ใช่….”
เพี้ยะ
น่าแปลกที่เสียงนี้เป็นเสียงที่ฉันได้ยินชัดเต็มสองหูหลังจากที่หูอื้อมาสักพัก มิกเซอร์หน้าหันไปตามแรง ฉันหันไปมองไอรีนที่เธอกำลงมองฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันเดาว่าเธอเพิ่งตื่นจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เมื่อครู่นี้เอง ผู้คนที่กำลังร้องให้จูบกันกลับเงียบจนตอนนี้มีเพียงเสียงเพลงที่ยังดังอยู่เท่านั้น
“เราเลิกกันเหอะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช้าๆ ฉันอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลฉันไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของฉันอีก
“ไม่นะหวาน ฟังเราก่อน” มิกเซอร์ดึงข้อมือฉันไว้ ฉันสะบัดแต่แรงที่น้อยนิดที่ฉันมีอยู่ไม่เพียงพอที่จะสะบัดมือเขาให้หลุด
“ออกไปจากฉัน อย่ามายุ่งกับฉันอีก” ฉันข่มตัวเองไม่ให้สะอื้นอออกมา
“ไม่หวาน เราขอโทษ อย่าเลิกกับเราเลยนะ” มิกเซอร์พยายามดึงฉันให้หันไปสบตาเขา ฉันไม่อยากจะสบตาเขา ฉันกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน ขอร้องล่ะใครก็ได้ช่วยพาฉันออกไปจากตรงนี้ที
“เฮ้ เธอบอกเลิกนายแล้วไม่ใช่หรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างๆฉัน นั่นไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากนายอีริคที่ฉันเจอเมื่อกี้นี้เอง
“อย่ามายุ่ง” มิกเซอร์ตวาดกลับไปก่อนจะหันมามองฉันอีกครั้ง
“นายต่างหากที่อย่ามายุ่ง ฉันเห็นนายจูบกับเธอคนนั้นอยู่ มันก็ไม่ต่างจากการนอกใจเท่าไรไม่ใช่หรอ” เขาชี้ไปที่ไอรีนที่กำลังก้มหน้าอยู่ที่พื้นอย่างรู้สึกผิดก่อนจะกระตุกยิ้มเล็กน้อยแบบผู้มีชัย
“แล้วแกจะทำไมล่ะวะ” มิกเซอร์ถามด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“ก็เพราะว่าตอนนี้ยัยนี่โสดแล้วฉันก็สนใจยัยนี่อยู่ด้วย อืม ดังนั้นฉันขอนะ” ฉันยังไม่ทันประเมินผลข้อความเสร็จ อีริคก็กระชากข้อมือให้ฉันให้หลุดจากมิกเซอร์แล้วเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขาก่อนที่เขาจะประกบริมฝีปากลงมา พระเจ้า เขากำลังจูบฉัน ทุกคนในงานกลับมาโห่ร้องเสียงดังอีกครั้งราวกับได้ของเล่นถูกใจ
ฉันควรทำยังไงดี ความจริงฉันควรจะผลักเขาออกไปแล้วตบหน้าเขาสักฉาดแต่นั่นเท่ากับว่าฉันก็ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับมิกเซอร์อีก แต่ถ้าฉันเล่นตามน้ำนั่นเท่ากับว่าฉันได้ตอกหน้ามิกเซอร์และเดินฉันจะได้เดินออกจากงานด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
ถ้าเป็นเวลาปกติฉันคงไม่คิดจะรั้งคอผู้ชายมาจูบแน่ๆ อาจจะเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ฉันดื่มไปหรือเพราะฉันต้องการจะให้ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เขาทำไว้กับฉัน ถ้าใครถามว่าฉันรักเขาไหม ฉันขอตอบเลยว่ารัก ถ้าถามว่าเสียใจไหม ฉันตอบเลยว่ามาก แต่ถ้าชีวิตฉันต้องมาจมปลักเพราะคนทรยศคนเดียวฉันก็ขอลาขาด
“หวาน ? ทำไม ?” มิกเซอร์มองฉันอย่างไม่เข้าใจ ฉันจึงปาดคราบน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วก่อนจะยิ้มให้เขานิดๆ ฉันไม่ชอบการเป็นคนเลวเท่าไหร่นะ แต่ขอโทษเขาบังคับให้ฉันเป็นเองต่างหาก
“ทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว นายเลือกไอรีน ส่วนฉันเลือกอีริค ส่วนเรื่องของเราก็จบ”ฉันยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะควงแขนอีกริคออกไปจากงาน
ฉันเจ็บที่ถูกหักหลังแต่นั่นมันก็เป็นอดีตของฉันไปแล้ว ฉันก็แค่เริ่มต้นใหม่แค่นั้น….ชีวิตฉันไม่ได้หยุดอยู่ที่เขาตลอดไปนี่นะ
ทันทีที่เท้าฉันก้าวออกจากงาน ฉันก็ปลดสร้อยคอของเขาออกก่อนจะโยนมันไว้ที่พื้นแล้วเดินออกจากงานไป
“เธอจะให้ฉันไปส่งที่ไหนดีล่ะ” อีริคพูดขึ้นหลังจากเรานั่งเงียบอยู่ในรถมาสักพักแล้ว
“ไม่รู้สิ นายอยากขับไปไหนก็ไปเถอะ” ฉันตอบก่อนจะหันไปมองสองข้างทางอีกครั้ง
แม้จะอยู่ในความมืดจนแทบไม่เห็นอะไรแต่นั่นก็ดีกว่าการนั่งคิดเรื่องผู้ชายคนนั้น น้ำตาฉันไหลลงมาอีกครั้ง ฉันขอยอมรับตรงๆเลยว่าตัวเองอ่อนแอมากแต่ฉันจะถือคติไว้ว่าตื่นมาฉันจะไม่ร้องไห้กับเรื่องเดิมๆนี้อีกดังนั้นครั้งนี้ฉันขอร้องให้เต็มที่แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไม่เสียใจเรื่องเขาอีก
น้ำตายังไหลลงมาอย่างต่อเนื่องโดยที่ฉันไม่คิดจะเช็ดมันออกอย่างทุกที น่าแปลกที่ฉันกล้าขึ้นรถมากับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแถมยังแสดงความอ่อนแอมาให้เขาเห็นอีก แต่เอาเถอะ ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรแล้วถ้าฉันพักผ่อนสมองมักนิดอาจจะทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นก็ได้
บางทีการหลอกตัวเองสักพักอาจจะดีกว่าการเผชิญหน้ากับความจริงที่มันแสนจะเจ็บปวดก็ได้นะ…
ความคิดเห็น