คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : วีวิทช์ ...ปรารถนาแห่งแม่มด
นิยาย วิวิทช์ ... ปรารถนาแห่งแม่มด ของ snowy_cat ที่ขณะนี้โพสต์ถึงบทที่ 14 แล้วนั้น นำเสนอเรื่องราวแนวรักเศร้าๆของ โซราปิย่า เครเตอร์ส สาวน้อยแม่มดที่ไม่ต้องการมีชีวิตอย่างแม่มด ขณะเดียวกันก็ปราถนาที่จะใช้ชีวิตอยู่กับชายหนุ่มที่เป็นคนธรรมดาผู้เป็นเสมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดของเธอ ทว่าวิถีแห่งแม่มดกลับเป็นอุปสรรคสกัดกั้นความฝันที่ปรารถนา
ผู้วิจารณ์ต้องยอมรับว่าถ้าไม่มีคำโปรยของผู้แต่งในตอนต้นที่สรุปเรื่องย่อทั้งหมดไว้ ก็คงยังสับสนและไม่สามารถบอกได้ว่าผู้แต่งต้องการนำเสนอเรื่องนี้ไปในทิศทางใด ที่เป็นเช่นนี้เพราะเนื้อหาทั้ง 14 บท ยังเพิ่งจะเสนอให้เห็นแต่เพียงการปฏิเสธวิถีแห่งแม่มดของโซราปิย่า ซึ่งมูลเหตุของการปฏิเสธครั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวกับชายหนุ่มคนธรรมดาที่เธอหลงรักแต่อย่างใด หากเกิดมาจากความผิดหวังใน ซิเอโล่ เวเนฟิซ ชายหนุ่มเชื้อสายแม่มดที่เป็นรักแรกของเธอ จึงเห็นได้ว่าแม้จะยังไม่เปิดตัวพระเอก แต่นางเอกของเราก็ปฏิเสธชีวิตแบบแม่มดอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้ง ผู้แต่งยังนำเสนอโครงเรื่องรอง (sub-plot) ที่เป็นอิสระจากโครงเรื่องหลักอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่องราวความรักสี่เส้าระหว่าง แมทเธียส เกรซาเบอร์ ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ กับบรรดาสาวๆอีก 3 คน คือ ไอลีน โทรว (เพื่อนสาวร่วมโรงเรียน) ราเน่ (หญิงสูงศักดิ์) และ พริมอร์ (ญาติผู้น้อง) ความพยายามของ ซิเอโล่ ที่จะปรับความเข้าใจและฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างเขาและโซราปิย่าให้กลับมาดีดังเดิม ความพยายามของลอมที่จะชักจูงให้โซราปิย่ายอมกลับเข้ามาอยู่ท่ามกลางพวกพ้องอันเปรียบเสมือนครอบครัวของเธออีกครั้ง หรือแม้กระทั่งคำทำนายล่าสุดที่เกี่ยวกับการไล่ล่าลอม ผู้นำสูงสุดของกลุ่มแม่มดของโซราปิย่า ดังนั้น หากผู้แต่งยังไม่นำเสนอโครงเรื่องหลัก (plot) ที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้น โครงเรื่องย่อยจำนวนมากที่รายล้อมเหล่านี้จะงยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้อ่านให้ไข้วเขวไปจากโครงเรื่องหลักที่ผู้แต่งต้องการนำเสนอไปอย่างน่าเสียดาย
ประกอบกับความกล้าๆกลัวๆของผู้แต่งในการเปิดเผยชีวิตและตัวตนที่แท้จริงของโซราปิย่าและพวกพ้องของเธอในฐานะแม่มด เพราะตลอดมานำเสนอแต่เพียงลักษณะเฉพาะบางประการของแม่มดที่ผู้อ่านจะต้องคาดเดาเอง จากการเก็บรวมรวมเศษเสี้ยวของข้อมูลที่ผู้แต่งทิ้งไว้ เพื่อนำมาอนุมานร่วมกับประสบการณ์ส่วนตนที่เคยรับรู้เกี่ยวกับแม่มดว่า ตัวละครตัวใดเป็นแม่มดบ้าง เช่น แม่มดมักจะมีสัตว์รับใช้เป็นแมวสีดำที่พูดและแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ขณะที่ทำพิธีมักจะมีผู้ทำพิธี 13 คน ซึ่งก่อนทำพิธีจะมีการโรยเกลือไว้โดยรอบวงพิธี และนิยมใช้เทียนสีดำ หรือการชุมนุมของแม่มดมักจะชุมนุมกันเดือนละครั้งในวันพระจันทร์เต็มดวง และวันฮาโลวีนก็ถือว่าเป็นวันชุมนุมที่สำคัญหนึ่งของชาวแม่มด และยังพบอีกว่าไม่มีตอนใดเลยของเรื่องที่ผู้เขียนจะบอกไว้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นแม่มด ทั้งๆที่ชื่อเรื่องก็ระบุไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องราวของแม่มด
นอกจากนี้ ยังมีตัวละครบางตัวที่ผู้อ่านเองก็ไม่สามารถระบุได้ว่าพวกเขาควรจะจัดอยู่ในกลุ่มใด เช่น แมทเธียส และ พริมอร์ ที่มีลักษณะบางอย่างที่ต่างจากคนธรรมดา และพวกเขาก็ดูถูกมนุษย์ด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันพวกเขาก็มีลักษณะพิเศษแหมือนกับพวกของโซราปิย่า เช่น มีผิวขาวกว่าคนปกติ อ่านภาษาเวทมนตร์ได้ และมีกลิ่นแห่งความมืด แต่พวกเขาก็ไม่ใช่แม่มดในกลุ่มของโซราปิย่าอีกเช่นกัน ทั้งยังมีเกรเกอรี่ เวลส์ เด็กชายที่มองเห็นร่างที่แท้จริงของอัสโทรว่าเป็นแมว ทั้งๆที่เขายังอยู่ในร่างมนุษย์ และมองเห็นภาพในอนาคตได้ หรือ อเล็กซาน คาร์วาล์ด พี่ชายของเวลส์ ผู้ที่ทำให้โซราปิย่ารู้สึกว่าเธอถูกดูดเข้าไปในความเงียบขณะที่เข้าใกล้เขา จึงคาดหวังว่าผู้แต่งจะเฉลยให้ทราบในบทต่อๆ ไปว่าแท้ที่จริงแล้วคนกลุ่มนี้คือใคร และมีความสำคัญกับเรื่องอย่างไร
แม้ว่าการสร้างตัวละครยังขาดความชัดเจนในบางแง่ แต่ความหลากหลายของตัวละคร ก็นับเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะมีทั้งตัวละครที่อยู่ในเผ่าพันธุ์แม่มด มนุษย์ธรรมดา รวมไปถึงสัตว์รับใช้ จะพบว่า ผู้แต่งมักจะมอบบทให้ตัวละครกลุ่มแม่มดต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่หม่นเศร้า ต่างจากมนุษย์ธรรมดา ที่เผชิญสถานการณ์ที่นำเสนออารมณ์ได้หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะรัก โกรธ หรือริษยา และยังมีกลุ่มสัตว์รับใช้ที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ก็ดูจะเป็นกลุ่มตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเรื่องได้มากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นควี นกฮูกขี้หลีที่ชอบหนีนายตัวเองไปจีบสาว อัสโทร ลูกแมวหนุ่มเจ้าปัญหาที่ชอบก่อความวุ่นวายให้กับซิเอโล หรือแม้แต่เฮจิโซ่ นกสีดำที่ชอบยั่วแหย่ แมทเธียส ผู้เป็นเจ้านายของตน
การสร้างปริศนาและความลับนับเป็นกลวิธีหลักที่ผู้แต่งนิยมใช้ จะพบว่าตัวละครเกือบทุกตัวต่างก็มีความลับเฉพาะตนซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการแลกอิสรภาพของเฟรเดอริค เคอเรนซ์ ด้วยการสอบเข้า โกลเดน แกรนเจอร์ มหาวิทยาลัยอันดับต้นของประเทศ ความสำคัญของราเน่ ที่ทำให้แมทเธียส ต้องยอมปฏิบัติตามความปรารถนาทุกอย่างของเธอ และยกย่องให้เธอเป็นใหญ่กว่าใครทั้งปวง ในฐานะราชินีแห่งความบริสุทธิ์ ในขณะเดียวกันความสำคัญของพริมอร์ต่อแมทเธียส ก็มากจนกระทั่งเป็นเหตุให้แมทเธียสทะเลาะกับราเน่ (ผู้เป็นเสมือนทุกอย่างของเขา) และเขาเองก็ยอมรับ “ถ้าไม่มีเธอ (พริมอร์) เขาคงตายไปนานแล้ว” หรือตัวตนที่แท้จริงของเด็กหนุ่มผม
บลอนด์ ผู้มีนัยน์ตาสีชาที่ทำให้ เจสสิกา เจ้าของร้านกาแฟที่โซราปิย่าทำงานอยู่หลงชอบ ทั้งยังเป็นคนเดียวกับที่ทำให้โซราปิย่าได้รับสัมผัสแปลกๆ เมื่ออยู่ใกล้เขาด้วย หรือแม้แต่ความเป็นมาของเกรเกอรี่ เด็กน้อยผู้มองเห็นอนาคตของการไล่ล่าผู้นำของโซราปิย่า ผู้วิจารณ์เห็นว่าการสร้างความลับและปริศนานับเป็นลูกเล่นหนึ่งที่ช่วยสร้างเรื่องให้น่าติดตามและเพิ่มความตื่นเต้นมากขึ้น แต่ผู้แต่งก็ควรที่จะคลี่คลายความลับที่สร้างไว้บ้างเพื่อให้ผู้อ่านมีส่วนรับรู้ความลับดังกล่าวด้วย เพราะยิ่งผู้แต่งยังกุมความลับทั้งหมดไว้กับตัวเองมากเท่าไร ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการกันผู้อ่านให้อยู่นอกวงมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งผู้แต่งยังไม่เริ่มเฉลยความลับหรือคลี่คลายปริศนาที่สร้างไว้ วันหนึ่งอาจจะทำให้ผู้อ่านเบื่อที่จะเป็นเพียงผู้เฝ้าดูอยู่ห่างๆ จนอาจจะเลิกติดตามอ่านต่อก็เป็นไปได้
ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังเห็นว่าผู้แต่งมีความพยายามที่จะคุมบรรยายกาศโดยรวมของเรื่องให้เป็นไปในทางหม่นเศร้า เพื่อให้สอดคล้องกับแนวเรื่องที่เน้นแนวรักเศร้าๆ นับตั้งแต่เปิดเรื่องภาพด้วยความเจ็บปวดและสูญเสีย อีกทั้งยังสร้างให้ตัวละครส่วนใหญ่ต้องประสบชะตากรรมที่บีบให้พบกับความเศร้าและความผิดหวังจากการสูญเสีย นับตั้งแต่โซราปิย่า ที่ต้องพบความจริงอันน่าผิดหวัง จนผลักดันให้เธอตัดสินใจละทิ้งทั้ง ซิเอโล่ ชายหนุ่มที่เป็นรักแรกของเธอ และหนีจากพวกพ้องอันเปรียบประดุจครอบครัวของเธอ เช่นเดียวกับ ซิเอโล่ ที่เสียใจกับความเย็นชาและเฉยเมยที่โซราปิย่ามอบให้ ทั้งๆที่ตลอดเวลา 5 ปีที่จากกัน เขาเฝ้าคิดถึงเธอและสัญญาสมัยเด็กที่ผูกพันเขาไว้กับเธอตลอดมา หรือ ไอลีน โทรว ที่ถูกรุมประณามและถูกทำร้าย เนื่องมาจากเธอหลงรัก แมทเธียส เกรซาเบอร์ ชายหนุ่มคู่รักของท่านราเน่ ขณะที่ชิคาเล่ หัวหน้ากลุ่มแม่มดของโซราปิย่า ก็ต้องสูญเสียพ่อของเธอไปจากการที่เขาปกป้องและช่วยชีวิตผู้นำของตน และ การ์ชาร์ หญิงสาวที่เปรียบเสมือพี่สาวของโซราปิย่า ที่ต้องอยู่รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง พร้อมกับต้องต้องเผชิญกับคำประณามที่ว่า “เธอเป็นลูกของฆาตกร” การคุมบรรยากาศโดยรวมของเรื่องนับว่าเป็นแนวทางการเขียนประการสำคัญประการหนึ่ง แต่หากผู้แต่งสร้างเรื่องให้มีแต่ความเศร้ามากจนเกินไป ก็อาจจะสร้างความอึดอัดและกดดันให้ผู้อ่านต้องเผชิญกับอารมณ์เดิมๆซ้ำอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงจำเป็นต้องใช้อย่างระมัดระวังโดยคุมให้อยู่ในความพอดี ไม่ให้มากจนเกินไป
กลวิธีหนึ่งที่ผู้แต่งนำมาช่วยสร้างบรรยากาศความเศร้าก็คือ การบรรยายเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกภายในของตัวละครผู้ประสบชะตากรรมเหล่านั้น ในแง่นี้ ผู้แต่งนับว่ามีความสามารถในการบรรยายในระดับหนึ่ง เพราะถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ ของตัวละครได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันก็มีความระมัดระวังในการเขียนด้วย เพราะจะพบคำผิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น กะพริบ เขียนเป็น กระพริบ ประหัตประหาร เขียนเป็น ประหัดประหาร เวทมนตร์ เขียนเป็น เวทมนต์ และ กลิ่นอาย เขียนเป็น กลิ่นไอ
ลักษณะเด่นอีกประการที่พบคือ ผู้แต่งมักจะแทรกข้อคิด คติในการดำเนินชีวิต และมุมมองในการแก้ปัญหาไว้เป็นระยะ ซึ่งสารความคิดดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนและชี้แนะแนวทางให้ตัวละครเท่านั้น แต่แง่มุมความคิดเหล่านี้ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่สามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตของตนได้ด้วยเช่นกัน ทั้งความคิดเรื่องการตัดสินผู้อื่นว่า “เราก็ไม่ควรใช้ตาของผู้อื่นมามอง แต่ควรที่จะเรียนรู้ตัวตนของคนๆ นั้นด้วยตัวของเราเอง” หรือเรื่องราวของโชคชะตาว่า “บางครั้งเราไม่สามารถที่จะหนีโชคชะตาได้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสุดท้ายเราจะต้องเป็นทุกข์ แต่ความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็เนื่องมาจากที่เราคิดเองต่างหาก ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง แต่ถ้าผ่านพ้นไปได้ เราก็จะพบความสุขที่เราเฝ้าหามาตลอดก็เป็นได้”
ส่วนข้อบกพร่องที่พบคือ การเปลี่ยนฉาก หรือเปลี่ยนเหตุการณ์ บางครั้งผู้แต่งบรรยายเหตุการณ์ต่างกัน 2 เหตุการณ์ต่อเนื่องกันเป็นสถานการณ์เดียว ซึ่งก็สร้างความสับสนให้ผู้อ่านได้ เช่น บทที่ 9 (เปิดม่าน) ในขณะที่โซราปิย่ากำลังรับรู้ถึงสาปสางและลางร้ายเกี่ยวกับผู้บูชาความมืด ผู้แต่งก็นำฉากเหตุการณ์เกี่ยวกับตำนานมาต่อกันไปเป็นเนื้อเดียว ด้วยเหตุนี้กว่าที่ผู้อ่านจะรู้ว่าตำนานที่กำลังอ่านอยู่นั้น ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเรื่องผู้บูชาความมืด แต่เป็นเรื่องราวของละครเวทีที่กำลังแสดงอยู่ ก็ต่อเมื่ออ่านมาถึงตอนที่บรรยายว่า “ม่านสีแดงค่อยๆ ปลดลง เสียงปรบมือเริ่มดังขึ้นๆ จนก้องไปทั่วโลกละคร” เช่นเดียวกับในบทที่ 11 (เด็กหนุ่มผมบลอนด์) เพราะขณะที่เรื่องราวกำลังบรรยายถึงความเป็นไปในร้านกาแฟของเจสสิกา อยู่ๆผู้แต่งก็ตัดฉากไปที่การสืบหาผู้เขียนประณามไอลีนอย่างเสียหายไว้ที่หน้าเว็บของชมรมหนังสือพิมพ์ จนดูประหนึ่งว่าคนกลุ่มนี้นั่งประชุมกันในร้านกาแฟแห่งนี้ ก่อนที่จะเฉลยว่าแท้ที่จริงแล้วเรื่องราวของชมรมหนังสือพิมพ์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดคำนึงของโซราปิย่าเกี่ยวกับการประชุมในช่วงบ่ายที่ผ่านมาเท่านั้นเอง ผู้วิจารณ์เห็นว่าการแก้ไขในประเด็นนี้ทำได้ไม่ยากนัก เพียงแต่เว้นระยะห่างระหว่างเหตุการณ์ให้ห่างกันมากขึ้น ก็จะช่วยให้ผู้อ่านทราบโดยนัยว่าเรื่องกำลังจะขึ้นเหตุการณ์ใหม่ หรือฉากใหม่แล้ว
----------------------------
ความคิดเห็น