ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิจารณ์นิยาย

    ลำดับตอนที่ #14 : Ai-wa Ai-shi-te-ru! คำสาปรักทักหัวใจนายตัวร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 52


                นิยายรักหวานแหววของ kyomu เรื่อง Ai-wa Ai-shi-te-ru! คำสาปรักทักหัวใจนายตัวร้าย ในขณะนี้ เพิ่งโพสต์ถึงตอนที่ 10  แต่เนื้อเรื่องจริงๆ เพิ่งจะถึงตอนที่ 7 เท่านั้น  เรื่องนี้นับเป็นนิยายที่เกริ่นเรื่องด้วยบทนำได้อย่างน่าสนใจและน่าติดตาม  เนื่องจากผู้เขียนเปิดเรื่องด้วยเรื่องราวของ คาเรีย ชายผู้รักมั่นในเฟียร์น่า หญิงสาวอันเป็นที่รักเพียงคนเดียวเท่านั้น  แม้ว่าเธอจะตายไปแล้ว  จนทำให้องค์ลาซ ผู้ปกครองดินแดน Sacred Place โกรธที่คาเรียปฏิเสธความรักที่ลูนาริต้า พระธิดาผู้เลอโฉมของพระองค์มอบให้   จนออกคำสั่งให้เขาต้องลงมาเกิดในโลกมนุษย์   ทว่าคำสาปขององค์ลาซไม่ได้มีเพียงเท่านั้น   แต่ยังสาปให้เขาต้องกลายเป็นผู้หญิงในวันที่ 14 ของทุกเดือน    และต้องได้รับความเจ็บปวดทางกายแสนสาหัส    ขณะเดียวกันยามที่เป็นผู้ชายเขาก็ไม่อาจแตะต้องหญิงใดได้   ถ้าหากหัวใจของผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีเขาอยู่   ดัวยเงื่อนไขที่โหดร้ายของคำสาปเช่นนี้ จึงทำให้น่าติดตามว่าคาเรียจะดำรงชีวิตอย่างไรเมื่อมาเกิดในโลกมนุษย์แล้ว 

              เนื้อเรื่องจึงถูกกำหนดให้ต้องดำเนินไปตามกรอบของคำสาปที่ผู้เขียนเกริ่นไว้แล้วตั้งแต่บทนำ  แต่เมื่ออ่านเรื่องจบถึงตอนที่ 7  กลับพบว่าผู้เขียนละเลยโจทย์ที่ตัวเองสร้างไว้เป็นแกนเรื่องหลัก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงื่อนไขของคำสาปหลายประเด็น  นับตั้งแต่การไม่อาจแตะต้องผู้หญิงที่ไม่รักเขา   ผู้วิจารณ์เข้าใจว่าคำสาปจะต้องเริ่มต้นมีผลกับยากิ (ชื่อใหม่ของคาเรียเมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์) นับตั้งแต่เขาเกิด   เพราะในคำสาปไม่ได้ระบุเงื่อนไขว่าผลของคำสาปจะเกิดขึ้นเมื่อเขาเริ่มมีความรัก   แต่ในเรื่องผู้เขียนกลับให้ยากิได้รับผลของคำสาปนี้เมื่อเขาอายุได้ 15 หลังจากฝันเห็นลูนาริต้า  ขณะที่เฝ้าอาการของขนมผิง (แฟนสาวของเขาในชาตินี้)  หน้าห้อง ICU  ลูนาริต้าถามเขาอีกครั้งว่า   ท่านรักข้าได้หรือยัง คาเรีย   และเมื่อลูนาริต้าให้เขาเลือกระหว่างชีวิตของเขาเองกับขนมผิง   เขาก็ยังยืนยันคำเดิมว่า ข้าเลือกนาง...ข้ารักนาง   นับตั้งแต่นั้นมาคำสาปก็เริ่มต้น เพราะหลังจากนั้นเมื่อเขาสัมผัสหรือเฉียดเข้าใกล้ผู้หญิงทุกคน เขาจะทุรนทุราย   เจ็บปวดราวกับจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ  และจะสัมผัสได้เฉพาะผู้หญิงที่รักเขาด้วยใจจริงเท่านั้น    ซึ่งในขณะนี้ก็เหลือเฉพาะผู้หญิงในครอบครัวเขานั่นเอง        

              ประเด็นที่ 2 คือ เขาต้องกลายเป็นผู้หญิงในวันที่ 14 ของทุกเดือน และต้องได้รับความเจ็บปวดทางกายแสนสาหัส  นับตั้งแต่เกิดจนอายุ 20 ปีก็ยังไม่มีเหตุการณ์ในตอนใดเลยที่ระบุไว้ว่าเขาได้กลายเป็นผู้หญิงแม้สักเดือนเดียว  แต่วันที่ส่งผลกับชะตาชีวิตของเขามากที่สุดกลับ เป็นวันที่ 28 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันเกิดของเขาเพียงวันเดียวเท่านั้น  ที่ยากิมักจะต้องประสบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นวันเกิดตอนอายุ 15  ที่ขนมผิงถูกไม้ร่วงลงมากระแทก  ขณะที่ให้ของขวัญวันเกิดเขา จนต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา  วันเกิดตอนอายุ 18 ปี ที่ขนมผิงเสียชีวิตขณะที่เขาไปเยี่ยมและนั่งกุมมือเธอไว้   หรือแม้แต่วันเกิดตอนอายุ 20 ปี ในขณะที่เขาไปที่สุสานของขนมผิง  เขาก็ได้พบกับบาร์เลย์  หญิงสาวนอกครอบครัวเขาคนแรกหลังจากที่ขนมผิงตาย ที่สามารถแตะต้องตัวเขาได้โดยที่ไม่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด

              ประเด็นที่ 3 คือ เงื่อนไขของคำสาปที่ระบุว่า เขาไม่สามารถสัมผัสผู้หญิงคนใดได้ หากหัวใจของผู้หญิงเหล่านั้นไม่มีเขาอยู่   ในเรื่องมีผู้หญิงหลายคนที่หลงรักยากิ  แม้ว่าจะเป็นเพียงการหลงรูปก็ตาม  ทว่าผู้หญิงเหล่านั้นก็มีคุณสมบัติตรงกับข้อยกเว้นในคำสาปที่ว่า มีเขาอยู่ในหัวใจ ก็ไม่น่าที่จะทำให้เขาต้องเจ็บปวด  แต่ผู้หญิงเหล่านั้นก็ไม่สามารถแตะต้องตัวยากิได้เช่นกัน  ถ้าเป็นเช่นนี้น่าจะระบุเงื่อนไขเพิ่มเติมในคำสาปต่อไปว่า เขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนใดได้เลย  หากเขาและเธอไม่ได้รักกันด้วยใจจริง ก็น่าจะชัดเจนมากขึ้น   สิ่งที่น่าแปลกอีกประการคือ เมื่อระบุว่าผู้ที่สามารถแตะต้องยากิได้  ต้องมีเขาในหัวใจ  แต่เหตุใดบาร์เลย์ถึงแตะต้องตัวยากิได้ โดยไม่สร้างความเจ็บปวดใดๆ ให้เขาเลย  ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้รักเขาหรือไม่มีเขาในหัวใจ  ด้วยเหตุนี้  ฤทธิ์ของคำสาปจึงไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์ลาช  แต่เป็นไปตามความต้องการของผู้เขียนในช่วงเวลาต่างๆ มากกว่า  ว่าเวลานี้ต้องการให้ยากิได้รับหรือไม่ได้รับผลของคำสาปนั้น  ทำให้คำสาปที่เป็นหัวใจของเรื่องดูจะด้อยความศักดิ์สิทธิ์ลง  เพราะไม่มีบรรทัดฐานที่แน่นอนในการออกฤทธิ์  จึงอยากเสนอให้ผู้เขียนทบทวนคำสาปที่ได้ตั้งเงื่อนไขไว้ในบทนำอีกครั้ง ว่าต้องการให้คำสาปมีผลต่อการดำเนินเรื่องอย่างไรแน่   เพื่อสร้างความชัดเจนให้กับเนื้อเรื่องมากขึ้น

              ในแง่ของเนื้อเรื่องโดยรวมนั้น ยังไม่สามารถที่จะกล่าวถึงได้อย่างชัดเจนในขณะนี้  เพราะเรื่องเพิ่งจะดำเนินไปเพียงช่วงเริ่มต้น   ซึ่งเรื่องมีแนวโน้มว่าจะดำเนินไปพร้อมๆ กับการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างยากิ กับ บาร์เลย์ รุ่นพี่สาวปีสี่  ผู้หญิงคนแรกที่ยากิสนใจหลังจากที่ขนมผิงแฟนเก่าตายไปเมื่อสองปีก่อน  และระหว่างยากิกับหมี่ฟั่น รุ่นน้องปีหนึ่งที่แอบชอบเขามาตั้งนานแล้วแต่ยากิไม่รู้ตัว  อีกทั้งยากิและหมี่ฟั่นต้องผูกพันและเป็นแฟนกันไปจนกว่าจะจบการศึกษาตามกฎที่ประเพณีหอพัก..รักเธอ กำหนดไว้ว่า  ถ้าผู้ชายที่อยู่หอชายคนใดสามารถสารภาพรักและพาหญิงสาวที่พักอยู่ในหอมาลงชื่อได้ภายในเวลา 5 นาทีที่กำหนด  คนทั้งคู่จะต้องเป็นแฟนกันและมีสิทธิได้อยู่หอพักมหาวิทยาลัยต่อไปจนกว่าจะสำเร็จการศึกษา

              ส่วนการใช้ภาษานั้น  พบว่าผู้เขียนให้ความสำคัญกับความถูกต้องของภาษา  ไม่ว่าจะเป็นการสะกดคำหรือการใช้สำนวนภาษา  พบว่าไม่ค่อยมีที่ผิดมากนัก  จะมีเพียงบางคำที่เขียนผิดซ้ำๆ หลายครั้ง จนทำให้เชื่อว่าผู้เขียนอาจคิดว่าคำนี้เขียนเช่นนี้จริงๆ  เช่น สาส์น  เขียนเป็น สาสน์  นอกจากนี้ยังพบว่าผู้เขียนให้สัดส่วนระหว่างบทสนทนาและบทบรรยายในปริมาณที่เกือบเท่ากัน  แต่ในบางครั้งบทสนทนามีสัดส่วนมากกว่าบทบรรยาย  ผู้วิจารณ์เห็นว่าผู้เขียนควรจะเพิ่มสัดส่วนของบทบรรยายให้มากขึ้น  โดยให้มีปริมาณบทบรรยายประมาณ 2 ใน 3 ของเรื่อง ก็จะช่วยให้การดำเนินเรื่องมีความน่าสนใจมากขึ้น    ซึ่งผู้เขียนดูจะมีศักยภาพในการปรับเปลี่ยนอยู่แล้ว  เพราะเมื่อพิจารณาจากบทนำก็เห็นได้ว่าผู้เขียนสามารถเขียนบทบรรยายได้ดี   เป็นต้นว่าตอนที่อธิบายถึงประเพณีแห่ง Sacred  หรือ จดหมายที่เป็นบทลงโทษขององค์ลาช

              อีกประการหนึ่ง  ผู้เขียนควรตัดอีโมติคอนแสดงอารมณ์ในตอนท้ายประโยคออกบ้าง   เนื่องจากผู้เขียนใช้วิธีการดังกล่าวบ่อยครั้ง  บางครั้งก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้อิโมติคอนเพื่อปิดท้ายประโยคเสมอไป  และเมื่อตัดทิ้งก็ไม่ได้ทำให้ประโยคเสียความแต่อย่างใด   แต่ยังช่วยให้รู้สึกสบายตามากขึ้นด้วย   เพราะเนื้อหาที่มีอีโมติคอนปิดท้ายเรียงกันหลายๆ ประโยคนั้นดูรกตาน่ารำคาญ  เช่น 

    เจอกับพลุลอยขึ้นแสกหน้า -_-

    กรี๊ดดดด

    เสียงกรี๊ดแปดหลอดดังจนหอพักแทบระเบิด -_-*

    ………….

    พลุอีกดอกลอยขึ้นแสกหน้า -_-**

    “Happy Birthday ค่าพี่ยากิ >O<//” หญิงสาวคนแรกพูดขึ้น .....

    มีความสุขมากๆนะค้า ^O^” หญิงสาวคนที่สองพูดต่อ ......

    แต่ขอโทษ...ผมเป็นคนไม่มีมารยาท -_-**

    ผมยังคงยืนนิ่งและมองหน้าเธอทั้งสอง  คิดว่าวันนี้ชีวิตจะปกติสุขแล้วแท้ๆ แต่นี่กลับหนักว่าทุกวัน -_-! …… เฮ้อ... เด็กผู้หญิงสมัยนี้รักบุพการีกันดีจริงๆ =_=

             

              อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นข้อสงสัยค้างใจของผู้วิจารณ์อยู่และยังไม่สามารถหาคำตอบได้ในขณะที่อ่านเรื่องนี้  คือ ชื่อเรื่องที่คาดว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่นที่ว่า Ai-wa Ai-shi-te-ru! มีความหมายว่าอย่างไร  จะมีความหมายเช่นเดียวกับประโยคภาษาไทยที่ตามมาว่า คำสาปรักทักหัวใจนายตัวร้าย หรือไม่  และมีเหตุผลใดที่ต้องตั้งชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น  เพราะเนื้อหาทั้งหมดก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับญี่ปุ่น ทั้งในเรื่องของสถานที่ และตัวละคร  จะมีก็เพียงแต่พ่อแม่ของพระเอกที่กล่าวถึงเพียงว่าไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น  และชื่อของคนในครอบครัวพระเอกที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ยากิ  ข้าวปั้น (น้องสาว) และ โซบะ (น้องชาย)   นอกจากนั้นก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับความเป็นญี่ปุ่นอีกเลย

     

    -------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×