คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Rosa Diary บันทึกรักกุหลาบป่า
ลิงก์นิยาย http://writer.dek-d.com/faery/story/view.php?id=645605
ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าเหตุผลที่สนใจเรื่อง Rosa Diary บันทึกรักกุหลาบป่า ของ faery เพราะรู้สึกอยากช่วยตอบคำถามที่เขียนไว้ในบรรทัดแรกๆของบทนำว่า “สงสัยมากเลยว่าทำไมตอนต้นๆ คนเยอะมาก แต่ตอนหลังๆ เงียบชะมัด ใครจะไม่อ่านต่อบอกเหตุผลเราหน่อยนะคะ วิจารณ์ก็ได้จะได้ปรับปรุงถูก” เนื่องจากเรื่องที่โพสต์ไว้ขณะนี้แบ่งได้เป็น 2 ตอนใหญ่ๆ คือช่วงแรก มี 28 ตอน และช่วง
ใน 28 ตอนที่ผ่านมานำเสนอเหตุการณ์ที่ซ้อนกันใน 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงอดีตที่เสนอเรื่องราวความรักสามเส้าของเพื่อนรักสามคน เจราดิส ดาเฟียน่า และ วิลเฟร็ด ที่ต้องจบชีวิตลงเพราะความโลภของเจ้าครองแคว้นดาเลมัสที่อยากได้สมบัติและอำนาจ ซึ่งท้ายที่สุดเขาและอาณาจักรที่สร้างไว้ก็ต้องล่มสลาย ด้วยฝีมือของวิลเฟร็ดเจ้าแห่งมนตราที่ตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อสาปแช่งและกักขังดวงวิญญาณแห่งความโลภเหล่านั้นให้คงอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ตลอดกาล จนกลายเป็นต้นกำเนิดของบันทึกกุหลาบป่า และเหตุการณ์ในช่วงปัจจุบันที่ทั้งสามคนมาเกิดใหม่และได้พบกันอีกครั้ง ในนามของ โรส เซเรสติน และ รีฟา ขณะเดียวกันวิญญาณที่ถูกกักขังไว้เหล่านั้นก็เริ่มที่จะออกอาละวาดและกลับมาแก้แค้นอีกครั้ง จึงต้องมาคอยลุ้นกันว่าเหตุการณ์ในโลกปัจจุบันนี้จะซ้ำรอยเรื่องราวในอดีตอีกครั้งหรือไม่
ผู้วิจารณ์ยอมรับว่าในช่วงต้น faery เปิดเรื่องด้วยภาพความฝัน 3 เหตุการณ์ของคน 3 คน ได้อย่างน่าสนใจ และอาศัยความฝันเป็นตัวดำเนินเรื่องในช่วงต้นได้อย่างน่าติดตามว่าความฝันเหล่านั้นจะนำไปสู่เรื่องราวอันเป็นต้นกำเนิดของโศกนาฏกรรมเหล่านี้อย่างไร นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ผู้อ่านสนใจว่าตัวละครต่างๆที่อยู่ในความฝันเหล่านั้นมีความผูกพันกันเช่นไร นิยายเรื่องนี้ไม่เพียงแต่เสนอเรื่องราวมิตรภาพของเพื่อนรักสามคนที่มีความผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติภพก่อนเป็นแก่นเรื่องหลักเท่านั้น แต่ยังมีประเด็นของการกลับมาแก้แค้นของวิญญาณพยาบาทเป็นแก่นเรื่องรองที่กระตุ้นให้เรื่องราวมีความซับซ้อนและเร้าใจยิ่งขึ้น
ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งคือการใช้เรื่องของ “มิติ” เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับเรื่อง เพราะการเล่นกับ “มิติ” ของ faery นั้นไม่ได้เล่นเฉพาะมิติของเวลา หรือมิติของสถานที่เพียงอย่างเดียว แต่ faery เลือกผสานทั้งมิติของเวลาและสถานที่เข้าด้วยกัน ในมิติของเวลานั้นเป็นการย้อนกลับไปกลับมาระหว่างเรื่องราวในอดีตที่ขนานไปกับเรื่องราวในปัจจุบัน โดยอาศัยความฝันและเรื่องราวในบันทึกของวิลเฟร็ดเป็นตัวดำเนินเรื่อง ขณะที่มิติของสถานที่กลับมีความซับซ้อนมากกว่านั้น กล่าวคือ เป็นทั้งสถานที่ในอดีต คือ แคว้นดาเลมัส ที่เป็นส่วนหนึ่งของเมืองเซรียา ของรีฟา และเมืองดาฟารีน ของ เซเรสติน ในปัจจุบัน และยังเชื่อมโยงไปถึงโลกต่างมิติอันเป็นบ้านของโรสที่อยู่ในเมืองไทยอีกด้วย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในสถานที่ต่างๆนั้นมักจะผูกพันกับตัวละครที่เป็นตัวแทนของสถานที่นั้นๆ อย่างแนบแน่น
ความซับซ้อนที่ตั้งเป็นเงื่อนไขในการดำเนินเรื่องครั้งนี้นับว่าความท้าทายความสามารถของผู้เขียนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างสมดุลให้กับเหตุการณ์ในช่วงเวลาและในสถานที่ต่างๆ ที่กำหนด ผู้วิจารณ์เห็นว่าความซับซ้อนที่ faery สร้างขึ้นมานั้นกลายเป็นดาบสองคม เพราะถ้าเรียงร้อยได้อย่างลงตัวก็จะทำให้เรื่องนี้มีความโดดเด่นมากขึ้น แต่หากไม่สามารถผสานความซับซ้อนนี้ได้ ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนของเรื่องไปในทันที ในเรื่องนี้ faery ยังไม่สามารถทำให้มิติของเวลาและมิติของสถานที่ที่สร้างขึ้นสอดผสานกันอย่างกลมเกลียวและลื่นไหล บางครั้งยังแบ่งกันเป็นช่วงๆขาดจากกันเป็นตอนๆ หรือเหตุการณ์บางอย่างก็สามารถตัดออกได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่อง เมื่อเสริมเข้ามากลับยิ่งสร้างความแปลกแยกให้กับเรื่องมากเกินไป โดยเฉพาะฉากการไปเที่ยวกลางคืนในกรุงเทพฯของรีฟาและเซเรสติน ที่ faery มุ่งจะวิจารณ์การปฏิบัติตัวอันไม่หมาะสมของนักเที่ยวในสถานบันเทิงยามราตรี ซึ่งไม่เกี่ยวกับทั้งแก่นเรื่องหลักและแก่นเรื่องรอง
ในเรื่องนี้ผู้วิจารณ์เห็นว่าการที่ faery กำหนดให้โรสเป็นนักเรียนสาวมัธยมมาจากเมืองไทยนั้นสร้างความแปลกแยกและไม่สมจริงให้กับเรื่องอย่างมาก และคิดว่าถ้าให้โรสมาจากเมืองอื่น อาจเป็นเมืองสมมุติเมืองใดก็ได้ที่ไม่ใช่เมืองไทยก็จะช่วยให้เรื่องลื่นไหลมากกว่านี้ เพราะเมื่อกำหนดให้โรสมาจากเมืองไทย ความโดดเด่นของความเป็นตัวละครที่แทนความเป็นไทยก็น่าจะมีผลต่อการดำเนินเรื่องด้วยเช่นกัน แต่เท่าที่อ่านมาความเป็นคนไทย หรือฉากเมืองไทยที่นำเสนอก็ไม่ได้ส่งผลต่อแก่นเรื่องหรือโครงเรื่องหลักใดๆ เลย ช่วงที่เดินทางมาเมืองไทยก็เป็นเพียงจะสร้างความสนุกอันเกิดจากความเปิ่นและไม่รู้ของเซเรสตินในบางเรื่องเท่านั้น เช่น ไม่รู้จักวิธีใช้ห้องน้ำ ลิฟต์ หรือ ขึ้นรถแท็กซี่ หรือการให้รีฟาและเซเรสตินเดินทางข้ามมิติมาโผล่ในห้องน้ำหญิงของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันเมื่อโรสเป็นคนไทยต้องข้ามมิติไปอยู่ที่มิติของรีฟาและเซเรสติน ปฏิกิริยาของคนที่นั่นที่มีต่อโรสก็น่าจะมีอะไรที่สะดุดใจมากกว่านี้ เพราะโรสน่าจะมีรูปร่าง หน้าตา บุคลิก ท่าทางที่ต่างออกไปอย่างมาก ถึงแม้ว่ารีฟาจะใช้เวทมนตร์ช่วยให้โรสฟังและพูดภาษาของเขาออกก็ตาม เพราะไม่น่าจะเคยมีคนจากมิติอื่นเคยข้ามไปที่นั่นบ่อยนัก อีกทั้งวิถีชีวิตของทั้งสองมิติต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมิตินั้นคล้ายกับยุโรปในช่วงยุคกลางที่ยังมีกองทหารม้า คนสัญจรไปมาด้วยการเดิน ขี่ม้า หรือใช้เกวียน ในขณะที่เมืองไทยอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 21 มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีต่างๆก็พัฒนาไปสูงมากแล้ว การปรับตัวของตัวละครทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะรวดเร็วดังที่ปรากฏในเรื่อง โดยเฉพาะการปรับตัวของโรสที่ทำตัวกลมกลืนกับชีวิตในมิติใหม่ได้เร็วมาก ทั้งๆที่อยู่ในเมืองไทยแท้ๆ เธอยังทำตัวแปลกแยกจากสังคม และชอบอยู่ตามลำพังคนเดียวอยู่เลย โรสจึงน่าจะเป็นตัวละครที่มีปัญหาในการปรับตัวมากที่สุด
เมื่อเรื่องมีความซับซ้อนมากเช่นนี้ ผู้อ่านยังถูกกระหน่ำด้วยการเขียนที่ชวนสับสนเข้าไปอีก เพราะผู้เขียนจะดำเนินเรื่องโดยการแทรกเรื่องราวในปัจจุบันเข้ากับอดีตทั้งที่เป็นความฝัน และเรื่องราวในบันทึก ขณะเดียวกันก็ยังมีการย้อนไปมาระหว่างเมืองไทย เมืองเซรียา เมืองดาฟารีน และบางครั้งยังย้อนกลับไปยังอาณาจักรดาเลมัสสมัยโบราณด้วย ขณะเดียวกัน faery กลับไม่ช่วยสร้างความกระจ่างให้ผู้อ่าน ด้วยการแยกให้เห็นว่าขณะนี้กำลังเปลี่ยนฉากใหม่ หรือเปลี่ยนเหตุการณ์ใหม่แล้ว ตลอดทั้งเรื่อง faery จะเขียนเรื่องต่อเนื่องกันไปหมด โดยคาดหวังให้ผู้อ่านทราบเองว่าตอนนี้เปลี่ยนฉากแล้ว หรือเปลี่ยนตัวละครผู้ดำเนินเรื่องแล้ว การเขียนเช่นนี้สร้างความสับสนอย่างมาก โดยเฉพาะฉากความฝันที่ให้โรส รีฟา และ เซเรสติน ฝันพร้อมกัน การจะแยกว่าใครฝันก็ยากอยู่แล้ว และยังต้องจำอีกว่าความฝันของแต่ละคนนั้นเป็นเรื่องราวในอดีตของใคร ดังนั้น หาก faery สามารถสร้างความชัดเจนประเด็นนี้ได้ก็จะช่วยผู้อ่านได้มาก
นอกจากนี้ ความไม่คงที่ของบุคลิกตัวละคร โดยเฉพาะเมื่อผู้เขียนกล่าวถึงประวัติของตัวละครไว้ในตอนที่ 17 ยิ่งชวนให้มึนงงว่าจริงๆแล้วตัวละครควรมีบุคลิก ลักษณะ และนิสัยอย่างไรกันแน่ เพราะตัวละครส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นไปตามที่กำหนดไว้เท่าใดนัก เมื่ออ่านๆไปจะรู้สึกว่าตัวละครในเรื่องสามารถจะปรับเปลี่ยนบุคลิกลักษณะตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นๆ เช่น โรส ที่บอกว่าเป็นเด็กเรียบร้อย เป็นผู้ใหญ่เกินวัย และควบคุมตัวเองได้ดี แต่เมื่อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ โรสก็เปลี่ยนบุคลิกไปจนแทบจะไม่เหลือบุคลิกที่ผู้เขียนตั้งใจไว้เลย เพราะโรสกลายเป็นคนเอาแต่ใจตัวเอง ห้าว เก่งกล้า มีความสามารถที่ซ่อนไว้มากมายไม่ว่าจะมีพลังเวทในการรักษา สามารถต่อสู้ด้วยมือเปล่าได้อย่างดี ขี่ม้าได้ภายในครึ่งวัน จนเรฟนอฟพี่ชายของรีฟาเห็นโรสเป็นม้าดีดกะโหลก และแทบจะไม่มีเหตุการณ์ตอนใดที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และการควบคุมตัวเองได้ดีอยู่เลย ไม่เพียงแต่ตัวละครที่ให้ประวัติไว้เท่านั้น ตัวละครที่ไม่ได้เล่าถึงประวัติในตอนที่ 17 ก็มีความไม่คงที่เช่นกัน โดยเฉพาะแอสเทลล่า จะเห็นได้ว่าในตอนแรก faery บอกไว้ชัดเจนว่าแอสเทลล่าร่างกายอ่อนแอมาก ต้องมีพี่เลี้ยงดูแลเป็นพิเศษ แต่หลังจากนั้นจะพบฉากที่แอสเทลล่าวิ่งเล่นอยู่บ่อยครั้ง จนอดสงสัยไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วแอสเทลล่าอ่อนแอหรือแข็งแรงกันแน่
ผู้วิจารณ์เห็นว่าเหตุผลหลักๆที่ทำให้คนอ่านสนใจเข้ามาอ่านเพียงช่วงแรกๆ และหายไปนั้น ไม่เพียงมีสาเหตุมาจากความซับซ้อนในประเด็นต่างๆ ที่กล่าวถึงข้างต้นที่สร้างความสับสนให้กับผู้อ่านเท่านั้น แต่ความเยิ่นเย้อของเนื้อเรื่องก็นับเป็นเหตุผลสำคัญ โดยส่วนตัวเห็นว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดทั้ง 28 ตอนยังเป็นเพียงช่วงเกริ่นเรื่องเท่านั้น ยังไม่ได้เข้าไปยังแก่นเรื่องที่ต้องการเสนอ เพราะเรื่องราวที่นำเสนอมาถึงตอนนี้ไม่ได้ช่วยสร้างความชัดเจนให้แก่ผู้อ่านเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของมิตรภาพและความรักของเหตุการณ์ในอดีต ความโหดร้ายและความโลภของเจ้าครองแคว้นดาเลมัสในอดีต การพัฒนาความสัมพันธ์ของโรส รีฟา และ เซเรสติน ในปัจจุบัน การกลับมาแก้แค้นของดวงวิญญาณที่ถูกจองจำ หรือแม้กระทั่งความลับในครอบครัวของรีฟา ผู้วิจารณ์จึงเห็นว่า faery น่าจะดำเนินเรื่องให้กระชับมากขึ้น อาจทำได้โดยแบ่งจุดเน้นเป็นช่วงๆก็ได้ว่าระหว่างตอนนี้ถึงตอนนี้จะนำเสนอเหตุการณ์ใด เพื่อให้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้นไม่ใช่นำเสนอแต่เพียงภาพที่พร่าเลือนอย่างที่เป็นอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น faery ก็มีปัญหาเรื่องการสะกดคำผิดด้วยเช่นกัน การสะกดผิดนั้นมีทั้งการเขียนชื่อเฉพาะผิด และบ่อยครั้งยังพบว่ามีการเขียนผิดซ้ำๆ เช่น ดาเลมัส ก็เขียนเป็นดาเรมัส วิลเฟร็ด ก็เขียนเป็นวิลเฟรด หรือเซเรสติน ก็เขียนเป็น เซเรวติน บางครั้ง faery เขียนชื่อตัวละครผิดตัวเลยก็มี แทนที่จะกล่าวถึงวิลเฟร็ด ก็เขียนว่าเรฟฟอน (การอธิบายถึงตัวละคร ดาเฟียน่า ในตอนที่ 17) ทำให้ผู้อ่านฉงนด้วยเช่นกัน รวมทั้งยังมีการใช้สรรพนามผิดในบางแห่งซึ่งชวนให้งงได้ เช่น เหตุการณ์ที่รีฟาพบกับโรสครั้งแรก รีฟาขอให้โรสแสดงตัวเป็นเพื่อนของเขาเพื่อจะได้สมกับข้ออ้างที่ว่าเขาบอกกับอามิเอลว่ามาพบเพื่อน แต่ตลอดเวลาที่พูดถึงอามิเอลกลับใช้สรรพนามแทนว่า “เขา” แทนที่จะเป็นคำว่า “เธอ” ทั้งตอน จนผู้อ่านเริ่มไม่แน่ใจว่าอามิเอลเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ นอกจากนี้ในเรื่องยังมีคำผิดจำนวนมาก จะเห็นว่าคำบางคำเขียนผิดจากความไม่รู้เช่น เวทมนต์ ซึ่งคำที่ถูกต้องเขียนว่า เวทมนตร์ หรือ กะพริบตา เขียนเป็นกระพริบตา และ แท็กซี่ เขียนเป็น แทรกซี่ บางคำก็พบว่าสะกดคำเดียวกันในหลายรูป เช่น ฌาณ มีทั้งที่เขียนว่า ชาณญ์ ฌาณ และ ฌาน ซึ่งผู้วิจารณ์เห็นว่า faery ควรที่จะเห็นความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย
ผู้วิจารณ์เห็นว่าหาก faery สามารถเขียนเรื่องให้กระชับขึ้น ตรงจุด และมุ่งตรงยังแก่นเรื่องโดยไม่สนใจเหตุการณ์ประกอบเล็กๆ มากนัก และผสานความซับซ้อนอันเป็นเงื่อนไขสำคัญในการดำเนินเรื่องให้สอดคล้องมากขึ้น รวมทั้งบีบให้ตัวละครเดินตามกรอบที่ตั้งไว้มากกว่าที่จะปล่อยให้ตัวละครเป็นอิสระ จนต้องปรับเปลี่ยนความสามารถและบุคลิกไปตามเหตุการณ์มากเกินไปเหมือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ควรตรวจสอบความถูกต้องของตัวสะกดให้มากขึ้นก็น่าจะช่วยตอบคำถามที่ faery ตั้งไว้ได้
-----------------------------------------
ความคิดเห็น