ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วิจารณ์นิยาย

    ลำดับตอนที่ #1 : ทีนอส

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 55


    ลิงก์นิยาย http://writer.dek-d.com/tspy/story/view.php?id=264207

    ข้อสังเกตจากการอ่านวรรณกรรมออนไลน์ที่ได้รับการตีพิมพ์ ทีนอส

     

    เรื่องย่อ

              ชัย คนขับแท็กซี่ รับผู้โดยสารวัยรุ่นที่เป็นเด็กฮิพฮ็อพที่สี่แยกแห่งหนึ่งเพื่อจะพาไปส่งที่รัชดาซอยสี่ แต่เมื่อรถของทั้งคู่ผ่านสี่แยกกลับทะลุมิติมาปรากฏที่โลกในจินตนาการที่อยู่ในสภาพย่ำแย่เพราะปิศาจยึดครองจนเกือบหมด ทั้งสองได้พบรถยนต์อีกคันที่มาถึงแล้วก่อนหน้าที่มีเด็กนักเรียน ม. ต้นคนหนึ่งนั่งอยู่กับแม่ แม่เสียชีวิตทันที จากนั้นเมื่อได้พบผู้นำทาง ทั้งสามคนที่เหลือจึงต้องกู้โลกตามคำพยากรณ์ที่มีมานานแสนนานจนผู้คนในโลกแห่งนั้นเกือบหมดศรัทธา

     

    ข้อสังเกต

    เนื้อเรื่องเป็นแนว แฟนตาซีทะลุมิติ ซึ่งเปิดโอกาสให้ตัวละครในยุคปัจจุบันเข้าสู่โลกในจินตนาการได้ แต่เมื่ออ่านไปแล้วกลับพบกับความแตกต่างจากเรื่องในแนวนี้ที่ส่วนมากจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมากอบกู้โลก และเรื่องจบลงอย่างเป็นสุข กล่าวคือถึงแม้ว่าตัวละครเอกจะต้องเป็นผู้กู้โลกเช่นกัน แต่ในขณะที่อ่านไม่รู้สึกว่ามีความหวังว่าเขาทั้งสามจะกอบกู้โลกได้ เพราะฝ่ายที่อยู่ในโลกแฟนตาซีอยู่แล้วมีความสามารถเหนือกว่าผู้กอบกู้มากมายนัก อีกทั้งเรื่องยังจบอย่างไม่มีความสุข อาจกล่าวได้ว่าเนื้อเรื่องเกือบทั้งหมดของ ทีนอส เต็มไปด้วยความหม่นหมอง สิ้นหวังและหดหู่

    ตัวละครเอกทั้งสามต่างมีอดีตที่เศร้าหมอง อาตี๋หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ทีเค เด็กหนุ่มฮิพฮ็อพฐานะดีแต่ไร้การเหลียวแลจากนักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นพ่อ ส้มโอ เด็กสาว ม. ต้น ที่ถูกพ่อเลี้ยงใช้กำลังข่มขู่รังแกทั้งตัวเอง แม่ และน้องชายวัยแบเบาะอยู่เป็นประจำ และ ชัย ที่อดีตเคยเป็นมือปืนจากความแค้นที่โสเภณีผู้เป็นแม่ถูกสังหารจากลูกค้าไม่ทราบชื่อที่ชัยเห็นเพียงรอยสักและหัวเข็มขัดรูปกะโหลก เขาเคยถูกบังคับให้ฆ่าเด็กขายพวงมาลัยที่ถือตุ๊กตาเก่าคร่ำคร่าที่ชื่อ บัตเตอร์คัพ ตัวละครเอกในการ์ตูนเรื่อง พาวเวอร์พัพเกิร์ล ที่ฉายทางการ์ตูนเน็ตเวิร์ก อันเป็นปมที่ทำให้เขารู้สึกผิดตลอดมาที่ต้องฆ่าผู้บริสุทธิ์ ซึ่งมีการกล่าวถึงหลายครั้งในเรื่อง อีกทั้งตัวตุ๊กตาเองก็สร้างรอยประทับที่ลึกซึ้งในจิตใจของชัยด้วย

    เป็นธรรมดาของนิยายแนวนี้ที่จะต้องมีสัตว์ประหลาด ปิศาจหรือการใช้เวทมนตร์ เวทมนตร์ที่ปรากฏในเรื่องส่วนหนึ่งมาจากผู้เฒ่าผู้รักษาคำพยากรณ์ของบรรพบุรุษ เป็นเวทมนตร์แบบ เสกเป่า เช่น เสกขนม้าเป็นหอก หรือเสกหญ้าเป็นนกอินทรีย์ ซึ่งทำให้อ่านแล้วนึกถึงขุนแผนตอนเสกใบมะขามเป็นอย่างยิ่ง ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สร้างความสนุกสนานและความแตกต่างจากนิยายแนวแฟนตาซีทั่วไปได้ดี อีกทั้งปิศาจในเรื่องก็ไม่ได้นำมาจากเทพนิยายทั่วไป หากแต่แบ่งได้เป็นสามพวกคือ ซากศพเดินได้ อันเป็นอดีตมนุษย์ที่ถูกทีนอสครอบงำทั้งเด็กและผู้ใหญ่ สัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก เช่นหมาป่าและนกอินทรีย์ขนาดยักษ์ และ ไดโนเสาร์หากแต่ฉากการใช้เวทมนตร์หรืออะไรที่หรูหราดูยิ่งใหญ่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ใช้ในนิยายเรื่องนี้มากนัก เพราะดูเหมือนผู้เขียนจะเล่นกับเรื่องจิตใจของตัวละครมากกว่า

    นอกจากนี้ความแตกต่างจากนิยายแนวเดียวกันเรื่องอื่นๆ ยังอยู่ที่ความสามารถของตัวละคร โดยทั่วไปตัวละครเอก (โดยเฉพาะถ้ามีการระบุถึงในคำพยากรณ์) จะต้องมีความสามารถสูงในด้านใดด้านหนึ่ง เช่นการใช้ดาบ เวทมนตร์ ลางสังหรณ์ หรือแม้แต่การวางแผน ตลอดจนมีอาวุธร้ายแรงตามแต่ผู้เขียนจะสร้างสรรค์ขึ้น หากแต่ตัวละครเอกในเรื่องนี้ไม่เป็นเช่นนั้น อาวุธที่ทรงพลังที่สุดเป็นเพียงปืนพกที่มีกระสุนอยู่ไม่กี่ลูก นอกจากนั้นก็เป็นสิ่งต่างๆ ตามที่จะหาได้ เช่นกระเป๋าถือของผู้หญิง หรือไม้ไผ่ที่นำมาเหลาเป็นหอก แม้แต่ตัวละครในโลกแฟนตาซีเองอย่างผู้นำทางก็มีอาวุธเป็นคันศรกับมีดสั้นธรรมดาเท่านั้น เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจอย่างไดโนเสาร์ยักษ์หรือพ่อมดก็นับว่าตัวละครในเรื่องนี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างแท้จริง และความเป็นตัวเอกก็ไม่ได้ปกป้องพวกเขาจากความตายหรือการบาดเจ็บแต่อย่างใด แต่ก็นับว่ามีเหตุผลเมื่อในคำพยากรณ์ระบุให้พวกเขาเป็นผู้เรียกผู้พิทักษ์มาปกป้องดินแดนแห่งนี้เท่านั้น

    เมื่อ ทีนอส มีพลังที่จะดึงเอาด้านมืดในจิตใจของตัวละครออกมาครอบงำพวกเขา ทำให้ทุกคนในเรื่องต่างพากัน ปิดกั้นจิตใจ กล่าวคือนึกถึงแต่เรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ถ้ามองจากมุมมองของผู้อ่านแล้วจะเห็นได้ว่ายากที่จะทำได้เพราะทุกคนต่างมีด้านมืดของจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นเหล่าทหารใน กองทัพขาว กองทัพเพียงหนึ่งเดียวในเรื่องที่ทุกคนต้องผูกผ้าขาวไว้ ณ ที่ใดที่หนึ่งตามร่างกาย เราได้รู้จักทหารกองทัพนี้เพียงไม่กี่คนเพราะส่วนใหญ่จะตายหมด พวกเขามีอดีตที่เลวร้ายจากการสู้รบ อีกทั้งต้องกระทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับธรรมชาติของความเป็นทหาร กล่าวคือไม่สามารถนึกถึงการฆ่าฟันมากจนเกินไปเพราะจะทำให้จิตใจด้านมืดเข้าครอบงำตนเอง ด้วยสองสาเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาถูกทีนอสเข้าครอบงำได้อย่างง่ายดาย เมื่อเป็นเช่นนี้จึงยากที่จะมีชีวิตรอดได้เมื่อมีศัตรูในรูปแบบนี้ ส่วนผู้นำกองทัพพร้อมทหารเอกนั้นไม่มีการบอกในเรื่องว่าเขามีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างไรจึงอยู่รอดมาได้

    ด้านมืดของตัวละครเอกทั้งสามถูกเล่าถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นของทีเค เด็กหนุ่มฮิพฮ็อพ ด้านมืดของเขาคือชายชราสองคนในชุดขาวและดำ ความดีความชั่ว ดังที่ได้เห็นจากตัวร้ายของการ์ตูนประเภท ลูนี่ย์ตูน เช่นทอมกับเจอร์รี่ หรือโรดรันเนอร์ ที่มักจะมีฉากปิศาจชุดดำที่เป็นตัวแทนของความชั่วมาบอกให้ทำชั่ว ในขณะที่เทวดาชุดขาวตัวแทนของความดีมาบอกให้ทำความดี ส่วนมากความดีมักจะพ่ายแพ้เช่นเดียวกับกรณีของทีเคที่ถูกฝ่ายมืดชักจูงให้ข่มขืนส้มโอเด็กสาวที่เขาแอบรัก ในกรณีของชัยกลับเป็นเสียงที่บอกเขาให้กลับไปเป็นมือปืน การนึกถึงภาพแม่ที่ถูกฆ่าและการฆ่าเด็กขายพวงมาลัยในอดีต ส่วนส้มโอนั้นเป็นตัวแทนของความดีในเรื่องจึงไม่ค่อยมีการกล่าวถึงด้านมืดของจิตใจมากนัก

    ในส่วนของการเล่าเรื่อง นับว่าผู้เขียนสามารถเล่าเรื่องได้อย่างเห็นภาพ มีการบรรยายที่ดี เขียนได้อย่างน่าติดตาม มีส่วนที่ทำให้ผู้อ่านเชื่อได้ว่าเรื่องนี้อาจเกิดขึ้นจริง เช่นการอ้างอิงถึงสถานที่หรือเว็บไซต์ที่มีอยู่จริง เช่นซอยสี่หรือเว็บเด็กดี กราฟิตี้ในห้องน้ำ หรือแม้แต่การใช้โปรแกรม MSN Messenger หรือความต้องการของส้มโอที่จะเป็นนักเขียนนิยายในเว็บเด็กดี จนสุดท้ายผู้เขียนพยายามทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าทีเคต้องนำเอาความต้องการนั้นมาสานต่อให้เป็นจริงด้วยการโพสต์เรื่องราวจากโลกทีนอสเป็นนิยายในเว็บนี้ (ทีเค ตัวละครในเรื่อง = ผู้เขียน)

    นอกจากนี้ผู้เขียนยังได้นำตนเองเข้าไปปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องด้วยพร้อมทั้งแฝงความคิดเห็นเกี่ยวกับนิยายออนไลน์ ในหน้าที่ 140 ดังนี้

    ความเห็นที่ 12,535

    อ่านแล้วครับ ก็อ่านได้เรื่อยๆ นะ โดยรวมก็ดีแล้วล่ะ เพียงแต่ค่อนข้างสับสนนิดหน่อยกับพล็อตเรื่องที่โดดไปมา ยังไงล่ะ ก็แบบว่าไม่ต่อเนื่องเท่าไร ภาษาก็โอเคครับ แต่โดยส่วนตัวนะผมไม่ค่อยชอบเสียงเอฟเฟ็คสักเท่าไร มันดูเหมือนจะซ้ำซ้อนกับส่วนที่มีบรรยายไว้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องตัวอีโมชั่นไม่ขอออกความเห็นดีกว่า อันนี้เป็นลีลาของแต่ละคน และดูเหมือนคนส่วนใหญ่จะชอบเสียด้วยสิ อืม...

             มีการนำเสนอสมมติฐานอยู่เนืองๆ ว่า ผู้ที่อยู่ในโลกจินตนาการแห่งนั้นส่วนหนึ่งอาจเป็นคนไทย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษาพูดและเขียนเป็นภาษาไทย โดยป้ายชื่อต่างๆ และคำพยากรณ์เป็นภาษาไทย และการเรียกชื่อชนเผ่าของตนว่า เทยา ยิ่งทำให้เรื่องนี้ดูสมจริงมากขึ้น

    ผู้เขียนเล่าเรื่องได้อย่างที่อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกำลังชมภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสลับภาพในเวลาเดียวกันระหว่างโลกในจินตนาการกับโลกแห่งความเป็นจริง หรือการเล่าถึงเหตุการณ์เดียวกันในมุมมองของตัวละครแต่ละตัว ซึ่งสร้างความสนุกสนานได้อย่างดีเยี่ยม

    นอกจากนี้ผู้เขียนยังสามารถสร้างความผูกพันระหว่างผู้อ่านกับเนื้อเรื่อง เมื่อเริ่มอ่านเชื่อว่าผู้อ่านแทบทุกคนจะตั้งคำถามว่า ทีนอสคืออะไร ซึ่งคำถามนี้ไม่สามารถตั้งได้ในเรื่อง เพราะ ความใคร่รู้นำมาสู่ความพินาศ หากแต่ผู้เขียนกลับให้ทางออกที่ขัดแย้งกับประโยคนี้ เพราะท้ายที่สุดเมื่อผู้อ่านได้ทราบว่าทีนอสคืออะไร ตัวละครจึงได้ทำลายสิ่งนั้นลงได้เช่นกัน รวมถึงความเชื่อของผู้เขียนเองที่บอกผ่านความคิดของชัยที่ว่า มนุษย์เราพัฒนาได้เพราะการตั้งคำถาม สงสัยแล้วจึงคิดค้น (หน้า 271)

    ผู้เขียนพยายามทิ้งปริศนาไว้กับสิ่งต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นความหมายของชื่อ ทีเค คำพูดที่ใช้ในการเปิดประตูเรียกผู้พิทักษ์มีที่มาจากกระดาษโน้ตจดรายการซื้อของของแม่ส้มโอ ประกอบกับความหมายของการละเล่นแบบไทยรูปแบบหนึ่ง (มาทำไม มาซื้อดอกไม้ ดอกอะไร) แม้กระทั่งพาวเวอร์พัพเกิร์ล มีบางส่วนที่อาจกล่าวได้ว่าเป็น สัญลักษณ์ เช่นหัวกะโหลกที่ไม้เท้าของผู้ครอบครองทีนอสและหัวเข็มขัดของผู้สังหารแม่ของชัย มีความหมายตรงตัวถึงความตายและความชั่วร้าย ผ้าขาวที่กองทัพขาวทุกคนต้องผูกเพื่อยึดเหนี่ยวจิตใจ มีความหมายถึงความดี เป็นต้น

    มีบางส่วนที่ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะมีการขยายความมากกว่านี้คือส่วนที่เป็นของโลกแห่งความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นส่วนที่สำคัญของเรื่องมากนักแต่ก็ไม่น่าทิ้งไว้ให้ค้างคา เช่นพฤติกรรมของพ่อของทีเค ที่เริ่มแสดงออกถึงความรักลูกด้วยการออกตามหาตามที่ต่างๆ (เขาได้พบกับคนจากทีนอสด้วยในรูปของขอทาน แต่ชายผู้นั้นก็หายไปจากเรื่องอย่างไร้ร่องรอย) แต่พอถึงช่วงหลังของเรื่องผู้เขียนได้บรรยายแต่ในส่วนของโลกแฟนตาซีทำให้บทของตัวละครนี้ขาดหายไปโดยสิ้นเชิง ภรรยาสาวที่ท้องแก่ของชัยที่ดูประดุจจะมีหน้าที่ให้ความสว่างในชีวิตกับเขาและมีหน้าที่คลอดบุตรเท่านั้น และพ่อเลี้ยงของส้มโอที่แทบจะไม่มีบทบาทอะไรนอกจากจะแสดงความฉุนเฉียวและตายในตอนจบ บางครั้งรู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้น่าจะมีบทบาทที่มากขึ้นสักเล็กน้อย หรือบางคนก็ไม่น่าจะมีบทมาตั้งแต่แรก

    เมื่อเขียนมาถึงบรรทัดนี้ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่าควรจะสรุป ก็ขอสรุปอย่างซื่อๆ ว่าข้าพเจ้าชอบนิยายเรื่องนี้พอสมควร ด้วยเหตุผลต่างๆ นานาที่ได้กล่าวมา แต่ข้าพเจ้าคงจะชอบนิยายเรื่องนี้มากกว่านี้มาก หากตอนจบจะไม่หักมุมแบบที่เป็นอยู่ (ขอไม่พูดถึงเนื่องจากจะทำลายอรรถรสของเรื่อง) แม้จะเป็นการเชื่อมโยงจากสิ่งที่เคยพูดถึงมาตลอด แต่การทำเช่นนี้ทำให้ความสมจริงที่มีมาตลอดทั้งเรื่องต้องมลายหายไปอย่างไม่น่าจะเป็น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×