ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 6 ในชั่วโมงวิชาการบิน
บทที่ 6 ในชั่วโมงวิชาการบิน
“เพราะแกแท้ ๆ เลยดันมากวนตีนฉัน ไอ้เต่า” เฮอร์มิสกล่าวโทษเพื่อนที่ขณะนี้ใช้ดวงตาสีน้ำตาลจ้องผ่านแว่นมายังเจ้าคนปากดีอยู่
“ยังไม่เลิกเรียกอีก แกมาเรียกฉันว่าเต่าก่อนทำไมล่ะยัยแมรี่” วอลลี่สวนกลับอย่างทันควัน
“เฮอะ ก็ทำอะไรช้าอย่างนี้นี่แหละ เดินก็ช้า ตื่นก็ช้า เมื่อเช้าแกตื่นก่อนฉันแป๊บเดียวเองนะ ไอ้ไก่มันบอกมา” เฮอร์มิสตอกกลับอย่างไม่ยอมเลิกรา แล้วยังจะไปแซวคนอื่นเขาอีก
“แกเรียกฉันไก่ได้ไง หา ไอ้บ้าแมรี่” เกรกอรี่ว่ากลับ
“เกรกอรี่ เกรเนอร์ ไม่เคยสังเกตหรือไงว่าชื่อแกน่ะ ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่หมดเลย แล้วอย่างนี้ไม่ให้เรียกไก่ จะให้เรียกอะไร” คำแจงเหตุผลที่ให้รู้ว่ามันไม่ได้สำนึกเลยว่ากำลังเป็นคนหาเรื่องเพื่อน ๆ อยู่
“เอาเหอะ พอที ๆ ทะเลาะอะไรไร้สาระ ฉันโดนเรียกว่าเป็นหมูอ้วนยังไม่โมโหเลย ถ้าฉันโมโหขึ้นมาพวกแกคงจะแบนไปแล้วแหละ” เอลวินเข้ามาห้ามก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น
“จะทะเลาะ จะต่อยกันก็ไม่ว่าอะไรหรอก ไม่ได้มีกฎห้ามไว้ ในหอพระราชาสามารถวิวาทกันเพื่อศักดิ์ศรีได้ แต่ถ้าจะทะเลาะกัน ไปให้ไกล ๆ ได้ป่ะ รำคาญ” เกรกอรี่พูดอย่างหน่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ก็เกือบจะเข้าไปร่วมวงด้วยแล้วแท้ ๆ
“ไอ้ไก่!!” คราวนี้คนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ทั้งสองคนหันกลับมาตะคอกใส่เกรกอรี่เสียงลั่น
“งาย เฮอร์มิส” เสียงหวาน ๆ ของสาวน้อยคนนึงดังขึ้นมาจากข้างหลัง
แฟรี่สาวสวยนั่นเอง เธอเดินมากับวีนัสและเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนซึ่งพักอยู่ในห้องเดียวกัน
“เมื่อกี้ในชั่วโมงประวัติศาสตร์เวทมนตร์น่ะ เธอทำได้ยังไง ยังไม่เคยเรียนแล้วรู้ได้ยังไงกัน อีกอย่างฉันเห็นเธอหลับอยู่ด้วยนี่นา หรือว่าฉันตาฝาด” แฟรี่ถามให้คนถูกถามชักรู้สึกว่าเจ้าหล่อนนี่ขี้สงสัยเสียเหลือเกิน ผู้หญิงมันเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยหรือไง
“ไม่ฝาดหรอก ไอ้นี่มันบังเอิญละเมอฝันเห็นคนชื่อเฟอดินานพอดีเลยน่ะ” พูดจบวอลลี่ก็ทำท่าเหมือนจะพูดต่อ ดังนั้น ก่อนที่เจ้าวอลลี่จะปากมอมเล่าให้เจ้าหล่อนฟังจนหมด เขาก็รีบเอามือนุ่ม ๆไปอุดปากเจ้าเต่าไว้ก่อนแล้ว
“อืม ใช่ก็แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก”
“คนไร้สาระ ก็ย่อมทำอะไรไร้สาระอยู่วันยังค่ำแหละ ไม่มีทางหรอกที่จะมาอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนน่ะ” วีนัสพูดโดยไม่ได้มองหน้าของคนที่เธอกำลังหมายถึงอยู่ ซึ่งไม่ได้รู้เลยว่าคนไร้สาะระคนนี้ยังชอบแกว่งปากหาเสี้ยน
“อ๋อ ถ้าอ่านหนังสือแล้วต้องใส่แว่นหนาเตอะจนดูไม่ได้อย่างเธอน่ะ ฉันไม่เอาด้วยคนหรอก ดูสิ ไม่อ่านหนังสือมายังตอบได้เลย อ่านหนังสือมายังไงตอบไม่ได้เหมือนฉัน เฮ้อ!”
เจ้าตัวดีเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนส่ายหน้าวืด
ทันทีที่สมองประมวลผลคำประชดได้ มาดที่วางมาอย่างนิ่งเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยวาจาของเจ้าคนปากอยู่ไม่สุข บัดนี้ ดวงหน้าเด็กหญิงใส่แว่นที่ดูท่าทางเรียบร้อยขึ้นสีแดงจัดด้วยความโมโห เธอรู้สึกอดไม่ไหวกับปากของคนตรงหน้า
หรือว่าไอ้ที่ใช้พูดอยู่มันจะไม่ใช่ปาก!?!
เพียะ!!!
“โอ๊ย!!”
บัดนี้ หน้าหวาน ๆ ของเฮอร์มิสก็ขึ้นสีระเรื่อ แต่หาใช่เกิดเพราะอารมณ์เจ้าตัวไม่ มันเป็นเพราะฝ่ามือของคนที่ถูกเขาใช้ฝีปากเล่นงานต่างหาก
มือเล็กอย่างสาวน้อยตรงหน้า ไม่น่าเชื่อว่าจะตบเขาเสียจนหน้าหันได้ เจ้าหล่อนสะบัดมือสองทีก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่หันกลับมามอง
“โธ่เว้ย! เห็นอย่างนี้ไม่น่าโมโหร้ายเลยเว้ย” เจ้าตัวดีบ่นอุบ
“โดนแค่นี้ก็ดีแล้วแก” เอลวินตบไหล่เบา ๆ “เป็นคนอื่น ฉันว่าแกได้โดนมากกว่านี้แน่”
แฟรี่ที่เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองเดินหนีไปแล้ว ก็รีบตามไป แต่ก่อนไปเจ้าหล่อนก็พูดทิ้งท้ายเป็นการเตือนเจ้าคนปากดีไว้ กลัวว่าจะมีคราวหน้าอีก
“เห็นวีนัสเขาใส่แว่น ดูเรียบร้อยอย่างนี้ก็เถอะ น้ำแข็งน่ะถ้าโดนความร้อนมาก ๆ อาจจะหลอมละลายจนกลายเป็นน้ำร้อนได้นะ เฮอร์มิส”
เมื่อกลุ่มสาว ๆ เดินไปแล้วก็เหลือแต่พวกหนุ่ม ๆ อยู่ตามลำพัง
“ไงล่ะ เข็ดเลยสิแก ก็ดี ฟังคำเตือนเขาไว้หน่อย คราวหน้าอย่าทำอีก” เกรกอรี่พูดขำ ๆ
แต่ผิดถนัด พอเขาหันกลับไปมองหน้าเจ้าคนตัวดีที่บัดนี้หน้าแดงเป็นรอยนิ้วมืออยู่ ก็ปรากฏให้เห็นว่า ไอ้นี่มันต้องไม่ได้สำนึกแน่ ๆ
“เป็นอย่างนี้ก็ยิ่งสนุก ไว้คราวหน้าเอาอีกดีกว่า ไม่มีทางโดนตบรอบสองแน่ ๆ” เฮอร์มิสพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความคึกคะนองอย่างที่เพื่อน ๆ ต้องเอือมระอา
ตอนนี้ เพื่อน ๆ ของเจ้าตัวดี ทั้งสามคนต่างมีความคิดที่เหมือนกัน
... ถ้าเป็นเพื่อนกับไอ้บ้าชอบหาเรื่องตัวนี้ต่อไปเนี่ย สักวันได้ตายไม่ดีแหงม ๆ ...
“เออใช่ จะว่าไปยัยวีนัสนี่ก็เหมือนกับใครบางคนนะ” เจ้าตัวดีพูดพลางหันหน้าไปหาเกรกอรี่
พอเกรกอรี่ได้มองสายตาของเจ้าเพื่อนตัวดี เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงใคร
“ทำท่าทางเย็นชา ไม่คบคน แต่ปากก็ชอบหาเรื่อง วันนี้ยังไม่ได้เจอเลยนี่” เกรกอรี่พูดพลางยิ้มเล็ก ๆ
“ขืนเจอสิ วันนี้ได้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกที่ซวยที่สุดในชีวิตแน่ ๆ” เฮอร์มิสพูดพลางทำตัวสั่นเล่น ๆ
เกรกอรี่ก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนยังงง ว่าไอ้ไก่กับไอ้แมรี่มันพูดอะไรกัน
+ + + +
แล้ววันนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมวันแรกที่ซวยที่สุดในชีวิตของเฮอร์มิสจริง ๆ
วิชาที่หอพระราชาเซคชั่นสองจะต้องเรียนเป็นวิชาต่อไปถัดจากวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ก็คือวิชาการบิน โดยที่วิชาการบินนี้ จะต้องเรียนรวมกับพวกเซคชั่นหนึ่ง เป็นเหตุให้เฮอร์มิสและเกรกอรี่ต้องเจอกับคนที่บ่นว่าไม่อยากเจอที่สุดจนได้
“ซวย ซวยจริง ๆ วันนี้ซวยจริง ๆ” เฮอร์มิสเอ่ยขึ้นเบา ๆ อย่างตกใจเมื่อได้เห็นเจ้าหนุ่มผมสีม่วงเดินมาในสนามกลางของโรงเรียน
“สมพรปากเลยแก” เกรกอรี่หัวเราะเบา ๆ
“อะไรเหรอ” เอลวินถามอย่างงง ๆ
เมื่ออัลรีย่าเดินมาถึงสนาม ก็สังเกตเห็นเฮอร์มิสพอดี จึงเอ่ยกับเพื่อนเซคหนึ่งที่เดินมาด้วยกันอย่างเบื่อ ๆ “เฮ้อ อะไรกัน วิชานี้ต้องเรียนกับพวกเซคสองหรือเนี่ย น่าเบื่อชะมัด เรียนกับพวกด้อยกว่า”
เฮอร์มิสได้ยินจึงอดไม่ได้ ต้องแสร้งทำเป็นพูดกับเกรกอรี่เพื่อจะย้อนกลับ “เฮ้ย วันนี้ไอ้คนไม่มีเพื่อนมันมีคนเดินมาด้วยว่ะ ตอนแรกนึกว่านอกจากเพอร์ซี่แล้วจะไม่มีใครสนใจจะยุ่งกับมันนะเนี่ย”
เกรกอรี่ได้ยินทั้งสองคนพูดถากถางกัน รู้ว่าถ้าไม่มีคนห้ามคงต้องทะเลาะกันอีกยาวแน่เลยพูดแทรกมาก่อน “หยุดเลย ทั้งคู่ไม่ต้องพูดอีกแล้ว น่าเบื่อ จะมีบ้างไหมที่เจอกันแล้วจะไม่ทะเลาะกันเนี่ย”
คู่อริตัวดีจากเซคหนึ่งแสร้งทำเป็นเพิ่งเห็นพวกเขาทั้งสองพร้อมกับร้องทักด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังคันอวัยวะเบื้องล่างมากที่สุด “อ้าว พวกนายเองหรือเนี่ย อยู่ด้วยเหรอ นึกว่ากลัวที่จะต้องเจอกับความเก่งกาจของเด็กเซคหนึ่งแล้วจะหนีหัวหดไปซะแล้ว”
นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยกลับฉายประกายวาวอย่างเริ่มหงุดหงิดกับคำพูดของอัลรีย่าจึงพูดออกไปอย่างไม่ทันได้คิด “กะอีแค่เด็กเซคหนึ่ง ฉันจะไปกลัวอะไรแก แน่จริงมาแข่งกับฉันไหมละ”
“ได้สิ ฉันรับปากชัวร์อยู่แล้ว” อัลรีย่าตอบอย่างมั่นใจ แล้วก็ทำท่าเป็นผู้เหนือกว่า “ถ้าแกความจำสั้นฉันจะเตือนให้ วันที่ไปซื้อของที่มิดเดิ้ลเวิลด์มาร์เก็ตน่ะ แกกับฉันก็เจอกันที่ร้านจ้าวแห่งความเร็ว วันนั้นทั้งแกทั้งฉันก็ต่างรู้ว่าของอีกคนเป็นไม้กวาดรุ่นอะไร” ไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมด้วยสายตาเหยียด ๆ “คงต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกก่อนซะล่ะมั้ง ไม้กวาดของนายถึงจะมาซิ่งชนะไม้กวาดของฉันได้ ฮ่าๆๆๆๆ”
หลังจากที่เฮอร์มิสคิดทบทวนเหตุการณ์ดู ก็จำได้ว่าไม้กวาดทีเขาซื้อ เป็นรุ่นที่เก่ากว่าของอัลรีย่าห้ารุ่น แถมรุ่นเอส 25 ของ อัลรีย่าก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอีกซะด้วย
“ไอ้เรื่องอย่างนี้มันก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคนเว้ย ฉันจะพิสูจน์ให้แกดู ว่ารุ่นเอส 20 ของฉันก็สู้กับรุ่นเอส 25 ของนายได้”
“เอาเหอะ ตอนนี้เราทั้งคู่ยังไม่มีความรู้เรื่องการบิน เอาเป็นว่าเดือนหน้าเรามาแข่งความเร็วกัน ตกลงไหม” อัลรีย่าเสนอเวลาที่จะแข่งอย่างมั่นใจ ก็ให้คนที่โง่ที่สุดมาดูยังเดาได้ว่าการแข่งครั้งนี้ใครจะชนะ
“ก... ก็ได้ แล... แล้วเจอกันเว้ย” เฮอร์มิสตอบตะกุกตะกักเพราะเริ่มไม่มั่นใจว่าจะชนะได้
“งั้นฉันไปที่อื่นก่อนนะ ฮ่าๆๆ” อัลรีย่าหัวเราะพลางเดินไปที่จุดอื่นของสนาม
เด็กเซคสองทุกคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ต่างก็วิ่งเข้ามาคุยกับเฮอร์มิสเพื่อสนับสนุน
“เอาเลย เอาให้ชนะนะเว้ย เซคชั่นเราจะได้มีหน้ามีตา ให้มันรู้ซะบ้างว่าถึงแม้เราจะอยู่เซคสองแต่เราก็ไม่ได้ด้อยกว่าเด็กเซคหนึ่งเสมอไป”
“อย่าให้มันดูถูกพวกเราได้นะเว้ย” วอลลี่กระทุ้งศอก
“เพราะแกแท้ ๆ เลยดันมากวนตีนฉัน ไอ้เต่า” เฮอร์มิสกล่าวโทษเพื่อนที่ขณะนี้ใช้ดวงตาสีน้ำตาลจ้องผ่านแว่นมายังเจ้าคนปากดีอยู่
“ยังไม่เลิกเรียกอีก แกมาเรียกฉันว่าเต่าก่อนทำไมล่ะยัยแมรี่” วอลลี่สวนกลับอย่างทันควัน
“เฮอะ ก็ทำอะไรช้าอย่างนี้นี่แหละ เดินก็ช้า ตื่นก็ช้า เมื่อเช้าแกตื่นก่อนฉันแป๊บเดียวเองนะ ไอ้ไก่มันบอกมา” เฮอร์มิสตอกกลับอย่างไม่ยอมเลิกรา แล้วยังจะไปแซวคนอื่นเขาอีก
“แกเรียกฉันไก่ได้ไง หา ไอ้บ้าแมรี่” เกรกอรี่ว่ากลับ
“เกรกอรี่ เกรเนอร์ ไม่เคยสังเกตหรือไงว่าชื่อแกน่ะ ขึ้นต้นด้วย ก.ไก่หมดเลย แล้วอย่างนี้ไม่ให้เรียกไก่ จะให้เรียกอะไร” คำแจงเหตุผลที่ให้รู้ว่ามันไม่ได้สำนึกเลยว่ากำลังเป็นคนหาเรื่องเพื่อน ๆ อยู่
“เอาเหอะ พอที ๆ ทะเลาะอะไรไร้สาระ ฉันโดนเรียกว่าเป็นหมูอ้วนยังไม่โมโหเลย ถ้าฉันโมโหขึ้นมาพวกแกคงจะแบนไปแล้วแหละ” เอลวินเข้ามาห้ามก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น
“จะทะเลาะ จะต่อยกันก็ไม่ว่าอะไรหรอก ไม่ได้มีกฎห้ามไว้ ในหอพระราชาสามารถวิวาทกันเพื่อศักดิ์ศรีได้ แต่ถ้าจะทะเลาะกัน ไปให้ไกล ๆ ได้ป่ะ รำคาญ” เกรกอรี่พูดอย่างหน่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่ก็เกือบจะเข้าไปร่วมวงด้วยแล้วแท้ ๆ
“ไอ้ไก่!!” คราวนี้คนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ทั้งสองคนหันกลับมาตะคอกใส่เกรกอรี่เสียงลั่น
“งาย เฮอร์มิส” เสียงหวาน ๆ ของสาวน้อยคนนึงดังขึ้นมาจากข้างหลัง
แฟรี่สาวสวยนั่นเอง เธอเดินมากับวีนัสและเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนซึ่งพักอยู่ในห้องเดียวกัน
“เมื่อกี้ในชั่วโมงประวัติศาสตร์เวทมนตร์น่ะ เธอทำได้ยังไง ยังไม่เคยเรียนแล้วรู้ได้ยังไงกัน อีกอย่างฉันเห็นเธอหลับอยู่ด้วยนี่นา หรือว่าฉันตาฝาด” แฟรี่ถามให้คนถูกถามชักรู้สึกว่าเจ้าหล่อนนี่ขี้สงสัยเสียเหลือเกิน ผู้หญิงมันเป็นแบบนี้กันทุกคนเลยหรือไง
“ไม่ฝาดหรอก ไอ้นี่มันบังเอิญละเมอฝันเห็นคนชื่อเฟอดินานพอดีเลยน่ะ” พูดจบวอลลี่ก็ทำท่าเหมือนจะพูดต่อ ดังนั้น ก่อนที่เจ้าวอลลี่จะปากมอมเล่าให้เจ้าหล่อนฟังจนหมด เขาก็รีบเอามือนุ่ม ๆไปอุดปากเจ้าเต่าไว้ก่อนแล้ว
“อืม ใช่ก็แค่นี้แหละ ไม่มีอะไรหรอก”
“คนไร้สาระ ก็ย่อมทำอะไรไร้สาระอยู่วันยังค่ำแหละ ไม่มีทางหรอกที่จะมาอ่านหนังสือก่อนเข้าห้องเรียนน่ะ” วีนัสพูดโดยไม่ได้มองหน้าของคนที่เธอกำลังหมายถึงอยู่ ซึ่งไม่ได้รู้เลยว่าคนไร้สาะระคนนี้ยังชอบแกว่งปากหาเสี้ยน
“อ๋อ ถ้าอ่านหนังสือแล้วต้องใส่แว่นหนาเตอะจนดูไม่ได้อย่างเธอน่ะ ฉันไม่เอาด้วยคนหรอก ดูสิ ไม่อ่านหนังสือมายังตอบได้เลย อ่านหนังสือมายังไงตอบไม่ได้เหมือนฉัน เฮ้อ!”
เจ้าตัวดีเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนส่ายหน้าวืด
ทันทีที่สมองประมวลผลคำประชดได้ มาดที่วางมาอย่างนิ่งเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยวาจาของเจ้าคนปากอยู่ไม่สุข บัดนี้ ดวงหน้าเด็กหญิงใส่แว่นที่ดูท่าทางเรียบร้อยขึ้นสีแดงจัดด้วยความโมโห เธอรู้สึกอดไม่ไหวกับปากของคนตรงหน้า
หรือว่าไอ้ที่ใช้พูดอยู่มันจะไม่ใช่ปาก!?!
เพียะ!!!
“โอ๊ย!!”
บัดนี้ หน้าหวาน ๆ ของเฮอร์มิสก็ขึ้นสีระเรื่อ แต่หาใช่เกิดเพราะอารมณ์เจ้าตัวไม่ มันเป็นเพราะฝ่ามือของคนที่ถูกเขาใช้ฝีปากเล่นงานต่างหาก
มือเล็กอย่างสาวน้อยตรงหน้า ไม่น่าเชื่อว่าจะตบเขาเสียจนหน้าหันได้ เจ้าหล่อนสะบัดมือสองทีก่อนจะเดินจากไปอย่างไม่หันกลับมามอง
“โธ่เว้ย! เห็นอย่างนี้ไม่น่าโมโหร้ายเลยเว้ย” เจ้าตัวดีบ่นอุบ
“โดนแค่นี้ก็ดีแล้วแก” เอลวินตบไหล่เบา ๆ “เป็นคนอื่น ฉันว่าแกได้โดนมากกว่านี้แน่”
แฟรี่ที่เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเองเดินหนีไปแล้ว ก็รีบตามไป แต่ก่อนไปเจ้าหล่อนก็พูดทิ้งท้ายเป็นการเตือนเจ้าคนปากดีไว้ กลัวว่าจะมีคราวหน้าอีก
“เห็นวีนัสเขาใส่แว่น ดูเรียบร้อยอย่างนี้ก็เถอะ น้ำแข็งน่ะถ้าโดนความร้อนมาก ๆ อาจจะหลอมละลายจนกลายเป็นน้ำร้อนได้นะ เฮอร์มิส”
เมื่อกลุ่มสาว ๆ เดินไปแล้วก็เหลือแต่พวกหนุ่ม ๆ อยู่ตามลำพัง
“ไงล่ะ เข็ดเลยสิแก ก็ดี ฟังคำเตือนเขาไว้หน่อย คราวหน้าอย่าทำอีก” เกรกอรี่พูดขำ ๆ
แต่ผิดถนัด พอเขาหันกลับไปมองหน้าเจ้าคนตัวดีที่บัดนี้หน้าแดงเป็นรอยนิ้วมืออยู่ ก็ปรากฏให้เห็นว่า ไอ้นี่มันต้องไม่ได้สำนึกแน่ ๆ
“เป็นอย่างนี้ก็ยิ่งสนุก ไว้คราวหน้าเอาอีกดีกว่า ไม่มีทางโดนตบรอบสองแน่ ๆ” เฮอร์มิสพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความคึกคะนองอย่างที่เพื่อน ๆ ต้องเอือมระอา
ตอนนี้ เพื่อน ๆ ของเจ้าตัวดี ทั้งสามคนต่างมีความคิดที่เหมือนกัน
... ถ้าเป็นเพื่อนกับไอ้บ้าชอบหาเรื่องตัวนี้ต่อไปเนี่ย สักวันได้ตายไม่ดีแหงม ๆ ...
“เออใช่ จะว่าไปยัยวีนัสนี่ก็เหมือนกับใครบางคนนะ” เจ้าตัวดีพูดพลางหันหน้าไปหาเกรกอรี่
พอเกรกอรี่ได้มองสายตาของเจ้าเพื่อนตัวดี เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าหมายถึงใคร
“ทำท่าทางเย็นชา ไม่คบคน แต่ปากก็ชอบหาเรื่อง วันนี้ยังไม่ได้เจอเลยนี่” เกรกอรี่พูดพลางยิ้มเล็ก ๆ
“ขืนเจอสิ วันนี้ได้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกที่ซวยที่สุดในชีวิตแน่ ๆ” เฮอร์มิสพูดพลางทำตัวสั่นเล่น ๆ
เกรกอรี่ก็หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย ในขณะที่เพื่อนอีกสองคนยังงง ว่าไอ้ไก่กับไอ้แมรี่มันพูดอะไรกัน
+ + + +
แล้ววันนี้ก็เป็นวันเปิดเทอมวันแรกที่ซวยที่สุดในชีวิตของเฮอร์มิสจริง ๆ
วิชาที่หอพระราชาเซคชั่นสองจะต้องเรียนเป็นวิชาต่อไปถัดจากวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ก็คือวิชาการบิน โดยที่วิชาการบินนี้ จะต้องเรียนรวมกับพวกเซคชั่นหนึ่ง เป็นเหตุให้เฮอร์มิสและเกรกอรี่ต้องเจอกับคนที่บ่นว่าไม่อยากเจอที่สุดจนได้
“ซวย ซวยจริง ๆ วันนี้ซวยจริง ๆ” เฮอร์มิสเอ่ยขึ้นเบา ๆ อย่างตกใจเมื่อได้เห็นเจ้าหนุ่มผมสีม่วงเดินมาในสนามกลางของโรงเรียน
“สมพรปากเลยแก” เกรกอรี่หัวเราะเบา ๆ
“อะไรเหรอ” เอลวินถามอย่างงง ๆ
เมื่ออัลรีย่าเดินมาถึงสนาม ก็สังเกตเห็นเฮอร์มิสพอดี จึงเอ่ยกับเพื่อนเซคหนึ่งที่เดินมาด้วยกันอย่างเบื่อ ๆ “เฮ้อ อะไรกัน วิชานี้ต้องเรียนกับพวกเซคสองหรือเนี่ย น่าเบื่อชะมัด เรียนกับพวกด้อยกว่า”
เฮอร์มิสได้ยินจึงอดไม่ได้ ต้องแสร้งทำเป็นพูดกับเกรกอรี่เพื่อจะย้อนกลับ “เฮ้ย วันนี้ไอ้คนไม่มีเพื่อนมันมีคนเดินมาด้วยว่ะ ตอนแรกนึกว่านอกจากเพอร์ซี่แล้วจะไม่มีใครสนใจจะยุ่งกับมันนะเนี่ย”
เกรกอรี่ได้ยินทั้งสองคนพูดถากถางกัน รู้ว่าถ้าไม่มีคนห้ามคงต้องทะเลาะกันอีกยาวแน่เลยพูดแทรกมาก่อน “หยุดเลย ทั้งคู่ไม่ต้องพูดอีกแล้ว น่าเบื่อ จะมีบ้างไหมที่เจอกันแล้วจะไม่ทะเลาะกันเนี่ย”
คู่อริตัวดีจากเซคหนึ่งแสร้งทำเป็นเพิ่งเห็นพวกเขาทั้งสองพร้อมกับร้องทักด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังคันอวัยวะเบื้องล่างมากที่สุด “อ้าว พวกนายเองหรือเนี่ย อยู่ด้วยเหรอ นึกว่ากลัวที่จะต้องเจอกับความเก่งกาจของเด็กเซคหนึ่งแล้วจะหนีหัวหดไปซะแล้ว”
นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยกลับฉายประกายวาวอย่างเริ่มหงุดหงิดกับคำพูดของอัลรีย่าจึงพูดออกไปอย่างไม่ทันได้คิด “กะอีแค่เด็กเซคหนึ่ง ฉันจะไปกลัวอะไรแก แน่จริงมาแข่งกับฉันไหมละ”
“ได้สิ ฉันรับปากชัวร์อยู่แล้ว” อัลรีย่าตอบอย่างมั่นใจ แล้วก็ทำท่าเป็นผู้เหนือกว่า “ถ้าแกความจำสั้นฉันจะเตือนให้ วันที่ไปซื้อของที่มิดเดิ้ลเวิลด์มาร์เก็ตน่ะ แกกับฉันก็เจอกันที่ร้านจ้าวแห่งความเร็ว วันนั้นทั้งแกทั้งฉันก็ต่างรู้ว่าของอีกคนเป็นไม้กวาดรุ่นอะไร” ไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมด้วยสายตาเหยียด ๆ “คงต้องรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกก่อนซะล่ะมั้ง ไม้กวาดของนายถึงจะมาซิ่งชนะไม้กวาดของฉันได้ ฮ่าๆๆๆๆ”
หลังจากที่เฮอร์มิสคิดทบทวนเหตุการณ์ดู ก็จำได้ว่าไม้กวาดทีเขาซื้อ เป็นรุ่นที่เก่ากว่าของอัลรีย่าห้ารุ่น แถมรุ่นเอส 25 ของ อัลรีย่าก็เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดอีกซะด้วย
“ไอ้เรื่องอย่างนี้มันก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของคนเว้ย ฉันจะพิสูจน์ให้แกดู ว่ารุ่นเอส 20 ของฉันก็สู้กับรุ่นเอส 25 ของนายได้”
“เอาเหอะ ตอนนี้เราทั้งคู่ยังไม่มีความรู้เรื่องการบิน เอาเป็นว่าเดือนหน้าเรามาแข่งความเร็วกัน ตกลงไหม” อัลรีย่าเสนอเวลาที่จะแข่งอย่างมั่นใจ ก็ให้คนที่โง่ที่สุดมาดูยังเดาได้ว่าการแข่งครั้งนี้ใครจะชนะ
“ก... ก็ได้ แล... แล้วเจอกันเว้ย” เฮอร์มิสตอบตะกุกตะกักเพราะเริ่มไม่มั่นใจว่าจะชนะได้
“งั้นฉันไปที่อื่นก่อนนะ ฮ่าๆๆ” อัลรีย่าหัวเราะพลางเดินไปที่จุดอื่นของสนาม
เด็กเซคสองทุกคนที่รู้เห็นเหตุการณ์ต่างก็วิ่งเข้ามาคุยกับเฮอร์มิสเพื่อสนับสนุน
“เอาเลย เอาให้ชนะนะเว้ย เซคชั่นเราจะได้มีหน้ามีตา ให้มันรู้ซะบ้างว่าถึงแม้เราจะอยู่เซคสองแต่เราก็ไม่ได้ด้อยกว่าเด็กเซคหนึ่งเสมอไป”
“อย่าให้มันดูถูกพวกเราได้นะเว้ย” วอลลี่กระทุ้งศอก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น