ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 2 ตลาดใหญ่ของอาณาจักรมิดเดิ้ล
บทที่ 2 ตลาดใหญ่ของอาณาจักรมิดเดิ้ล
“เฮอร์มิส! ลูกเตรียมตัวเสร็จรึยัง” ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกลูกชายตัวดีของตนอย่างเร่งรีบ “สายแล้วนะลูก เดี๋ยวก็ไปซื้อของไม่ทันหรอก ตั้งหลายอย่างนี่นา”
“คร้าบ แม่ เสร็จแล้วคร้าบ” เด็กหนุ่มตอบรับแม่คนแล้วรีบวิ่งลงบันไดมา
“นี่ จะต้องให้แม่สอนกี่หน ฮึ!! อย่าวิ่งลงบันไดสิ” แม่กล่าวอบรมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“เอาเหอะ แม่ รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทันซื้อของนะ” เจ้าลูกชายตัวดีพูดเมื่อเตรียมตัวเสร็จ และเพื่อเป็นการตัดบทของผู้เป็นแม่ที่ทำท่าจะอบรมสั่งสอนต่อ
“ก็ดี ไป รีบไปเร็วเข้า”
แล้วคู่แม่ลูกก็รีบเดินทางออกจากบ้านไปยัง...
ตลาดมิ้ดเดิ้ลเวิลด์
หากจะว่ากันตามวิชาภูมิศาสตร์แล้วล่ะก็ โลกนี้มีแผ่นดินทั้งหมดห้าทวีป ซึ่งประกอบไปด้วยแผ่นดินนอร์ธ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ถูกปกครองโดยอาณาจักรนอร์ธ แผ่นดินทางใต้คือแผ่นดินเซาธ์ ปกครองโดยอาณาจักรเซาธ์ แผ่นดินทางตะวันตกคือแผ่นดินเวสท์ ปกครองโดยอาณาจักรเวสท์ แผ่นดินทางตะวันออกคือแผ่นดินอีสท์ ปกครองโดยอาณาจักรอีสท์ และแผ่นดินที่มีความสำคัญที่สุดก็คือแผ่นดินมิดเดิ้ลซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสี่ทวีป จึงเป็นที่ติดต่อค้าขายที่สำคัญ ถูกปกครองโดยอาณาจักรมิดเดิ้ล
“อู้หู นี่เหรอ ตลาดมิดเดิ้ลเวิลด์แห่งแผ่นดินมิดเดิ้ล”
“ใช่ๆ ว่ากันว่า ที่นี่เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าใครต้องการอะไร ที่นี่มีหมดทุกอย่าง มีของจากทั่วทุกมุมโลก มาส่งขายที่นี่ทุกวัน”
“น่าอิจฉาจังเนอะ พวกที่อยู่ในมิดเดิ้ลคิงด้อม”
ในตอนนี้ เจ้าคนที่อาศัยอยู่ในมิ้ดเดิ้ลคิงด้อมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอย่างเฮอร์มิสก็ได้ยืดกับเขาบ้าง ด้วยความรู้สึกที่ต้องการให้เจ้าพวกเด็กต่างถิ่นได้รู้ว่าตนรู้จักที่นี่ดีเพียงใด ก็เลยทำเป็นคุยกับแม่ไปตลอดทาง พูดว่าจะให้พาไปตรงนั้นที่มีอย่างนี้ จะให้ไปที่ตรงนี้ที่มีอย่างนั้น
“แม่ๆ ไปกันเถอะ ตามรายการนี้แล้วเราต้องซื้อคทา ดาบ เครื่องแบบนักเรียนประจำหอ ชุดนักรบ ชุดนักเวทย์ ชุดนักทดลองหนังสือเรียน ไม้กวาดอีก โอ๊ย เยอะแยะไปหมดเลย งั้นเราไปซื้อเสื้อก่อนละกัน ใกล้ดี”
“เอ๊ะ! วันนี้เป็นอะไรไปน่ะลูก ท่าทางคึกเชียว แอบหนีมาเที่ยวเองตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาตื่นเต้นอะไรไปได้ ฮึ!!” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นด้วยความรู้สึกงงๆ
“ไม่ได้ตื่นเต้น แม่” เจ้าลูกตัวดีพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่ถูกขัดใจ “มาตั้งบ่อยแล้วจะไปตื่นเต้นอะไรอีกเล่า”
“เออ แม่ก็ว่างั้นนะ” ขณะที่ผู้เป็นแม่ยังงงไม่หาย ก็ได้ยินเสียงเด็กจากต่างถิ่นพูดกัน ถึงความใหญ่ของตลาดแห่งนี้ จึงได้รู้ว่า ที่แท้เจ้าลูกตัวดีต้องการอวดเด็กพวกนี้นี่เองว่าตนรู้จักที่นี่ดีเพียงใด
+ + + +
แสงอาทิตย์ยามเที่ยงเริ่มส่องแล้วเมื่อสองแม่ลูกมาถึงหน้าร้านตัดเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในตลาดมิดเดิ้ลเวิลด์ ป้ายหน้าร้านป้ายใหญ่หรูหราเขียนไว้ว่า “ร้านเสื้อมหัศจรรย์” ร้านนี้นอกจากจะใหญ่ที่สุดแล้ว ยังเป็นร้านที่หรูที่สุด และตัดเสื้อได้เร็วที่สุดในมิดเดิ้ล คิงด้อม ผู้คนเดินเข้าออกร้านนี้กันอย่างขวักไขว่
“ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานสาวในร้านกล่าวขึ้นเมื่อสองแม่ลูกก้าวเข้ามา แล้วก็ถามตามบทของพนักงานขายของ “มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ค่ะ คือฉันจะตัดเสื้อให้ลูกชายน่ะค่ะ มีชุดเครื่องแบบนักเรียน 5 ชุด ชุดนักรบ ชุดนักเวทย์ และชุดนักทดลองอีกอย่างละ 1 ชุดค่ะ” แม่ของเฮอร์มิสกล่าวกับพนักงานขายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ชุดเยอะอย่างนี้ต้องเป็นโรงเรียนเทอร์แมนชื่อดังแน่ ๆ ใช่ไหมคะ” พนักงานขายถามยิ้มๆ ขณะที่เจ้าหล่อนกำลังเดินไปหยิบสายวัดมาวัดตัวพลางทำมือเป็นสัญญาณให้เดินตามมาที่หลังร้านเพื่อไม่ขวางทางเข้าออก “หอไหนล่ะคะ”
ผู้เป็นแม่ได้ยินก็รู้สึกภูมิใจที่ลูกตนสามารถเข้าได้แล้วมีคนชม จึงตอบพนักงานคนนั้นด้วยน้ำเสียงเต็มภาคภูมิ “ค่ะ อยู่หอพระราชาค่ะ”
“ฮื้อ! เก่งดีนี่คะ” พนักงานตอบพลางเดินไปหาเฮอร์มิส “ขอวัดตัวหน่อยจ้ะ พ่อคนเก่ง”
เฮอร์มิสคงจะรู้สึกดีใจถ้าไม่ใช่ว่าเด็กที่วัดตัวอยู่ในร้าน “เสื้อมหัศจรรย์” นี้กว่าครึ่งเป็นเด็กที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเวทมนตร์เทอร์แมนด้วยเหมือนกัน เขารู้สึกอายด้วยซ้ำไปที่มามีคนเอ่ยชมเขาอย่างนี้ท่ามกลางคนประเภทเดียวกัน แต่ยังดีที่ไม่ได้มีใครสนใจ
ภายในร้าน มีผู้คนเยอะแยะมากมาย เขาลองมองไปรอบๆ เพื่อหาเด็กที่อยู่หอพระราชาด้วยกัน แต่รู้สึกว่าไม่มีใครเลยที่มาตัดชุดนักเรียนสีทอง
‘เฮ้อ! ไม่มีใครอยู่หอพระราชาเลยรึ’ เฮอร์มิสนึกในใจ
“เสร็จแล้วค่ะ” พนักงานขายบอกเมื่อวัดตัวของเขาเสร็จเรียบร้อย
เขาเดินออกมาจากห้องวัดตัว ในขณะที่แม่กำลังคุยกับพนักงานขายอยู่เพื่อรอการตัดชุด เขามองไปรอบ ๆ ร้านอีกทีก็ได้เจอกับเด็กหนุ่มตัวสูงคนเดิมที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตา เด็กคนนั้นเข้ามาเอาเสื้อภายในร้านและตอนนี้ก็กำลังจะออกไปแล้ว เฮอร์มิสตัดสินใจวิ่งจากหลังร้านไปยังประตูเพื่อจะเรียกเด็กหนุ่มคนนั้น แต่เมื่อเขาวิ่งออกจากประตูไปเด็กหนุ่มคนนั้นก็หายแว่บไปซะแล้ว
“หายไปไหนนะ” เฮอร์มิสคิดพลางหันหลังจะเดินกลับเข้าร้าน ถ้าไม่ได้มีเสียงทักเสียก่อน
เสียงนุ่ม ๆ บ่งบอกถึงความใจดีดังขึ้น “นายคือเฮอร์มิส การ์ตาร์ แห่ง หอพระราชารึเปล่า”
“ครับ” เฮอร์มิสตอบพร้อมกับหันไป
เจ้าของเสียงผู้ทักเขานั้นมีผมสีบลอนด์ เมื่อเขาได้มองสบตา ก็เห็นนัยน์ตาสีเหลืองทองคู่สวย หน้าตาคมคาย หล่อเหลา ผิวขาวเนียน รูปร่างสูงใหญ่เข้าที ทำให้เฮอร์มิสจำได้ว่าชายผู้นี้คือรุ่นพี่คนที่กล่าวต้อนรับตอนที่เขาเดินออกจากหอประชุมน่ะเอง และเป็นคนที่แซวเขาด้วย
“อ้าว! ไงฮะ” เขาร้องทัก
“เออ! ใช่จริง ๆ ด้วย นี่เดินซื้อของมาตั้งนานแล้วยังหาเด็กหอพระราชาที่จำหน้าได้ไม่เจอเลยสักคน เพิ่งเจอนายเป็นคนแรกนี่แหละ”
“อือ ผมก็ไม่เจอเด็กหอพระราชาเลย” แต่พอเฮอร์มิสลองคิดดูว่าเด็กหนุ่มตัวสูงคนนั้นก็อยู่หอพระราชา เลยตอบต่อไปอีก “แต่เมื่อกี๊เจออยู่คนนึงมาเอาเครื่องแบบนักเรียนหอพระราชา แต่ผมไม่รู้จักนะ กำลังจะเดินไปทัก เขาก็ออกมาจากร้าน ตอนนี้ ไม่รู้หายไปไหนแล้ว”
“เหรอ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอกันเองแหละ หอเดียวกันนี่นา” รุ่นพี่ตอบยิ้ม ๆ
“เออ ผมยังไม่รู้ชื่อรุ่นพี่เลย แล้วทำไมต้องไปยืนรอต้อนรับน้องๆที่เดินออกจากหอประชุมด้วยล่ะฮะ” เฮอร์มิสถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อของคนตรงหน้าเลย
“จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่เนอะ” รุ่นพี่พูดพลางปัด ๆ มือของตัว “ฉันชื่อ เคลาด์ สกายวอล เป็นหัวหน้านักเรียนของหอพระราชา ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พูดจบก็ยื่นมือออกไปหาเฮอร์มิสพร้อมส่งยิ้มเพื่อให้จับมือทักทายอย่างเป็นทางการ แล้วเฮอร์มิสก็ยื่นมือตอบ
“อ๋อ มิน่าล่ะ ถึงต้องไปยืนต้อนรับน้อง อย่างนี้ผมไม่สมัครดีกว่าตำแหน่งหัวหน้านักเรียนเนี่ย ต้องไปยืนแหง่กรับน้อง เมื่อยตายเลย” เจ้าตัวดีพูดทำหน้าเบื่อ ๆ
เคลาด์ได้ยินเจ้ารุ่นน้องตัวดีพูดก็หัวเราะ ก่อนจะพูดขึ้นมา “นี่ เฮอร์มิส ฉันบอกให้รู้ไว้อีกนะ นอกจากหน้าที่ยืนต้อนรับน้องแล้วเนี่ย หัวหน้านักเรียนยังต้องทำหน้าที่อย่างอื่นอีก เช่น ควบคุมงานทั้งหมดในหอ แล้วก็คอยดูแลความปลอดภัยของรุ่นน้องในหอ” พูดจบพลางมองไปยังเฮอร์มิส
“ยิ่งมีคนซุ่มซ่ามยิ่งต้องคอยดูแลหนักเข้าไปใหญ่” พูดจบเคลาด์ก็หัวเราะขึ้นมา
เฮอร์มิสนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าโดนหัวหน้าหอแซวเข้าให้
“โห่ วันนั้นมันอุบัติเหตุฮะ กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นิดนึง รู้สึกตัวอีกที ก็ล้มขึ้นไปกองบนเวทีแล้ว ปกติไม่เป็นหรอก เพราะไม่ค่อยคิดมาก” เฮอร์มิสแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“เอาเหอะ ๆ แล้วนี่มีอะไรไม่เข้าใจอยากถามหรือเปล่าล่ะ” เคลาด์ถามเปลี่ยนเรื่อง
“ไอ้มีมันก็มีอยู่หรอกฮะ” แล้วเจ้าตัวดีก็ทำท่านึก “อ้อ เห็นเครื่องแบบนักเรียนมีหลายสี ต่างกันไปตามหอ เลยอยากรู้ว่าแต่ละหอมีสัญลักษณ์อะไรบ้างหรือเปล่าฮะ”
“โอเค งั้นฟังดี ๆ นะ อาจจะยาวหน่อย” เคลาด์กล่าวก่อนจะตอบไปด้วยท่าทางทรงภูมิ “ก็โรงเรียนเรามีทั้งหมดห้าหอใช่ไหมล่ะ แล้วสีเครื่องแบบก็มีทั้งหมดห้าสี ประจำหอไปแต่ละสี ได้แก่ สีทองเป็นสีประจำหอพระราชา มีราชสีห์เป็นสัญลักษณ์ สีเงินเป็นสีประจำหอราชินี มีนกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์ สีแดงเป็นสีประจำของหอขุนนาง มีเอลฟ์เป็นสัญลักษณ์ สีขาวเป็นสีของหอประชาชน มียูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ และสีสุดท้ายสีดำเป็นสีของหอไพร่ทาส มีไททันเป็นสัญลักษณ์ หอสุดท้ายถึงชื่อจะฟังดูไม่ดีแต่ไม่ใช่ว่าหอไพร่ทาสจะเป็นหอที่แย่ที่สุดหรอกนะ เพราะมันเทียบกันไม่ได้ แต่ละหอก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป อยากรู้ไหมล่ะ หือ” เคลาด์เอ่ยแหย่ความอยากรู้ของคนฟัง
“ก็ยังไงก็พูดมาสิฮะ” เฮอร์มิสแสดงอาการอยากรู้เป็นที่สุด
เคลาด์เริ่มรู้สึกสนุกกับการแหย่เจ้าเด็กรุ่นน้องคนนี้เล่นซะแล้ว แหย่ใครขึ้นแล้วรู้สึกสะใจนัก ปกติ เขาก็ไม่ค่อยจะได้แหย่ใครเท่าใดนัก ออกจะเงียบ ๆ ด้วยซ้ำ ได้โอกาสก็ขอเอาให้สนุกหน่อยละกัน
“ก็หอเราจะเด่นด้านความ...” เขาเหล่ไปมองเด็กรุ่นน้องหาทางจะแซวหน่อย “จริง ๆ ต้องเป็นด้านความสามารถพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ พรสวรรค์ด้านการรบ พรสวรรค์ด้านการคำนวณการค้นคว้า แต่ปีนี้รู้สึกจะมีพรสวรรค์ด้าน...”
“ซุ่มซ่าม” เคลาด์เริ่มหัวเราะอีกทันที
ในสมองคิดแต่ว่า มีเด็กคนนี้เข้ามาคงทำให้เขาสะใจน่าดู
“วกเข้ามาจนได้สิน่า อย่างรุ่นพี่นี่ก็คงมีพรสวรรค์ด้าน...” เฮอร์มิสแกล้งทำท่าครุ่นคิดอยู่แป๊บนึง ก็เงยหน้าขึ้นพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ด้านปากเบาสินะฮะรุ่นพี่”
อึ้ก! เคลาด์สะอึกเงียบไปทันควัน ปากไอ้เด็กนี่ก็ร้ายไม่เบาเลยนี่หว่า
เฮ้ย เลิกต่อปากต่อคำดีกว่า เดี๋ยวเป็นจริงอย่างที่มันว่า หอพระราชาเด่นเรื่องปากเบา คิดแล้วก็ชวนให้อดยิ้มไม่ได้
เคลาด์หยุดคิดที่จะแซวกลับมาพูดดีๆ ธรรมดาแทน “ก็อย่างที่พูดไปน่ะแหละ คนที่มาอยู่หอพระราชาจะต้องมีความสามารถพิเศษโดดเด่นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม”
‘แล้วอย่างเรานี่มันเด่นด้านไหนกัน ถึงได้เข้าหอพระราชา หรือจะปากเบาจริงอย่างที่เราพูดไป’ เฮอร์มิสคิดหนักหลังจากได้ฟังที่เคลาด์พูด
“แล้วหออื่นล่ะฮะ” เฮอร์มิสถามต่อหลังจากหยุดคิดด่าตัวเอง
“ก็... หอราชินีจะโดดเด่นด้านความอ่อนโยน เก่งด้านเวทย์รักษา ป้องกัน พวกเวทย์ขาวทั้งหลาย อะไรอย่างนี้แหละ” เคลาด์ตอบอย่างรู้ดี และพูดต่อไปอีก “ส่วนหอขุนนางเนี่ยเด่นด้านเวทย์สนับสนุนต่าง ๆ เช่น เวทย์เร่งความเร็ว เวทย์เบอร์เซิร์ก หรือเป็นพวกเวทย์ที่ใช้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบ เช่น เวทย์ทำให้ช้า เวทย์สับสน เวทย์หยุด จะเป็นพวกแนว ๆ นั้น พวกหอขุนนางจึงมักเป็นพวกเจ้าเล่ห์ มีแผนการแฝงไว้อยู่ในหัวสมองเสมอ ระวังไว้ให้ดีล่ะ ถ้าคิดจะคบกับพวกหอขุนนาง”
อึ๋ย น่ากลัวแฮะ พวกหอขุนนาง ชักไม่อยากยุ่งด้วยซะแล้วสิ
เฮอร์มิสคิดกลัวพวกหอขุนนางไปแล้ว
“หอประชาชน... พวกนี้ก็ส่วนใหญ่จบออกมาถ้าเป็นนักเวทย์ก็มักเป็นพวกนักเวทย์แดง ใช้ได้ทั้งเวทย์ดำและเวทย์ขาว แต่จะใช้เวทย์ระดับสูงมาก ๆ ไม่ได้” เคลาด์สังเกตเห็นว่าเฮอร์มิสเริ่มทำท่าคิดว่าพวกหอประชาชนไม่ได้เรื่องเลยพูดดักคอต่อ “ถึงแม้จะใช้เวทย์ดำและเวทย์ขาวระดับสูงไม่ได้ แต่ว่าแค่เวทย์ระดับที่ไม่ค่อยสูงเนี่ย ถ้าคนใช้มีความสามารถมาก ๆ ก็รับมือยากเหมือนกันนา”
เจ้าตัวดีก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อกอีกรอบ ไม่ใช่ย่อย ๆ อีกแล้ว เท่าที่ฟังมานอกจากหอราชินีแล้ว หออื่นนี่น่ากลัวแฮะ เอ... แล้วหอไพร่ทาสจะเป็นยังไงกันเนี่ย
“พวกหอประชาชนเนี่ยนิสัยจะออกไปทางพวกรักความยุติธรรม ซื่อสัตย์ อะไรแนว ๆ นั้นน่ะ ส่วนพวกสุดท้ายก็หอไพร่ทาส” เคลาด์เกริ่นขึ้น
มาแล้ว มาแล้ว
“พวกนี้ใช้เวทย์ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่”
เฮ้อ ค่อยน่าคบหน่อย เราเก่งกว่าจะได้ข่มได้
เฮอร์มิสเริ่มคิดไม่ดีซะแล้ว
“แต่...”
เอื้อก อะไรอีกวะ มีแต่ด้วยเหรอ
“พละกำลังเป็นเลิศ พวกเข้าหอไพร่ทาสได้เนี่ยสามารถยกของหนักได้เก่งมาก ว่ากันว่า สามารถยกมังกรดำได้ด้วยมือเดียวด้วยซ้ำไป” เคลาด์พูดอย่างยกย่อง
“อื้อหือ สุดยอด น่ากลัวฉิบ...” เฮอร์มิสหลุดปากออกมา พอจะพูดคำหยาบก็รีบเอามือปิดปากอุบ
ไอ้เด็กนี่มันไม่รู้จักเก็บความคิดเลยเว้ย
เคลาด์คิดพลางยิ้มน้อย ๆ ออกมา
“แหะ ๆ โทษทีฮะ ไม่ได้ตั้งใจ” เจ้าตัวดีรีบพูดแก้ตัว
“ไม่เป็นไรหรอก ดีซะอีก กันเองดี” เคลาด์พูดพลางหัวเราะ
“เออ แต่ถ้าไม่เก่งเวทมนตร์แล้วจะทำอะไรล่ะครับ” เฮอร์มิสถามด้วยความฉงน
“ก็ถ้าดูจากนิสัยแล้ว ส่วนใหญ่นิสัยจะคล้ายกับพวกหอประชาชน ดังนั้น พวกหอไพร่ทาส ส่วนใหญ่แล้วก็จะไปเป็นพวกบอดี้การ์ดให้กับพวกนักธุรกิจ ไม่ก็เป็นพวกองครักษ์เช่นพวกนักดาบ แต่ถ้าคนไหนไม่อยากยุ่งเรื่องวงสังคมมากนักก็จะไปเป็นพวกชาวไร่ ชาวนา พวกที่เรียนไม่เก่งไม่มีความรู้ก็จะไปเป็นกรรมกร แต่เด็กจากโรงเรียนเราไม่ค่อยมีใครตกต่ำขนาดต้องไปเป็นกรรมกรหรอก ส่วนใหญ่ก็จะเรียนด้านเกษตร แล้วก็เอาเวทมนตร์ระดับล่างๆ ไปใช้พัฒนาที่ดินเพาะปลูกอะไรอย่างนี้แหละ”
“เออ ใช่ ผมเห็นบางคนไม่ค่อยมีพลังเวทย์เท่าไหร่ แต่ได้เข้าไปอยู่พวกหอราชินี หอขุนนางอะ พวกนั้นจะทำยังไงเหรอฮะ” เฮอร์มิสถาม เริ่มรู้สึกตัวว่าเป็นเด็กช่างถามแต่ก็เพราะมันสงสัยนี่นา อีกอย่าง เคลาด์ก็เป็นคนบอกเองว่า สงสัยอะไรก็ให้ถามได้
“อืม ก็อย่างที่บอกไปนะว่าแต่ละหอแบ่งกันตามลักษณะนิสัย และฝีมือ พวกหอเราเป็นหอพระราชา คนเก่งเข้ามากันเยอะ แต่ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องใช้เวทย์เก่ง ก็เลยมีบางคนที่ไม่ได้จบมาเป็นนักเวทย์ ส่วนใหญ่ของพวกนี้จะไปเป็นพวกนักวิจัย หรืออะไรที่ไม่ได้ไปเป็นลูกน้องคนอื่น เป็นเจ้านายตัวเอง นักปกครอง หอเราบางทีก็มีพวกเจ้าชายเจ้าหญิงมาเรียนบ้างนะ เพราะพวกนี้ต้องการให้มีเวทมนตร์แข็งแกร่งไว้ใช้ป้องกันบ้านเมืองน่ะ” เคลาด์พูดโดยเริ่มไล่จากหอพระราชาของตนตามเคยเฮอร์มิสจึงแอบยิ้มเล็กน้อย
“ส่วนหอราชินี จิตใจอันอ่อนโยนบวกกับสายเวทย์รักษา น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าจบไปก็ไปเป็นพวกหมอ พยาบาล เภสัช อะไรพวกนี้น่ะ บางคนแม้ไม่มีเวทมนตร์ก็ยังสามารถรักษาได้ โดยเฉพาะบาดแผลจากสัตว์อสูรบางอย่างน่ะใช้เวทมนตร์รักษาไม่ได้ก็ต้องใช้พวกนี้ช่วยรักษา
หอขุนนางนี่ก็ดูจากนิสัยอีก เจ้าเล่ห์จอมวางแผน มีทางออกมากมายสำหรับปัญหา พวกนี้มักไปเป็นพวกนักธุรกิจ พ่อค้า รับราชการ และด้วยความปราดเปรื่องก็ไปเป็นพวกนักวิชาการด้านต่าง ๆ พวกอาจารย์ที่สอน ๆ เราพวกวิชาการธรรมดาส่วนใหญ่ในโรงเรียนก็มาจากคนกลุ่มนี้นี่แหละ
หอประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์ ซื่อตรง พวกนี้ก็ไปเป็นพ่อค้า รับราชการเหมือนกับหอขุนนาง อาจจะไม่ฉลาดเท่า แต่ความน่าไว้ใจยกให้คนในหอนี้ได้ บางคนถ้าฉลาดจริง ๆ ก็ได้เป็นพวกทนายความ ผู้พิพากษา เพราะความซื่อตรงนี่แหละ
ส่วนหอสุดท้าย หอไพร่ทาส ไม่ต้องพูดหรอก พูดไปแล้วเมื่อกี๊” เคลาด์พูดจบก็หันมายิ้มให้กับเฮอร์มิสก่อนจะถามอีก “มีอะไรอีกไหม”
“อ๋อ ไม่มีแล้วแหละฮะ นึกไม่ออกแล้วอะ” เฮอร์มิสตอบแบบหัวเราะนิด ๆ
“อืม ใช่ รู้ไหมว่าทุกๆ ปีโรงเรียนเราจะมีการจัดแข่งขันเกมภายในโรงเรียนขึ้นน่ะ” เคลาด์ถามต่อ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีสิ่งที่ลืมพูดอยู่
“หึ ยังไม่รู้ฮะ” เฮอร์มิสส่ายหน้า “แล้วมันคืออะไรอะ”
“การแข่งเกมนี้มีชื่อว่า เกมจ้าวแห่งการต่อสู้ รู้จักไหม” เคลาด์ถามต่อ
“อ๋อ ไอ้เกมกระดานที่มีพวกตัวอาชีพต่าง ๆ แล้วทอยเต๋าเดินน่ะนะ รู้จักดิพี่ เกมนี้ผมเล่นทีไรชนะทุกที ถึงจะดูโง่ ๆ แต่ผมสั่งสู้ได้เฉียบนะพี่” เฮอร์มิสตอบอวด ๆ
“งั้นก็ดี อย่าลืมลงสมัครละกันนะ” เคลาด์พูดยิ้ม ๆ แบบมีเลศนัย แต่เฮอร์มิสไม่ได้คิดอะไรมาก
“ได้เลยครับ ชัวร์อยู่แล้ว ผมไม่ทำให้หอเราเสียชื่อแน่” เฮอร์มิสตอบรับด้วยความมั่นใจ
“แล้วอย่าเปลี่ยนใจล่ะ” เคลาด์พูดโดยยังไม่หุบยิ้มนั้นลง
“เฮอร์มิส ได้ชุดแล้วลูก” เสียงของแม่ดังขึ้นมา จากในร้าน
“งั้นผมขอเข้าไปดูก่อนนะฮะ หวัดดีฮะ” เฮอร์มิสกล่าวลา
“อืม ไปเถอะ” เคลาด์พยักหน้า แล้วเฮอร์มิสก็กลับเข้าไปในร้าน
ให้เด็กคนนี้ลงเล่นคงจะสนุกน่าดู ท่าทางไหวพริบไม่เลว ถ้ามันรู้กติกาก็คงจะกลัวน่าดู เพราะมันต่างจากไอ้เกมกระดานเด็ก ๆพอตัวเลย แต่มันรับปากแล้วคงไม่ถอนตัวหรอก
เคลาด์เดินจากร้านไปพลางหัวเราะเบา ๆ
+ + + +
“เอ้า ลูก ใส่ได้ทุกตัวนะ” แม่ถาม
“คร้าบ แม่ รีบไปต่อเถอะ เหลือของอีกตั้งเยอะ” เฮอร์มิสเร่ง 
“งั้นไปซื้อไม้กวาดกันเลยลูก” แม่พูดพลางเดินนำหน้า
ร้านไม้กวาดที่เฮอร์มิสไปเป็นร้านที่อยู่ห่างจากร้านเสื้อมหัศจรรย์ไปไม่ไกลเท่าใดนัก ข้าง ๆ ร้านไม้กวาดนี้ก็มีร้านหนังสือ ร้านคทาและดาบอยู่ไล่กันไป
“เอาร้านแถว ๆ นี้แหละ ไม่ต้องไปไกลนักหรอก” แม่พูดอย่างรีบร้อน และเดินผลักประตูเข้าไปในร้านไม้กวาดที่มีป้ายชื่อร้านว่า ‘จ้าวแห่งความเร็ว’
ไม้กวาดในนี้มีหลากหลายแบบคละกัน บางอันทำจากไม้ บางอันทำจากพลาสติก โดยพวกพลาสติกนี่จะเป็นของถูก ๆ ขนไม้กวาดทำจากใยสังเคราะห์ บินเร็วมาก ๆ ไม่ได้ ส่วนอันที่แพง ๆ ก็มีติดสรรพคุณไว้เยอะแยะ อันที่กำลังเป็นที่นิยมและความเร็วสูงที่สุดถึง 100 เมตรต่อวินาที เด็กหลายคนอยากให้แม่ของตนซื้อไอ้เจ้ารุ่นเอส 25 นี้ให้ แต่ราคาก็ชวนให้เป็นลมนัก
ห้าพันบลองค์ แพงฉิบเลย ใครจะซื้อวะ แค่แม่ไม่ซื้อไอ้ไม้พลาสติกให้ก็บุญโขแล้ว แม่ยิ่งไม่ชอบอะไรเปลืองๆ อยู่
“เอ้า ลูกแม่ให้เลือกตามใจเลย แต่อย่าเกินหนึ่งพันบลองค์นะ เรายังต้องซื้ออย่างอื่นอีก” แม่พูด
“โอ้โห วันนี้แม่อนุญาตให้ซื้อตั้งพันบลองค์ ฝนไม่ตกวันนี้ก็ไม่รู้จะตกวันไหนแล้ว” เจ้าตัวลูกแซวแม่ขึ้นมา
แม่เขม่นหน้าใส่ “หรือแกอยากได้พวกไม้พลาสติก หืม”
“ไม่ๆ แม่ ดีแล้วแหละ” เฮอร์มิสพูดพลางเดินไปรอบ ๆ ร้าน เพื่อหารุ่นที่เขาถูกใจ ก็ไปสบกับอันหนึ่งเข้า
รุ่นเอส 20 ด้ามไม้ทำจากไม้สักแท้ รับประกันว่าปลวกไม่ขึ้น ขนไม้กวาดทำจากขนของตัวบรูมมี่แห่งคลีนวูดส์ ความเร็วห้าสิบเมตรต่อวินาที
พอลองมองดูราคา ‘หนึ่งพันบลองค์’ เฮ้ย พอดีเลย
“แม่ อันนี้แหละ” เฮอร์มิสเรียกแม่ให้จ่ายเงิน
เขาหารู้ไม่ว่า เจ้าตัวบรูมมี่ที่ถูกมาทำขนไม้กวาดด้ามนี้เป็นตัวพิเศษ สามารถทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 4 เท่า เขาได้เลือกซื้อไม้กวาดที่ดีที่สุดของร้านจ้าวแห่งความเร็วไปแล้ว
“แม่ฮะ ผมอยากได้เอส 25 ฮะ” เสียงหนึ่งที่เขารู้สึกขยะแขยงดังขึ้น
ที่แท้ก็อัลรีย่านั่นเอง เขาให้แม่ซื้อเจ้าไม้กวาดที่แพงที่สุดในร้านให้ ขณะที่แม่ของทั้งคู่ไปจ่ายเงิน อัลรีย่าที่หิ้วเครื่องแบบหอพระราชาอยู่ก็หันมาพบกับเฮอร์มิสพอดี
นัยน์ตาสีม่วงจ้องมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววรังเกียจ เมื่อเห็นว่าเฮอร์มิสกำลังถือเครื่องแบบของหอพระราชาอยู่เหมือนกัน
“คนอย่างนายนี่คงอาศัยโชคช่วยละมั้ง ถึงได้อยู่หอพระราชาได้” เสียงดังขึ้นอย่างเหยียด ๆ
“ถ้าคนอย่างฉันต้องใช้โชคช่วย คนอย่างนายก็คงต้องโกงแล้วล่ะมั้งถึงจะเข้าได้” เฮอร์มิสเหยียดกลับ
“เฮอะ คนอย่างฉันไม่ต้องโกงก็เข้าได้อยู่แล้ว” เจ้าเด็กหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มหาเรื่องต่อ “แล้วนี่ซื้อรุ่นไหนล่ะ เอเอส 1 หรือเปล่า”
เฮอร์มิสได้ยินก็พลางมองไปยังไม้กวาดรุ่นที่อัลรีย่าหมายถึง เอเอส 1 นั่นมันรุ่นไม้พลาสติกเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้วนี่นา ไอ้นี่หาเรื่องจริง ๆ ไม่อยากยุ่งกับมันเลยจริง ๆ
“บังเอิญของฉันเป็นรุ่นเอส 20 ไม่ใช่เอเอส 1 หรอก” เฮอร์มิสเริ่มตอบอย่างใจเย็น
“บ้านนายคงได้แค่นั้นสินะ อย่างฉันไม่มีทางเหลียวมองด้วยซ้ำไอ้เจ้ารุ่นเอส 20 น่ะ เก่าชะมัด” อัลรีย่าทำหน้าขยะแขยง
“แก...” เฮอร์มิสเริ่มมีอารมณ์พอนึกหาวิธีย้อนได้เลยย้อนกลับไป “เหรอ ที่บ้านนายซื้อให้แต่ของแพงๆ สินะ คนเราพอมันมีข้อด้อยในตัว ก็ชอบหาของดีมาปกปิด คงทำงานหนักเลยสิพ่อแม่นาย กว่าจะหาของมาปิดข้อเสียได้ครบเนี่ย”
“ไอ้...” คราวนี้หน้าของอัลรีย่าขึ้นสี นัยน์ตาสีม่วงสั่นระริกด้วยความโกรธ
เสียงเรียกของแม่ดังขึ้นพอดี เฮอร์มิสเลยฉวยโอกาสเดินออกไป
สะใจจริงวุ้ย
+ + + +
สองแม่ลูกเดินเข้าไปยังร้านขายดาบและคทาที่อยู่ข้าง ๆ ร้านจ้าวแห่งความเร็ว ตอนนี้คนเริ่มน้อยแล้ว เพราะเป็นช่วงบ่าย ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ซื้อของกันเสร็จแล้ว
ป้ายร้านทำจากไม้สักเก่าแก่ สลักชื่อเอาไว้ว่า ‘เมอร์ลินน่า’
ไม้คทาและดาบในร้านนี้ดูทรงพลังมาก แม้บางอันจะเป็นของมือสองที่ตกทอดจากผู้ใช้คนก่อน ๆ แต่ก็ยังดูใช้ได้ดี และมีพลังมาก เฮอร์มิสเห็นว่าซื้อของมาเยอะแล้วต้องการประหยัดให้ผู้เป็นแม่ จึงเดินไปดูดาบและคทาที่ใช้แล้ว จนกระทั่งได้ไปเจอดาบเล่มหนึ่ง ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ขนาดกำลังพอดีมือ ใบมีดยังคงส่องประกายวาววับแม้จะถูกจัดอยู่ในประเภทถูกใช้งานมานานก็ตามที เขาลองหยิบดาบขึ้นมาถือดู
เขารู้สึกคุ้นเคยกับดาบเล่มนี้อย่างบอกไม่ถูก และเหมือนกับว่าถูกดลบันดาลให้พบกัน เมื่อเขาละสายตาจากดาบชั่วครู่ ก็พบกับคทาที่ทำให้เขารู้สึกอยากได้ขึ้นมา เขาจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ในการเลือกซื้อดาบและคทา
ของเก่าที่เคยผ่านมือคนใช้มาแล้ว อาจเคยสร้างตำนานขึ้นมาก็ได้ เขาคิดเข้าข้างตัวเอง ซึ่งก็ไม่ผิด ดาบและคทานี้เคยสร้างตำนานไว้จริงๆ แต่ไม่ได้มีใครบันทึกเอาไว้
“เสร็จแล้วหรือลูก เร็วจัง” แม่ตกใจเมื่อเห็นว่าคราวนี้ลูกตัวเลือกโดยใช้เวลาไม่นาน และเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกเลือกของเก่ามาจึงถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “หยิบมาทำไมลูกของเก่า แม่มีเงินซื้อให้ได้น่ะ ของใหม่ ๆ ไอ้ของเก่าพวกนี้ ดูสิเทียบกับของใหม่ไม่ติด”
“แม่ บางทีไอ้เจ้าพวกนี้อาจมีฤทธิ์อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้นะ” เฮอร์มิสพูดอย่างเชื่อมั่น ด้วยเสียงที่ไม่ค่อยเบาเท่าไหร่ ทำให้เจ้าของร้านได้ยิน
“โอ้ พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ตาดีเสียจริง” เมอร์ลินน่าผู้เป็นเจ้าของร้านกล่าวชมขึ้นมากะทันหัน ทำให้สองแม่ลูกสะดุ้ง “ใช่แล้ว เจ้าพวกนี้เป็นของที่มีฤทธิ์พิเศษจริง ๆ แม้จะเก่าไปหน่อยแต่เจ้าก็ดูออก เยี่ยมจริงๆ”
เฮอร์มิสยิ้มแหยะ ๆ ไม่คิดว่าไอ้เซ้นส์ของเขาจะใช้ได้เหมือนกัน
“ดาบเนี่ยชื่อว่าดาบสุริยัน เป็นสิ่งตกทอดมาเกือบพันปี ว่ากันว่าสร้างในเมืองนอร์ธ ตีด้วยช่างเหล็กที่เป็นพวกคนแคระ ลงอาคมด้วยจอมเวทย์ เมื่อวาดดาบลงไปแล้วจะทำให้เกิดแสงสว่างขึ้น สามารถฟาดฟันความมืดให้หายไปได้ ส่วนคทาที่เขาถืออยู่ก็เป็นคทาที่สร้างขึ้นในเวลาใกล้ ๆ กันกับดาบ ถูกสร้างขึ้นที่เมืองเวสท์ ลงอาคมโดยท่านมู้ดดี้ เทอร์แมน ในหัวคทามีส่วน ผสมของขนนกฟีนิกซ์ เลือดจินนี่ ขนแองเจิ้ล เกล็ดมังกรทอง เขายูนิคอร์นและเส้นผมของเอลฟ์ ทำให้สามารถร่ายเวทย์ไฟได้ดีเพราะขนฟีนิกซ์ เวทย์ดำรุนแรงเพราะจินนี่ เวทย์ขาวเยี่ยมจากขนแองเจิ้ล เวทย์ป้องกันและความทนทานเลิศจากเกล็ดมังกรทอง รวดเร็วดั่งยูนิคอร์นและแม่นยำเหมือนการยิงธนูของชาวเอลฟ์ คทานี้เรียกว่า คทาเอเทอร์นัล” เมอร์ลินน่าร่ายสรรพคุณยาวเหยียด
“โอ้โห อย่างนี้ไม่แพงแย่หรือ” ผู้เป็นแม่พูดอย่างตกใจ
เมอร์ลินน่าหัวเราะ ก่อนจะกล่าวออกมา “ของในร้านนี้เราขายตามอายุใช้งาน อะไรที่ถูกใช้มานานเราขายถูกแสนถูก เรื่องคุณภาพน่ะดูเอาเอง อย่างเจ้าหนุ่มเนี่ย ตาแหลมนัก ก็ได้ของดีไป”
เฮอร์มิสยิ้ม ในขณะที่ผู้เป็นแม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ดาบได้แล้ว คทาก็ได้แล้ว ไปจ่ายเงินเหอะแม่ แล้วไปซื้อหนังสือจะได้รีบกลับ ต้องไปเตรียมของอีก พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย” เฮอร์มิสกล่าวอย่างรีบร้อน
“จ้า ไป ๆ”
--------------------------------
“เฮอร์มิส! ลูกเตรียมตัวเสร็จรึยัง” ผู้เป็นแม่ตะโกนเรียกลูกชายตัวดีของตนอย่างเร่งรีบ “สายแล้วนะลูก เดี๋ยวก็ไปซื้อของไม่ทันหรอก ตั้งหลายอย่างนี่นา”
“คร้าบ แม่ เสร็จแล้วคร้าบ” เด็กหนุ่มตอบรับแม่คนแล้วรีบวิ่งลงบันไดมา
“นี่ จะต้องให้แม่สอนกี่หน ฮึ!! อย่าวิ่งลงบันไดสิ” แม่กล่าวอบรมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“เอาเหอะ แม่ รีบไปเถอะ เดี๋ยวไม่ทันซื้อของนะ” เจ้าลูกชายตัวดีพูดเมื่อเตรียมตัวเสร็จ และเพื่อเป็นการตัดบทของผู้เป็นแม่ที่ทำท่าจะอบรมสั่งสอนต่อ
“ก็ดี ไป รีบไปเร็วเข้า”
แล้วคู่แม่ลูกก็รีบเดินทางออกจากบ้านไปยัง...
ตลาดมิ้ดเดิ้ลเวิลด์
หากจะว่ากันตามวิชาภูมิศาสตร์แล้วล่ะก็ โลกนี้มีแผ่นดินทั้งหมดห้าทวีป ซึ่งประกอบไปด้วยแผ่นดินนอร์ธ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ถูกปกครองโดยอาณาจักรนอร์ธ แผ่นดินทางใต้คือแผ่นดินเซาธ์ ปกครองโดยอาณาจักรเซาธ์ แผ่นดินทางตะวันตกคือแผ่นดินเวสท์ ปกครองโดยอาณาจักรเวสท์ แผ่นดินทางตะวันออกคือแผ่นดินอีสท์ ปกครองโดยอาณาจักรอีสท์ และแผ่นดินที่มีความสำคัญที่สุดก็คือแผ่นดินมิดเดิ้ลซึ่งตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสี่ทวีป จึงเป็นที่ติดต่อค้าขายที่สำคัญ ถูกปกครองโดยอาณาจักรมิดเดิ้ล
“อู้หู นี่เหรอ ตลาดมิดเดิ้ลเวิลด์แห่งแผ่นดินมิดเดิ้ล”
“ใช่ๆ ว่ากันว่า ที่นี่เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ว่าใครต้องการอะไร ที่นี่มีหมดทุกอย่าง มีของจากทั่วทุกมุมโลก มาส่งขายที่นี่ทุกวัน”
“น่าอิจฉาจังเนอะ พวกที่อยู่ในมิดเดิ้ลคิงด้อม”
ในตอนนี้ เจ้าคนที่อาศัยอยู่ในมิ้ดเดิ้ลคิงด้อมมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกอย่างเฮอร์มิสก็ได้ยืดกับเขาบ้าง ด้วยความรู้สึกที่ต้องการให้เจ้าพวกเด็กต่างถิ่นได้รู้ว่าตนรู้จักที่นี่ดีเพียงใด ก็เลยทำเป็นคุยกับแม่ไปตลอดทาง พูดว่าจะให้พาไปตรงนั้นที่มีอย่างนี้ จะให้ไปที่ตรงนี้ที่มีอย่างนั้น
“แม่ๆ ไปกันเถอะ ตามรายการนี้แล้วเราต้องซื้อคทา ดาบ เครื่องแบบนักเรียนประจำหอ ชุดนักรบ ชุดนักเวทย์ ชุดนักทดลองหนังสือเรียน ไม้กวาดอีก โอ๊ย เยอะแยะไปหมดเลย งั้นเราไปซื้อเสื้อก่อนละกัน ใกล้ดี”
“เอ๊ะ! วันนี้เป็นอะไรไปน่ะลูก ท่าทางคึกเชียว แอบหนีมาเที่ยวเองตั้งแต่เด็กแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาตื่นเต้นอะไรไปได้ ฮึ!!” ผู้เป็นแม่พูดขึ้นด้วยความรู้สึกงงๆ
“ไม่ได้ตื่นเต้น แม่” เจ้าลูกตัวดีพูดด้วยน้ำเสียงของคนที่ถูกขัดใจ “มาตั้งบ่อยแล้วจะไปตื่นเต้นอะไรอีกเล่า”
“เออ แม่ก็ว่างั้นนะ” ขณะที่ผู้เป็นแม่ยังงงไม่หาย ก็ได้ยินเสียงเด็กจากต่างถิ่นพูดกัน ถึงความใหญ่ของตลาดแห่งนี้ จึงได้รู้ว่า ที่แท้เจ้าลูกตัวดีต้องการอวดเด็กพวกนี้นี่เองว่าตนรู้จักที่นี่ดีเพียงใด
+ + + +
แสงอาทิตย์ยามเที่ยงเริ่มส่องแล้วเมื่อสองแม่ลูกมาถึงหน้าร้านตัดเสื้อที่ใหญ่ที่สุดในตลาดมิดเดิ้ลเวิลด์ ป้ายหน้าร้านป้ายใหญ่หรูหราเขียนไว้ว่า “ร้านเสื้อมหัศจรรย์” ร้านนี้นอกจากจะใหญ่ที่สุดแล้ว ยังเป็นร้านที่หรูที่สุด และตัดเสื้อได้เร็วที่สุดในมิดเดิ้ล คิงด้อม ผู้คนเดินเข้าออกร้านนี้กันอย่างขวักไขว่
“ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานสาวในร้านกล่าวขึ้นเมื่อสองแม่ลูกก้าวเข้ามา แล้วก็ถามตามบทของพนักงานขายของ “มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ค่ะ คือฉันจะตัดเสื้อให้ลูกชายน่ะค่ะ มีชุดเครื่องแบบนักเรียน 5 ชุด ชุดนักรบ ชุดนักเวทย์ และชุดนักทดลองอีกอย่างละ 1 ชุดค่ะ” แม่ของเฮอร์มิสกล่าวกับพนักงานขายด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ชุดเยอะอย่างนี้ต้องเป็นโรงเรียนเทอร์แมนชื่อดังแน่ ๆ ใช่ไหมคะ” พนักงานขายถามยิ้มๆ ขณะที่เจ้าหล่อนกำลังเดินไปหยิบสายวัดมาวัดตัวพลางทำมือเป็นสัญญาณให้เดินตามมาที่หลังร้านเพื่อไม่ขวางทางเข้าออก “หอไหนล่ะคะ”
ผู้เป็นแม่ได้ยินก็รู้สึกภูมิใจที่ลูกตนสามารถเข้าได้แล้วมีคนชม จึงตอบพนักงานคนนั้นด้วยน้ำเสียงเต็มภาคภูมิ “ค่ะ อยู่หอพระราชาค่ะ”
“ฮื้อ! เก่งดีนี่คะ” พนักงานตอบพลางเดินไปหาเฮอร์มิส “ขอวัดตัวหน่อยจ้ะ พ่อคนเก่ง”
เฮอร์มิสคงจะรู้สึกดีใจถ้าไม่ใช่ว่าเด็กที่วัดตัวอยู่ในร้าน “เสื้อมหัศจรรย์” นี้กว่าครึ่งเป็นเด็กที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเวทมนตร์เทอร์แมนด้วยเหมือนกัน เขารู้สึกอายด้วยซ้ำไปที่มามีคนเอ่ยชมเขาอย่างนี้ท่ามกลางคนประเภทเดียวกัน แต่ยังดีที่ไม่ได้มีใครสนใจ
ภายในร้าน มีผู้คนเยอะแยะมากมาย เขาลองมองไปรอบๆ เพื่อหาเด็กที่อยู่หอพระราชาด้วยกัน แต่รู้สึกว่าไม่มีใครเลยที่มาตัดชุดนักเรียนสีทอง
‘เฮ้อ! ไม่มีใครอยู่หอพระราชาเลยรึ’ เฮอร์มิสนึกในใจ
“เสร็จแล้วค่ะ” พนักงานขายบอกเมื่อวัดตัวของเขาเสร็จเรียบร้อย
เขาเดินออกมาจากห้องวัดตัว ในขณะที่แม่กำลังคุยกับพนักงานขายอยู่เพื่อรอการตัดชุด เขามองไปรอบ ๆ ร้านอีกทีก็ได้เจอกับเด็กหนุ่มตัวสูงคนเดิมที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตา เด็กคนนั้นเข้ามาเอาเสื้อภายในร้านและตอนนี้ก็กำลังจะออกไปแล้ว เฮอร์มิสตัดสินใจวิ่งจากหลังร้านไปยังประตูเพื่อจะเรียกเด็กหนุ่มคนนั้น แต่เมื่อเขาวิ่งออกจากประตูไปเด็กหนุ่มคนนั้นก็หายแว่บไปซะแล้ว
“หายไปไหนนะ” เฮอร์มิสคิดพลางหันหลังจะเดินกลับเข้าร้าน ถ้าไม่ได้มีเสียงทักเสียก่อน
เสียงนุ่ม ๆ บ่งบอกถึงความใจดีดังขึ้น “นายคือเฮอร์มิส การ์ตาร์ แห่ง หอพระราชารึเปล่า”
“ครับ” เฮอร์มิสตอบพร้อมกับหันไป
เจ้าของเสียงผู้ทักเขานั้นมีผมสีบลอนด์ เมื่อเขาได้มองสบตา ก็เห็นนัยน์ตาสีเหลืองทองคู่สวย หน้าตาคมคาย หล่อเหลา ผิวขาวเนียน รูปร่างสูงใหญ่เข้าที ทำให้เฮอร์มิสจำได้ว่าชายผู้นี้คือรุ่นพี่คนที่กล่าวต้อนรับตอนที่เขาเดินออกจากหอประชุมน่ะเอง และเป็นคนที่แซวเขาด้วย
“อ้าว! ไงฮะ” เขาร้องทัก
“เออ! ใช่จริง ๆ ด้วย นี่เดินซื้อของมาตั้งนานแล้วยังหาเด็กหอพระราชาที่จำหน้าได้ไม่เจอเลยสักคน เพิ่งเจอนายเป็นคนแรกนี่แหละ”
“อือ ผมก็ไม่เจอเด็กหอพระราชาเลย” แต่พอเฮอร์มิสลองคิดดูว่าเด็กหนุ่มตัวสูงคนนั้นก็อยู่หอพระราชา เลยตอบต่อไปอีก “แต่เมื่อกี๊เจออยู่คนนึงมาเอาเครื่องแบบนักเรียนหอพระราชา แต่ผมไม่รู้จักนะ กำลังจะเดินไปทัก เขาก็ออกมาจากร้าน ตอนนี้ ไม่รู้หายไปไหนแล้ว”
“เหรอ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเปิดเทอมก็ได้เจอกันเองแหละ หอเดียวกันนี่นา” รุ่นพี่ตอบยิ้ม ๆ
“เออ ผมยังไม่รู้ชื่อรุ่นพี่เลย แล้วทำไมต้องไปยืนรอต้อนรับน้องๆที่เดินออกจากหอประชุมด้วยล่ะฮะ” เฮอร์มิสถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อของคนตรงหน้าเลย
“จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยนี่เนอะ” รุ่นพี่พูดพลางปัด ๆ มือของตัว “ฉันชื่อ เคลาด์ สกายวอล เป็นหัวหน้านักเรียนของหอพระราชา ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พูดจบก็ยื่นมือออกไปหาเฮอร์มิสพร้อมส่งยิ้มเพื่อให้จับมือทักทายอย่างเป็นทางการ แล้วเฮอร์มิสก็ยื่นมือตอบ
“อ๋อ มิน่าล่ะ ถึงต้องไปยืนต้อนรับน้อง อย่างนี้ผมไม่สมัครดีกว่าตำแหน่งหัวหน้านักเรียนเนี่ย ต้องไปยืนแหง่กรับน้อง เมื่อยตายเลย” เจ้าตัวดีพูดทำหน้าเบื่อ ๆ
เคลาด์ได้ยินเจ้ารุ่นน้องตัวดีพูดก็หัวเราะ ก่อนจะพูดขึ้นมา “นี่ เฮอร์มิส ฉันบอกให้รู้ไว้อีกนะ นอกจากหน้าที่ยืนต้อนรับน้องแล้วเนี่ย หัวหน้านักเรียนยังต้องทำหน้าที่อย่างอื่นอีก เช่น ควบคุมงานทั้งหมดในหอ แล้วก็คอยดูแลความปลอดภัยของรุ่นน้องในหอ” พูดจบพลางมองไปยังเฮอร์มิส
“ยิ่งมีคนซุ่มซ่ามยิ่งต้องคอยดูแลหนักเข้าไปใหญ่” พูดจบเคลาด์ก็หัวเราะขึ้นมา
เฮอร์มิสนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะรู้ว่าโดนหัวหน้าหอแซวเข้าให้
“โห่ วันนั้นมันอุบัติเหตุฮะ กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่นิดนึง รู้สึกตัวอีกที ก็ล้มขึ้นไปกองบนเวทีแล้ว ปกติไม่เป็นหรอก เพราะไม่ค่อยคิดมาก” เฮอร์มิสแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“เอาเหอะ ๆ แล้วนี่มีอะไรไม่เข้าใจอยากถามหรือเปล่าล่ะ” เคลาด์ถามเปลี่ยนเรื่อง
“ไอ้มีมันก็มีอยู่หรอกฮะ” แล้วเจ้าตัวดีก็ทำท่านึก “อ้อ เห็นเครื่องแบบนักเรียนมีหลายสี ต่างกันไปตามหอ เลยอยากรู้ว่าแต่ละหอมีสัญลักษณ์อะไรบ้างหรือเปล่าฮะ”
“โอเค งั้นฟังดี ๆ นะ อาจจะยาวหน่อย” เคลาด์กล่าวก่อนจะตอบไปด้วยท่าทางทรงภูมิ “ก็โรงเรียนเรามีทั้งหมดห้าหอใช่ไหมล่ะ แล้วสีเครื่องแบบก็มีทั้งหมดห้าสี ประจำหอไปแต่ละสี ได้แก่ สีทองเป็นสีประจำหอพระราชา มีราชสีห์เป็นสัญลักษณ์ สีเงินเป็นสีประจำหอราชินี มีนกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์ สีแดงเป็นสีประจำของหอขุนนาง มีเอลฟ์เป็นสัญลักษณ์ สีขาวเป็นสีของหอประชาชน มียูนิคอร์นเป็นสัญลักษณ์ และสีสุดท้ายสีดำเป็นสีของหอไพร่ทาส มีไททันเป็นสัญลักษณ์ หอสุดท้ายถึงชื่อจะฟังดูไม่ดีแต่ไม่ใช่ว่าหอไพร่ทาสจะเป็นหอที่แย่ที่สุดหรอกนะ เพราะมันเทียบกันไม่ได้ แต่ละหอก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป อยากรู้ไหมล่ะ หือ” เคลาด์เอ่ยแหย่ความอยากรู้ของคนฟัง
“ก็ยังไงก็พูดมาสิฮะ” เฮอร์มิสแสดงอาการอยากรู้เป็นที่สุด
เคลาด์เริ่มรู้สึกสนุกกับการแหย่เจ้าเด็กรุ่นน้องคนนี้เล่นซะแล้ว แหย่ใครขึ้นแล้วรู้สึกสะใจนัก ปกติ เขาก็ไม่ค่อยจะได้แหย่ใครเท่าใดนัก ออกจะเงียบ ๆ ด้วยซ้ำ ได้โอกาสก็ขอเอาให้สนุกหน่อยละกัน
“ก็หอเราจะเด่นด้านความ...” เขาเหล่ไปมองเด็กรุ่นน้องหาทางจะแซวหน่อย “จริง ๆ ต้องเป็นด้านความสามารถพิเศษต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ พรสวรรค์ด้านการรบ พรสวรรค์ด้านการคำนวณการค้นคว้า แต่ปีนี้รู้สึกจะมีพรสวรรค์ด้าน...”
“ซุ่มซ่าม” เคลาด์เริ่มหัวเราะอีกทันที
ในสมองคิดแต่ว่า มีเด็กคนนี้เข้ามาคงทำให้เขาสะใจน่าดู
“วกเข้ามาจนได้สิน่า อย่างรุ่นพี่นี่ก็คงมีพรสวรรค์ด้าน...” เฮอร์มิสแกล้งทำท่าครุ่นคิดอยู่แป๊บนึง ก็เงยหน้าขึ้นพูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ด้านปากเบาสินะฮะรุ่นพี่”
อึ้ก! เคลาด์สะอึกเงียบไปทันควัน ปากไอ้เด็กนี่ก็ร้ายไม่เบาเลยนี่หว่า
เฮ้ย เลิกต่อปากต่อคำดีกว่า เดี๋ยวเป็นจริงอย่างที่มันว่า หอพระราชาเด่นเรื่องปากเบา คิดแล้วก็ชวนให้อดยิ้มไม่ได้
เคลาด์หยุดคิดที่จะแซวกลับมาพูดดีๆ ธรรมดาแทน “ก็อย่างที่พูดไปน่ะแหละ คนที่มาอยู่หอพระราชาจะต้องมีความสามารถพิเศษโดดเด่นหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม”
‘แล้วอย่างเรานี่มันเด่นด้านไหนกัน ถึงได้เข้าหอพระราชา หรือจะปากเบาจริงอย่างที่เราพูดไป’ เฮอร์มิสคิดหนักหลังจากได้ฟังที่เคลาด์พูด
“แล้วหออื่นล่ะฮะ” เฮอร์มิสถามต่อหลังจากหยุดคิดด่าตัวเอง
“ก็... หอราชินีจะโดดเด่นด้านความอ่อนโยน เก่งด้านเวทย์รักษา ป้องกัน พวกเวทย์ขาวทั้งหลาย อะไรอย่างนี้แหละ” เคลาด์ตอบอย่างรู้ดี และพูดต่อไปอีก “ส่วนหอขุนนางเนี่ยเด่นด้านเวทย์สนับสนุนต่าง ๆ เช่น เวทย์เร่งความเร็ว เวทย์เบอร์เซิร์ก หรือเป็นพวกเวทย์ที่ใช้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบ เช่น เวทย์ทำให้ช้า เวทย์สับสน เวทย์หยุด จะเป็นพวกแนว ๆ นั้น พวกหอขุนนางจึงมักเป็นพวกเจ้าเล่ห์ มีแผนการแฝงไว้อยู่ในหัวสมองเสมอ ระวังไว้ให้ดีล่ะ ถ้าคิดจะคบกับพวกหอขุนนาง”
อึ๋ย น่ากลัวแฮะ พวกหอขุนนาง ชักไม่อยากยุ่งด้วยซะแล้วสิ
เฮอร์มิสคิดกลัวพวกหอขุนนางไปแล้ว
“หอประชาชน... พวกนี้ก็ส่วนใหญ่จบออกมาถ้าเป็นนักเวทย์ก็มักเป็นพวกนักเวทย์แดง ใช้ได้ทั้งเวทย์ดำและเวทย์ขาว แต่จะใช้เวทย์ระดับสูงมาก ๆ ไม่ได้” เคลาด์สังเกตเห็นว่าเฮอร์มิสเริ่มทำท่าคิดว่าพวกหอประชาชนไม่ได้เรื่องเลยพูดดักคอต่อ “ถึงแม้จะใช้เวทย์ดำและเวทย์ขาวระดับสูงไม่ได้ แต่ว่าแค่เวทย์ระดับที่ไม่ค่อยสูงเนี่ย ถ้าคนใช้มีความสามารถมาก ๆ ก็รับมือยากเหมือนกันนา”
เจ้าตัวดีก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อกอีกรอบ ไม่ใช่ย่อย ๆ อีกแล้ว เท่าที่ฟังมานอกจากหอราชินีแล้ว หออื่นนี่น่ากลัวแฮะ เอ... แล้วหอไพร่ทาสจะเป็นยังไงกันเนี่ย
“พวกหอประชาชนเนี่ยนิสัยจะออกไปทางพวกรักความยุติธรรม ซื่อสัตย์ อะไรแนว ๆ นั้นน่ะ ส่วนพวกสุดท้ายก็หอไพร่ทาส” เคลาด์เกริ่นขึ้น
มาแล้ว มาแล้ว
“พวกนี้ใช้เวทย์ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่”
เฮ้อ ค่อยน่าคบหน่อย เราเก่งกว่าจะได้ข่มได้
เฮอร์มิสเริ่มคิดไม่ดีซะแล้ว
“แต่...”
เอื้อก อะไรอีกวะ มีแต่ด้วยเหรอ
“พละกำลังเป็นเลิศ พวกเข้าหอไพร่ทาสได้เนี่ยสามารถยกของหนักได้เก่งมาก ว่ากันว่า สามารถยกมังกรดำได้ด้วยมือเดียวด้วยซ้ำไป” เคลาด์พูดอย่างยกย่อง
“อื้อหือ สุดยอด น่ากลัวฉิบ...” เฮอร์มิสหลุดปากออกมา พอจะพูดคำหยาบก็รีบเอามือปิดปากอุบ
ไอ้เด็กนี่มันไม่รู้จักเก็บความคิดเลยเว้ย
เคลาด์คิดพลางยิ้มน้อย ๆ ออกมา
“แหะ ๆ โทษทีฮะ ไม่ได้ตั้งใจ” เจ้าตัวดีรีบพูดแก้ตัว
“ไม่เป็นไรหรอก ดีซะอีก กันเองดี” เคลาด์พูดพลางหัวเราะ
“เออ แต่ถ้าไม่เก่งเวทมนตร์แล้วจะทำอะไรล่ะครับ” เฮอร์มิสถามด้วยความฉงน
“ก็ถ้าดูจากนิสัยแล้ว ส่วนใหญ่นิสัยจะคล้ายกับพวกหอประชาชน ดังนั้น พวกหอไพร่ทาส ส่วนใหญ่แล้วก็จะไปเป็นพวกบอดี้การ์ดให้กับพวกนักธุรกิจ ไม่ก็เป็นพวกองครักษ์เช่นพวกนักดาบ แต่ถ้าคนไหนไม่อยากยุ่งเรื่องวงสังคมมากนักก็จะไปเป็นพวกชาวไร่ ชาวนา พวกที่เรียนไม่เก่งไม่มีความรู้ก็จะไปเป็นกรรมกร แต่เด็กจากโรงเรียนเราไม่ค่อยมีใครตกต่ำขนาดต้องไปเป็นกรรมกรหรอก ส่วนใหญ่ก็จะเรียนด้านเกษตร แล้วก็เอาเวทมนตร์ระดับล่างๆ ไปใช้พัฒนาที่ดินเพาะปลูกอะไรอย่างนี้แหละ”
“เออ ใช่ ผมเห็นบางคนไม่ค่อยมีพลังเวทย์เท่าไหร่ แต่ได้เข้าไปอยู่พวกหอราชินี หอขุนนางอะ พวกนั้นจะทำยังไงเหรอฮะ” เฮอร์มิสถาม เริ่มรู้สึกตัวว่าเป็นเด็กช่างถามแต่ก็เพราะมันสงสัยนี่นา อีกอย่าง เคลาด์ก็เป็นคนบอกเองว่า สงสัยอะไรก็ให้ถามได้
“อืม ก็อย่างที่บอกไปนะว่าแต่ละหอแบ่งกันตามลักษณะนิสัย และฝีมือ พวกหอเราเป็นหอพระราชา คนเก่งเข้ามากันเยอะ แต่ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องใช้เวทย์เก่ง ก็เลยมีบางคนที่ไม่ได้จบมาเป็นนักเวทย์ ส่วนใหญ่ของพวกนี้จะไปเป็นพวกนักวิจัย หรืออะไรที่ไม่ได้ไปเป็นลูกน้องคนอื่น เป็นเจ้านายตัวเอง นักปกครอง หอเราบางทีก็มีพวกเจ้าชายเจ้าหญิงมาเรียนบ้างนะ เพราะพวกนี้ต้องการให้มีเวทมนตร์แข็งแกร่งไว้ใช้ป้องกันบ้านเมืองน่ะ” เคลาด์พูดโดยเริ่มไล่จากหอพระราชาของตนตามเคยเฮอร์มิสจึงแอบยิ้มเล็กน้อย
“ส่วนหอราชินี จิตใจอันอ่อนโยนบวกกับสายเวทย์รักษา น่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าจบไปก็ไปเป็นพวกหมอ พยาบาล เภสัช อะไรพวกนี้น่ะ บางคนแม้ไม่มีเวทมนตร์ก็ยังสามารถรักษาได้ โดยเฉพาะบาดแผลจากสัตว์อสูรบางอย่างน่ะใช้เวทมนตร์รักษาไม่ได้ก็ต้องใช้พวกนี้ช่วยรักษา
หอขุนนางนี่ก็ดูจากนิสัยอีก เจ้าเล่ห์จอมวางแผน มีทางออกมากมายสำหรับปัญหา พวกนี้มักไปเป็นพวกนักธุรกิจ พ่อค้า รับราชการ และด้วยความปราดเปรื่องก็ไปเป็นพวกนักวิชาการด้านต่าง ๆ พวกอาจารย์ที่สอน ๆ เราพวกวิชาการธรรมดาส่วนใหญ่ในโรงเรียนก็มาจากคนกลุ่มนี้นี่แหละ
หอประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์ ซื่อตรง พวกนี้ก็ไปเป็นพ่อค้า รับราชการเหมือนกับหอขุนนาง อาจจะไม่ฉลาดเท่า แต่ความน่าไว้ใจยกให้คนในหอนี้ได้ บางคนถ้าฉลาดจริง ๆ ก็ได้เป็นพวกทนายความ ผู้พิพากษา เพราะความซื่อตรงนี่แหละ
ส่วนหอสุดท้าย หอไพร่ทาส ไม่ต้องพูดหรอก พูดไปแล้วเมื่อกี๊” เคลาด์พูดจบก็หันมายิ้มให้กับเฮอร์มิสก่อนจะถามอีก “มีอะไรอีกไหม”
“อ๋อ ไม่มีแล้วแหละฮะ นึกไม่ออกแล้วอะ” เฮอร์มิสตอบแบบหัวเราะนิด ๆ
“อืม ใช่ รู้ไหมว่าทุกๆ ปีโรงเรียนเราจะมีการจัดแข่งขันเกมภายในโรงเรียนขึ้นน่ะ” เคลาด์ถามต่อ เมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีสิ่งที่ลืมพูดอยู่
“หึ ยังไม่รู้ฮะ” เฮอร์มิสส่ายหน้า “แล้วมันคืออะไรอะ”
“การแข่งเกมนี้มีชื่อว่า เกมจ้าวแห่งการต่อสู้ รู้จักไหม” เคลาด์ถามต่อ
“อ๋อ ไอ้เกมกระดานที่มีพวกตัวอาชีพต่าง ๆ แล้วทอยเต๋าเดินน่ะนะ รู้จักดิพี่ เกมนี้ผมเล่นทีไรชนะทุกที ถึงจะดูโง่ ๆ แต่ผมสั่งสู้ได้เฉียบนะพี่” เฮอร์มิสตอบอวด ๆ
“งั้นก็ดี อย่าลืมลงสมัครละกันนะ” เคลาด์พูดยิ้ม ๆ แบบมีเลศนัย แต่เฮอร์มิสไม่ได้คิดอะไรมาก
“ได้เลยครับ ชัวร์อยู่แล้ว ผมไม่ทำให้หอเราเสียชื่อแน่” เฮอร์มิสตอบรับด้วยความมั่นใจ
“แล้วอย่าเปลี่ยนใจล่ะ” เคลาด์พูดโดยยังไม่หุบยิ้มนั้นลง
“เฮอร์มิส ได้ชุดแล้วลูก” เสียงของแม่ดังขึ้นมา จากในร้าน
“งั้นผมขอเข้าไปดูก่อนนะฮะ หวัดดีฮะ” เฮอร์มิสกล่าวลา
“อืม ไปเถอะ” เคลาด์พยักหน้า แล้วเฮอร์มิสก็กลับเข้าไปในร้าน
ให้เด็กคนนี้ลงเล่นคงจะสนุกน่าดู ท่าทางไหวพริบไม่เลว ถ้ามันรู้กติกาก็คงจะกลัวน่าดู เพราะมันต่างจากไอ้เกมกระดานเด็ก ๆพอตัวเลย แต่มันรับปากแล้วคงไม่ถอนตัวหรอก
เคลาด์เดินจากร้านไปพลางหัวเราะเบา ๆ
+ + + +
“เอ้า ลูก ใส่ได้ทุกตัวนะ” แม่ถาม
“คร้าบ แม่ รีบไปต่อเถอะ เหลือของอีกตั้งเยอะ” เฮอร์มิสเร่ง 
“งั้นไปซื้อไม้กวาดกันเลยลูก” แม่พูดพลางเดินนำหน้า
ร้านไม้กวาดที่เฮอร์มิสไปเป็นร้านที่อยู่ห่างจากร้านเสื้อมหัศจรรย์ไปไม่ไกลเท่าใดนัก ข้าง ๆ ร้านไม้กวาดนี้ก็มีร้านหนังสือ ร้านคทาและดาบอยู่ไล่กันไป
“เอาร้านแถว ๆ นี้แหละ ไม่ต้องไปไกลนักหรอก” แม่พูดอย่างรีบร้อน และเดินผลักประตูเข้าไปในร้านไม้กวาดที่มีป้ายชื่อร้านว่า ‘จ้าวแห่งความเร็ว’
ไม้กวาดในนี้มีหลากหลายแบบคละกัน บางอันทำจากไม้ บางอันทำจากพลาสติก โดยพวกพลาสติกนี่จะเป็นของถูก ๆ ขนไม้กวาดทำจากใยสังเคราะห์ บินเร็วมาก ๆ ไม่ได้ ส่วนอันที่แพง ๆ ก็มีติดสรรพคุณไว้เยอะแยะ อันที่กำลังเป็นที่นิยมและความเร็วสูงที่สุดถึง 100 เมตรต่อวินาที เด็กหลายคนอยากให้แม่ของตนซื้อไอ้เจ้ารุ่นเอส 25 นี้ให้ แต่ราคาก็ชวนให้เป็นลมนัก
ห้าพันบลองค์ แพงฉิบเลย ใครจะซื้อวะ แค่แม่ไม่ซื้อไอ้ไม้พลาสติกให้ก็บุญโขแล้ว แม่ยิ่งไม่ชอบอะไรเปลืองๆ อยู่
“เอ้า ลูกแม่ให้เลือกตามใจเลย แต่อย่าเกินหนึ่งพันบลองค์นะ เรายังต้องซื้ออย่างอื่นอีก” แม่พูด
“โอ้โห วันนี้แม่อนุญาตให้ซื้อตั้งพันบลองค์ ฝนไม่ตกวันนี้ก็ไม่รู้จะตกวันไหนแล้ว” เจ้าตัวลูกแซวแม่ขึ้นมา
แม่เขม่นหน้าใส่ “หรือแกอยากได้พวกไม้พลาสติก หืม”
“ไม่ๆ แม่ ดีแล้วแหละ” เฮอร์มิสพูดพลางเดินไปรอบ ๆ ร้าน เพื่อหารุ่นที่เขาถูกใจ ก็ไปสบกับอันหนึ่งเข้า
รุ่นเอส 20 ด้ามไม้ทำจากไม้สักแท้ รับประกันว่าปลวกไม่ขึ้น ขนไม้กวาดทำจากขนของตัวบรูมมี่แห่งคลีนวูดส์ ความเร็วห้าสิบเมตรต่อวินาที
พอลองมองดูราคา ‘หนึ่งพันบลองค์’ เฮ้ย พอดีเลย
“แม่ อันนี้แหละ” เฮอร์มิสเรียกแม่ให้จ่ายเงิน
เขาหารู้ไม่ว่า เจ้าตัวบรูมมี่ที่ถูกมาทำขนไม้กวาดด้ามนี้เป็นตัวพิเศษ สามารถทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นได้สูงสุด 4 เท่า เขาได้เลือกซื้อไม้กวาดที่ดีที่สุดของร้านจ้าวแห่งความเร็วไปแล้ว
“แม่ฮะ ผมอยากได้เอส 25 ฮะ” เสียงหนึ่งที่เขารู้สึกขยะแขยงดังขึ้น
ที่แท้ก็อัลรีย่านั่นเอง เขาให้แม่ซื้อเจ้าไม้กวาดที่แพงที่สุดในร้านให้ ขณะที่แม่ของทั้งคู่ไปจ่ายเงิน อัลรีย่าที่หิ้วเครื่องแบบหอพระราชาอยู่ก็หันมาพบกับเฮอร์มิสพอดี
นัยน์ตาสีม่วงจ้องมาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแววรังเกียจ เมื่อเห็นว่าเฮอร์มิสกำลังถือเครื่องแบบของหอพระราชาอยู่เหมือนกัน
“คนอย่างนายนี่คงอาศัยโชคช่วยละมั้ง ถึงได้อยู่หอพระราชาได้” เสียงดังขึ้นอย่างเหยียด ๆ
“ถ้าคนอย่างฉันต้องใช้โชคช่วย คนอย่างนายก็คงต้องโกงแล้วล่ะมั้งถึงจะเข้าได้” เฮอร์มิสเหยียดกลับ
“เฮอะ คนอย่างฉันไม่ต้องโกงก็เข้าได้อยู่แล้ว” เจ้าเด็กหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มหาเรื่องต่อ “แล้วนี่ซื้อรุ่นไหนล่ะ เอเอส 1 หรือเปล่า”
เฮอร์มิสได้ยินก็พลางมองไปยังไม้กวาดรุ่นที่อัลรีย่าหมายถึง เอเอส 1 นั่นมันรุ่นไม้พลาสติกเมื่อยี่สิบห้าปีที่แล้วนี่นา ไอ้นี่หาเรื่องจริง ๆ ไม่อยากยุ่งกับมันเลยจริง ๆ
“บังเอิญของฉันเป็นรุ่นเอส 20 ไม่ใช่เอเอส 1 หรอก” เฮอร์มิสเริ่มตอบอย่างใจเย็น
“บ้านนายคงได้แค่นั้นสินะ อย่างฉันไม่มีทางเหลียวมองด้วยซ้ำไอ้เจ้ารุ่นเอส 20 น่ะ เก่าชะมัด” อัลรีย่าทำหน้าขยะแขยง
“แก...” เฮอร์มิสเริ่มมีอารมณ์พอนึกหาวิธีย้อนได้เลยย้อนกลับไป “เหรอ ที่บ้านนายซื้อให้แต่ของแพงๆ สินะ คนเราพอมันมีข้อด้อยในตัว ก็ชอบหาของดีมาปกปิด คงทำงานหนักเลยสิพ่อแม่นาย กว่าจะหาของมาปิดข้อเสียได้ครบเนี่ย”
“ไอ้...” คราวนี้หน้าของอัลรีย่าขึ้นสี นัยน์ตาสีม่วงสั่นระริกด้วยความโกรธ
เสียงเรียกของแม่ดังขึ้นพอดี เฮอร์มิสเลยฉวยโอกาสเดินออกไป
สะใจจริงวุ้ย
+ + + +
สองแม่ลูกเดินเข้าไปยังร้านขายดาบและคทาที่อยู่ข้าง ๆ ร้านจ้าวแห่งความเร็ว ตอนนี้คนเริ่มน้อยแล้ว เพราะเป็นช่วงบ่าย ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่ซื้อของกันเสร็จแล้ว
ป้ายร้านทำจากไม้สักเก่าแก่ สลักชื่อเอาไว้ว่า ‘เมอร์ลินน่า’
ไม้คทาและดาบในร้านนี้ดูทรงพลังมาก แม้บางอันจะเป็นของมือสองที่ตกทอดจากผู้ใช้คนก่อน ๆ แต่ก็ยังดูใช้ได้ดี และมีพลังมาก เฮอร์มิสเห็นว่าซื้อของมาเยอะแล้วต้องการประหยัดให้ผู้เป็นแม่ จึงเดินไปดูดาบและคทาที่ใช้แล้ว จนกระทั่งได้ไปเจอดาบเล่มหนึ่ง ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ขนาดกำลังพอดีมือ ใบมีดยังคงส่องประกายวาววับแม้จะถูกจัดอยู่ในประเภทถูกใช้งานมานานก็ตามที เขาลองหยิบดาบขึ้นมาถือดู
เขารู้สึกคุ้นเคยกับดาบเล่มนี้อย่างบอกไม่ถูก และเหมือนกับว่าถูกดลบันดาลให้พบกัน เมื่อเขาละสายตาจากดาบชั่วครู่ ก็พบกับคทาที่ทำให้เขารู้สึกอยากได้ขึ้นมา เขาจึงตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ในการเลือกซื้อดาบและคทา
ของเก่าที่เคยผ่านมือคนใช้มาแล้ว อาจเคยสร้างตำนานขึ้นมาก็ได้ เขาคิดเข้าข้างตัวเอง ซึ่งก็ไม่ผิด ดาบและคทานี้เคยสร้างตำนานไว้จริงๆ แต่ไม่ได้มีใครบันทึกเอาไว้
“เสร็จแล้วหรือลูก เร็วจัง” แม่ตกใจเมื่อเห็นว่าคราวนี้ลูกตัวเลือกโดยใช้เวลาไม่นาน และเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกเลือกของเก่ามาจึงถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “หยิบมาทำไมลูกของเก่า แม่มีเงินซื้อให้ได้น่ะ ของใหม่ ๆ ไอ้ของเก่าพวกนี้ ดูสิเทียบกับของใหม่ไม่ติด”
“แม่ บางทีไอ้เจ้าพวกนี้อาจมีฤทธิ์อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดก็ได้นะ” เฮอร์มิสพูดอย่างเชื่อมั่น ด้วยเสียงที่ไม่ค่อยเบาเท่าไหร่ ทำให้เจ้าของร้านได้ยิน
“โอ้ พ่อหนุ่มน้อยคนนี้ตาดีเสียจริง” เมอร์ลินน่าผู้เป็นเจ้าของร้านกล่าวชมขึ้นมากะทันหัน ทำให้สองแม่ลูกสะดุ้ง “ใช่แล้ว เจ้าพวกนี้เป็นของที่มีฤทธิ์พิเศษจริง ๆ แม้จะเก่าไปหน่อยแต่เจ้าก็ดูออก เยี่ยมจริงๆ”
เฮอร์มิสยิ้มแหยะ ๆ ไม่คิดว่าไอ้เซ้นส์ของเขาจะใช้ได้เหมือนกัน
“ดาบเนี่ยชื่อว่าดาบสุริยัน เป็นสิ่งตกทอดมาเกือบพันปี ว่ากันว่าสร้างในเมืองนอร์ธ ตีด้วยช่างเหล็กที่เป็นพวกคนแคระ ลงอาคมด้วยจอมเวทย์ เมื่อวาดดาบลงไปแล้วจะทำให้เกิดแสงสว่างขึ้น สามารถฟาดฟันความมืดให้หายไปได้ ส่วนคทาที่เขาถืออยู่ก็เป็นคทาที่สร้างขึ้นในเวลาใกล้ ๆ กันกับดาบ ถูกสร้างขึ้นที่เมืองเวสท์ ลงอาคมโดยท่านมู้ดดี้ เทอร์แมน ในหัวคทามีส่วน ผสมของขนนกฟีนิกซ์ เลือดจินนี่ ขนแองเจิ้ล เกล็ดมังกรทอง เขายูนิคอร์นและเส้นผมของเอลฟ์ ทำให้สามารถร่ายเวทย์ไฟได้ดีเพราะขนฟีนิกซ์ เวทย์ดำรุนแรงเพราะจินนี่ เวทย์ขาวเยี่ยมจากขนแองเจิ้ล เวทย์ป้องกันและความทนทานเลิศจากเกล็ดมังกรทอง รวดเร็วดั่งยูนิคอร์นและแม่นยำเหมือนการยิงธนูของชาวเอลฟ์ คทานี้เรียกว่า คทาเอเทอร์นัล” เมอร์ลินน่าร่ายสรรพคุณยาวเหยียด
“โอ้โห อย่างนี้ไม่แพงแย่หรือ” ผู้เป็นแม่พูดอย่างตกใจ
เมอร์ลินน่าหัวเราะ ก่อนจะกล่าวออกมา “ของในร้านนี้เราขายตามอายุใช้งาน อะไรที่ถูกใช้มานานเราขายถูกแสนถูก เรื่องคุณภาพน่ะดูเอาเอง อย่างเจ้าหนุ่มเนี่ย ตาแหลมนัก ก็ได้ของดีไป”
เฮอร์มิสยิ้ม ในขณะที่ผู้เป็นแม่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ดาบได้แล้ว คทาก็ได้แล้ว ไปจ่ายเงินเหอะแม่ แล้วไปซื้อหนังสือจะได้รีบกลับ ต้องไปเตรียมของอีก พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้วด้วย” เฮอร์มิสกล่าวอย่างรีบร้อน
“จ้า ไป ๆ”
--------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น