ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Soulmate ปาฏิหาริย์รัก พิทักษ์โลก

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 โรงเรียนเวทมนตร์เทอร์แมน

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 48


    บทที่ 1 – โรงเรียนเวทมนตร์เทอร์แมน



    เฟอดินาน...



    ไม่...



    เฟอดินาน...น...น



    สิ้นเสียงร้องของตัวเอง เฮอร์มิสก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้น



    เด็กหนุ่มผมทอง ดวงตาสีฟ้าใสแวววาว หน้าตาผุดผ่องออกไปทางน่ารักมากกว่าหล่อ ตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ



    “ฝันบ้าอะไรกัน เสือกฝันเห็นผู้ชาย ชักจะบ้าแล้ว” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะกลับลงไปนอนต่อบนเตียงอันแสนนุ่ม แล้วก็ลืมซะสนิทว่าได้ฝันเห็นอะไรไป



    “เฮอร์มิส! ลูก เฮอร์มิส! ตื่น นี่มันวันสอบคัดเลือกนะลูก” สิ้นเสียงปุ๊บ เฮอร์มิสก็ตื่นปั๊บด้วยเสียงปลุกของผู้เป็นแม่



    ตอนนี้ เขาเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่านี่เป็นวันทดสอบคัดเลือกนักเรียนที่จะเข้าเรียน และยังเป็นวันแรกที่จะได้ย่างกรายเข้าไปในโรงเรียนเวทมนตร์เทอร์แมน โรงเรียนสอนเวทย์มนตร์ที่ดีที่สุดในโลก



    “โอ๊ย ไม่เอานะจะสายตั้งแต่วันแรกเลยเหรอ ทำไมแม่เพิ่งปลุกนะ” เฮอร์มิสเด็กหนุ่มอายุสิบห้าพูดขึ้น พลางทำท่าหงุดหงิดใส่แม่ของตน



    “ความผิดของลูกมาโทษแม่อีก รีบเตรียมตัวเข้าเหอะ” คนเป็นแม่พูดอย่างเริ่มมีอารมณ์



    ลูกชายตัวดีรีบกุลีกุจอแต่งตัว



    “ไปแล้วคร้าบ” เฮอร์มิสรีบวิ่งคว้าข้าวของแล้วรีบออกไปจากบ้านทันทีก่อนที่ปากเจ้ากรรมจะเริ่มต่อคำกับผู้เป็นแม่ให้ถูกว่าอีก



    “เด็กคนนี้นี่ จริง ๆ เลย น้ำข้าวก็ไม่กินวิ่งออกไปซะแล้ว” ผู้เป็นแม่พูดอย่างเหนื่อยใจ



    “ชักอยากได้ลูกสาวขึ้นมาตงิด ๆ แล้วสิ”



    แต่เมื่อลองคิดถึงลูกของตนในสภาพที่เป็นเด็กผู้หญิงขึ้นมา ผู้เป็นแม่ก็ถึงกับหลุดหัวเราะพรืดออกมา



    ‘เป็นผู้ชายก็ดีแล้วแหละ ถ้าเกิดมาเป็นผู้หญิง คงทำให้เสียชื่อตระกูลแน่ ๆ’ หล่อนคิดในใจ



    ไม่มีใครรู้เลยว่า วันนี้จะเป็นวันที่ความยุ่งยากจากในอดีตกาล กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง



    + + + +



    ณ บริเวณหน้าประตูของโรงเรียนเวทมนตร์อันเลื่องชื่อ บัดนี้ เต็มไปด้วยผู้คนมากมายแออัดยัดเยียดกันเพื่อจะผ่านประตูเข้าไปในโรงเรียน ประตูโรงเรียนที่ถ้าเวลาปกติมาดูแล้วใหญ่มาก แต่ตอนนี้กลับดูเล็กลงไปถนัดตา เฮอร์มิสเห็นแล้วรู้สึกเหนื่อยใจมาก



    ‘ร้อนก็ร้อน คนก็เยอะอึดอัดเว้ย’ เขาคิด



    ถ้าไม่ใช่เพราะความสวยงามของทิวทัศน์ของบริเวณโรงเรียนแล้วล่ะก็เขาคงเป็นลมไปแล้ว แค่บานประตูบานใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าโรงเรียนก็ยังถูกสลักด้วยลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตาเป็นรูปพระราชานั่งบัลลังก์มีพระราชินีเคียงกาย ขุนนางนั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ๆ มีเหล่าประชาชนคุกเข่าหมอบกราบอยู่ด้านหน้า ทางด้านท้ายสุดมีรูปเหล่าไพร่ทาสกำลังทำงานใช้แรงงานอยู่เบื้องหลัง เฮอร์มิสครุ่นคิดอยู่ว่าลายเหล่านี้หมายถึงอะไร ไม่ทันที่จะคิดออก ตัวของเขาก็หลุดผ่านประตูเข้าไปในโรงเรียนแล้ว



    ‘เฮ้อ! กว่าจะผ่านเข้ามาได้ ลำบากจริงแฮะ’ ในใจของเฮอร์มิสคิดพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เพื่อชมทิวทัศน์ข้างกาย



    ภายในบริเวณโรงเรียนมีต้นไม้มากมาย แลดูร่มรื่น ชวนให้รู้สึกสดชื่นหลังจากที่กำลังจะเป็นลมอยู่เมื่อครู่ ทางด้านขวาเป็นทะเลสาบใหญ่ ทางด้านซ้ายเป็นสนามกว้างไกล เห็นริมขอบสนามอยู่ลิบ ๆ ตรงกลางเป็นทางเดินนำไปยังหอประชุม ขณะที่   เฮอร์มิสกำลังชมวิวทิวทัศน์ไปเรื่อย เขาก็ได้พบเด็กหนุ่มผมดำขลับคนหนึ่ง ท่าทางจะเป็นรุ่นเดียวกัน หน้าตาค่อนข้างดี หน้าใส ดูอ่อนเยาว์ แต่มีรูปร่างสูงเพรียว



    เฮอร์มิสรู้สึกคุ้นหน้ากับเด็กหนุ่มคนนี้ รู้สึกถูกชะตามากอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกได้ขนาดนี้มาก่อน เขาคิดจะเดินเข้าไปทักด้วยแต่พอมีคนเดินตัดหน้า เด็กหนุ่มตัวสูงคนนั้นก็หายไป เฮอร์มิสจึงไม่ค่อยได้สนใจอะไร แล้วก็เดินตามทางต่อ มุ่งหน้าไปยังหอประชุมใหญ่ของโรงเรียนที่อยู่เบื้องหน้า



    ด้านหน้าหอประชุมใหญ่มีโต๊ะวางเรียงรายอยู่มากมาย มีคนที่เฮอร์มิสดูแล้วเดาออกว่าเป็นอาจารย์นั่งรอให้เด็กลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการคัดเลือกในหอประชุม หน้าโต๊ะนั้นมีเด็กเข้าแถวรอคิวลงทะเบียนกันยาวเหยียด ผู้คนนับพันคนยืนกันอยู่ ณ บริเวณหน้าหอประชุม



    เฮอร์มิสเริ่มตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความตื่นเต้น



    อื้อหือ คนเยอะขนาดนี้เชียว ใครผ่านการคัดเลือกเข้าไปได้ก็คงโก้น่าดูเลยแฮะ อย่างนี้ต้องตั้งใจกันหน่อยแล้ว



    เฮอร์มิสคิดอย่างฮึกเหิมอยู่ในใจ



    เฟี้ยว ๆ ๆ



    เสียงของอะไรบางอย่างแล่นผ่านสายลมไปเริ่มดังขึ้นมาจากทางด้านบน



    เสียงนั้นเรียกความสนใจให้เด็ก ๆ ทุกคนที่ยืนอยู่หน้าหอประชุมอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวของเฮอร์มิสเอง



    เสียงนั้นเกิดจากนักเรียนรุ่นพี่มากมายกำลังขี่ไม้กวาดลอยผ่านหัวของพวกเด็ก ๆ เข้าไปยังหอประชุมอย่างรวดเร็ว รุ่นพี่แต่ละคนอยู่ในชุดเครื่องแบบของโรงเรียน บางคนใส่ชุดสีต่างกัน แบ่งได้ทั้งหมดห้าสี มีสีทอง สีเงิน สีแดง สีขาว และสีดำ ชวนให้เฮอร์มิสคิดว่าแต่ละสีมันต่างกันยังไง แต่ตอนนี้เขารู้สึกอยากใส่เครื่องแบบสีทองมาก ๆ



    “ว้าว! เครื่องแบบนี่เยี่ยมชะมัดยาดเลย อยากใส่เร็ว ๆ จัง” เฮอร์มิสพูดออกมาอย่างลืมตัว



    “นายคิดว่าที่นี่เข้าง่ายอย่างนั้นเลยเหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังอย่างไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่



    เฮอร์มิสหันไปดูก็พบเจอเด็กหนุ่มใส่แว่นคนหนึ่ง ผมสีม่วงอ่อน ดวงตาสีม่วงแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์ ซึ่งบัดนี้ ดวงตาคู่นั้นกำลังมองดูตัวเขาอย่างเหยียด ๆ



    “ในจำนวนคนมากมายเหล่านี้ ต้องมีคนกว่าครึ่งจากไปในการทดสอบคัดเลือกในช่วงบ่ายวันนี้ อย่าเพิ่งคิดว่าจะได้เข้า” เด็กหนุ่มคนนั้นพูดต่อ



    ตอนนี้ เฮอร์มิสชักอึ้งกับวาจาของเด็กหนุ่มผู้นี้



    นี่หรือ คือคำพูดที่ใช้กับคนที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก ท่าทางหมอนี่ไม่น่าคบเอาซะเลย



    เฮอร์มิสคิด ในขณะที่ดวงตาสีฟ้าของเขาก็จ้องกลับไปหาเด็กหนุ่มเหมือนกัน



    ต้องตอกกลับสักหน่อยแล้ว



    “ถ้านายไม่มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นก็ไม่ต้องมาคัดเลือกดีกว่า” เขาย้อนกลับเสียงแข็ง



    “ฉันไม่ได้ไม่มั่นใจตัวเองหรอก” เด็กหนุ่มแปลกหน้าตอบกลับแล้วหยุดมองเฮอร์มิสอีกรอบ



    “ฉันไม่มั่นใจแทนนายมากกว่า ท่าทางไม่เอาอ่าว”



    พูดจบเด็กหนุ่มก็หัวเราะหึ ๆ เบา ๆ แล้วเดินไปหาแถวเพื่อเข้าคิว ทิ้งให้เฮอร์มิสอยู่กับอารมณ์หงุดหงิด



    ‘ยังไงก็ต้องผ่านเว้ย’ เขาคิด



    + + + +



    ภายในหอประชุมที่กว้างใหญ่แบ่งออกเป็นสองชั้น ชั้นล่างมีเก้าอี้เรียงกันเป็นแถว ๆ ด้านหน้ามีเวทีใหญ่อยู่ เป็นที่นั่งของเด็กที่จะรับการคัดเลือก ชั้นสองก็มีเก้าอี้เรียงกันเป็นแถว ๆ อยู่เหมือนชั้นล่างเป็นที่นั่งของพวกรุ่นพี่ แต่จะกินพื้นที่เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของชั้นล่าง ขอบกั้นที่นั่งชั้นบนตีวงโค้งตามโครงสร้างของห้องประชุม และที่นั่งชั้นบนนี้ แต่ละแถวจะสูงขึ้นไปเป็นลำดับเพื่อให้พวกที่นั่งทางด้านหลังสามารถมองเห็นเวทีที่อยู่ชั้นล่างได้



    ตอนนี้ ชั้นล่างก็เต็มไปด้วยเด็กที่รอการคัดเลือก และชั้นบนก็มีพวกรุ่นพี่นั่งอยู่ ซึ่งแบ่งที่นั่งออกเป็นห้าแถบตามสีของเครื่องแบบ

        

    เฮอร์มิสมองไปรอบ ๆ ก็พบว่า นอกจากประตูใหญ่ที่เขาเดินเข้ามาในห้องประชุมแล้ว ยังมีประตูเล็ก ๆ อยู่อีกห้าประตูรอบด้าน มีพวกรุ่นพี่ยืนประจำอยู่ประตูละสี



    เสียงพูดคุยกันดังจ้อกแจ้ก ราวกับนกกระจอกแตกรัง ไม่มีใครหยุด จนกระทั่งมีชายรูปร่างท้วม ผมสีน้ำตาล ใส่แว่น ดูมีอายุคนหนึ่ง เดินขึ้นมาบนเวที และกล่าวคำปราศรัย

      

    “ครูเป็นครูใหญ่ของที่นี่ชื่อ แบเร็ต เบลารุส” ชายผู้นั้นกล่าวแนะนำตัวเอง



    “ก่อนอื่นเลย ครูต้องขอให้ทุกคนเข้าใจไว้ว่า โรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงเรียนเวทมนตร์ที่ดีที่สุดในโลก ดังเช่นที่ทุกคนคงเคยได้ยินกันมาก่อนแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าใครได้รับเลือกให้เข้าเรียนอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว อย่าทำให้โรงเรียนนี้ต้องเสียชื่อเป็นอันขาด แต่ถ้าใครไม่ได้รับเลือกก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะที่โรงเรียนอื่นก็สามารถสร้างคนดีได้เหมือนกัน ฉะนั้นขอให้ทุกคนเตรียมใจไว้ก่อนด้วย” อาจารย์ใหญ่โรงเรียนเวทมนตร์ แบเร็ต พูดด้วยเสียงที่น่ายำเกรง



    “ผู้ก่อตั้งโรงเรียนนี้คือ ท่านมู้ดดี้ แห่งตระกูลเทอร์แมนผู้มีชื่อเสียงนับแต่อดีต เป็นนักพยากรณ์และนักเวทย์ที่มีคนนับหน้าถือตามาก ตามนโยบายของท่าน โรงเรียนของเราได้ถูกแบ่งออกเป็นสามระดับได้แก่ ระดับพื้นฐาน ระดับสูง และระดับผู้เชี่ยวชาญ โดยระดับพื้นฐานเรียนสองปี ระดับสูงเรียนสามปี และระดับผู้เชี่ยวชาญเรียนสองปี นักเรียนที่เรียนในรุ่นเดียวกันเราจะแบ่งหอพักกัน ซึ่งจะได้รู้ผลกันทันทีจากการทดสอบคัดเลือกเข้าเรียน ส่วนระดับผู้เชี่ยวชาญจะมีการแยกสายตามความถนัดซึ่งจะได้รู้กันอีกทีหลังจากที่พวกเธอได้ลองเรียนไปแล้วห้าปี”



    สิ้นเสียงของอาจารย์ใหญ่นักเรียนทุกคนก็เริ่มซุบซิบกัน แล้วอาจารย์ใหญ่ก็เริ่มพูดต่อ “หอพักมีห้าหอ จะแบ่งรับเด็กปีหนึ่งไปหอละหนึ่งร้อยยี่สิบคน แต่ละหอแบ่งออกเป็นสองเซคชั่น แต่ละเซคชั่นจะพักอยู่ด้วยกันเอง ห้องละสี่คน”



    เฮอร์มิสฟังก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วบ่นพึมพำขึ้นมา “ยุ่งยากจริง ไม่รู้จะแบ่งอะไรกันนักหนา แต่ละหอมันต่างกันยังไงนะ”



    “อ้าว! นายไม่รู้เลยเหรอว่าแต่ละหอต่างกันยังไง” เสียงดังขึ้นมาจากเด็กหนุ่มข้าง ๆ เฮอร์มิส ท่าทางเป็นคนฉลาดน่าคบ ผิวเกลี้ยงดูดี ผมสีแดงส้ม ดวงตาสีเขียวมรกตแสดงถึงความทรงภูมิ “ห้าหอ ประกอบด้วยหอพระราชา หอราชินี หอขุนนาง หอประชาชน และหอไพร่ทาส แต่ละหอจะมีจุดเด่นต่าง ๆ กันไป”



    เฮอร์มิสหันไปมองด้วยความแปลกใจ แล้วเด็กหนุ่มก็กล่าวแนะนำตัว “ฉันชื่อเกรกอรี่ ยินดีที่รู้จัก”



    เฮอร์มิสยังทำหน้าตาประหลาดใจอยู่ขณะที่แนะนำตัวกลับ “อื้อ ยินดีที่รู้จัก ฉันชื่อเฮอร์มิส”



    แล้วเขาก็เอ่ยถามเกรกอรี่ขึ้นมา “นายรู้ได้ไง?”



    “เฮ้ย! อย่าบอกนะว่านายไม่รู้อะไรเลย 15 ปีที่โตมานายเอาแต่ทำอะไรล่ะเนี่ย” เกรกอรี่ตอบ



    “อ้าว! เป็นเด็กก็ต้องเล่นสิ จะทำอะไร อย่าบอกนะว่านายมัวแต่มาศึกษาเรื่องพวกนี้เนี่ย” เฮอร์มิสถาม



    “มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นแค่ศึกษาข้อมูลนิดหน่อยก่อนเข้ามา ไม่ใช่เข้ามาแล้วไม่รู้อะไรเลย ขืนถูกทดสอบแล้วผลได้ไปอยู่หอไพร่ทาสน่ะซวยเลย” เกรกอรี่ตอบพร้อมทำสีหน้าแสดงอาการชัดเจน



    “หอไพร่ทาสทำไมเหรอ” เฮอร์มิสถามหน้าตาเหรอหรา



    “ไม่ดีขนาดนั้นเชียว”



    “ก็ไม่ใช่ไม่ดีอะไรหรอก แต่ว่าพวกหอนี้มีแต่พวกใช้กำลัง เข้าไปล่ะก็น่วมตายแน่ ๆ” เกรกอรี่พูดทำหน้าตาหวาด ๆ แล้วกลับมาพูดแบบธรรมดาต่อ



    “แต่ถ้าคนมีพรสวรรค์ดีก็คงไม่ถึงกับขนาดไปอยู่หอไพร่ทาสหรอก”



    “เฮอะ ๆ งั้นต้องตั้งใจสอบคัดเลือกหน่อยแล้วสิ” เฮอร์มิสหัวเราะทำหน้าเหยเก



    “อืม แล้วการสอบคัดเลือกนี่เค้าทำอะไรกันเหรอ รู้ไหม?” เฮอร์มิสถาม



    “เรื่องนี้เค้าไม่มีใครบอกกันตรง ๆ มาก่อนว่าการทดสอบเข้าคืออะไร ทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘การทดสอบคัดเลือกนี่สบายมาก ๆ ไม่ต้องเตรียมตัวหรอก ถ้ามันจะได้ ก็ได้เอง’ อย่างนี้แหละ” เกรกอรี่ตอบ



    “อย่างนั้นเหรอ” เฮอร์มิสตอบ ในใจพลางคิด



    ‘ถึงจะไม่ค่อยฉลาดเราว่าเราก็มีพรสวรรค์ น่าจะสอบเข้าได้แล้วอยู่สักหอขุนนางแหละ’



    “หวังว่าเราคงได้อยู่หอเดียวกันนะ เฮอร์มิส” เกรกอรี่ยิ้ม



    “ทำเป็นพูดดีกันไป ยังไม่ทันจะรู้ผลเลยว่าจะได้เรียนรึเปล่า นายอาจจะไม่ได้เข้าเรียนก็ได้นะ” เสียงไม่ค่อยเป็นมิตรที่เฮอร์มิสรู้สึกคุ้นหู กับคำพูดที่แทบจะเป็นประโยคเดิมเหมือนกับครั้งแรกที่เคยได้ยิน ดังขึ้นมาเบาๆ จากที่นั่งแถวหลังของเฮอร์มิส ทำให้เขาต้องหันไปดู



    ใช่จริง ๆ เจ้าเด็กหนุ่มคนที่จู่ ๆ โผล่มาดูถูกแล้วก็จากไปโดยไม่บอกชื่อเสียงเรียงนาม



    “นายอีกแล้วเหรอ พูดอย่างนี้เนี่ย อยากรู้จังว่าที่บ้านเคยสอนเรื่องมารยาทในการแรกพบกับคนอื่นไหม” เฮอร์มิสพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความรำคาญ



    “หรือที่บ้านนายสอนให้พูดดูถูกคนอื่นก่อนเมื่อแรกพบ แถมไม่แนะนำตัวเองด้วยซ้ำ ว่าคนอื่นเสร็จก็เดินหนีไป”



    เขาพูดเสร็จ เด็กหนุ่มประหลาดชักหน้าขึ้นสี แต่เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองผิดจึงไม่ได้ว่าอะไร



    “โอเค ฉันชื่ออัลรีย่า” เด็กหนุ่มแปลกหน้า ในที่สุดก็แนะนำตัวเองสักที



    พอเฮอร์มิสทำท่าจะแนะนำตัว อัลรีย่าก็พูดตัดขึ้นมาก่อน



    “ไม่ต้องแนะนำตัวหรอก ฉันว่านายคงไม่ได้เรียนกับฉันหรอก”



    เฮอร์มิสได้ยิน สมองอันหลักแหลมก็เห็นช่องทางที่จะหักหน้ากลับได้เลยรีบพูด “อ๋อ! เพราะนายจะสอบคัดเลือกไม่ผ่านใช่ไหมล่ะ”



    พออัลรีย่าทำท่าจะเถียงต่อ เกรกอรี่ที่ทนนั่งฟังอยู่นานก็พูดขึ้น



    “พอเถอะ ทั้งคู่นั่นแหละ โต ๆ กันแล้ว ทะเลาะกันเป็นเด็กไปได้”



    แล้วเกรกอรี่ก็หันไปทางอัลรีย่า



    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใคร แต่ถ้าจะมาหาเรื่องคนอื่นน่ะ ฉันว่านายเงียบไปดีกว่า”



    อัลรีย่าจึงเอนหลังกลับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ตามเดิมด้วยหน้าตาที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่



    “ขอบใจนะเกรกอรี่ ไอ้บ้านี่มันหาเรื่องฉันตั้งแต่ตอนรอเข้าแถวลงทะเบียนแล้ว ไม่คิดว่าจะมาเจอกันในนี้อีก” เฮอร์มิสกล่าวด้วยรอยยิ้ม



    “ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่าง ฉันไม่อยากนั่งฟังพวกนายทะเลาะกันน่ะ”



    เกรกอรี่พูดจบก็หันกลับไปฟังอาจารย์ใหญ่พูดต่อหน้าตาแสดงความเบื่อกับสงครามน้ำลายเมื่อครู่นิด ๆ



    เฮอร์มิสที่ไม่ได้สังเกตสีหน้าเพื่อนก็กลับไปนั่งเหมือนเดิม แล้วนึกอยู่ในใจ



    จะได้อยู่หอไหนกันน้า...



    + + + +



    เวลาบ่ายโมงหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายไปทานอาหารกลางวันเสร็จ ก็กลับมานั่งอยู่ในหอประชุมใหญ่แห่งเดิมของโรงเรียนเวทมนตร์ การสอบคัดเลือกกำลังจะเริ่มขึ้น



    “การสอบครั้งนี้เป็นการวัดความคิดอ่าน และระดับพรสวรรค์ของแต่ละคน ถึงจะได้หอไพร่ทาสก็ใช่ว่าชั่วชีวิตนี้จะได้ทำงานลำบาก ส่วนพวกที่ได้หอพระราชาก็อย่าทำเป็นเหลิง อย่าคิดว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จแล้วไม่ตั้งใจเรียนล่ะ อย่าลืมว่าหอพักไม่ใช่ตัวตัดสินความสำเร็จของคนนะ เพราะฉะนั้น ทุกคนทำใจให้สบาย ปล่อยความคิดให้เป็นอิสระ” อาจารย์ใหญ่  แบเร็ตกล่าวขึ้น



    เฮอร์มิสกลืนน้ำลายดังเอื้อก “เหอ ๆ มีการมาข่มขู่เด็กไว้ก่อนอีกเฟ้ย เป็นโรงเรียนที่ดีจริง ๆ” เขาบ่นพึมพำตามประสาคนปากดีอยู่ไม่สุข



    “กะแล้วว่าต้องเป็นนาย เจอทีไรเป็นต้องได้เห็นนายบ่นทุกทีสิน่า”



    เฮอร์มิสหันหลังไปทันทีที่ได้ยินเสียง ที่แท้เจ้าของเสียงก็คือเกรกอรี่นั่นเอง เจ้าตัวกำลังยืนยิ้มแฉ่งให้ นัยน์ตาสีเขียวจับจ้องมายังเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้า



    “นายจะบ่นไปทำไม ดู ๆ แล้วนายก็มีพรสวรรค์ไม่ใช่เล่น”



    “อ๊ะ! แน่นอน ดูออกด้วยเหรอเก่งนี่” เฮอร์มิสกล่าวยกยอตัวเอง



    “เฮ้ย! นายนี่ไม่มีการถ่อมตัวเลย นอกจากจะพูดมากแล้วยังจะบ้ายออีก” เกรกอรี่พูดขำ ๆ



    “น่าสนใจดีว่ะ”



    เฮอร์มิสยิ้มแล้วหันไปมองทางสนามอีกทีเพราะตอนนี้อาจารย์ใหญ่ได้กล่าวเริ่มการสอบแล้ว



    ตอนนี้ที่บนเวทีมีคทาทองคำอันหนึ่งวางไว้บนโต๊ะที่มีผ้าปูรองอย่างดี คทาอันนั้นดูแล้วรู้สึกเหมือนมีประกายแวบออกมาเป็นระยะ ทำให้รู้สึกถึงพลานุภาพของคทาว่าเป็นคทาที่วิเศษมากแน่ ๆ



    เฮอร์มิสสงสัยในตัวคทาว่ามันคือคทาอะไรเพราะเหตุว่าตอนที่อาจารย์ใหญ่อธิบาย เขากำลังคุยกับ เกรกอรี่อยู่ จึงหันไปคุยกับเด็กหนุ่มผู้รอบรู้อีกทีเพราะคิดว่าน่าจะรู้เรื่อง



    จริงอย่างที่คิดพอถามไปปุ๊บเกรกอรี่ก็ตอบกลับปั๊บ



    “คทานี้เป็นของท่านมู้ดดี้ เทอร์แมน ผู้ก่อตั้งโรงเรียนเวทมนตร์แห่งนี้และขังจอมเวทย์ปีศาจในตำนานไว้ รายละเอียดเราจะได้ศึกษากันในรายวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์อีกที”



    “หา! วิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ฟังดูน่าเบื่อชะมัดเลย” เฮอร์มิสตอบด้วยหน้าตาแสดงความเบื่อหน่ายอย่างชัดเจน แล้วเขาก็เกิดหยุดพูดทันควันเพราะขณะนี้บนเวทีมีสิ่งที่ทำให้เขาหยุดชะงักมองอย่างตาไม่กะพริบ



    เด็กหนุ่มร่างสูงคนที่เขาเห็นเมื่อตอนเดินเข้าในโรงเรียนน่ะเอง เขาพลาดที่จะได้ฟังชื่อของเด็กหนุ่มผู้นี้ ทำให้เขารู้สึกเสียดายขึ้นมา เขารู้สึกคุ้นหน้ากับเด็กคนนี้เหลือเกิน ยิ่งคิดเขาก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้



    ทันทีที่รู้สึกตัวเขาก็คิดในใจ ‘เฮ้ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย ผู้ชายนะเฟ้ย’



    “เป็นอะไรไปนั่งเงียบ จ้องไปบนเวทีตาไม่กะพริบเชียว” เสียงแซวดังมาจากเกรกอรี่  



    “แอ๊ะ! ชอบผู้ชายคนนั้นเหรอ เป็น...ป่าวเนี่ย”



    “เฮ้ย! บ้าแล้ว ก็แค่รู้สึกคุ้นหน้ามาก ๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเจอกันมาก่อนที่ไหนสักแห่ง” เฮอร์มิสรีบตอบทันควันเพื่อแก้ตัว



    “เออน่า ล้อเล่น”



    พอเกรกอรี่พูดจบ เด็กหนุ่มตัวสูงคนนั้นก็จับคทาแล้วหลับตาลง สักพักมือของเขาเริ่มขยับตามคทาวิเศษ เขียนเป็นตัวสีทองบนอากาศว่า KING SECT 1



    “ว้าว! ได้อยู่หอพระราชา เซคชั่น 1 ซะด้วย สุดยอด” เฮอร์มิสกล่าวทำหน้าตาประหลาดใจ



    “ไงล่ะ ! อยากอยู่กับเขาล่ะสิ” เกรกอรี่แซว



    “บ้าแล้ว” เฮอร์มิสกล่าวอย่างเริ่มฉุน



    “น่านะ! อย่าเพิ่งโมโหไป”



    เฮอร์มิสก็กำลังทำท่าแกล้งโมโหอยู่  แต่ในใจกำลังคิดว่าตนจะได้อยู่หอไหนนะ หรือว่าจะได้อยู่หอเดียวกับเด็กคนนั้น ถ้าได้ก็ดี จะได้รู้ไปซะเลยว่าคุ้นหน้าจากที่ไหนมาก่อนรึเปล่า



    “เฮอร์มิส การ์ตาร์”



    เสียงจากอาจารย์ใหญ่ดังขึ้นมา ทำให้เด็กหนุ่มที่ไม่ได้ตั้งใจฟังสะดุ้งเฮือกเมื่อตนโดนเรียกชื่อให้ขึ้นไปรับการทดสอบ



    “ขอให้โชคดีนะหวังว่าเราคงจะได้อยู่ด้วยกัน” เกรกอรี่พูดก่อนที่เฮอร์มิสจะเดินออกไปขึ้นเวที



    เฮอร์มิสรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นรัวและแรง ขณะที่เดินไป เขาก็คิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวว่า



    หอพระราชา เซคชั่น 1, หอพระราชา เซคชั่น 1



    เขาไม่สามารถหยุดความคิดของเขาได้



    ปั้ง!!



    เพราะความฟุ้งซ่านทำให้เฮอร์มิสเดินสะดุดบันไดเวทีเสียงดัง ทันทีที่ล้มลงไปกองกับพื้นบนเวที ทุกคนในห้องประชุมก็หัวเราะเสียงดัง ขนาดพวกรุ่นพี่ที่ยืนประจำอยู่ที่ประตูยังหันกลับมาดูเจ้าเด็กที่ซุ่มซ่ามมาก ถึงขนาดกับเดินสะดุดบันไดเวทีล้มลงไปกองกับพื้น



    เพราะเหตุการณ์ซุ่มซ่ามนี้จึงทำให้เฮอร์มิสหยุดคิดมากได้ เขาเดินต่อไปยังกลางเวที สงบจิตใจ หลับตาลง แล้วก็เริ่มจับคทาขึ้นมา...



    แว่บ!



    เขารู้สึกเหมือนมีภาพเหตุการณ์หลายๆ อย่างดำเนินผ่านเข้ามาในห้วงแห่งความคิดของเขา มันรวดเร็วมากจนจับความคิดไม่ทันว่าสิ่งตนกำลังเห็นอยู่คืออะไร แต่เขาก็รู้สึกว่าภาพเหล่านั้นคุ้นตาเหลือเกิน เด็กสาวหน้าตาสะสวยผมยาวหยิกเป็นลอน... เด็กหนุ่มผมดำหน้าตาดี...



    คุ้นเหลือเกิน เคยเห็นจากที่ไหนกัน



    เฮอร์มิสกำลังตกในห้วงความคิด



    ฉับพลันภาพเหล่านั้นก็หายไป เหลือไว้ก็แต่ความมืดมิด



    เขารู้สึกถึงแรงบางอย่างในมือ คทานั่นเอง มันเริ่มจะขยับแล้ว เขาจึงรู้สึกตัวว่ากำลังอยู่ในขณะทดสอบอยู่  



    เฮอร์มิสจึงรีบตั้งความคิดว่า ‘หอพระราชา... หอพระราชา...’



    คทาเริ่มเขียนแล้วตัวอักษรสีทองเริ่มออกมาเป็นตัวๆ



    K… I… N… G ได้หอพระราชาด้วย จะได้ไขปริศนาของชายคนนั้นสักที



    เฮอร์มิสคิด แต่แล้วเลขของเซคชั่นกลับไม่ใช่ตัวที่เขาคิดไว้



    KING SECT 2



    ‘อ้าว! คนละเซคชั่นกัน โธ่! ห้องพักคนละห้องกันชัวร์ ๆ แล้วอย่างนี้จะไขข้อข้องใจของเราได้ไหมเนี่ย’ เฮอร์มิสนึกเสียดาย



    แล้วรุ่นพี่ในชุดสีทองก็เดินมาหาเฮอร์มิส นำทางเขาออกไปทางประตูที่มีรุ่นพี่ในชุดสีทองยืนเฝ้าอยู่



    ‘ได้ใส่แล้วเครื่องแบบสีทองที่ใฝ่ฝัน’ เขาคิดอย่างดีใจ ‘โธ่เอ๊ย! ทดสอบแค่นี้ ไม่รู้ว่าเกรกอรี่มันจะหาข้อมูลทำไม แต่อย่างที่บอกจริงๆ จะได้ก็ได้เอง ไม่น่าคิดมากเลย’



    ขณะที่กำลังจะผ่านประตูออกไป นัยน์ตาสีฟ้าของเฮอร์มิสก็ไปสบกับนัยน์ตาสีเหลืองทองของรุ่นพี่คนหนึ่ง สีตาของรุ่นพี่คนนี้เข้ากับชุดเครื่องแบบมาก ผมของเขาก็เป็นสีบลอนด์สลวย ผิวขาว หน้าตาคมคาย เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบจริง ๆ



    “ยินดีต้อนรับสู่หอพระราชานะ” พี่คนที่เขากำลังจ้องตาอยู่พูดขึ้น



    “ครับ” เขาตอบรับอย่างภาคภูมิใจ



    “อ้อ เดินระวังด้วยนะเฮอร์มิสเดี๋ยวสะดุด” พี่คนนั้นแหย่เล่นขำ ๆ



    เพราะคำพูดนี้เล่นเอาเฮอร์มิสเกือบสะดุดอีกที ไม่คิดว่าจะโดนแหย่เอา



    เจ้าคนซุ่มซ่ามจึงยิ้มแหยๆรับ “ไม่น่าคิดฟุ้งซ่านเลยตู”  



    + + + +



    “ท่านครับ มาแล้วครับ”



    “หืม! มาถึงกันแล้วเหรอ”



    “ครับ รู้สึกว่าจะมากันทั้งหมดเลยครับ”



    “ได้เวลาตัดสินชะตาของโลกนี้แล้วสินะ ตำนานแห่งความมืดจะต้องไม่มีทางหวนกลับมาอีกเป็นครั้งที่สอง”



    ---------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×